|
ผลงานแรกในชีวิต..ที่ผ่านมาตรฐานสำนักพิมพ์
ซุ่มเขียนเขียนวรรณกรรมเยาวชน จบไปหนึ่งเรื่อง ชื่อ..ลูกแม่มูล.. เป็นเรื่องราวชีวิตในวัยเยาว์ ตั้งสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่ขณะที่เขียนนั้น เหมือนเรื่องราวเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน ทำให้..คิดถึงเพื่อนๆ คิดถึงบรรยากาศบ้านเกิด คิดถึงทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ลองส่งไปประกวด..รางวัลนายอินทร์อะวอร์ด... ผลปรากฏว่า...ผ่านรอบคัดเลือก..ระหว่างนี้รอการตัดสินรางวัลชนะเลิศ
คงรู้ข่าวในเร็วๆ นี
งานเขียนเป็นงานที่หินเอาการ แต่เมื่อตั้งใจเขียนจนจบ ผลที่ได้..ก็ชื่นฉำใจจนเหลือจะกล่าว
เพราะ..เป็นผลงานแรก และเล่มแรกในชีวิต...
อย่าลืม..ถ้าผ่านแผงหนังสือ กรุณาชายตาดูสักนิดนะครับ
..ลูกแม่มูล..โดย...รณบุตร
Create Date : 07 พฤษภาคม 2554 | | |
Last Update : 7 พฤษภาคม 2554 11:09:31 น. |
Counter : 944 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นิราศเวียงพิงค์ ตอนจบ ฝากคำร่ำลากัลยาณมิตร

....มาเวียงพิงค์ได้น้ำใจชาวเพียงพิงค์...............................ที่เคยกริ่งเคยเกรงพลันสิ้นสูญ
เพราะเจ้าถิ่นได้ต้อนรับพร้อมเกื้อกูล................................ทั้งเพิ่มพูนอาหารเลี้ยงข้าวปลา
แม่เลี้ยงสาวสามีเป็นหัวหน้าหน่วยฯ................................จึงได้ช่วยเจียดที่พักไร้ห่วงหา
บนยอดเขาสงบเงียบสุขอุรา............................................ศูนย์ควบคุมไฟป่าในภาคเหนือ
มีน้ำใจให้ที่พักยังไม่พอ...................................................เปิดตู้เย็นเบียร์แช่รอโอ..เหลือเชื่อ
เจ้าภาพท่านเทน้ำใจอารีเอื้อ...........................................สุขล้นเหลือเมื่อได้มาเยี่ยมยล
ทุกทุกคนสดชื่นและเอิบอิ่ม.............................................หน้าเปื้อนยิ้มไร้ริ้วรอยความหมองหม่น
ตกย่ำค่ำยังพาทุกทุกคน.................................................ไปเวียนวนหาร้านทานข้าวปลา
พาเข้าร้านบุปเฟ่ต์ชาวเวียดนาม......................................กินได้ตามสบายทั้งหรูหรา
แค่คนละหกสิบเก้าคือราคา............................................ใครตักมาแล้วกินเหลือต้องปรับกัน
ร้อยเก้าเก้าปรับคนกินไม่หมด.........................................ฉันต้องก้มหน้าซดไม่หุนหัน
ถึงแม้พุงจะแน่นก็ชั่งมัน..................................................ด้วยนึกหวั่นไม่อยากเสียค่าปรับไป
เฝ้าตักเล็มฝืนกินจนเกลี้ยงจาน.......................................ทรมานจนสุดจะทนไหว
เพราะล่อเบียร์เข้าไปก่อนแล้วไง......................................อืดแค่ไหนก็จำใจต้องฝืนกิน
เกิดต้องเสียค่าปรับร้อยเก้าเก้า........................................แม่ขมองอิ่มน้องเจ้าคงติฉิน
ทำแกล้งเฉยวางมาดค่อยค่อยกิน.....................................แท้พุงแน่นแทบปลิ้นจนอยากตาย
เมื่อหมดจานหายใจได้โล่งอก...........................................เหมือนจับยกภูเขาทุกข์เหือดหาย
จำบทเรียนบอกตัวเองต่อนี้ไป...........................................เข้าร้านไหนต้องมองป้ายให้ดีดี
หนึ่งเป็นคนต้องหูไวตาไว.................................................เพื่อการกินเราจะได้รสสุขี
แบบต้องฝืนกินให้หมดเหมือนคราวนี้................................โอ้..ชาตินี้อย่าได้เจออีกเลยเชียว...
....หวนรำลึกถึงที่พักดับไฟป่า...........................................ในอุรากลุ้มจิตคิดห่อเหี่ยว
ห้าหกวันที่ดั้นด้นชวนกันเที่ยว...........................................ถึงพรุ่งนี้คงเปล่าเปลี่ยวเมื่อลากัน
เป็นธรรมดาไม่มีงานเลี้ยงใด.............................................ที่จะไม่มีเลิกราพาสุขสันต์
เมื่อมีพบต้องมีจากเข้าสักวัน............................................อดรู้สึกไหวหวั่นใกล้วันลา
ค่ำคืนนี้จึงเป็นคืนสุดท้าย..................................................คืนที่มีความหมายให้ห่วงหา
พรุ่งนี้เช้าเราต้องโบกมือลา...............................................ขอเก็บสิ่งที่มีค่าติดตัวไป
เก็บน้ำใจเก็บไมตรีของพี่เพื่อน..........................................กี่ปีเดือนคงเวียนมาพบกันใหม่
อีกไม่นานคงได้ชวนกันท่องไป............................................ขอลาไกล..เวียงพิงค์..ตรงนี้เอย.....๐
ขอฝากคำร่ำลากัลยาณมิตร
...เล่านิราศเวียงพิงค์กับมิ่งมิตร...........................................ได้ใกล้ชิดสนิทใจชวนใฝ่หา
เกือบอาทิตย์สุขซึ้งใจในอุรา................................................วันเวลามีกำหนดต้องจากกัน
ทั้งเที่ยวท่องเก็บตกนำมาแต่ง.............................................อยากจะแบ่งสิ่งในใจให้สุขสันต์
ทั้งพี่เพื่อนจงมีสุขทุกคืนวัน.................................................เราจากกันแต่เพียงกายใจมั่นคง
แต่งนิราศเก็บตกมาหมดแล้ว..............................................หัวใจแป้วเมื่อต้องจบหวั่นลืมหลง
เก็บไม่หมดเก็บไม่ถูกอาจงวยงง..........................................อย่าพะวงจับผิดฉันนะเอย
...คิดเสียว่านำมาเล่าสนุก..................................................เพื่อความสุขให้คิดหวนชวนเฉลย
จะแหย่บ้างก็อย่าว่ากันเลย................................................หากเปรียบเปรยไม่ถูกใจอภัยกัน
มาบัดนี้เรื่องนิราศจบลงแล้ว..............................................สุขเพริศแพร้วพบกันใหม่ตามใจฝัน
ขอมิ่งมิตรเป็นสุขทุกคืนวัน.................................................ความผูกพันไม่เหือดหายจากห้วงใจ
มีอะไรจะนำมาเล่าไขขาน..................................................เพื่อสื่อสารถึงเพื่อนพี่ไม่ไปไหน
เล่าเป็นกลอนให้อ่านเล่นจดจำไว้........................................หวังให้ใจเรากลมเกลียวเหนี่ยวสัมพันธ์
ถ้าวันไหนไม่ได้มาอย่าว่ากล่าว...........................................มีเรื่องราวให้เที่ยวจรใช่แปรผัน
ไปทอดแหหาปลาเข้าป่ากัน................................................ทางที่ฝันอิสระแห่งเสรี
...แต่ไปแล้วก็หาใช่จะไปลับ...............................................ใจคอยนับวันเวลาหาน้องพี่
ถึงเวลาจะต้องมาหาคนดี...................................................มารอรับไมตรีที่ทักทาย
เพื่อนหลายคนห่วงฉันเรื่องกินเหล้า.....................................ฉันก็จะกินเบาเบา ไม่เสียหาย
จะกินแค่แก้วเดียวไม่มากมาย.............................................แต่ตอนรินแจกจ่ายอาจหลายที
...โอ๊ะ..ฉันพูดเย้าหยอกหรอกเพื่อนเอ๋ย...............................ฉันไม่เคยเมามายให้เสื่อมศรี
ซาบซึ้งใจในความรักและหวังดี...........................................มิตรไมตรีที่ให้มาลืมไม่ลง
จะจดจำคำพี่เพื่อนที่เตือนจิต.............................................เก็บไว้จำนำมาคิดไม่ลืมหลง
จะกี่วันกี่เดือนยังมั่งคง.......................................................รักยืนยงแด่พี่เพื่อนนานเท่านาน
ทั้งคนอ่านขอยกมือขึ้นนอบนบ...........................................แล้วคอยพบกันใหม่เพื่อขับขาน
ครูเออร์ลี่ใช้ชีวีให้สราญ.....................................................ตรากตรำงานมานานนักขอพักเอย...๐

