Group Blog
All Blog
|
เนรมิตอักษรา 5 บทที่ 5 ขอบเขตของเวลา
วราลีหย่อนกายบนเก้าอี้ตรงโต๊ะเขียนหนังสือหลังจากอาบน้ำอยู่ในชุดลำลองเตรียมพักผ่อน เธอครุ่นคิดถึงการหายไปอย่างไร้ร่องรอยของพระเอกหนุ่มราวกับเขาล่องหนได้ แต่เพราะกันดิศหายไปการแก้ตัวกับพ่อของเธอจึงสิ้นสุด พร้อมเก็บความคับข้องใจไว้ ขณะถูกตักเตือนในเรื่องกลับบ้านดึกกัมพลลืมช่วงเวลาที่ได้พบเจอกันดิศหมดสิ้น วราลีจึงรอดอย่างหวุดหวิดไม่ต้องแก้ตัวน้ำขุ่นๆ จนผิดศีล กลายเป็นบาปหนักหากต้องโกหกพ่อของตัวเอง ปลายหางตาเหลือบเห็นลูกแก้วแวววาวเปล่งแสงดึงดูดความสนใจให้หยิบของสิ่งนั้นขึ้นมามองใกล้ๆ หรืออำนาจลึกลับจากลูกแก้วนี้จะอ่อนแรงกันดิศจึงถูกแก้วนาครากลืนหายไป วราลีใช้เวลาสำรวจและจดจ้องลูกแก้วนั้นพักใหญ่ เมื่อไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมใดจึงวางของล้ำค่าลงในกล่องตามเดิม ต้นฉบับนิยายถูกพลิกหน้ากระดาษพร้อมทวนบทบาทที่ได้เจอวันนี้รวมถึงความต้องการของตัวละคร วราลีลงมือแก้ไขสิ่งต่างๆ โดยหวังว่าความเปลี่ยนแปลงจะถูกใจตัวละครเหล่านั้นไม่มีใครตำหนิเธอได้อีก พลันฉุกคิดถึงคำพูดของมาวินเรื่องราวในงานเขียนควรมีการนำเสนอเงื่อนงำ ปรุงแต่งจุดมุ่งหมาย และเพิ่มที่มาที่ไปให้มากขึ้น นักเขียนสาวจึงลงมือแก้ไขผลงานตั้งแต่เริ่มแรกอีกครั้งสิ่งที่ได้เผชิญเมื่อสัมผัสผ่านสายตากับความรู้สึก ภาพและเสียงทำให้ได้ข้อมูลในการบรรยายเพิ่มขึ้นทั้งสถานที่และตัวละครถูกเพิ่มเติมรายละเอียดตามที่ต้องการ วราลีระบายยิ้มอย่างพึงใจระหว่างขีดเขียนเพื่อแก้ไขผลงานเธอรู้สึกเพลิดเพลินและสนุกสนานไปกับการเติมแต่งตัวอักษร แต่เมื่อนึกถึงใครบางคน ความกระตือรือร้นที่เคยมีต้องหยุดชะงักลงเธอวางปากกาด้วยท่าทางครุ่นคิด เหตุใดกันดิศจึงหายไปโดยไม่บอกลาสักคำ และการที่เขาอยู่เคียงคู่กับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่โตไม่มีทางจะหายตัวไปแบบเงียบเชียบอย่างแน่นอน หรืองานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา...เรื่องราวในนิยายที่เดินทางผ่านตัวอักษรจึงมีกำหนดเวลาให้พบเจอ คิดได้ดังนั้น จิตใจก็วูบไหวหรือหลังจากนี้อาจไม่ได้เจอกับความอัศจรรย์เหล่านั้นอีกแล้ว วราลีเกิดสำนึกผิดเมื่อคิดได้ว่าเคยพูดจาไม่ดีกับกันดิศไว้ก่อนจากกันยังตั้งแง่โกรธเคืองเขาอีกด้วย นักเขียนสาวระบายลมหายใจอย่างนึกเสียดาย หากเป็นไปได้อยากย้อนเวลากลับไปเมื่อวานอีกครั้ง ความหดหู่ก่อเกิดจนไม่มีกะใจจะแก้ไขงานต่อเธอลุกจากเก้าอี้และก้าวขึ้นเตียงนอน อยากหลับใหล เผื่อความรู้สึกเวิ้งว้างในจิตใจจะเลือนสลายเมื่อตื่นขึ้นมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในวันพรุ่งนี้ ===== คิดถึง... เสียงละมุนแผ่วเบา ปลุกความรู้สึกให้คนนอนหลับค่อยๆฟื้นคืนสติ หลุดจากห้วงนิทรา ภวังค์สะลืมสะลือนำพาความคุ้นเคยผ่านท่วงทำนองเพลงที่ได้ยินบ่อยครั้งเสียงดนตรีลอยล่องแทรกผ่านอากาศ กลบเสียงแผ่วที่เอ่ยคำหวานเมื่อครู่นี้ แพขนตาหนากะพริบถี่ก่อนจะปรับความชัดเจนมองเพดานสีขาวภายในห้องวราลีเงี่ยหูฟังเสียงกีตาร์ที่ได้ยิน อยากรู้ว่าดังจากทิศทางใด แล้ว ใคร เป็นผู้แต่งแต้มความสุนทรีนั่งเล่นกีตาร์แต่เช้าตรู่
สายตาพร่ามัวชำเลืองมองไปทางบานหน้าต่างแสงรำไรโรยตัวทะลุผ้าม่านจนสว่างขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเสียงที่ตั้งใจฟังเมื่อครู่กลับเงียบกริบไปแล้วร่างผอมบางขยับเคลื่อนไหว ยืดแขนขาบิดกาย และหันไปด้านข้าง... ว้าย!วราลีร้องเสียงหลงพร้อมดึงตัวเองลุกขึ้นและกระโจนลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว แผ่นหลังบางเบียดกับตู้เสื้อผ้าด้วยจิตใจสั่นระรัวจ้องมองชายหนุ่มที่นอนยิ้มเผล่อยู่บนเตียงของเธอ ไงคิดถึงฉันเหรอ กันดิศพลิกกายนอนตะแคง นำมือเท้าศีรษะมองวราลีอย่างย่ามใจนึกอยากมาก็มา นึกอยากไปก็ไป ไม่ใส่ใจเจ้าของห้องจะต้อนรับตนเองหรือไม่ หญิงสาวพ่นลมหายใจหนักและปัดความตกใจทิ้งคำถามที่เกิดขึ้นมากมายเมื่อคืนนี้ผุดพรายในความคิดอีกครั้ง เมื่อกันดิศปรากฏตัว แต่การพบเจอกับเขาทำให้โล่งใจอย่างประหลาดที่สำคัญไม่ต้องเสี่ยงเป็นตากุ้งยิง เมื่อพระเอกในนิยายสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยทั้งท่อนบนและท่อนล่าง นายหายไปไหนมาวราลียกมือรวบผมทัดใบหู ไกล่เกลี่ยความสลวยไปด้านหลังไม่ให้ปกปิดใบหน้าใสไร้การแต่งแต้มใดเธอหลุบตาลงต่ำเมื่อรู้ตัวว่ายังไม่ได้ตอบคำถามก่อนหน้านี้ คิดถึงฉันเหรอ ออกไป เงื่อนไขของเวลากันดิศตอบ เงื่อนไข?หรือจะเป็นอย่างที่คิดไว้ เรื่องราวระหว่างโลกตัวอักษรจำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ซึ่งเธอไม่อาจล่วงรู้เงื่อนไขเหล่านั้นแววตาประหลาดใจมองทางกันดิศที่ขยับลุกขึ้นจากเตียงนอน และเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้า เวลาของฉันจะหมดลงตอนเที่ยงคืนของทุกวันแล้วจะกลับมาหาเธอได้อีกครั้งในตอนเช้า คำอธิบายของกันดิศทำให้วราลีนึกคิดตาม