3 ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาพุทธชี้  ข่าวฉาววงการสงฆ์  มีส่วนทำให้สังคมหวั่นไหว ย้ำพุทธศาสนิกชนร่วมกันปกป้อง อย่าโยนเป็นหน้าที่ของสถาบันสงฆ์อย่างเดียว ชี้บนโลกออนไลน์ทุกคนสามารถช่วยจรรโลงศาสนาได้...

พระครูวินัยธรธีรวิทย์ ฉนทวิชโช ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ไทย กล่าวในงานสัมมนา “ความหวัง ความศรัทธา กับพุทธศาสนายุคไซเบอร์” จัดโดยหลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม ว่า ปัญหาของสงฆ์  ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น  แต่เกิดมานานนับ 10 ปีแล้ว แม้ว่ากระบวนการนำบุคคลเข้าสู่เพศบรรพชิต  จะมีเป็นขั้นตอนอยู่ แต่ไม่สามารถที่จะเข้าไปแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากขาดองค์กรที่จะมาพิทักษ์พระพุทธศาสนา ที่ได้เสนอร่างเข้าสู่กระบวนการทางรัฐสภา  แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

“ ถึงวันนี้เรา ต้องถามกลับว่า  บุคคลในสังคมเห็นพระสงฆ์เป็นส่วนหนึ่งของสังคมหรือเห็นเป็นส่วนที่แปลกแยกออกไป  ซึ่งหากเห็นว่าเป็นส่วนหนึ่ง  ก็จะต้องร่วมกันรับผิดชอบ  โดยมีวิธีการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ” พระครูวินัยธรธีรวิทย์   กล่าว

สำหรับ สื่อมวลชนการที่นำภาพ หรือนำคลิป ของพระสงฆ์ ที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม มาเผยแพร่  ก็เป็นเรื่องที่ดี เพื่อที่จะได้ทราบว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว แต่สื่อไม่ควรทำแค่เพื่อขายประเด็น หรือเรียกเรทติ้ง แต่ว่าควรจะเล่นข่าวจนจบทั้งกระบวนการ และหาทางออกจนแต่ละกรณียุติลง ไม่เช่นนั้น เรื่องก็จะเงียบหายไปและสื่อเพียงแต่จะรอให้มีเหยื่อรายใหม่ เกิดขึ้น  ก็จะเล่นข่าว เพื่อเรียกกระแสเท่านั้น

ด้าน นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา บรรณาธิการฝ่ายข่าวเดลินิวส์ทีวี และบรรณาธิการประจำรายการข่าว 5 หน้า 1 ททบ. 5  กล่าวว่า การพิจารณาข่าวของพระสงฆ์ ในการนำเสนอออกหน้าสื่อนั้น นอกจากจะดูถึงเรื่องความน่าสนใจของตัวข่าว และเนื้อข่าวแล้ว จะต้องไตร่ตรองถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสังคมด้วย ทั้งนี้ เห็นว่า ศาสนาไม่ใช่เรื่องสนุกที่บุคคลจะนำมาล้อเล่นได้  บุคคลที่ประกาศตัวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ด้วยการออกบวชแล้ว ต้องให้ความเคารพ  ด้วยการปฎิบัติตามกฎของสงฆ์ อย่างซื่อสัตย์ และจะต้องละอายกับการทำความผิด แม้ความผิดเล็กๆ แค่อาบัติ และยอมรับว่า มีประชาชนโทรมาบริภาษ ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงบ่อยๆ  ว่าสื่อมวลชนเป็นตัวทำลายศาสนา

บรรณาธิการฝ่ายข่าวเดลินิวส์ทีวี กล่าวต่อว่า การจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง ตามหลักธรรมะไม่ใช่เพียงหน้าที่ของพระสงฆ์ แต่ว่าบุคคลที่นับถือศาสนาอย่างอุบาสก อุบาสิกา ก็ต้องช่วยกันสอดส่อง รู้ทัน และอย่าหลงไปยึดติดกับตัวบุคคล และระบุว่าศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่ว่าสงฆ์บางรูปที่ไม่ได้ทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนาตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่กลับปฏิบัติตัวเป็นเจ้าของศาสนา ต่างหากที่กำลังเป็นสิ่งที่ทำให้สงฆ์ส่วนรวมเสื่อมไป

ด้าน พันโท ประสม สินทอง หัวหน้าแผนกศาสนพิธี กองอนุศาสนาจารย์ กรมเสมียนตรา กล่าวว่า ปัจจุบันพระสงฆ์เป็นผู้นำด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปมาก  เนื่องจากปัจจัยด้านสังคมเปลี่ยนถ่ายจากยุคก่อน พระสงฆ์มีการปรับตัว ขณะที่ ญาติโยม เมื่อมีความศรัทธา ก็ทำบุญด้วยการบริจาคให้มาก และนำสิ่งของที่ไม่เหมาะสมถวายเพื่อบำรุงความสุขให้ท่าน  เช่น เครื่องบิน  โดยสิ่งเหล่านี้ ก็อาจจะทำให้พระสงฆ์  หลงไปกับวัตถุนิยมได้ง่าย

ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนนำภาพหรือคลิปพระสงฆ์ มาเผยแพร่  มีทั้งดีและไม่ดี ส่วนที่ดีสำหรับญาติโยม เพราะจะได้เป็นโอกาสให้ศึกษา และเตือนสติชาวพุทธ ว่าจะต้องมีสติ ใช้ปัญญาไตร่ตรอง และไม่ยึดติดกับตัวบุคคล จึงจะเข้าถึงพระธรรม ส่วนที่ดีสำหรับพระสงฆ์ จะทำให้ท่านได้สำรวมระวังยิ่งขึ้น

ในการสัมมนายังเห็นตรงกันว่า อยากให้ทุกฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตนเองให้ดี และให้ทำใจยอมรับแต่ในฐานะพุทธศาสนิกชนต้องศึกษาหลักธรรมะด้วยการใช้สติปัญญาแล้วนำมาปฏิบัติต่อจากนั้นนำไปบอกต่อเผยแพร่ต่อและสุดท้ายคือต้องปกป้องคุ้มครองพุทธศาสนา

นอกจากนั้น ยุคปัจจุบันซึ่งเป็นโลกออนไลน์ พระสงฆ์เองก็สามารถใช้สื่อในการเผยแผ่หลักธรรมได้ง่ายขึ้น แต่มีภาพที่ทำให้เกิดความเสื่อมปรากฏออกมาได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นพุทธศาสนิกชนต้องมีสติร่วมกันเผยแพร่เรื่องดีๆ  อาทิ หลักธรรมของพระดีๆ ออกสู่สังคมในวงกว้างด้วย ก็จะเป็นการช่วยจรรโลงพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง.