Leipzig ตอนที่1 เดินตามรอยโปสการ์ด

สวัสดีค่ะ, ขอบคุณทุกๆท่านที่แวะมาเยี่ยมบล๊อคเรานะค่ะ
วันนี้ผู้เขียน (แต่ถ้าจะให้ถูกต้องเรียก"ผู้พิมพ์"สิเนอะ 55555+) ขออณุญาติหยิบเอาภาพถ่ายเมื่อปี 2012 มาเล่านะค่ะ พอเปิดอัลบั้มโพสการ์ดดูแล้วทำให้คิดถึง Leipzig เมืองแห่งมนต์เสน่ห์จากSaxony เคยคิดว่าไลพ์ซิกเป็นเพียงเมืองเล็กๆแต่ผิดอย่างแรงส์เลยจ๊ะ หุ หุ เนื่องจากไลพ์ซิกเป็นเมืองที่มีปประชากรมากที่สุดในรัฐแซกโซนี และเป็นเมืองที่มีระบบการปกครองในรูปแบบเขตปกครองพิเศษ ซึ่งในสหพันธรัฐแซกโซนีประกอบด้วย 3 เขตปกครอง (Landkreise)และ 3 เขตปกครองพิเศษ(Kreisfreie Stadte)โดยเขตปกครองไลพ์ซิกเป็นเขตปกครองที่มีขนาดไหญ่ที่สุดในสหพันธรัฐแซกโซนี อัยย่ะ!!


เดี๋ยววันนี้เราไปเดินเที่ยวตามรอยโปสการ์ดใบนี้กันนะค่ะ...


 เมืองไลพ์ซิก ได้รับฉายาว่า "Little Paris" ปารีสน้อยแห่งเยอรมัน  เนื่องจากไลพ์ซิกเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งปารีส นอกจากนั้นไลพ์ซิกยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านความป็นเมือดนตรีและเสียงเพลง กวี และนักดนตรี ไลพ์ซิกมีนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงไปก้องโลกอย่าง วากเนอร์ ชูมานน์ และโยฮันน์ แต่ละท่านล้วนแต่ผลิตรผลงานอันโดดเด่นที่ช่วงเวลาที่อยู่เมืองไลพ์ซิกทั้งนั้น 

ไลพ์ซิก มีมหาวิทยาลัยทางด้านดนตรีและการแสดง มีการผลิตรศิลปินที่โด่งดังออกมามากมายจนนับไม่ถ้วน ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือวงออเคสตร้าของไลพ์ซิก แะคณะนักร้องปะสารเสียง
ในยุคของนโปเลียนเดินทัพเข้ามาเยอรมัน และเลือกเอาไลพ์ซิกเป็นฐานที่ตั้งเพื่อเป็นศูนย์บัญชาการกองทัพ และประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ที่นี้เมื่อทัพของนโปเลียนต้องแตกพ่าย ณ. เมือง Leipzig แห่งนี้เองคร้าบบบ ไลพ์ซิกถูกกล่าวถึงอีกครั้งเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองไลพ์ซิกถูกถล่มอย่างหนัก เมืองไลพ์ซิกแห่งนี้ยับเยินจากสงครามโลกครั้งที่สองแต่ก็ถูกฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้พวกเราได้มีโอกาสไปตามรอยประวัติศาสตร์อันน่าหลงไหล เห็นมั้ยค่ะว่า เมืองที่หลายๆคนคิดว่าเป็นเมืองเล็กๆแห่งนี้ อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์อันเป็นมนต์เสน่ห์น่าหลงไหล หากใครมีโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศเยอรมนี ไลพ์ซิก เป็นเมืองหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะค่ะ 

