กสทช.ได้ฤกษ์เปิดช่องผู้ประกอบการเคเบิลทีวี-ทีวีดาวเทียม ยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการฯ 3 ฉบับ ประเดิมก่อนปีแรก ก่อนดูพฤติกรรมขยายต่อ 14 ปี แถมไม่จำกัดจำนวนถือครอง...
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. กล่าวภายหลังเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อทำความเข้าใจต่อประกาศ กสทช. ที่เกี่ยวกับการออกใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 3 ฉบับ ได้แก่ 1. การให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ 2. การให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ และ 3. การให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ว่า ประกาศ 3 ฉบับเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์แบบกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ อาทิ เคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม ซึ่งจะจัดสาธิตการปฏิบัติและเปิดให้ผู้ประกอบกิจการมายื่นขอใบอนุญาต หรือไลเซ่นส์ พร้อมทั้งซักถามข้อสงสัยในเอกสารต่างๆ โดยจัดเตรียมเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก จำนวน 15 บูธ ในวันที่ 2-3 พ.ย.2555 เวลา 8.30-17.00 น. ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ ชั้น 4 ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ และหากพ้นระยะเวลาดังกล่าวไปแล้ว ผู้ประกอบการสามารถยื่นได้ที่สำนักงาน กสทช. ซ.พหลโยธิน 8 (ซ.สายลม) ได้ แต่อาจไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่มากนัก
ประธาน กสท. กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการเคเบิลจำนวน 900 โครงข่าย และมีผู้ให้บริการ 500 ราย ส่วนทีวีดาวเทียม มีช่องรายการ 500 ราย และมีโครงข่ายจำนวน 10-20 ราย โดยคาดการณ์ว่าจะเร่งออกใบอนุญาตสำหรับผู้ที่ยื่นขอช่วงแรกได้ภายในเดือน พ.ย.2555 หรือ 1 เดือนนับจากนี้ โดยผู้ประกอบการเคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม เป็นรายแรกที่ได้รับใบประกอบอนุญาต ซึ่งใบอนุญาตช่องรายการ ได้รับใบอนุญาต 1 ปี แต่ถ้าไม่ได้กระทำการใดที่ผิด กสท.ก็จะออกใบอนุญาตระยะเวลาอีก 14 ปี ขณะที่ใบอนุญาตโครงข่ายให้ระยะเวลา 15 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสพัฒนาโครงข่ายต่อไป โดยไม่จำกัดจำนวนไลเซ่นส์ผู้ประกอบการ ส่วนผู้ประกอบการฟรีทีวีต้องไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาสัมปทานเดิม แต่ถ้าต้องการมายื่นขอก็ต้องเป็นธุรกิจใหม่เท่านั้น
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กสท.ได้เปิดรับฟังความเห็นสาธารณะ หรือประชาพิจารณ์ ร่างประกาศ กสทช. 3 ฉบับ ประกอบด้วย เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์เป็นการทั่วไป เรื่อง การกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และเรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการสำหรับให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์
พ.อ.นที กล่าวอีกว่า ประกาศทั้ง 3 ฉบับ เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภคให้ชัดเจน โดยเฉพาะในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเป็นทีวีดิจิตอล และยังกำหนดให้ต้องให้บริการรายการเป็นการทั่วไปเป็นการเฉพาะแก่ประชาชน เช่น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เอเชียนเกมส์ การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย รวมทั้งยังเป็นการลงลึกในตัวกฎหมายมากขึ้น เช่น เรื่องการปรับผังรายการ โดยจะปิดรับความเห็นในวันที่ 5 พ.ย. จากนั้นจะรวบรวมและปรับปรุงแก้ไขก่อนนำเสนอสู่ที่ประชุมบอร์ด กสท. และบอร์ดใหญ่ กสทช. ก่อนนำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป