//www.kumarntalk.com/topic/313ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ในช่วงเข้าพรรษาเป็นโอกาสดีที่พระสงฆ์ที่สูบบุหรี่จะได้เริ่มต้นที่จะลด ละ เลิกการสูบบุหรี่ ทั้งนี้ จากการที่มูลนิธิเคยระดมความคิดมีข้อสรุป ในมาตรการที่ควรช่วยให้พระสงฆ์สูบบุหรี่น้อยลง แบ่งเป็น 4 เรื่อง ได้แก่ 1.นโยบายของวัดในเรื่องการไม่สูบบุหรี่ต้องเข้มแข็ง คนที่จะบวชต้องไม่สูบบุหรี่หรือต้องเลิกบุหรี่ก่อนบวช โดยวัดไม่รับบวชคนที่สูบบุหรี่ วัดควรขยายอาณาเขตให้ทั้งวัดเป็นเขตปลอดบุหรี่ และเจ้าอาวาสเป็นแบบอย่างที่ดี
2.เสนอให้มหาเถรสมาคมพิจารณากำหนดนโยบายในเรื่องต่างๆ เช่น ออกกฎเรื่องวัดปลอดบุหรี่ ให้อำนาจเจ้าอาวาสดำเนินการ รวมถึง พิจารณาว่าหมาก พลู บุหรี่ ยานัตถุ์ เป็นสิ่งที่สมณะควรบริโภคหรือไม่ และควรจัดยาสูบไว้ในศีลข้อ 5 เนื่องจากเป็นสารที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
3.บทบาทของพระสงฆ์โดยตรง พระควรเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมไทยด้วยการไม่สูบบุหรี่ พระไม่รับประเคนบุหรี่ที่ญาติถวาย ร่วมกันเผยแพร่เรื่องห้ามถวายบุหรี่ ควรเตือนพระสงฆ์ที่สูบบุหรี่ให้เลิก ป้องกันไม่ให้สามเณรสูบบุหรี่ และกรณีที่เลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ ต้องไม่สูบให้คนเห็น 4.บทบาทของพุทธศาสนิกชน ญาติโยมช่วยกันเตือนพระที่สูบบุหรี่ให้เลิก สร้างจิตสำนึกประชาชนว่า วัดเป็นเขตปลอดบุหรี่ และปฏิบัติตามกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในวัด
"ต้องรณรงค์อย่างจริงจังว่า การสูบบุหรี่ผิดศีลข้อ 5 เพราะเป็นสิ่งเสพติดผิดหลักคำสอนของพุทธศาสนา และควรพัฒนากระบวนการรักษาการสูบบุหรี่ของพระสงฆ์ เพราะพระสงฆ์คงจะไม่มารับบริการการรักษาที่โรงพยาบาลโดยตรง หากพระสงฆ์ยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ ก็ไม่ควรสูบให้คนอื่นเห็น ส่วนในช่วงเข้าพรรษาควรปฏิเสธถ้าญาติโยมถวายบุหรี่ และแจ้งให้ประชาชนรู้ว่า การถวายบุหรี่แก่พระสงฆ์ถือเป็นการทำบาป" ศ.นพ.ประกิตกล่าว