ท่าทางรีบร้อนของกันดิศเมื่อวานนี้ตั้งแต่เขานำพาเธอไปหาศีตลา ศึกษาและเรียนรู้เรื่องฉากกับสถานที่ ทำความรู้จักกับมาวินและส่งเธอยังหน้าบ้านจนหายตัวในที่สุด ทุกอย่างล้วนเกิดจากเงื่อนไขของเวลา แม้จะรู้สึกมึนงงอยู่บ้างแต่ยังดีกว่ากันดิศจากไปและไม่กลับมาหาเธออีก วราลีชำเลืองมองนาฬิกาที่ติดข้างฝาผนังนายจะอยู่ในโลกนี้ได้ตอนหกโมงเช้า แล้วจะหายตัวไปตอนเที่ยงคืน ฉันเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าและจะเป็นแบบนี้ทุกคืนไหม วราลีมองคนตัวสูงกว่าอย่างถามไถ่คงไม่เฉพาะเขาที่เลือนสลายไป แม้แต่รถมอเตอร์ไซค์และหมวกกันน็อกที่เธอสวมใส่ก็หายไปด้วยเช่นกันนักเขียนสาวไม่ทันเอะใจ มัวแต่คิดหาเหตุผลว่าทำไมกันดิศจึงหายไป และจะกลับมาอีกไหมเพียงเท่านั้น อืมตามนั้น กันดิศตอบพร้อมจ้องมองวราลีนิ่งๆ ทว่าในนัยน์ตาสีถ่านคู่นั้นกลับมีประกายหวาดหวั่นเกิดความรู้สึก กลัว ว่าสักวันเขาอาจไม่ได้กลับยังโลกแห่งนี้อีก ร่างบอบบางขยับกายเคลื่อนไหวไม่อยากให้ความเงียบยึดครองพื้นที่ แต่เมื่อขยับหนี กันดิศก็ขยับตามราวกับกลั่นแกล้งขวางทางและจับความรู้สึกของเธอ เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ซึ่งความจริงจังจนคนถูกถามอึกอัก พยายามหาทางหลบเลี่ยงจากคำถามคาดคั้นนั้น ทำไมฉันต้องคิดถึงตัวละครที่เข้ามาปั่นป่วนในชีวิตฉันด้วยไหนจะเรียกร้องให้แก้โน่นนี่นั่นในต้นฉบับ และยังแกล้งให้ฉันกลัวจนเกือบช็อกตาย เดี๋ยวจะมีอะไรออกจากนิยายมาทำให้ปวดหัวอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้วราลีเสมองทางอื่น ไม่ใส่ใจกันดิศที่ยักไหล่ทำไม่รู้ไม่ชี้กับประโยคพูดจาของเธอ จะกลัวอะไรในเมื่อเธอคุมชะตาชีวิตของพวกฉันเอาไว้ แล้วอีกอย่าง นิยายของเธอก็แค่แนวรักหวานแหววไม่ใช่นิยายสยองขวัญหรือแฟนตาซีหลุดโลก ที่มีตัวประหลาด ปีศาจ ฆาตกรโรคจิตซะหน่อย วราลีรู้สึกขนพองไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเช่นนั้นยังนับว่าโชคดีแค่ไหนที่นิยายของเธอเป็นแค่แนวรักโรแมนติกไม่ใช่อย่างที่กันดิศยกตัวอย่างไว้ หากเป็นเช่นนั้นจริง คงได้เผาผลงานทิ้งก่อนที่ตัวประหลาดทั้งหลายจะออกมาเดินเพ่นพ่านในโลกชีวิตจริง กุ้งแห้ง!เสียงเรียกชื่อทำให้ชายหญิงทั้งสองมองไปทางประตูห้องอย่างพร้อมเพรียงเมื่อจำได้ว่าเป็นเสียงของพ่อ วราลีจึงหันกลับมามองกันดิศอีกครั้งอย่างกระตือรือร้นและดึงให้เขาหาที่หลบซ่อนในเมื่อพ่อของเธอยังไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของพระเอกในนิยาย เธอก็อยากให้พ่อเข้าใจอย่างนั้นต่อไป จ้ะพ่อ!