bloggang.com mainmenu search



บทที่ 9 กรินทร์ไปไหน เลขาฯ ต้องไปด้วย (ไม่ปล่อยให้คลาดสายตา)

ร้านที่กรินทร์พาดาวลดาไปกินเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่อีกอำเภอหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน เขาใช้เวลาขับรถประมาณสิบกว่านาที เป็นร้านอาหารที่มีเมนูอาหารหลากหลายเกือบครบทั่วทุกภาค ข้างในจัดเป็นซุ้มประดับด้วยกระถางต้นไม้ปิดกั้นสายตาจากโต๊ะข้างเคียง ระหว่างนั่งรถดาวลดาโทรบอกปลัดก้องเรื่องการเลื่อนนัด น้ำเสียงเขาดูผิดหวังในตอนแรก แต่พอรู้ว่าเธอเสนอให้เป็นตอนเย็นเขาก็ยินดีและดูจะเต็มอกเต็มใจมากกว่า

ดาวลดายังหน้าร้อนไม่หายกับประโยคสุดท้ายของเขา ‘ในเวลางานคุณเป็นสิทธิ์ของผม’ เธอคิดว่าเขาคงหมายถึงอำนาจที่เกี่ยวกับเรื่องงาน แต่ประโยคก็แสนกำกวมจนฟังดูเหมือนเธอเป็นสิทธิ์ของเขาในทุกด้าน เขาคงพูดโดยไม่คิดอะไรหรอก เป็นเธอต่างหากที่เก็บมาคิดไปเองราวกับตัวเองมีความสำคัญ!

“ปลัดก้องคงจะไม่ชอบขี้หน้าผมแล้วสินะ” กรินทร์เปรยขึ้นหลังจากสั่งอาหารไปแล้ว

“ไม่หรอกค่ะ ปลัดก้องไม่ได้ว่าอะไรเลย” เธอพูดไม่ตรงกับความจริงนัก

ชายหนุ่มทำหน้าไม่เชื่อถือนัก “ถ้างั้นก็แสดงว่าเป็นคนมีเหตุผลมาก เข้าใจอะไรได้เป็นอย่างดี แล้วคุณล่ะโกรธผมหรือเปล่า”

ดาวลดาเลิกคิ้ว “ถ้าเป็นเรื่องที่คุณช้างพาดาวออกมากินข้าวจนไม่ได้ออกไปกับปลัดล่ะก็ ไม่หรอกค่ะ ดาวคิดว่าคุณช้างคงจะคุยเรื่องงานไปด้วย”

“ก็ไม่แน่เสมอไปหรอก” กรินทร์พึมพำแล้วหันหน้าไปทางอื่นราวกับจะกลบเกลื่อนแววตา ก่อนจะหันกลับมายังคู่สนทนา

“วันพรุ่งนี้จะมีคนมาพบผมเรื่องงานที่ตัวจังหวัด แล้วหลังจากนั้นเราก็วางแผนจะข้ามไปประเทศลาวเพื่อพบนักธุรกิจคนหนึ่งด้วยกัน”

หญิงสาวมองเขาโดยไม่พูดอะไรเพราะคิดว่าเขายังพูดไม่จบ ชายหนุ่มจึงพูดต่อ

“ผมต้องการให้คุณไปลาวด้วยกัน”

ดาวลดาเบิกตาโต แววตาตื่นเต้น “แขวงไหนคะ”

“แขวงสะหวันนะเขต”

เพราะเขาจ้องเธอไม่เบนสายตาไปไหน ดาวลดาจึงค่อนข้างขัดเขินจึงมองไปยังกระถางต้นไม้พร้อมกับลูบนิ้วที่ประสานกันบนตักไปมา ก่อนจะหันมาสบตาเขาอีกครั้ง

“ต้องไปกี่วันคะ”

“สักสองสามวัน”

กรินทร์เผื่อเวลาเอาเองเพราะวีรญาไม่ได้แจ้งกำหนดการที่แน่ชัด พรุ่งนี้เมื่อเธอมาถึงนั่นแหละเขาถึงจะได้คุยรายละเอียดกับเธอ พอเห็นประกายตาเป็นกังวลของอีกฝ่ายก็เข้าใจได้ทันทีว่าดาวลดาห่วงใคร

“ไม่ต้องห่วงเรื่องพ่อหรอก ผมจะจัดการให้คุณโทรข้ามประเทศมาถามอาการท่านทุกวันจนกว่าจะกลับ แล้วก็จะหาคนมาเยี่ยมดูให้ มีอะไรจะได้แจ้งได้ทันที” เขานึกถึงอติเทพเป็นคนแรก

