|
มูลค่าทางเศรษฐกิจรั่วไหล คนไทยรับกรรม
เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา เป็น วันข้าราชการพลเรือน จังหวัดภูเก็ตนอกจากมีการมอบรางวัลแก่ข้าราชการดีเด่น เช่นจังหวัดอื่นๆ แล้วยังมีพิธีวางพวงมาลา สดุดี พระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี ผู้ที่ได้รับยกย่องให้เป็นข้าราชการดีเด่นด้านการปกครอง ในรอบ สองร้อยปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง) มีพ่อเป็นชาวจีน ( คอซูเจียง ) อพยพมาเป็นกรรมกรที่ปีนัง ก่อนจะมาทำการค้า ที่พังงา มามีภรรยาและได้รับการสนับสนุนเจ้าเมือง ต่อเรือล่องขนสินค้า ซื้อมาขายไปในแถบอันดามันชายฝั่งตะวันตก พบสายแร่ที่ระนอง ขอเป็นนายกอากรเก็บภาษี จนเป็นที่ไว้วางใจ ให้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมือง ในวัยเบญจเพส พระยารัษฎาฯ ได้มารับใช้เป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ 5 ด้วยความจงรักภักดี มีความสามารถ ได้รับแต่งตั้งให้เป็น เจ้าเมืองกระบุรี เจ้าเมืองตรัง กระทั่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริ ให้มีการปฏิรูปการปกครอง ท้องถิ่นมีอำนาจจัดการมากขึ้นในรูปแบบมณฑล ได้รับตำแหน่งเป็น สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต พระยารัษฎานุประดิษฐ์ สร้างผลงานไว้มากตั้งแต่ครั้งเป็นเจ้าเมือง เมื่อครั้งได้รับอำนาจในการจัดการเพิ่มขึ้น ผลงานก็ยิ่งโดดเด่นขึ้น โดยเฉพาะการจัดสรรผลประโยชน์จากคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น ด้วยระบบการจัดเก็บภาษี ทำให้มีงบประมาณมาจัดสร้างสาธารณูปโภค โรงเรียน โรงพยาบาล เครื่องเอ็กซเรย์นำเข้าเครื่องแรก ศาลากลางจังหวัดที่เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งแรก ถนนหนทางเชื่อมกันภายในและระหว่างระหว่างภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล พัทลุง ต่างเกิดจากรายได้จากการเก็บภาษีแร่ บ่อน ฝิ่น การค้าขายหรือเก็บดอกผลจากทุนคือแผ่นดิน มาพัฒนาบ้านเมือง อาจจะพูดได้ว่า หัวเมืองชายฝั่งตะวันตก ก็มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก ในครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯทรงปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น และมีพระยารัษฎาฯเข้ามาบริหาร จัดสรรแบ่งปันผลดอกผลจากแผ่นดินมานำมูลค่าจากทรัพยากรธรรมชาติมาสร้างสาธารณสมบัติ(รัฐสมบัติ) ทำให้เกิดสาธารณประโยชน์ และสวัสดิการ การศึกษา การแพทย์ ฯลฯ รายได้ส่วนใหญ่มาจากการค้นพบสายแร่แห่งใหม่ เปิดให้ต่างชาติมาเช่าที่ดิน แล้วเก็บภาษีจากปริมาณแร่ที่ขุดได้แบบอย่างสมน้ำสมเนื้อในเป็นอัตราที่สูง แต่ด้วยอำนาจต่อรอง ในฐานะ(ตัวแทน)เจ้าของอำนาจอธิปไตย(ในหลวง) กับความต้องการแร่ดีบุก ในยุคอุตสาหกรรมของโลกตะวันตก นายเหมืองก็ยังได้กำไร รัฐก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ พระยารัษฎาฯ ยังส่งเสริมกสิกรรม นำยางพารามาปลูกในภาคใต้ จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ สร้างความมั่งคั่งให้ประเทศ ปัจจุบัน แม้แร่ดีบุกจะหมดไป ต้นทุนทางธรรมชาติ ยังสร้างคุณค่าได้อย่างมหาศาล จากการท่องเที่ยว และที่อยู่อาศัย หากการแบ่งสรรมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนั้นมาใช้เป็นสาธารณูโภคพื้นฐาน รัฐสวัสดิการ มีสัดส่วนน้อยลงไป การปล่อยให้ทุนนอกเข้ามายึดครองต้นทุนทางธรรมชาติ และแสวงหาผลกำไร มูลค่าทางเศรษฐกิจย่อมรั่วไหล ความมั่งคั่งของประเทศก็สูญเสียไป (ไม่ต่างไปจากการบ่อนทำลายชาติ) ที่ร้ายไปกว่านั้น สาธารณูปโภคพื้นฐาน สวัสดิการที่รัฐควรจัดให้ ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาทำ คนที่รับกรรมคือประชาชน ตอนนี้ประเทศชาติต้องการคนอย่าง พระยารัษฏาฯ เข้ามาถืออำนาจอธิปไตย และใช้อำนาจนั้นเพื่อคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวเอง
Create Date : 07 เมษายน 2551 |
Last Update : 7 เมษายน 2551 12:01:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 457 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|