หนูกำลังจะออกไป วราลีกระวีกระวาดเปิดหน้าต่างห้องให้กันดิศปีนออกไปหลบอยู่ด้านนอกสักพัก เฮ้!จะทำอะไรฉัน เสียงห้าวร้องถาม หลบตรงนี้ก่อนเดี๋ยวฉันกลับมา นี่เธอจะบ้าหรือไงให้ฉันยืนตากแดดถ้าความร้อนทำฉันหลอมละลาย เธอจะรับผิดชอบยังไง กันดิศบ่นอุบระหว่างปีนออกไปตามคำสั่งแม้วราลีจะลังเลอยู่บ้าง แต่วิธีนี้คงดีที่สุดในเวลากระชั้นชิดอย่างนี้ เถอะน่ารับแดดตอนเช้าได้วิตามิน ขนาดฉันยังทนทานกับแสงแดดได้ ผิวหนังของนายคงไม่บอบบางไปกว่าฉันหรอกนะกล่าวจบ วราลีก็ปิดหน้าต่างมิดชิดและเดินไปเปิดประตู มีเพื่อนมาหารออยู่หน้าบ้าน กัมพลพูดด้วยท่าทางงัวเงีย เพราะเขาเองก็ถูก เพื่อน ของลูกสาวปลุกให้ตื่นจากหลับใหลเมื่อส่งข่าวเรียบร้อย กัมพลจึงเดินกลับไปนอนต่อในมุมของเขา วราลีนึกเอะใจเพื่อนมาหา ตามคำบอกกล่าวของพ่อหรือจะเป็นนิสาแวะเวียนมาเยือน แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเพื่อนสนิทของเธอเดินทางไปต่างประเทศและยังไม่ถึงกำหนดกลับด้วยซ้ำ สีหน้าหวานส่อแววประหลาดใจชำเลืองมองพ่อของเธอที่กำลังทิ้งตัวลงบนฟูกที่นอนไม่อยากเซ้าซี้กวนใจ แต่คงไม่ปล่อยให้ความสงสัยคาใจ วราลีจึงเดินไปหน้าบ้านเพื่อดูให้รู้ว่าใครมาหาเธอ นึกว่าจะปล่อยให้คอยเป็นชั่วโมงยืนจนน่องเกือบจะโป่งหมดแล้วน้ำเสียงหวานประชดประชันพร้อมผลักประตูมุ้งลวดเดินเข้าด้านใน ปล่อยให้เจ้าของบ้านนิ่งค้างราวกับถูกคำสาปเกิดคำถามผุดพราย ศีตลามาได้อย่างไรและมาด้วยสาเหตุใด หรือหล่อนต้องการแก้ไขต้นฉบับเพิ่มเติมวราลีพยายามหาคำตอบ เมื่อดึงสติกลับมาได้เธอจึงหันหาศีตลาที่เดินลิ่วเข้าห้องส่วนตัวอย่างถือวิสาสะ ปิดประตูมุ้งลวดถูกปิดสนิทนักเขียนสาวเหลือบมองกัมพลอย่างหวาดระแวง เกรงว่าเขาอาจสงสัยในความแปลกหน้าของหญิงสาวผู้มาเยือนทว่าพ่อยังนอนหันหลังไม่ใส่ใจโลก เธอจึงหายใจทั่วท้องก่อนก้าวเข้าห้องเพื่อซักถามเหตุผลกับผู้มาเยือน วราลีจ้องมองตัวละครสาวนั่งเชิดหน้าชูคอราวกับนางพญาบนเตียงนอนของเธอชุดนักศึกษารัดรูปมองเห็นทรวดทรงองค์เอว เนินอกอวบอิ่มเมื่อมองผ่านรอยต่อของเสื้อระหว่างกระดุมที่เผยอออกจนแทบปริ เธอรู้จักบ้านฉันได้ไงวราลีตั้งคำถามเมื่อละสายตาจากหุ่นอวบอิ่มอย่างนึกขวยเขิน ในเมื่อการแก้ไขต้นฉบับได้ผลจริงตามที่หล่อนต้องการก็ไม่น่ามีปัญหาใดให้ศีตลาเดินทางมาถึงที่นี่ หรือเหตุผลสำคัญกว่านั้นคือ กันดิศน้ำเสียงหนักแน่นที่เคยป่าวประกาศสะท้อนดังในใจฉันจะไม่ยอมให้เธอแย่งกันดิศไป ฉันจะทวงผู้ชายของฉันคืน ก็ไม่เห็นยาก ในเมื่อต้นฉบับที่ฉันเป็นนางเอกอยู่ที่นี่ทำไมฉันจะมาไม่ถูก ศีตลายกมือกอดอกเชิดหน้า ปลายหางตามองนักเขียนสาวอย่างไม่เป็นมิตรใจจริงหล่อนก็อยากเอ่ยขอบใจที่วราลีเปลี่ยนแปลงต้นฉบับจนได้ในสิ่งที่ต้องการทว่าช่างยากเย็นเหลือเกินเมื่อความหยิ่งผยองค้ำคอ ศีตลาขยับกายปัดไรผม เน้นให้เห็นเนินอกและสัดส่วนที่เปลี่ยนแปลง เธอจะมาขอบใจที่ฉันแก้ไขต้นฉบับให้เหรอวราลีถาม ก็ส่วนหนึ่งแต่แค่นิดเดียวนะ เรื่องพวกนั้นมันไม่ได้เป็นสาระสำคัญสำหรับฉันเท่าไรศีตลายังคงเชิดหน้าและ ปลายหางตามองผู้สร้างหล่อนอย่างอวดดี แต่ที่สำคัญ ฉันมาหาพี่กันตอนนี้เขาอยู่ไหน? นางเอกสาวกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะขยับลุกขึ้นเพื่อสำรวจทุกซอกมุมของห้องนี้หล่อนเปิดตู้เสื้อผ้า ส่องดูในห้องน้ำ ก้มมองใต้เตียง พยายามตามหาพระเอกในนิยาย เธอคิดว่าฉันซ่อนเขาไว้งั้นเหรอเราสองคนไม่ได้เป็นชู้กันนะ ไม่จำเป็นที่กันดิศต้องหลบซ่อนขนาดนั้น วราลีลอบถอนใจและต้องเม้มปากหนักเมื่อนึกขึ้นได้ เขาซ่อนตัวอยู่จริง แต่เพื่อหลบให้พ้นจากพ่อของเธอ ถ้าเธอไม่ได้ซ่อนเขาไว้แล้วตอนนี้พี่กันอยู่ไหน ศีตลากล่าวเสียงขุ่น ส่งสายตาเขียวปั้ดมองวราลีอย่างขัดใจ งั้นก็หาเขาให้เจอแล้วกันถ้าคิดว่าเขาอยู่ในนี้ นักเขียนสาวปัดความรำคาญ ไม่อยากใส่ใจใครหน้าไหนเธอคว้าผ้าขนหนูเตรียมตัวอาบน้ำ ปล่อยให้พระนางในนิยายตามหากันเอง ทว่ายังไม่ทันได้เข้าห้องน้ำสมใจศีตลาก็คว้าแขนและกำบีบไว้แน่นจนวราลีต้องสะบัดออกอย่างแรง ทว่านางเอกสาวยังตามเหนี่ยวรั้งไม่เลิก ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนจนกว่าจะเจอพี่กันของฉันศีตลาขึงตาดุระหว่างกำบีบข้อมือของวราลีที่พยายามขืนแรง ปล่อยฉันนะนักเขียนสาวข่มใจสงบสติอารมณ์ และยื้อแขนตัวเองกลับมา ไม่ปล่อย!ศีตลายิ้มเยาะพร้อมลอยหน้าลอยตากวนประสาท อยากให้ปล่อยก็เอาพี่กันคืนมาสิ ระหว่างสองสาวกำลังยื้อยุดกันนั้นพระเอกหนุ่มเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงตัดสินใจยุติปัญหาที่อาจตามมาในไม่ช้าหากศีตลาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ หล่อนคงวีนและเหวี่ยงใส่วราลีไม่เลิก เธอมาทำอะไรที่นี่เสียงแหบห้าวส่งผลให้หญิงสาวทั้งสองผละห่างจากกันโดยอัตโนมัติศีตลาอึกอักและปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม สาวเท้าเข้าหาพระเอกในนิยาย พี่กันไปยืนทำอะไรตรงนั้นคะไม่ร้อนหรือไง แดดข้างนอกแรงออกค่ะ ศีตลาถือวิสาสะเปิดมุ้งลวดหน้าต่างและโปรยยิ้มหวานเคลือบน้ำตาลให้กับชายหนุ่มที่ตีหน้านิ่งมองหล่อนอย่างต้องการคำตอบในสิ่งที่ถามไปเมื่อครู่นี้ เข้ามาก่อนค่ะ ศีอยากคุยด้วยศีคิดถึงพี่กันมากนะคะ บทคู่รักถามไถ่ระหว่างกันทำให้วราลีถึงกับพ่นลมหายใจเหนื่อยหน่ายอย่างนี้นี่เอง การเล่นละครตบตา เธอส่ายศีรษะระหว่างเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบของใช้ส่วนตัวและเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำภารกิจปล่อยให้พระนางในนิยายได้พูดคุยตามประสาคนรักต่อไป ===== เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงวราลีเดินออกจากห้องน้ำด้วยความสบายตัว พร้อมเพรียงในชุดเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกางเกงยีนส์ทะมัดทะแมงผมสลวยถูกปล่อยสยายและเสยลวกๆ เดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งความเงียบวังเวงทำให้ฉุกคิด พระนางในนิยายหายไปไหน นักเขียนสาวหยิบหวีแปรงขึ้นสางผมดวงตาคมเข้มมองผ่านกระจกสะท้อนเงาหาตัวละครของเธอ หรือสองคู่รักจะกลับดินแดนแห่งตัวอักษรไปแล้วเธอคิดในแง่ดี แต่เมื่อความคิดส่วนร้ายมีมากกว่า หัวใจเกิดกระตุกวูบเมื่อนึกถึงความลับที่อาจรั่วไหลหากพระนางในนิยายเกิดซุกซนเดินออกจากห้องและเจอพ่อของเธอ คิดได้ดังนั้น นักเขียนสาวจึงวางมือจากทุกสิ่งและสาวเท้าเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ร่างผอมบางหันซ้ายแลขวามองหาใครสักคนในบ้านหลังนี้ ทว่าปราศจาก ใคร ที่กำลังตามหารวมถึงพ่อของเธอด้วย แต่แล้ววราลีก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นกันดิศและศีตลายืนห่างจากประตูรั้วหน้าบ้านของเธอเล็กน้อย พระเอกหนุ่มยืนหันหลังพิงรถสีแดงกอดอกมองต่ำ รับฟังในสิ่งที่นางเอกสาวกำลังพูดจาคงปรับความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาบางอย่าง ทั้งสองคู่รักไม่ได้กลับโลกนิยายอย่างที่เข้าใจ จะมีก็แต่พ่อของเธอที่หายไปวราลีกวาดตามองทางอื่น เห็นหลังของชายวัยกลางคนกำลังเดินไปทางหน้าปากซอย เขาคงหากาแฟดื่มเฉกเช่นทุกวันวราลีคิดก่อนหมุนตัวกลับเข้าบ้านอีกครั้ง กระเป๋าสตางค์สีดำใบเหมาะมือถูกหยิบใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังเธอคว้าต้นฉบับนิยายกับดินสอสีถือไว้แนบอก เดินออกจากห้องพร้อมงับประตูปิดไว้ ออกไปทำงานรึ อ้าวพ่อ! ทำไมกลับมาไวจังเมื่อกี้เห็นเดินไปหน้าปากซอยไม่ใช่เหรอ วราลีมองตามพ่อของเธอที่เดินสวนเข้ามาในบ้านและทรุดกายนั่งกองกับพื้นอย่างอ่อนแรงกัมพลนั่งพิงกำแพงพร้อมชันเข่าและนำมือกุมขมับ สีหน้าไม่สู้ดี มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะทำไมดูเครียดๆ หรือไม่สบาย ปวดหัว คล้ายจะเป็นลมเลยกลับมานั่งพัก เป็นอะไรมากไหมวราลีมองพ่อของเธอด้วยแววตาห่วงใยระหว่างยอบกายนั่งลงด้านข้าง เธอยกมืออังหน้าผากวัดอุณหภูมิในร่างทว่าปกติ ร่างกายของเขาไม่ร้อนจนปรอทแตกและไม่เย็นเยือกอย่างน้ำแข็งขั้วโลก แต่ลูกสาวกลับกังวลในอาการน่าเป็นห่วงนั้นแม้กัมพลจะชอบดื่มสุราเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะล้มป่วยหรือมีอาการเช่นนี้มาก่อน หากได้กินเหล้าสักหน่อยคงหายกัมพลกล่าวพร้อมส่งสายตาเว้าวอนให้ลูกสาว ความห่วงใยที่มีก่อนหน้านี้ถูกทำลายสิ้นวราลีมองพ่อของเธอตาเขม็ง รู้สึกฉุนเฉียวอย่างกะทันหัน ที่แท้ก็ไม่มีเงินกินเหล้าไม่ต้องตีหน้าเศร้านะพ่อ หนูไม่ให้เด็ดขาด กล่าวจบ เธอก็หยิบข้าวของที่วางกองกับพื้นลุกขึ้นด้วยอารมณ์ขัดใจ แกไม่สงสารพ่อเหรอกุ้งแห้งมันเปรี้ยวปาก ครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด วราลีพ่นลมหายใจพร้อมกรอกสายตาขึ้นสูงเหนื่อยหน่าย กี่ครั้งกี่หนที่กัมพลทำให้เธอยอมใจอ่อน และเมื่อแข็งข้อเขาก็ประท้วงด้วยการค้นหาเงินที่เธอซุกซ่อนไว้ในห้องนอน นำไปซื้อสุราจนหมดเกลี้ยง หลังจากนี้ต่อให้ถูกกล่าวหาว่าใจร้ายใจดำ คงต้องยอมให้เป็นอย่างนั้นเพื่อสุขภาพของพ่อและเงินทองที่ต้องเก็บหอมรอมริบเพื่อใช้จ่ายในครอบครัว หนูขอโทษที่อกตัญญูวราลีสาวเท้าออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่ใจอ่อนให้กัมพลนำเงินไปซื้อความมัวเมาในฤทธิ์สุรา เมื่อเดินพ้นขอบเขตบ้านหางตาก็เห็นตัวละครของเธอยืนเคียงข้างกระหนุงกระหนิง เกิดรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเธอจึงยกต้นฉบับขึ้นและเขียนตัวอักษรลงไป -ศีตลา...เธอจงไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้- เขียนจบวราลีก็เหล่มองทั้งคู่ก่อนปั้นปึงเดินจากไป ไม่ใส่ใจหรือรอชมผลงานว่านางเอกสาวจะหายไปจากสายตาอย่างที่เขียนในต้นฉบับหรือไม่สองเท้าก้าวฉับๆ ให้พ้นจากภาพขัดหูขัดตา พี่กันคิดถึงศีบ้างหรือเปล่า กันดิศมองตามหลังหญิงสาวอีกคนที่เดินปั้นหน้าบึ้งตึงไม่ทราบว่านักเขียนสาวของเขาไปกินรังแตนที่ใดมา