welcome to my Blog
Group Blog
 
All blogs
 

เที่ยวไปบ่นไป



“หาดฝรั่ง” ที่ จ.กระบี่ เป็นชื่อที่ใช้เรียกส่วนหนึ่ง อ่าวนาง สถานที่ชื่อดังที่นักท่องเที่ยวต่างรู้จัก ซึ่งเพื่อนได้ชักชวนไปเมื่อวันก่อน ตอนที่ลมมรสุมกระหน่ำ ทำให้ท้องฟ้าหม่นเทา น้ำทะเลอาจไม่สวยใสเท่าหน้าไฮ-ซีซั่น หรือช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว

ก็ค่อยๆหายข้องใจ ว่าทำไมต้องเรียกหาดฝรั่ง หลังจากเพื่อนเรียกหาดอีกฝั่งของอ่าวนางว่า หาดคนไทย ว฿งทอดยาวเข้าไปถึงเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ ก็อาจจะเป็นมีคนไทยไปเที่ยวชมกันมากกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีชาวต่างชาติ เช่นเดียวกับหาดฝรั่ง ที่ไม่ได้ห้ามคนไทยเข้าไปเที่ยว แต่ที่เรียกอย่างนั้น เพราะเป็นหาดที่สงบร่มรื่น ซึ่งชาวต่างชาติชื่นชอบ

ด้วยเหตุซึ่งเป็นจุดที่ ยังมีเพียงถนนแคบๆให้คนได้สัญจรเดินเท้าเข้าไป ไม่มีรถราขวักไขว่ เหมือนหาดคนไทย ต้นไม้ยังหนาแน่น สามารถมองเห็นและสัมผัสธรรมชาติได้มากกว่า ซึ่งส่วนตัวแล้ว ยังเชื่อประโยคที่ว่า ถนนเข้าไปถึงไหน ความเจริญจะเข้าไปถึงที่นั่น แต่หาดฝรั่งแห่งนี้ช่วยบอกผมว่า สภาพที่ยังคงความสวยงามตามธรรมชาติสามารถเป็นแหล่งรายได้ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ได้สูงกว่า จุดที่เราเรียกว่า ความเจริญ

จึงไม่ค่อยแปลกใจ ว่าทำไมตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะชาวแสกนดิเนเวีย ที่ขยายตัวลดลง ไปเพิ่มจำนวนให้แหล่งท่องเที่ยวอย่าง กระบี่ และ เขาหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่เดินทางมาเพื่อสัมผัสความสงบและสวยงามตามธรรมชาติ

นอกจาก ที่พัก รีสอร์ทหรูไม่บอกก็รู้ว่าแพงหูฉี่ ที่ได้ถูกจัดให้มีสภาพกลมกลืนกับธรรมชาติ ริมหาดก็มีเพียงเพิงไม้ที่ผู้ประกอบการนวดแผนโบราณ และร้านอาหารสร้างไว้ อยู่ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ งมองเห็นภูหินเรียงรายโอบล้อมอยู่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สร้างรายได้ให้คนไทยได้เป็นจำนวนมาก ในฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ก็เบาบางลงไปตั้งแต่ช่วงที่มีลมมรสุม

ก็คงจะเหมือนชาวนาชาวสวนขาวไร่ ที่มีกำไร ได้เพียงบางช่วงของปี และถ้ามีไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายตลอดปี และไม่มีหนทางที่จะมาเสริมรายได้ ภายหลังฤดูเก็บเกี่ยวก็ถือว่าเป็น ข่าวร้าย ของเกษตรกร ไม่ต่างกับผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ที่หน้าโลว์ซีซั่น ก็ทำให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นนั้นซบเซาลงไป

แต่ก็เชื่อว่า เมืองท่องเที่ยวอย่างกระบี่ จะได้รับผลกระทบจากฤดูมรสุมน้อยกว่า จังหวัดที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต เพราะสภาพเศรษฐกิจที่นี้ ยังเกิดจาก ปาล์ม ยางพารา พืชผักผลไม้ ยังเป็นช่องทางนำรายได้เข้ามาหมุนเวียนในท้องถิ่นอีกทางหนึ่ง

ซึ่งหากหันกลับมามอง สภาพเศรษฐกิจของภูเก็ต ท้องถิ่นที่มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยว ก็ต้องซบเซาลงไปในช่วงนี้ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ให้พร้อมที่จะเผชิญกับภาวะที่ ข้าวสาร อาหาร น้ำมัน พากันขึ้นราคา ทำเอาค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นมาตามกัน ก็อาจจะต้องเจอสภาพความขัดสน แล้วก็บ่นกันไป

เดินทางทางนี้แล้วจะถอยหลังก็คงเป็นไปได้ยาก เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางรายได้ ก็ได้ข่าว โครงการพัฒนาการท่องเที่ยว ที่มีชื่อย่อว่า MICE แปลเป็นไทยขยายความแล้วหมายถึง การดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในช่วง โลว์ซีซั่น ด้วยการทำให้ท้องถิ่นกลายเป็นแหล่งการจัดประชุมสัมมนาซึ่งมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับการก่อสร้าง ศูนย์ประชุมนานาชาติ และจัดแสดงสินค้า ที่คาราคาซังมานาน เพราะความขัดแย้งของฝักฝ่ายทางการเมือง

เรื่องของเรื่องก็คือ ท้องถิ่นไม่มีงบประมาณ ต้องอาศัยรัฐบาลให้การช่วยเหลือ ซึ่งยังไม่ต้องพูดไปถึงการพัฒนาโครงการต่างๆ แค่การแก้ปัญหา การจราจร น้ำท้วม ขยะ สภาพแวดล้อมก็ยังไม่ได้รับการสนับสนุน บีบท้องถิ่นให้ไปอาศัยทุนต่างชาติ ซึ่งใช่ว่าจะไม่ดีที่จะให้เอกชนมาลงทุน แต่เหมือนตัวอย่างที่มีเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ คือท้องถิ่นมีส่วนแบ่งรายได้ไม่พอที่จะมาใช้แก้ปัญหาให้ประชาชน

อย่าพึ่งไปพูดถึงโครงการใหญ่ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นโครงการใหม่ ที่ อบจ.จะพัฒนาพื้นที่ ให้ต่างชาติเข้ามาทำศูนย์สินค้า “ดิ้วตี้ฟรี” หรือจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี ที่อ่าวมะขาม ตามความเข้าใจแล้วผู้ที่ได้รับประโยชน์ หรือส่วนแบ่งจากรายได้ ก็คงจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าในเครือข่าย ที่มีโอกาสนำสินค้าเข้าไปขาย

รายได้ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ก็ตกเป็นของเอกชนที่เข้ามาลงทุน โดยท้องถิ่นก็อาจจะได้ค่าเช่าเอามาใช้เป็นงบประมาณในการพัฒนาท้องถิ่นต่อไป แต่จะคุ้มกันหรือไม่ เมื่อเทียบกับการสูญเสียรายได้ของผู้ทำมาค้าขายส่วนใหญ่ ที่อยู่นอกเขตปลอดภาษี เพราะนักท่องเที่ยวคงแห่ไปซื้อที่ถูกกว่า เงินตราจากรายได้ส่วนใหญ่ก็ไหลออกไปไม่ได้สร้างความมั่งคั่งให้กับท้องถิ่น

ถ้าคำว่าท้องถิ่น หมายเพียงแค่ องค์การปกครอง ก็ต้องบอกว่าโครงการนี้ให้กำไร มีรายได้จากการให้เช่าที่(สาธารณะสมบัติ) ทำให้มีรายได้ เปรียบเทียบมูลค่าแต่ละปี ก็อาจจะทำให้มีงบฯมาสร้างศาลาสวยๆได้ซักหลัง แต่ถ้า ท้องถิ่นนี้ ไม่ได้เป็นของใครคนใด หมายรวมถึงประชาชนทุกคน โครงการนี้ก็อาจจะ ขาดทุน ก็ได้

ก็คงไม่ต่างจากที่ผ่านมา แม้ว่าเป็นพื้นที่ซึ่งสร้างรายได้มากขนาดไหน แต่ท้องถิ่นก็ยังขัดสนจนเข้าขั้นอับจน เช่นเดียวกับรัฐบาลไทย ที่สนับสนุนการลงทุนขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้ใช้อำนาจจัดการกับรายได้ที่เกิดขึ้นในแผ่นดินให้เพียงพอต่อการพัฒนา สาธารณูโภคพื้นฐาน การศึกษา สาธารณสุข ให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นได้ ขืนยังทำแบบนี้ต่อไป ต่อให้ประเทศจะอุดมสมบูรณ์มีต้นทุนทางธรรมชาติมากซักเท่าไหร่ ก็คงไม่สามารถทำให้คนส่วนใหญ่อยู่สุขสบาย หรอกครับเจ้านาย...

ปิดท้ายด้วยบรรยากาศ งานสุดยอดของจิ๋วครั้งที่สอง ภายใต้แนวคิด เมืองเก่าภูเก็ต เล็กสุดๆ ที่มีการถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนพื้นเมือง โดยเฉพาะสถาปัตยกรรม แบบ ชิโนโปตุกีส ที่ เอามาจัดแสดง ที่ ศูนย์การค้าจังซีลอน หาดป่าตอง ประชาสัมพันธ์เชิญชวนชาวต่างชาติให้เข้าไปเที่ยวชมบรรยากาศในเขตอนุรักษ์เมืองเก่า ในตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ “คนทำข่าว” นำเอาโปรแกรมแสดงภาพที่พัฒนาโดยคนไทย ให้ได้ชมภาพถ่ายกันครับ...
(คลิ๊กเพื่อชมภาพ)






 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2551 21:40:44 น.
Counter : 1512 Pageviews.  

น้องแก้ม เดอะสตาร์ เยือนมาตุภูมิ



หากโอกาสที่ใครจะได้ยืนอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนหลากหลายที่ให้ความสนใจ และได้แสดงความสามารถจนเป็นที่ยอมรับ สร้างความประทับใจแก่ผู้ที่ได้เฝ้าชมนั้น คือสิ่งที่จะนำมาซึ่ง “สุข” อันเกิดจากความภาคภูมิใจ ที่มีผู้คนมากมายได้ให้การชื่นชมยินดี จึงไม่แปลกที่ใครหลายคน มุ่งมั่นพยายาม ด้วยความหวัง ที่จะมีโอกาสให้ใครๆ ได้เห็นคุณค่าและความสามารถของตน

“การแสดงความสามารถ และร้องเพลงให้คนทั้งประเทศได้ฟัง” เป็นความมุ่งหวังของ “น้องแก้ม” วิชญาณี เปียกลิ่น นักร้องวัย 19 ปี ที่เธอได้ทำฝันให้สำเร็จ ตั้งแต่ผ่านการคัดเลือกเป็น 8 คนสุดท้าย ที่ได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ทเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ซึ่งก้าวต่อมานั่นก็เหลือเพียงการทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด

สุข จากความสมปรารถนา คือสิ่งที่ผู้ชมสัมผัสและได้รับการแบ่งปัน ผ่านมาทางการขับร้องบนเวที เป็นสิ่งที่ทำให้ “น้องแก้ม” หญิงสาวที่แม้มีรูปร่างอวบเกินพอดี แต่ก็มีผิวสีคล้ำ คนนี้กลายเป็นผู้ที่ชนะใจผู้ฟังและได้รับการโหวตให้เป็นเดอะสตาร์หญิงคนแรกของเมืองไทย จนเป็นที่ลือลั่นสนั่นวงการ เพราะความสำเร็จที่เธอได้มานั่น เกิดจากความสามารถล้วนๆ

หลังจากเธอได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวด “The Star ค้นฟ้าคว้าดาว ปีที่ 4” ท่ามกลางความปราบปลื้มยินดี โดยเฉพาะผู้ที่ติดตามกิจกรรมการประกวดและร่วมส่งแรงเชียร์ แรงใจ ร่วมโหวตคะแนนให้ น้องแก้ม สาวไต้ ได้กลับมาเยือนบ้านเกิด จ.ภูเก็ต

“คนทำข่าว” ได้มีโอกาสไปร่วมยินดีกับความสำเร็จของเธอเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเหมือนว่าฟ้าจะเป็นใจ หลังจากที่ฝนเทลงมาตลอดวัน ย่ำค่ำคืนนั้น ประชาชนในภูเก็ตหลายพันคนได้มีโอกาสมาชื่นชมสาวน้อย ที่กลายเป็น นักร้องดัง ซึ่งเธอได้ควง ต้น ชยธร เศรษฐจินดา และ แม๊ก จิรายทธ คันธยศ หนุ่มหน้าใสสมัยนิยม มาขึ้นเวทีเรียกเสียงเชียร์จากสาวน้อยสาวใหญ่

ต้องถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ นอกจากวัยรุ่นหนุ่มสาว กระแสความนิยมในตัวน้องแก้ม ยังลากเอา อาอี๋ อาเจ๊ก อาซิ้ม อาม๋า อาแป๊ะ อาโป๋ มาด้วย บางคนถึงกับยกครอบครัวมาเลยก็มี คงเพราะจะอยากเห็นตัวเป็นๆ หลังจากที่เฝ้าส่งแรงใจผ่านหน้าจอทีวีมานาน

ไม่ใช่การขึ้นเวทีร้องเพลงในบ้านเกิดครั้งแรก แต่ก็แปลกไปจากครั้งก่อนๆ เพราะตอนนี้ เธอคือ “เดอะสตาร์” เปรียบเสมือนดาวที่เจิดจรัสอยู่บนท้องฟ้า ที่ใครๆต่างปรารถนาจะไปอยู่ ณ จุดนั้น ซึ่งก็ไม่ได้มีพื้นที่มากพอให้ผู้คนมากมายได้ขึ้นมายืน

จะมีก็เพียง 1 ในหมื่น ในแสน ในล้าน ของผู้ที่มีต้องการก้าวขึ้นมาอยู่ตรงนี้ จึงเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาที่จะมีคนมากมายไม่สมหวัง ไม่ต่างจากการสอบเอ็นทรานซ์ ตำแหน่งงานดีๆ หรือหน้าที่อันทรงเกียรติ ที่ยิ่งสูงมากขึ้นเท่าไหร่ พื้นที่ก็จะถูกบีบให้แคบลงไป และหากใครๆที่ไม่สามารถขึ้นไปยืนอยู่จุดที่สูงนั้นได้ ก็หาใช่หมายถึงคนที่ไร้ซึ่งคุณค่า จนหาความภาคภูมิใจไม่ได้ แต่อยู่ที่จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร จะสร้างคุณค่าและมอบสิ่งใดให้ผู้คน สังคม และโลกใบนี้ แม้คนที่ปีนป่ายได้สมหวัง แต่ก็ใช่ว่าจะจีรังสุขสมหวังอย่างยั่งยืน

สำหรับ “น้องแก้ม” เธอใคร่ที่จะเป็นผู้หยิบยื่นความสุขให้ผู้ฟัง หลังจากเด่นดังสมใจ ก็ได้ออกอัลบัม ทำรายได้ให้ตัวเองและครอบครัวต่อไป ตราบเท่าที่แฟนเพลงยังชื่นชมยินดี ส่วนก้าวต่อๆไปในวันหน้า เธอฝันว่าจะมีอาชีพเป็นครูสอนร้องเพลง ซึ่งหากเธอพยายามต่อไป ก็คงจะกลายเป็นครูคนเก่งได้อย่างไม่ยากเย็น

คนทำข่าวดอทคอม




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2551 21:25:13 น.
Counter : 1756 Pageviews.  

อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง

“อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง” เป็นเหตุผลของ 2 คนที่ได้มีโอกาสพูดคุยกันในตอนเช้า หลังจากเจ้าหน้าที่ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.อบจ.และ นายก อบจ.ภูเก็ต
โดย ผู้สมัครหมายเลข 2 นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ อดีต ส.ว.ที่แสดงความเชื่อมั่นตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่เดินสายทำงานด้านการเมือง ว่าจะสามารถโค่นแชมป์อย่าง อัญชลี วานิช เทพบุตร แล้วเขาก็ทำได้จริงๆ
อาจจะมีอีกมากมายหลายเหตุผล ที่ทำให้ ไพบูลย์ สามารถทำคะแนนได้เกือบ 6 หมื่นคะแนนทิ้งห่างคู่ต่อสู้ถึง 2 หมื่นกว่า จากผู้ที่มาลงคะแนนทั้งหมด 108,857 คน
แต่เหตุผลของ 2 คนที่ผมรู้จักนี้ ก็มีน้ำหนักมาก หากเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ ที่มักจะรู้สึกไม่ค่อยจะพอใจกับสภาพที่ต้องเผชิญอยู่ และวิธีที่จะหลีกหนีจากสภาพดังกล่าวก็คือ การเปลี่ยนแปลง
คงเป็นสาเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่งให้ สโลแกน “ถึงเวลาเปลี่ยน” ของฝ่ายผู้ท้าชิงใช้ได้ผล คนภูเก็ต จะได้ลองของใหม่....