...เจ้าภาพท่านเทน้ำใจอารีเอื้อ สุขล้นเหลือเมื่อได้มาเยี่ยมยล...

...ขอลาไกลเวียงพิงค์ตรงนี้เอย...
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2553 | | |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2553 10:50:33 น. |
Counter : 598 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นิราศเวียงพิงค์ ตอนที่ ๑๒ (เจอะสาวดอยที่ดอยอินทนนท์จ้า)
 
....เผลอแป๊บเดียวถึงอำเภอจอมทอง..................................เพื่อนทั้งผองยังสรวลเสไม่เหือดหาย
ได้ที่พักดับไฟป่าสุขใจกาย................................................บารมีพ่อยอดชายครูกีร์เรา
ถึงที่พักต้องบอกว่า..โอ้..สุดยอด........................................หลังบ้านพักสายธารลอดจากขุนเขา
กระแสน้ำไหลเย็นไม่สร่างเซา............................................คลายความเศร้าเหงาใจในทันที
เสียงสายธารไหลสาดกระเซ็นซ่าน.....................................อุราพล่านคิดถึงยอดยาหยี
ถ้ามีเธออยู่เคียงใกล้ในคืนนี้..............................................ดวงฤดีคงสุขสมหาใดปาน
จะชี้ชวนนอนฟังเสียงน้ำไหล............................................จะกล่อมใจด้วยบทกลอนอ้อนขับขาน
จะจูงมือเล่นน้ำให้สำราญ................................................คงชื่นบานถ้าสองเราอยู่ด้วยกัน
แต่ฉับพลันฉันก็ต้องร้องสะดุ้ง...........................................พี่เถียรพุ่งแก้วเหล้าชวนสุขสันต์
อย่ามัวซึมอย่ามัวเศร้าชนแก้วกัน......................................ฉันไม่หวั่นดวลกับพี่ซี้ต่างวัย
............ดอยแห่งนี้ชื่อว่าดอยอินทนนท์.............................ที่มากมนต์เสน่หาพาหลงใหล
เป็นยอดดอยสูงที่สุดในเมืองไทย......................................มีความหนาวจับหัวใจกว่าทุกดอย
เป็นที่มีน้ำค้างเกิดเหมยขาบ............................................เป็นดอยอาบเมฆหมอกสูงสุดสอย
เป็นดอยที่สูงกว่าเมฆที่ล่องลอย.......................................มั่นคงคอยนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม
มาครั้งนี้แค่สิบองศากว่า..................................................เหมยขาบจึงไม่มาให้ยลโฉม
แม่คะนิ้งก็ไม่มาปลอบประโลม.........................................เพราะอากาศที่จู่โจมไม่หนาวพอ
....จากอินทนนท์ด้นไปธาตุจอมทอง..................................อร่ามเหลืองเรืองรองสวยจริงหนอ
เป็นพระธาตุคู่ขวัญยอดชูช่อ.............................................ประกายทอแสงเจิดจ้าคู่ฟ้าดิน
พระธาตุหนึ่งคู่บารมีของพ่อหลวง......................................เป็นศูนย์รวมดวงใจไทยทั่วทุกถิ่น
อีกองค์หนึ่งคู่บารมีแม่แผ่นดิน...........................................ทั่วธรณินเทิดไท้คู่ราชัน
มองพระธาตุความรักชาติก็เดือดพล่าน..............................สององค์ท่านทนเหนื่อยยากสู้พลิกผัน
พลิกชีวิตคิดพอเพียงเนิ่นนานวัน.......................................แต่คนไทยกลับฆ่าฟันบั่นกันเอง
ไม่ดูพ่อไม่ดูแม่เป็นตัวอย่าง..............................................ลับลวงพรางชิงไหวพริบเข้าข่มเหง
ถ้าชาวไทยหันมาฆ่ากันเอง..............................................จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง *
.... บนพระธาตุมีบันไดเลื่อนขึ้นให้....................................ยามขึ้นไปไม่ต้องเหนื่อยระวังหลัง
ยืนเฉยเฉยก็ลอยไปสบายจัง............................................แต่ขาลงต้องระวังเพราะต้องเดิน
ขึ้นสูงสุดไปเดินรอบองค์พระธาตุ......................................แสนประหลาดเหมือนตัวเราได้เหาะเหิร
เพราะมีเมฆมาโอบอุ้มแสนเพลิดเพลิน.............................ยามเมฆลอยพัดเผชิญต้องตัวเรา
อดไม่ได้ต้องกางแขนโอบกอดเมฆ....................................ดั่งเทวามาสรรค์เสกคู่สองเจ้า
ดั่งล่องลอยบนสวรรค์ชั้นบางเบา......................................พลันก็คิดถึงน้องเจ้ายอดดวงใจ
พี่กอดเมฆใจก็ลอยคิดกอดน้อง........................................ถ้าเราสองมาด้วยกันคงสดใส
เจ้าไม่มาจึงกอดเมฆแทนทรามวัย....................................บอกรักไปฝากกับเมฆส่งถึงนาง
เมฆจ๋าเมฆนำรักข้าส่งนางด้วย........................................น้องคนสวยจงพบสุขอย่าหม่นหมาง
นำรักข้าล่องลอยมอบให้นาง..........................................อกอ้างว้างต้องกอดเมฆแทนทรามวัย
ได้เวลาลาพระธาตุสองคู่ขวัญ..........................................ยกขบวนขึ้นรถตู้ดูสดใส
ได้กอดจูบเมฆก็มีกำลังใจ.................................................ขบวนทัวร์เคลื่อนไปใจอิ่มบุญ
....ครู่หนึ่งถึงตลาดของชาวเขา..........................................มีสินค้ามายั่วเย้าให้อุดหนุน
ทั้งพืชผักผลไม้ให้เจือจุน..................................................สนองคุณความต้องการคนผ่านทาง
เห็นแม่ค้าสาวดอยวัยกระเตาะ.........................................ยามหัวเราะดูน่ารักก็เต้นผาง
เรียกอู้ดดี้มานี่เร้ว..รีบเยื้องย่าง........................................ช่วยถ่ายรูปคู่กับนางหน่อยซิเกลอ
เธอแต่งตัวกระตุ้งกระติ้งดูน่ารัก.......................................มีลูกปัดถักทอห้อยล้นเกร่อ
ทั้งเสื้อผ้าก็แวววาวไม่เคยเจอ..........................................โก๋แก่จึงรีบเสนออย่าว่ากัน
*(รศ.นภาลัย สุวรรณธาดา)