ผู้เขียนออกเดินทางจากเมืองเล็กๆชื่อ Saalfeld/ Saale โดยรถยนตร์ส่วนตัวพร้อมพลขับ เราใช้เวลาเดินทางเพียงหนึ่งชั่วโมงกับสามสิบนาที หากใครอยู่ไกลสามารถเลือกเป็น เครื่องบินก็ได้นะค่ะ เพราะที่เมืองไลพ์ซิกมีสนามบินนะค่ะ หรือสามารถเลือกบริการเป็นรถไฟก็ได้เช่นกันค่ะ 
เมื่อมาถึงก็ต้องหาที่จอดรถกันก่อนนะค่ะ ในเยอรมนีค่าจอดรถแพงลิบลิ่ว และหาที่จอดยากมากๆ  เราจึงหาที่จอดแล้วซื้อตั๋วแบบรายวันเหมาะที่สุด ลานจอดที่เราเลือกอยู้ชั้นใต้ดินติดกับสถานีรถไฟไลพ์ซิก ขอบอกว่าสถานีรถไฟแห่งนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ กว้างไหญ่มากๆ
 สถานีรถไฟไลพ์ซิกแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรถไฟในยุโรปกลางตั้งแต่ศตวรรษ ที่ 19 และสถานีรถไฟไลพ์ซิกถูกสร้างในปี ค.ศ.1915 แต่เดิมนั้นแบ่งออกเป็นสิงส่วนแยกจากกัน โดยฝั่งตะวันออก เป็นส่วนบริหารของสหพันธรัฐแซกโซนี (Saxony) ส่วนฝั่งตะวันตกเป็นส่วนบริหารของสหพันธรัฐปรัสเซีย ซึ่งคือสาฐารณรัฐเชค และประเทศโปแลนด์ในปัจจุบัน
 เมื่อปี 1998 ได้มีการบูรณะสถานีรถไฟนี้ใหม่และได้เชื่อมทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน ทำให้สถานีรถไฟไลพ์ซิกมีทั้งหมด 26 ชานชลา พื้นที่รวมกว่า 83,460 ตารางเมตร   อุ๊ต๊ะ มันอลังการมั่กๆๆๆๆ   ดังนั้นสถานีรถไฟแห่งนี้จึงเป็นสถานีรถไฟที่มีขนาดไหญ่ที่สุดในยุโรป กะรี๊ดดดด   แหม..ก็พี่เขามีทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดไหญ่ซ่อนอยู่ในสถานีอ่ะจ้า มีร้านอาหาร  และทุกสิ่งทุกอย่าง ฯลฯ อัยย่ะ ย่ะ !!  เดินๆไปหลงคิดว่าเดินอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิบ้านเราซะอีก  นี่เผลอๆอาจจะหาทางออกไม่เจอ 55555++





  Nikolaikirche 




 เดินมาเจอห้าง Riquet ตั้งอยู่มุมถนนมีรูปหัวช้างติดอยู่ด้านหน้า เป็นสัญลักษ์บ่งบอกว่าได้มีการติดต่อค้าขายกับชาวเอเชียโดยการนำเข้า กาแฟ ชา และชอคโกแลต จากจีน และญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศในเอเชีย 



Thomaskirche มาถึงไลพ์ซิกสถานที่แรกที่นักท่องเที่ยวต้องไปเยี่ยมชมนั้นคือ โบสถ์โทมัสเคียเช่อ สถานที่ทำงานของ โยฮัน เซบาสเตียน บาค และมีประวัติศาสตร์อันน่าสนใจมากก ใครสนใจสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้นะจ๊ะ







เดินอ้อมไปมาสุดท้ายก็เจอทางเข้าจนได้นะเออ หุ หุ 




 ภายในโบสถ์ยังคงถูกรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ 




  ท่านนี้ก็คือโยฮันน์ เซบาสเตียน บาค(เยอรมัน: J0hann Sebastian Bach) คีตกวีและนักออร์แกนชาวเยอรมันผู้โด่งดัง เกิดเมื่อ 21 มีนาคม ค.ศ.1685 (พ.ศ. 2228) ในครอบครัวนักดนตรีที่เมือง ไอเซนัค บาคแต่งเพลงไว้มากมายโดยดั้งเดิมเป็นเพลงสำหรับใช้ในโบสถ์เช่น "แพชชั่น"  และบาคถึงแก่แรรมเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2293 ที่เมือง ไลพ์ซิก














บาคเป็นนักประพันธ์ดนตรีในสมัยบาโร๊ค เขาได้สร้างงานดนตรีของเขาจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัย และบาคเป็นผู้มีอิทธฺพลอย่างสูงและยืนยาวต่อการพัฒนาดนตรีตะวันตก แม้แต่นักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งไหญ่อย่างเช่น โมซาร์ท และ เบโทเฟน ยังยอมรับบาคในฐานะปรมาจารย์   ว้าวววว ๆ  ๆ  ๆ







