บล๊อกของลุง กับป้า ที่ชอบการท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
23 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 
จากกรุงลาปาซ-โบลีเวีย สู่ปูโน-เปรู



ระยะทางจากลาปาซ - โบลีเวีย ถึง Puno - เปรู ประมาณ 350 กม.  แต่ก็ใช้เวลาเดินทางถึง 8 ชม.  เป็นการข้ามแดนโดยรถบัส .....  จองรถกับทางโรงแรม ราคาคนละ Bs.70  ประมาณ 350 บาทค่ะ  รถมารับ 8 โมงเช้า แล้วก็ร่วมเดินทางกับคนอื่น ๆ ก็นักท่องเที่ยวเหมือนกัน....   รถจะผ่านที่ราบสูงของโบลีเวีย เห็นเทือกเขาแอนดิสและบ้านเรือนระยะไกล ๆ  เมื่อผ่านย่านชุมชน จะเห็นตลาด แผงขายของ ทั้ง 2 ข้างทาง  ผู้ซื้อ-ผู้ขายเป็นชาว Aymara เป็นส่วนใหญ่ 






ดูแล้วมีของขายทุกอย่าง  มีการก่อสร้าง.. แต่บ้านเรือนก็เหมือนปลูกไม่เสร็จ เป็นอย่างนี้ตลอดทางค่ะ

ก็สงสัยกันว่าทำไมไม่มีบ้านเรือนที่ปลูกเสร็จเลย ตอนหลังมาอ่านเจอว่า ชาวบ้านจำเป็นต้องคาไว้อย่างนี้  เพราะบ้านที่ปลูกเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเสียภาษีแพงมากค่ะ 



ผ่านที่ราบสูง ตลาด ชุมชน มาได้ประมาณชั่วโมงกว่า ก็มาถึงช่องแคบ Tiquina เมือง San Pablo de Tiquina.....

ช่องแคบ Tiquina นี้ กว้างประมาณ 850 เมตร เป็นส่วนที่แคบที่สุด ที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบ Chicuito ด้านบนที่ใหญ่กว่า กับทะเลสาบ Pequeno ด้านล่างที่เล็กกว่า  ทะเลสาบทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งเดียว คือ ทะเลสาบ Titicaca ซึ่งถ้านับปริมาตรของน้ำ ก็ว่าเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ ตั้งอยู่คาบเกี่ยวกันระหว่างชายแดนโบลีเวียและเปรู

 ....เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ไม่ต้องนั่งรถอ้อมทะเลสาบ Pequeno  ผู้โดยสารก็เปลี่ยนไปนั่งเรือข้ามช่องแคบ Tiquina ..คนก็ลงเรือเล็ก ...รถก็เอาลงแพ ล่องมาถึงเมือง San Pedro de Tiquina  ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งในเวลาไม่นาน


ต่อแถวซื้อตั๋วเรือ คนละ Bs.2 


น้ำในทะเลสาบสีแจ่มมาก




ข้ามช่องแคบมาถึง San Pedro de Tiquina แล้วค่ะ


ไม่นานพอรถบัสคันเดิมที่เรานั่งมาถึง  ก็เดินทางต่อ ไต่วกวนไปตามเทือกเขาอีกประมาณ 40 กม.  ก็ถึง Copacaba  เส้นทางนี้มีทัศนียภาพ  ของทะเลสาบ Titicaca และเทือกเขาแอนดิส ที่สวยงามมาก ๆ


ทะเลสาบ Titicaca หรือ Lago Titicaca  ผืนน้ำราบเรียบ ส่องประกายเหมือนอัญมณีสีน้ำเงินเข้ม ใต้ท้องฟ้าอันสดใส ให้เราได้เห็นกัน.... เป็นทัศนียภาพที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศโบลีเวีย


ทะเลสาบ Titicaca ครอบคลุมพื้นที่ถึง 58,000 ตร. กม ..มีความกว้างยาวอยู่ที่ 80 x 190 กม. ส่วนที่ลึกที่สุด คือ 284 เมตร   ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงถึง 3,810 เมตร  จึงเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลก  ...... พื้นที่รอบ ๆ ทะเลสาบ เป็นถิ่นฐานหลักของชาว Aymara  ซึ่งยังสามารถรักษาภาษา และวัฒนธรรมที่โดดเด่นของตนเองมาหลายศตวรรษ ให้รอดพ้นทั้งจากชาวอินคา และสเปน 


..ชาว Aymara ใช้พื้นที่ราบรอบ ๆ ทะเลสาบที่อุดมสมบูรณ์ เป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวบาร์เลย์ มันฝรั่ง ข้าวโพด ... และยังเลี้ยงสัตว์ เช่น llamas, alpacas แกะ ...อีกด้วยค่ะ

......ไม่นานก็มาถึง Copacabana รถจอดที่สำนักงานในตัวเมือง เอาของลง ...ที่นี่  เป็นจุดหมายปลายทางของหลาย ๆ คน  ..แต่หลาย ๆ คนก็ยังต้องเดินทางต่อ  พนักงานบอกว่ารถจะออกอีกที บ่ายโมงครึ่ง ไปเที่ยวกันก่อนก็ได้


......Copacabana เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่ติดกับทะเลสาบ Titicaca ทางด้านใต้ใกล้ชายแดนเปรู ... ชื่อ Copacababa มาจากภาษา Aymara คำว่า "kota kawana" หมายความว่า "view of the lake"  ...มีชื่อเสียงองจากทัศนียภาพที่งดงาม และวิหารของพระแม่แห่งโคปาคาบานา (Basillica of Our Lady of Copacabana)   ซึ่งมีการก่อสร้างแบบแขกมัวร์ (Moorish style) สร้างระหว่างปี 1605 - 1820 



...Copacabana ยังเป็นหมู่บ้านต้นกำเนิดของ รูปปั้นพระแม่ Modonna (Virgin of Copacabana)   ซึ่งสร้างโดย  Francisco Tito Yupanqui  ช่างปั้นสมัครเล่น ผู้สืบเชื้อสายจากชนพื้นเมือง Inca Huayna Capac และยังเป็นสมาชิกของชนพื้นเมืองอีกกลุ่ม คือ Anansayas    โดยเชื่อว่าจะมีอิทธิพลต่อชนพื้นเมืองทั้ง 2 กลุ่ม ที่มักมีปัญหาขัดแย้งกัน เพราะทั้ง 2 กลุ่ม แม้จะมีความเชื่อต่างกัน แต่ก็รับเอาศาสนาคริสต์เข้ามาผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิมของตนเอง 

 ...ต่อมา Virgen of Copacabana  ก็ได้มาเป็นพระแม่องค์อุปถัมภ์ ผู้ปกป้องคุ้มครองประเทศโบลีเวีย และ หมู่บ้านเล็ก ๆ นี้ กลายเป็นที่แสวงบุญของชาวโบลีเวียน



มีการเฉลิมฉลอง Virgen of Copacabana ทุกปี ใน 2 วันแรกของเดือนกุมภาพันธ์... ชนพื้นเมือง และนักเต้น ทั้งจากเปรูและโบลีเวีย ร่วมกันเต้นรำแบบพื้นเมือง Aymara มีทั้งดนตรี การดื่ม และการเลี้ยง .....

..และในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (Good Friday) ทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยผู้แสวงบุญ และเมื่อพลบค่ำก็ร่วมจุดเทียน และเดินในขบวนแห่อย่างสงบ



(ข้อมูลจาก lonely planet ฉบับ South America on a shoestring, วิกิพีเดีย และ wikitravel : ภาพจาก google ค่ะ)

จากศูนย์กลางของเมือง ที่ Plaza 2 de Febrero  มีถนน Avenida 6 de Agosto แยกไปทางหาด ซึ่งเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ที่พัก ร้านอาหาร สำหรับนักท่องเที่ยว






บ่ายโมงครึ่งก็เปลี่ยนเป็นรถเปรู ไปอีกไม่นาน ก็มาถึงพรมแดนโบลีเวียและเปรู ที่ตรวจคนเข้าเมือง ที่ด่าน Kasani โบลีเวีย


.... ต่างคนก็ไปต่อแถว  เพื่อประทับตราพาสปอร์ตข้ามไปเปรูค่ะ  ต่อแถวตั้งนานก็ไม่ขยับสักที  คิดว่าด่านคงเปิดบ่าย 2 โมง ก็รอกันไป บางคนก็ไปแลกเงิน Peruvian Soles  กับคนรับแลกเปลี่ยนเงิน (ชาว Aymara อีกแล้ว)  ..... รอกันนานเหมือนกัน ไม่ขยับเลย เจ้าหน้าที่ก็มีตั้ง 2 โต๊ะ หรือเจ้าหน้าที่ยังไม่ทำงาน เห็นมองโน่นมองนี่ไปเรื่อย .... สุดท้ายปรากฏว่าสัญญานเน๊ตไม่ดี ข้อมูลไม่มา .. ดีที่รถคันเรามาก่อน เพราะหลังจากนั้น ก็มีคนมาต่อแถวยาวเรื่อย ๆ

ผ่าน ตม. มาได้ก็เกือบ 3 โมงแล้ว รีบจ้ำอ้าวข้ามไปเปรู ผ่านประตูโค้ง เข้ามา ป้ายเปรูเด่นมาก ก็แวะถ่ายรูปก่อนค่ะ




 จากนั้น ก็เดินต่อไปยังตรวจคนเข้าเมืองเปรู.. แป๊บเดียว ก็เรียบร้อย แล้วก็มารอคนอื่น ๆ ที่กำลังทะยอยมา  รถบัสจาก Copacabana ไป Puno เป็นของ บ. Tranzela นั่งสบายมาก ๆ แต่ไม่ทราบว่าเป็นของบริษัททัวร์หรือเปล่า..... พอขึ้นบัสสักพัก เจ้าหน้าที่ก็เริ่มถามขายทัวร์ที่จะไปเกาะ Uros, Taquile และ Amantani  ก็ไม่ได้ซื้อทัวร์อะไร เพราะเราพักที่ Puno คืนเดียว .... แต่ได้รถจาก Puno ไป Cusco ในราคาคนละ 50 Soles (ประมาณ 600.- บาท) ค่ะ


เทือกเขาแอนดิส ระหว่างทางจากชายแดนเปรูไปปูโน


ถึงปูโน ก็ 4 โมงกว่า เรียกรถตุ๊ก ๆ ไปที่พัก คนขับบอก 3 Soles (35.- บาท)  ก็คิดว่าถูกนะ ไปไกลเหมือนกัน ก็เพิ่มให้เขาอีกหน่อย ความจริงค่าครองชีพที่เปรู สูงกว่าบ้านเรา แต่ค่ารถตุ๊ก ๆ แท๊กซี่ ถูกกว่าค่ะ หรือน้ำมันถูกกว่า ??!!   ลองเช็คดูหน่อยซิ  (ราคาน้ำมันที่ลิมาวันที่ 22 มิย. 2558  อยู่ที่ 1/4 แกลลอน (946.352946 milliliters) = S/4.52 (48.2096 บาท) ....น้ำมันเขาไม่ได้ถูกกว่าบ้านเรา.... ยิ่งเป็นราคาของปีที่แล้ว ต้องแพงกว่านี้แน่ ๆ   

....เงินเปรู....เรียกเป็นทางการว่า Peruvian Nuevo Sol (PEN) แต่โดยทั่ว ๆ จะพูดว่า โซล (Sol) แต่ส่วนใหญ่จะเป็น โซลเลส (Soles) ค่ะ