ถึงที่พักต้องบอกว่า..โอ้สุดยอด หลังบ้านพักสายธารลอดจากขุนเขา

ได้ที่พักดับไฟป่าสุขใจกาย บารมีพ่อยอดชายครูกีร์เรา
Create Date : 30 ตุลาคม 2553 | | |
Last Update : 30 ตุลาคม 2553 7:21:47 น. |
Counter : 738 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นิราศเวียงพิงค์ ตอนที่ ๑๑ (ความรักของหินผา)
....ผ่านอำเภอขุนยวมแม่ลาน้อย......................................รถเคลื่อนคล้อยต่อไปใจสุขี
เสียงหัวเราะพูดหยอกเย้าเร้าฤดี......................................ทุกคนมีแต่ความสุขแทบล้นทรวง
ใครมีมุกมีคำถามนำมาอวด............................................สร้างสัมพันธ์ให้ยิ่งยวดไม่ห่วงหวง
เหมือนทุกคนเปิดใจรักไม่หลอกลวง.................................เราทั้งปวงเปี่ยมด้วยรักถักไมตรี
ถึงอำเภอแม่สะเรียงเรียงร้อยฝัน......................................คิดถึงวันร้องเพลงหนึ่งซึ้งสุขศรี
เรียมยินเสียงแม่สะเรียงร้องเรียกนี้...................................สุขฤดีกับท่อนจบ..ห่วงครูเยาว
....แล้วแวะชมความงามถ้ำแก้วโกมล..............................ใครได้ยลต้องอุทานความงามเจ้า
แก้วผลึกใสงามประหลาดอยู่นานเนาว์.............................ดั่งเกล็ดเพชรมายวนเย้าพร่างพราวตา
มีหลากสีหลากรูปหลายร้อยแบบ.....................................เหมือนเกล็ดเพชรมาอิงแอบแนบภูผา
แต่มีกฎการเยี่ยมชมเป็นกติกา.........................................อย่านำกล้องถ่ายหินผาแต่อย่างใด
เพราะจะทำให้หินแก้วนั้นหมองเศร้า.................................ประกายแสงจับเข้าก็หมองไหม้
เกิดเป็นสีดำคล้ำไม่ยองใย................................................หินก็ไร้ราศีที่ควรชม
เหมือนแก้มสาวถ้าเกิดเจ้าไม่แหนหวง...............................ให้หนุ่มล่วงดอมสัมผัสจนสุขสม
แก้มของสาวก็ไร้ค่าอ่าภิรมย์.............................................ทุกข์ระทมไร้ค่าราคีคาว
....จากหินสวยไปน้ำตกเขาออบหลวง................................ใจยิ่งห่วงถึงความรักเคยเหน็บหนาว
หินสองฝั่งทะมึนง้ำย้ำเรื่องราว...........................................เหมือนหนุ่มสาวอยากจุมพิตสนิทกัน
แต่สายธารมาขวางกั้นบั่นรักแยก.......................................หินเลยแตกแยกรักให้ไม่สุขสันต์
แต่หินหนุ่มหินสาวสู้ฝ่าฟัน................................................ยังหันหน้าเข้าหากันทุกวันคืน
โอ้หินเอ๋ยหินยังมีเรื่องความรัก...........................................แล้วตัวฉันคนคักคักหรือจะฝืน
ฉันรักสาวอยากกอดสาวสุดกล้ำกลืน.................................กี่วันคืนขอรักเธอจนวันตาย
จะรักเธอไม่ขอเพ้อถึงจุมพิต..............................................แค่สนิทชิดนอกกายก็บุญหลาย
อยู่ใกล้เธอได้มองเธอแค่รูปกาย.........................................เพียงเท่านี้ไม่เสียดายที่เกิดมา
....จากออบหลวงทรวงสะท้อนอ้อนในรัก.............................เพิ่งประจักษ์รักเพริศพิศจิตโหยหา
ดูตัวอย่างรักของหินมากคุณค่า..........................................หินไม่ด่าไม่หึงหวงทวงรักใคร
แค่อยู่ใกล้แม้ไม่ได้กอดจุมพิต............................................หินก็ไม่เบือนบิดให้หวั่นไหว
อยู่ใกล้กันมองตากันแสนสุขใจ...........................................ตัวอย่างหินจะจำไว้เป็นบทเรียน
ฉันรักใครแม้ใครเขาไม่รักตอบ...........................................ฉันก็ชอบของฉันไม่แปรเปลี่ยน
รักด้วยใจภักดีใจไม่วนเวียน...............................................ขอเฝ้าเพียรรักเพียงเจ้าเศร้าเดียวดาย

......
>หินสองฝั่งทะมึนง้ำย้ำเรื่องราว เหมือนหนุ่มสาวอยากจุมพิตสนิทกัน

...

>>>...โอ้หินเอ๋ยหินยังมีเรื่องความรัก แล้วตัวฉันคนคักคักหรือจะฝืน
Create Date : 29 ตุลาคม 2553 | | |
Last Update : 29 ตุลาคม 2553 6:30:43 น. |
Counter : 480 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
เขียนวันละนิด จิตแจ่มใส
อ่านวันละนิด จิตก็ใสแจ่ม
|
|
|
|
|
|
|
|