  อาคารศาลาว่าการเมือไลพ์ซิกหลังปัจจุบัน ถูกสร้างขึ้นใหม่ในค.ส. 1899 อยู่บนพื้นที่ซึ่งเป็นปราสาทเก่ของเมืองคือ ปราสาทไพรซ์เซน โดยพยายามคงโคลงสร้างของสถาปัตยกรรมเดิมของตัวปราสาทไว้ แต่ได้มีการปรับโคลงสร้างภายในตัวอาคาร เพื่อเป็นสำนักงานของเมืองและห้องประชุมสำหรับสภาเมืองด้วย





Neues Rathaus














เมื่อมาไลพ์ซิก ขาดไม่ได้คือมาชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่นั้นคือ  ศาลาว่าการเมืองเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1556 ในสไตล์เรเนสซองส์ ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสประจำเมือง และจัดได้ว่าเป็นอาคารยุคเรเนสซองส์หลังใหญ่ที่สุดในยุโรปที่ยังคงเหลือไว้ให้คนรุ่นนี้เห็น มีความยาวเกือบ 100 เมตร ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ผ่านภาพเขียน และงานไม้แกะสลัก ด้านหน้าจะมีร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหาร ร้านกาแฟ สวย คลาสิค (อีแว้ววว) 




















  อาคารของธนาคารคอมแมร์ส  







ภาพนี้คือ ตลาดการค้าเก่าของ ไลป์ซิก เป็นที่ใช้เจรจาตกลงซื้อขายสินค้ากันในอดีต





Goethe-Denkmal a.d. Naschmarkt





หลังจากเดินมาครึ่งวันก็จำต้องเพิ่มพลังเพื่อรอบบ่าย ได้เวลาหาอะไรทานแล้วนะเออ..  ได้ยินมาว่าที่เมืองไลพ์ซิกมาร้านอาหารขึ้นชื่ออยู่มากมาย ล้วนมีชื่อเสียงไปทั่วแคว้น ทุกซอกซอย ทุกมุมของเมืองอัดแน่นไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาฟ บรรยากาศน่านั่งชิลล์มากๆๆ อากาศไม่ร้อนไม่หนาว กำลังเหมาะแก่การนั่งแช่จิบเบียร์เย็นๆและ บลา ๆ ๆ ๆ แต่เรามีโปรแกรมสำหรับช่วงบ่ายรอแล้ว ต้องทำเวลานิดส์ส์นึงนะสิเออ.. 




Coffe Baum และแล้ว..หลังจากเดินซอกแซกมาเรื่อยๆ ก็มาถึงร้านนี้ค่ะ==> ร้านดังของเมือง พบอยู่ตามหน้าหนังสือนำเที่ยวของเมืองLeipzig และแอบเห็นแปะอยู่บนหน้าโปสการ์ดอีกด้วยนะเออ แบบนี้ไม่ควรพลาดเนอะ  หุ หุ 




  ทุกๆหัวเมืองของประเทศเยอรมนีต้องมีเบียร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนั้นๆ แน่นอนค่ะรสชาติและการดื่มต้องแตกต่างกันไป โดยเฉพาะแก้วเบียร์ของแต่ละเมืองจะมีเอกลักษณ์ โลโก้ของตัวเองกันทุกหัวเมือง   ส่วนผู้คนที่เดินทางไปมาเป็นต้องลองเบียร์ประจำเมืองนั้นๆนะเออ ... ก็มาเที่ยวเมืองเบียร์อ่ะเนอะ  อิอิ ===>>





สัญลักษณ์ของเมือง Leipzig





ฝากติดตามตอนที่2 นะจ๊ะ ว่าจะพาไปใหนต่อในช่วงบ่าย ==>

ขอบคุณผู้อ่านทุกๆท่าน 

Bye ja 

Create Date : 14 สิงหาคม 2557 Last Update : 30 เมษายน 2558 12:32:48 น. Counter : 4752 Pageviews.		1 comments
Share Tweet