พักที่ Hostal Inti - Puno เป็นครอบครัวค่ะ แล้วแบ่งเป็นที่พักนักท่องเที่ยว และห้องอาหาร เจ้าน่ารักและอัศยาศัยดีมาก แต่ก็คุยกันไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม ต้องหาล่ามมาแปลกัน 

รถรับจ้างที่ปูโน ไม่ได้ลองใช้บริการ เพราะเราเดินกันแถว ๆ นั้นเอง


เมืองปูโน เป็นเมืิองหลวงของแคว้นปูโน ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบติติกากาด้านประเทศเปรู ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 1668  ปัจจุบันมีอาคารสมัยอาณานิคมหลงเหลืออยู่ไม่กี่อาคาร  รวมทั้งวิหารอีก 2-3 แห่งที่สร้างขึ้น สำหรับชาวสเปน และ เพื่อเป็นที่สอนศาสนาแก่ชาวพื้นเมือง 



ที่ Plaza de Armas กำลังมีนิทรรศการเกี่ยวกับภาพถ่ายชนพื้นเมือง  ดูชุดของผู้ชายแล้ว ช่างเหมือนชุดของชนเผ่าปากะยอ บ้านเราจริง ๆ  

ส่วนชุดของผู้หญิงก็ไม่หลีกหนีไปไกลจากชุดของชนเผ่าม้งเลย



 ถนนคนเดินค่ะ ทุกเมืองที่เราผ่านมา จะมีถนนคนเดินจริง ๆ ที่ไม่ให้รถผ่าน หรือผ่านบางเวลาเท่านั้น  .. เดินไม่นานก็กลับ

...แม้จะผ่าน ลาปาซ ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,600 - 3,650 เมตร (ข้อมูลไม่ค่อยแน่นอนค่ะ) มาแล้ว แต่ที่ปูโนและทะเลสาบติติกากา อยู่สูงไปอีกหน่อย คือ 3,810 เมตร ... แต่นอนที่ปูโนคืนนั้น จำได้ว่าหนาวมาก ๆ  ผ้าห่มก็ 3 ผืนเข้าไปแล้ว เสื้ออีก 3 ตัว พอเช็คอุณหภูมิคืนนั้น 1 องศาค่ะ

สมบุกสมบุกสมบันมาได้เกือบเดือนแล้ว หลังจากต้องคอยซ่อมกระเป๋ากับรองเท้ามาตลอด ตั้งแต่ 2-3 วันแรก ที่ Curitiba 


...มาถึงปูโนก็ไม่ต้องซ่อมกระเป๋าแล้วค่ะ เพราะขาตั้งกับที่ลากมันหลุดมาทั้งชุดเลย   ...ดูสภาพความยับเยิน ใบที่มีแถบสีม่วง ไม่มีทั้งขาตั้งและที่ลาก..ข้างบนด้านขวาที่เละ ๆ ก็เป็นรอยเย็บ... สีน้ำเงินของลุงเขา ยังดีอยู่  สว. ก็คงสภาพใกล้เคียงกับกระเป๋าแล้วเหมือนกันค่ะ




Create Date : 23 มิถุนายน 2558
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2562 4:45:44 น. 2 comments
Counter : 1110 Pageviews.

 
เมืองเค้าน่ารักเหมือนกันเนอะ
สีสันมากๆ

ภาพสุดท้ายกระเป๋ายับเยินมาก
เป็นเค้านะ คงซื้อใหม่ ไม่แบกกลับมาทิ้งที่เมืองไทยหรอก
555


โดย: พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ วันที่: 1 กรกฎาคม 2558 เวลา:16:12:03 น.  

 
สงสารกระเป๋าคู่ทุกข์ คู่ยาก (ได้รับบริจาคมาอีกต่างหาก)


โดย: payaichow (สมาชิกหมายเลข 1920579 ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2558 เวลา:13:38:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1920579
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1920579's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.