ในเมื่อเขากับศีตลาก็ไม่อยู่ขวางหูขวางตาเสียหน่อย เพียงไม่นานความผิดปกติก็เกิดขึ้นพี่กานนน ศะ ศี ถามมม ทำมายยย ม่ายยย ตอบบบ เสียงใสยืดยาวราวกับเทปหมดอายุกันดิศหันมองศีตลาที่เคยกอดแขนเขาไว้ ร่างกายของหล่อนค่อยๆ เลือนสลาย ล่องลอยหายไปกับสายลม พระเอกหนุ่มหลุดขำและมองทางวราลีอีกครั้งเธอคงทำบางอย่างกับต้นฉบับ ศีตลาจึงเลือนสลายอย่างนี้ ===== รถโดยสารจอดสนิทยังป้ายรถประจำทางร่างบอบบางก้าวลงจากรถและเดินต่อยังทางเขาคอนโดหรูหราวราลีมองตึกสูงตระหง่านกว่ายี่สิบชั้น พลางนึกในใจ ตั้งแต่ได้เจอเรื่องอัศจรรย์ในนิยายเธอก็ลืมคนรักไปเสียสนิทแม้บางจังหวะอาจเห็นกันดิศเป็นศาสวัตรอยู่บ้างจนความคุ้นเคยซึมซับผ่านความรู้สึกอย่างง่ายดาย แต่ขณะนี้เธอว้าเหว่จึงนึกถึงศาสวัตรขึ้นมา... วราลีหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นค้นหาคีย์การ์ดที่ศาสวัตรเคยให้ถือครองไว้เผื่อวันใดเธออยากมาหาเขาที่คอนโดแห่งนี้จะได้สะดวก ทว่าค้นหาเท่าไรกลับไม่เจอคีย์การ์ดนั้นวราลีได้แต่ภาวนาขอให้ศาสวัตรพักอยู่ภายในคอนโดวันนี้ ลิฟต์เคลื่อนที่จากโถงล็อบบี้สู่ชั้นบนของคอนโดสูงแสงไฟสีส้มสว่างไล่เลขชั้นจนหยุดนิ่งยังปลายทาง ร่างบางก้าวออกจากลิฟต์และเดินต่อยังห้องของศาสวัตรทันทีพลันฉุกคิดได้เมื่อค้นหาบางอย่างไม่พบ ช่วงนี้สมองเลอะเลือนหรืออย่างไร จึงหลงลืมโทรศัพท์มือถือทุกครั้งที่ออกจากบ้านคงเพราะอารมณ์หงุดหงิดชั่ววูบทำให้ลืมทุกอย่างหมดสิ้น บานประตูหนาถูกเคาะเป็นจังหวะส่งสัญญาณให้คนด้านในรับรู้ถึงการมาเยือน ทว่าไม่มีการตอบรับใดหรือศาสวัตรจะไม่อยู่ในห้องเวลานี้ วราลีระบายลมหายใจเหนื่อยล้าพร้อมหมุนตัวกลับและเดินคอตกกลับไปที่หน้าลิฟต์ วันนี้คงไม่ได้พบกับศาสวัตรเขาคงมีธุระเดินทางไปที่อื่น วราลีเชื่ออย่างนั้น นักเขียนสาวเดินออกจากลิฟต์เมื่อลงมาถึงโถงล็อบบี้ของคอนโดและหยุดยืนอยู่หน้าตึกสูง สายตาทอดมองไปตามท้องถนน นึกคิดถึงสถานที่ซึ่งอยากไปนั่งเล่นเพื่อฆ่าเวลาเบื่อหน่ายแต่แล้วหางตาก็เห็นรถยนต์คันหรูหราซึ่งคุ้นชิน พี่ศาส วราลีพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นศาสวัตรขับรถยนต์คันนั้น และมีหญิงสาวอีกคนนั่งอยู่ด้านข้าง... To be continued... |
มาโซคิส
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?] เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล Blood A_Blood Type Series เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
Link |