ที่เคยมีการบันทึกไว้ มีการเปลี่ยนแปลงมีมาหลายหนที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตคนไทย เช่น การเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย การเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจใหม่ เป็น สังคมอุตสาหกรรม เข้าสู่ ยุดแห่งข้อมูลข่าวสาร ที่สร้างกระแส บริโภคนิยม มาคอยหล่อเลี้ยงระบบทุนเสรี
ขณะที่ภูเก็ต ซึ่งการท่องเที่ยว ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โตจนถึงจุดที่เรียกได้ว่าสูงสุดในประวัติกาล แต่นั่นก็ยังไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับคนส่วนใหญ่ รายได้ยังไม่พอรายจ่าย ยังต้องใช้ชิวิตอยู่อย่างขัดสนผู้คนยังต้องการการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
และคิดว่าปัญหาน่าจะคลี่คลายหากมี ผู้บริหารคนใหม่

แต่ยังไม่รู้ว่าจะหยุดพวกที่ทำลายเศรษฐกิจด้วยการโกงบ้านกินเมือง ได้อย่างไร




 

Create Date : 22 เมษายน 2551    
Last Update : 22 เมษายน 2551 10:42:54 น.
Counter : 531 Pageviews.  

คำพิพากษาของประชาชน

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน เป็นอีกวันที่ประชาชนไทย 41 จังหวัด จะมีโอกาสได้มีบทบาท ใช้อำนาจทางการเมือง ในการเลือกตั้ง สมาชิก และ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หลังจากต้องเป็นผู้ตามดู ได้รับรู้ข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ทั้งพิสูจน์ได้และพิสูจน์ไม่ได้ ถูกนำมาใช้ในสงครามแย่งชิงมวลชน



คนทำข่าว ติดตามเรื่องราวข่าวคราวความเคลื่อนไหวในบ้านเกิด ก่อนการเข้าคูหา มารายงานประมวลสถานการณ์ โดยเฉพาะโค้งสุดท้าย ซึ่งข้อมูลที่ต่างฝ่ายได้ป้อนให้สังคมได้รับรู้ ก็มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจในวันนี้




โดยเฉพาะข่าวใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากประชาชน คือ การเปิดเวทีปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ สังกัดของ ผู้สมัครหมายเลข 1 อัญชลี วานิช เทพบุตร ซึ่งมี หัวหน้าพรรค อย่าง เดอะมาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกชวน หลีกภัย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งต่างมาช่วยกันการันตีผลงานอดีตนายก อัญชลี ว่านี่คือ วาระประชาชนระดับท้องถิ่น ที่พรรคภาคภูมิใจ



ทั้งหัวหน้าพรรค รูปงาม และ ขวัญใจชาวบ้าน อย่าง นายชวน อีกทั้งลีลาปราศรัย ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ในค่ำคืนนั้นคงสร้างความเป็นต่อได้อีกมากโข



รุ่งเช้าก็มีการตอบโต้ของอีกฝ่าย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย แต่เป็นเรื่องเดิม และเรื่องเดียวที่ ฝ่ายโกบูลย์ นำมาใช้ เพื่อทำให้ประชาชนเข้าใจว่าทำไม ไม่ควรเลือก ฝ่ายตรงข้าม นั้นคือ การถือหุ้นของ นางอัญชลี ใน บริษัท เจียรวานิช คู่สัญญา(เช่าที่ดิน)กับ อบจ.ภูเก็ต ซึ่งคณะกรรมการระดับจังหวัด มีการลงมติไม่เป็นเอกฉันท์ ให้นายก อบจ.พ้นข้อกล่าวหา หากแต่จังหวัดฯ ยังส่งเรื่องทั้งหมด ให้คณะกรรมการกฏษฎีกา พิจารณาอีกที ซึ่งกรณีแบบนี้ไม่ได้มีขึ้นบ่อยครั้ง



รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์รายวัน (เจ้าเก่า) โดยเรื่องราวยังใช้ผู้แสดงคนเดิม คือ นายสรนันท์ เสน่ห์ เข้าร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัด อ้างคำวินิจฉัยของ คณะกรรมการกฤษฎีกา ฟันธงว่า อัญชลี มีความผิด ทั้งที่ยังไม่มีผลการวินิจฉัย ผู้ว่าจึงทำอะไรไม่ได้ แต่กระแสข่าวที่แพร่ออกไป ก็นับว่าทำให้ฝ่าย โกบูลย์ได้ประโยชน์



ในฐานะประชาชนคนไทย ต้องบอกว่าเหนื่อยใจกับกระบวนที่ล่าช้า เนิ่นนาน ยึดยื้อกันนานเป็นเดือนเป็นปี อย่างเช่นกรณีคดีใหญ่ของ อดีตนายกทักษิน ไม่ว่าจะเป็นการแก้กฎหมายก่อนขายหุ้นธุรกิจโทรคมนาคม ให้กองทุนรัฐบาลสิงคโปร์ การซุกหุ้นเลี่ยงภาษีโดยการไปตั้งบริษัทในต่างประเทศ หรือข้อหาอื่นๆ ที่ต้องรอจนเลือนลางไปจากความทรงจำของประชาชน

หรือ การแจกใบแดงผู้สมัคร ที่ส่งผลถึงขั้น ยุบพรรค ซึ่งทำให้รัฐบาลสมัคร ต้องพักเรื่องอื่นไว้ และยกให้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน เพื่อล้างบาง ศตง.ปปช.ที่มีอำนาจตัดสินใจ และกำหนดให้เลือก กกต. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ เพื่อให้ตนพ้นผิด

ขณะที่เรื่องต่างๆกลายเป็นประเด็นปัญหาคาใจประชาชน บางคนก็เลือกที่จะรอฟังผลตัดสิน หรือบางคนอาจจะคาดเดาผลไว้ล่วงหน้าได้ โดยดูจากใครได้รับอำนาจในการพิพากษา ซึ่งนั้นหมายถึงการยอมรับว่า ความยุติธรรม อยู่ที่ ใครมีอำนาจตัดสิน

เหมือนการชกมวย สูสีไม่มีการชนะน็อค ที่ยินเสียงสารภาพ ยอมรับกันว่า การแพ้ชนะอยู่ที่กรรมการชาติไหน เป็นคนให้คะแนน... เล่นกันที่บ้านใครฝ่ายนั้นได้เปรียบ ซึ่งอาจจะเป็นผลทำให้วงการมวยตกต่ำลงไป เช่นเดียวกับการเมืองไทย ท่ามกลางที่ประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่าย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆจะตัดสินใจเข้าข้างฝ่ายของตน

แต่เชื่อเหลือเกินว่ายังมีหลายคนที่ยังต้องการความยุติธรรม และอยากจะเป็นกรรมการตัดสินเสียเอง แต่ก็ต้องอาศัยการใช้ ข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ อย่างในกรณี ที่ฝ่าย โกบูลย์ นำเรื่อง การถือหุ้นของอดีตนายกอบจ. มาใช้เป็นเหตุผลที่ทำให้ประชาชนตัดสินใจไม่เลือกอัญชลี ในขณะที่ อีกฝ่ายที่ตกเป็น จำเลย และยังไม่มีการวินิจฉัยจากคณะกรรมการกฤษฎีกา การพิพากษาจึงเป็นภาระหน้าที่ของประชาชน ซึ่งคงจะรู้ผลกันในวันนี้

ย้อนไปดูที่ข้อกล่าวหา ว่า อดีตนายกอัญชลี มีหุ้นส่วนอยู่ใน บริษัท ที่เป็นคู่สัญญา เช่าที่ดินอยู่กับ อบจ. ผู้กล่าวหาได้อ้างกฎหมาย มาตรา 44/1(3) แห่งพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 ได้กำหนดห้ามมิให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระทำการเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นหรือที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นจะกระทำ
ซึ่งข้อเท็จจริง นางอัญชลี ก็มีหุ้นในบริษัทอยู่จริง แต่ก็แก้ต่างว่า สัญญามีมานาน ล่าสุดมีการต่ออายุสัญญาก่อนตนจะมารับตำแหน่ง เมื่อได้เป็นนายกฯก็ไม่ได้ไปแตะต้องสัญญา ที่จะทำให้ก่อเกิดคุณประโยชน์ แก่บริษัทแต่อย่างใด และยังปรากฏความจริงว่า ค่าเช่ายังคงเท่าเดิม

ต้องยอมรับว่า หมิ่นเหม่มากเลยที่เดียว ขนาดผลการพิจารณาระดับจังหวัด ยังมีมติให้ อัญชลี พ้นข้อกล่าวหา ด้วยเสียง 5-4 ขณะที่ คณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ยังไม่มีผลการวินิจฉัย (ไม่รู้ต้องรอจนมีการแก้รัฐธรรมนูญกันก่อนรึป่าว)

หาก กฎหมายระบุให้ชัดเจนว่า การถือหุ้นในบริษัทคู่สัญญา เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ก็จะให้นางอัญชลี มีความผิด แต่ด้วยเหตุกฎหมาย ระบุไว้ว่า ห้ามไม่ให้ นายกฯ กระทำการเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ในสัญญาที่ อบจ. เป็นคู่สัญญา ซึ่งถ้าเป็น สัญญารับเหมา บริษัท ได้รับค่าจ้าง จาก อบจ. ซึ่งอาจจะเป็นการใช้อำนาจของนายกฯ ให้บริษัท ได้รับผลกระโยชน์จากการรับเหมา ก็คงจะฟันธงได้ ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรม

แต่ความจริงที่เกิดขึ้น คือ อำนาจของนายก อัญชลี ไม่ได้มีผลให้เกิดประโยชน์ใดๆ แก่บริษัท แปลเป็นไทยอีกที ก็คือ ใน 4 ปีที่ผ่านมาไม่ว่า นางอัญชลี จะได้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.หรือไม่ ก็ไม่มีส่วนทำให้บริษัท ได้รับประโยชน์ เพราะต้องเสียค่าเช่าเท่าเดิมอยู่ดี ...ถ้าคิดแบบนี้ อัญชลี ก็ไม่น่าจะมีความผิด

เหมือนเป็นการเสนอให้ประชาชนตัดสินใจว่า อัญชลี ผิดตามที่อีกฝ่ายนำมาใช้เป็นข้อกล่าวหาหรือไม่

หากคนที่เข้าใจไปตามที่ นสพ.ท้องถิ่นรายงานไปแล้วว่า มีการตัดสินให้ อดีตนายก มีความผิดจริง ก็ยิ่งทำให้ต้องลุ้นว่า การส่งข้อมูลผ่านหนังสือพิมพ์รายวันให้กับประชาชนเข้าใจกันว่า อดีตนายก มีความผิดจริงแล้วนั้น ยังจะทำให้ อัญชลี ยังคงรั้งเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้ หรือไม่

ความยุติธรรมจะอยู่ตรงไหน ถ้าประชาชนซึ่งเป็นผู้ที่ต้องตัดสินใจไม่ได้รับข้อมูลตามความเป็นจริง








 

Create Date : 20 เมษายน 2551    
Last Update : 20 เมษายน 2551 13:33:20 น.
Counter : 847 Pageviews.  

ภูเก็ต มอเตอร์ไซเคิ้ล เอ๊กซิบิชั่น 2008



//www.konthamkhao.com/MamboLaiThaiGlobalV4.5.5_MySQL5




 

Create Date : 15 เมษายน 2551    
Last Update : 15 เมษายน 2551 23:34:41 น.
Counter : 770 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

นายไวรัส
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หนุ่มวายร้าย นายตู่ศักดิ์
Friends' blogs
[Add นายไวรัส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.