"ตอนนี้เริ่มทยอยส่งต่อธุรกิจสู่ทายาทรุ่นที่ 2 บ้างแล้ว"
ประโยคเพียงสั้น ๆ ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี มังกรแห่งสยามผู้กุมอาณาจักรทางธุรกิจนับแสนล้าน ในงานแจกผ้าห่มประจำปีของบริษัทไทยเบฟเวอเรจเป็นปีที่ 13 นำมาซึ่งการเล่าเรื่องของหลังบ้านผู้กุมหัวใจมังกรผู้นี้
เธอคือสตรีผู้ยืนเคียงข้างเจ้าสัว
"คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี"
หงส์ที่สามารถกุมหัวใจมังกร และอยู่เบื้องหลังเรื่องราวการส่งไม้ต่อทางธุรกิจเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชาเขียว น้ำอัดลม ใต้ร่มเงาของไทยเบฟเวอเรจที่มีรายได้กว่า 130,000 ล้านบาทต่อปี
และอีกหลายธุรกิจทั้งอสังหาริมทรัพย์ โครงการที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ ธนาคาร ธุรกิจน้ำตาล กระดาษ และธุรกิจเกษตร ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่รากหญ้าจนถึงไฮเอนด์
เธอผู้ทำให้การส่งต่อทางธุรกิจเป็นไปอย่าง "สมบูรณ์แบบ"
แม้เจ้าสัวเจริญจะเคยออกปาก เริ่มให้เจเนอเรชั่นที่ 2 มารับช่วงต่อ แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่า เจ้าสัวยังทุ่มเทกับการทำงานเสมอ
คุณหญิงวรรณาเรียกแทนตัวเองว่า "วรรณา" อย่างไม่ถือตัว และเล่าเรื่องราวด้วยรอยยิ้ม ซึ่งแม้ตำแหน่งทางธุรกิจจะมีชื่อนั่งเป็นรองประธานกรรมการบริษัทไทยเบฟฯ แต่ในบ้านสิริวัฒนภักดี เธออยู่ในฐานะ "ประธานใหญ่"
"เมื่อก่อนใครเอาเอกสารไปให้คุณเจริญเซ็น ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย คุณเจริญก็เซ็นทันที แต่นั่นเป็นขั้นตอนที่ผิด เพราะจริง ๆ ต้องตามกระบวนการพิจารณาของบริษัท ซึ่งหนุ่ม (ฐาปน) เป็นคนมีระเบียบ พอเห็นว่าคุณพ่ออนุมัติไปแล้ว เขาก็จะถามคุณพ่อเขาว่า แล้วจะให้หนุ่มทำอะไร"
คำถามนี้ทำให้เจ้าสัวแอบน้อยใจ จนต้องนำความมาปรึกษา
"คุณเจริญมาเล่าให้วรรณาฟังและบ่นว่า นี่เขาไม่มีสิทธิ์อะไรแล้วหรือ" วันนั้นจึงตัดสินใจพูดกับสามี โดยเข้าใจทั้งลูก และเข้าใจทั้งเจ้าสัว ผู้ที่สร้างธุรกิจมาด้วยความยากลำบาก
"วรรณาบอกคุณเจริญ ก็ถูกของหนุ่มเขานะ คนเราต้องรู้ขั้นตอน เพราะตามนิสัยแล้ว จริง ๆ คุณเจริญเป็นคนง่าย ๆ ถ้าอะไรเรียบร้อยก็โอเค"
เมื่อสามีเข้าใจ ระยะหลังเจ้าสัวจึงค่อย ๆ วางมือและเริ่มปล่อยให้ "ฐาปน" ลูกชายคนโต ในฐานะกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ดูแลกิจการอย่างจริงจัง
ถามว่า วันนี้คุณเจริญ ทำงานน้อยลงหรือไม่
คุณหญิงวรรณายิ้มแล้วตอบว่า "ไม่เลย"
"ตอนนี้เขาให้หนุ่มรับผิดชอบไทยเบฟฯไป ลูก ๆ ก็มาทำธุรกิจกันหมดแล้ว ส่วนคุณเจริญก็ไปหาอย่างอื่นทำ ตอนนี้หันไปทำเรื่องเกษตร มีที่ดินว่างก็ไปทำให้เกิดประโยชน์"
ความเป็นคนไม่อยู่เฉย ทำให้ไม่น่าแปลกใจถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรทางธุรกิจที่เขาสั่งสม ทั้งค้าปลีก โรงแรม สำนักงาน รวมถึงกำลังจะมุ่งไปสู่ด้านเกษตร
ประธานใหญ่แห่งบ้านสิริวัฒนภักดียังคงเล่าต่อว่า ตอนปล่อยให้คุณหนุ่มดูแลธุรกิจ เหมือนเป็นการปล่อยเลย ซึ่งในฐานะแม่เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะห่วง จึงแอบกระซิบบอกสามีให้คอยดูอยู่ห่าง ๆ ด้วย
