กลุ่มทรู แจงผลประกอบการไตรมาส 3/2556 เผยกวาดรายได้กว่า 17,000 ล้านบาท ชี้เป็นผลสำเร็จจากการทำตลาด พร้อมสานต่อกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์...
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2556 โดยระบุว่า กลุ่มทรูมีรายได้จากการให้บริการโดยรวม จำนวน 17,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า จากรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของบริการเสริมที่ไม่ใช่เสียง (นอนวอยซ์) ของทรูมูฟ เอช และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ของทรูออนไลน์ ทำให้สามารถชดเชยค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการขยายโครงข่ายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กลุ่มทรูมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า เป็น 4,000 ล้านบาท
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ศักยภาพความพร้อมของกลุ่มทรูในการให้บริการลูกค้าเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด รวมถึงการมีคอนเทนต์คุณภาพระดับโลกที่หลากหลายและครบถ้วน เป็นปัจจัยส่งเสริมให้จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้รายได้จากการให้บริการของกลุ่มทรูเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ณ ช่วงสิ้นไตรมาส 3 ปี 2556 กลุ่มทรูโมบายล์มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 22.4 ล้านราย เป็นผลจากการมีเครือข่ายคุณภาพสูงผ่านเทคโนโลยี 4จี แอลทีอี และ 3จี ที่ครอบคลุมของทรูมูฟ เอช และการนำเสนอแพ็กเกจค่าบริการที่คุ้มค่าร่วมกับดีไวซ์หลากหลายรุ่น ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม
นอกจากนี้ ผลตอบรับที่ดีจากการขยายพื้นที่ให้บริการไปสู่พื้นที่ใหม่ในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องของทรูออนไลน์ ซึ่งครอบคลุมกว่า 4.0 ครัวเรือน ใน 61 จังหวัด ร่วมกับการนำเสนอแพ็กเกจ "สุขX2" ที่มอบความคุ้มค่าแก่ลูกค้าจากการรวมบริการ ULTRA hi-speed Internet จากทรูออนไลน์ และเคเบิลทีวีจากทรูวิชั่นส์เข้าด้วยกัน ส่งผลให้ทรูออนไลน์มีจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์รายใหม่สุทธิ 68,200 ราย คิดเป็นฐานลูกค้ารวม 1.75 ล้านราย ขณะที่ ทรูวิชั่นส์ยังคงเดินหน้าพัฒนาคุณภาพการให้บริการ สรรหาคอนเทนต์คุณภาพ และปรับเพิ่มช่องรายการในระบบ HD ถึง 50 ช่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มของทรูวิชั่นส์ และสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า ทั้งนี้พัฒนาการใน 3 ธุรกิจหลักนี้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนความสำเร็จของยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการสื่อสารครบวงจรของกลุ่มทรู ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กลุ่มทรูได้รับรางวัล Top 500 Asia Brand โดย เป็น 1 ใน 500 แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดในเอเชีย เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งทรูเป็นบริษัทด้านการสื่อสารโทรคมนาคมไทยเพียงรายเดียวที่ติดอันดับ เกณฑ์รางวัล จากสมาคม Asia Brand ร่วมกับองค์กรและสื่อชั้นนำในประเทศจีน นอกจากนี้ การได้รับรางวัลที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง คานส์ อวอร์ดส์ ในประเภทรายการสารคดีโทรทัศน์ สาขา การศึกษา ของสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 2 ซึ่งเป็นรายการเดียวจากไทยและภูมิภาคเอเชียที่ได้รับรางวัลนี้ยิ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์คอนเทนต์คุณภาพอย่างต่อเนื่องของกลุ่มทรู และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ทรูอีกด้วย
นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน กล่าวว่า แผนปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินของบริษัทให้ดีขึ้นมีความคืบหน้าในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะความชัดเจนหลังจากการได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้กลุ่มทรูเข้าทำธุรกรรมกับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และขายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของ 8 บริษัทย่อยที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของกลุ่มเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งหากบริษัททำได้ตามแผนที่ตั้งไว้ โครงสร้างเงินทุนของกลุ่มทรูที่ดีขึ้นจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้น มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น และพร้อมที่จะรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคตอีกด้วย.