สพธอ. เผยความร่วมมือของ 8 องค์กร ลงนามยกระดับการกำกับดูแลตนเองด้านเนื้อหา พร้อมกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมบนสื่อออนไลน์ ครั้งแรกของเมืองไทย...
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. (ETDA) กระทรวงไอซีที เปิดเผยว่า สพธอ.ได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) เพื่อการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ระหว่าง 8 องค์กร ได้แก่ สมาคมความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ, สมาคมไทยแลนด์พีเคไอ, มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย, สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย, สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย, กูเกิล เอเซีย แปซิฟิค, อีเบย์ อินเตอร์เนชั่นเนล เอจี (Ebay International AG) และสพธอ. จากการเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างมั่นคงปลอดภัย รวมถึงการดูแลการติดต่อสื่อสารออนไลน์ ให้อยู่บนพื้นฐานของสิทธิและเสรีภาพที่ไม่กระทบสิทธิของผู้อื่น
ทั้งนี้ การจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา ด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights) ความมั่นคงปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Security) การจัดทำแนวทางการกำกับดูแลตนเองของผู้ให้บริการ (Self-regulation) และการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเสริมสร้างภาพลักษณ์เอกลักษณ์ของชาติ โดยผ่านการหารือถึงแนวทางการดำเนินการภายใต้กรอบข้อตกลงความร่วมมือข้างต้นของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจนได้ข้อสรุป
"สพธอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหวังว่าการผสานความร่วมมือครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นนี้จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นในการใช้อินเทอร์เน็ตสำหรับการทำธุรกรรมออนไลน์ทุกรูปแบบให้เกิดความมั่นคงปลอดภัย และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทยต่อไป" นางสุรางคณา กล่าว
ผู้อำนวยการ สพธอ. กล่าวต่อว่า กลุ่มพันธมิตรที่เข้าร่วมข้อตกลงครั้งนี้มีชื่อว่ากลุ่ม Making Online Better หรือชื่อย่อว่า MOB หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Thai Online Self-regulation Community (TOSC) โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการยกระดับสังคมออนไลน์ ทั้งนี้การดำเนินงานในระยะเริ่มแรกของกลุ่ม Making Online Better ภายใต้กรอบความร่วมมือได้มีการจัดทำแนวทางการจัดทำมาตรฐานทางจริยธรรม (Code of Conduct) ในการดูแลเนื้อหาบนสื่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมฉบับแรกสำหรับการดูแลสื่อออนไลน์ของผู้ให้บริการ เพื่อให้มีกระบวนการที่ชัดเจนในการจัดการเนื้อหาที่อาจกระทบต่อสิทธิของผู้อื่น อันเป็นการผิดต่อกฎหมาย และอาจมีผลกระทบทำให้ผู้ให้บริการต้องรับผิดจากการกระทำของบุคคลที่สาม
จากรายงานสถานการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยคอมพิวเตอร์ ตามรายงานประจำปีของศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย (ThaiCERT) พบว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2555 ประเภทภัยคุกคามด้านสารสนเทศที่ได้รับรายงานสูงสุด คือประเภท Botnet ซึ่งมีค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ประมาณ 259,000 รายการ รองลงมาคือ Spam มีค่าเฉลี่ยประมาณ 100,000 รายการต่อสัปดาห์ ปัญหาเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งด้านสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศเป็นอย่างมาก ประกอบกับรูปแบบการนำเสนอข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้มีการสื่อสารและแสดงออกในรูปแบบที่หลากหลายอันนำไปสู่การเผยแพร่ข้อมูล หรือแสดงความคิดเห็นในทางที่ไม่เหมาะสม แต่การจะจัดการกับปัญหาเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นประเด็นข้อถกเถียงระหว่างสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน กับความมั่นคงปลอดภัยในด้านต่างๆ ของรัฐ.