"วรรณาบอกกับเขา จริง ๆ ยังมีอะไรที่คุณต้องเอาใจใส่อีก คุณปล่อยเลยไม่ได้นะ คุณต้องดูบ้าง เพราะถ้ากิจการไม่เติบโต ลูก ๆ จะว่าได้ว่า พ่อไม่ได้ดูแล"
หลังจากนั้นเจ้าสัวเจริญ จึงไปพูดคุยกับลูกชายในฐานะพ่อผู้ห่วงใย
"เขาพูดกับลูก ...กว่าจะทำได้ถึงวันนี้ หนุ่มต้องรู้นะ พ่อลำบากมาก พ่อจะไม่ยอมให้กิจการเติบโตน้อยลง เพราะฉะนั้นพ่อจะไม่ยอมให้เจ๊ง พ่อพูดให้คิดและนำไปปฏิบัติ ไว้วันหลังเป็นเงินของหนุ่มแล้ว หนุ่มค่อยทำตามใจ ถ้าพ่อทิ้งไปแล้วกิจการไม่ดี หนุ่มจะว่าพ่อได้"
นอกจากเป็นผู้สานสายใยแล้ว คุณหญิงวรรณายังรับหน้าที่สร้างบุญกุศล จนเจ้าสัวกลายเป็นมหาเศรษฐีที่รวยทั้งเงิน ทั้งความสุข อีกทั้งยังร่ำรวยความดี
โดยเดินตามรอยปณิธานของสามี... ธุรกิจที่ผมดำเนินการอยู่ ต้องมีส่วนร่วมในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ มีความรับผิดชอบต่อสังคม และครอบครัว ดังเช่นพลเมืองที่ดีคนหนึ่ง
พลเมืองดีผู้ใจบุญสองคน จึงจับมือกันไปทำความดีมาแล้วนับไม่ถ้วน
ไม่เพียงแจกผ้าห่มต้านภัยหนาว แต่ยังนำส่วนหนึ่งแห่งดอกผลทางธุรกิจมูลค่ามหาศาลกลับคืนสู่สังคมในรูปแบบต่าง ๆ
"คุณเจริญเป็นคนหาเงิน ส่วนเราใช้เงิน (ยิ้ม) ดูอย่างโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ จากที่คิดไว้ 600 ล้านบาท กลายเป็น 1,500 ล้านบาท และ 2,400 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขยังไม่จบ (ยิ้ม) กลับบ้านก็ไปบอกเขาว่า
ไม่ใช่ 600 ล้านบาทแล้วนะ เขาก็บอก คุณทำไปเถอะ แล้วผมจะหาเงินมาให้ เวลาคุยให้ลูกฟัง ลูกจะได้มีความรู้สึกดีที่เราได้ช่วยคน อะไรทำได้ก็ให้ทำไป ไม่ต้องรออนุมัติ ซึ่งจริง ๆ วรรณาเซ็นเอง (หัวเราะ)"
หลังบ้านคนนี้จึงไม่เคยละทิ้งการทำความดี เหมือนที่สามียึดคติในการสร้างธุรกิจที่ว่า เมื่อรากฐานแข็งแรงแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะหยุดยั้งการเติบโต ความดีก็เช่นกัน เธอเชื่อเช่นนั้น และต้องทำด้วยความยินดีของผู้หาเงินและผู้ใช้เงิน
"ถ้าเขาไม่ยินดี เราทำไปก็ไม่สบายใจ ความดีต้องทำพร้อมกัน จะได้ทั้งครอบครัว นอกจากนี้เรายังทำตามพระราชดำริของในหลวงที่ว่า ถ้าเราสามารถแบ่งปันคนอื่นได้ก็ควรทำ ที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจไม่ดี เราจึงผ่านมาได้"
มุมคิดของหลังบ้านเจ้าสัว ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนนักธุรกิจที่ต้องการมีอาณาจักรใหญ่โต เธอมองเพียงแค่ความสุขจากภายใน ของสมาชิก "สิริวัฒนภักดี" ทุกคน
"เราโชคดีที่ยังมีบ้านสวย ๆ อยู่ ยังมีสุขภาพแข็งแรง ลูกก็แข็งแรง หลานก็แข็งแรง (ยิ้ม)"
คุณหญิงวรรณาเล่าด้วยความสุข ก่อนทิ้งท้ายเรื่องราวของเจ้าสัวให้ฟังอีกว่า
"คุณเจริญเคยถาม เงินที่เหลือจะเอาไปทำอะไรดี วรรณาก็เลยบอกไป ถ้าคุณพูดจริง คุณออกไปกับฉันทุกจังหวัด ไปช่วยกันทำเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับการศึกษา และการรักษาคนกันเถอะ"
ขอบคุณ
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