“ขอบคุณมากค่ะคุณช้าง” เธอพูดอย่างโล่งใจ ก่อนจะอดถามอีกเรื่องไม่ได้ “แล้วคนที่ไปทั้งหมดมีกี่คนคะ”

กรินทร์ยิ้มอย่างรู้ทัน “ก็มีผม คุณ แล้วก็...คนที่จะมาพรุ่งนี้เท่านั้น ไม่ต้องห่วงหรอกเธอเป็นผู้หญิง”

การเอ่ยถึงคนที่จะมาพบเขาโดยไม่บอกชัดเจนนอกจากบอกว่าเป็นผู้หญิงทำให้ดาวลดาโล่งอกที่ไม่ต้องเดินทางไปกับเขาตามลำพัง แต่ขณะเดียวกันเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกก็อดคิดไม่ได้ว่าสตรีคนนั้นมีความสำคัญกับเขาหรือเปล่า เพราะตอนเขาเอ่ยคำว่า ‘คนที่จะมาพรุ่งนี้’ เขาชะงักไปนิดหนึ่งเหมือนหาคำเรียกที่เหมาะๆ

เด็กเสิร์ฟทยอยนำอาหารมาวางบนโต๊ะ กรินทร์ถือโอกาสนั้นกดโทรศัพท์มือถือหาใครคนหนึ่ง

“ฉันมีเรื่องจะวานหน่อย” เขาพูดกับอติเทพ “ฉันจะวานให้แกแวะมาดูพ่อแม่ของดาวลดาหน่อย ฉันจะไปลาวกับเธอ” เมื่อเขาเอ่ยชื่อแขวงและบอกเหตุผลที่ต้องไปแล้วฝ่ายนั้นก็พูดทันที

“ฉันไปด้วยสิวะ”

“แกจะไปทำไม” กรินทร์ย้อน “ฉันวานให้แกช่วยดูน้ารังสรรค์กับน้าอำไพ แล้วแกจะร้องตามฉันไปลาวเนี่ยนะ”

“เรื่องพ่อแม่คุณดาวฉันจะจัดการเอง แต่ฉันอยากไปเที่ยวนี่หว่า อย่างน้อยมีเพื่อนไปก็ดีกว่าไปคนเดียว เหงาตายห่า”

“แต่ฉันไปทำงาน”

“ฉันจะไม่ยุ่งกับงานของแกเลย” อติเทพให้คำมั่น

กรินทร์เหลือบตามองดาวลดาที่ทำเป็นเลื่อนจานอาหารเหมือนไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาพูด ชายหนุ่มกำลังคิดว่าอติเทพจะสนใจดาวลดาขึ้นมาจริงๆ หรือเปล่า ข้อสงสัยนี้ทำให้เขานึกอะไรขึ้นมาได้

“ถ้าแกหาคนไปดูแลพ่อแม่ดาวลดาได้ แกก็ไปลาวกับฉันได้”

อติเทพรับคำด้วยความกระตือรือร้นทีเดียว พอวางสายจากอติเทพแล้วกรินทร์ก็กดเบอร์โทรศัพท์หาอีกคนหนึ่งด้วยสีหน้าหมายมาด

“กิ่งเหรอ เราอยากชวนกิ่งไปสะหวันนะเขตด้วยกัน เตรียมคนดูแลธุรกิจหอพักไว้เลย”

ขณะนั้นดาวลดาเผลอมองกรินทร์อย่างไม่เข้าใจในการกระทำของเขา ตอนแรกเขาบอกว่าไปกันสามคน แต่ตอนนี้รู้สึกว่านอกจากอติเทพที่เพิ่มเข้ามาแล้วยังมีกิ่งกาญอีกคน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามดาวลดาดีใจที่จะมีผู้ร่วมเดินทางเป็นผู้หญิงอีกคน



“อ้าว! ปลัดมาแล้ว ซื้ออะไรมาเยอะแยะล่ะนั่น”

อำไพโผล่หน้ามาทักปลัดธาราในชุดลำลองที่หยิบข้าวของจากในรถมาถือไว้ในมือพะรุงพะรัง เขาเงยหน้ายิ้มรับอย่างแจ่มใสแล้วยกมือไหว้อย่างทุลักทุเล

“ผมซื้อหมูกับผักมาทำแจ่วฮ้อนครับน้าไพ วันนี้วันดีมีคนได้งานเงินเดือนสูงเสียด้วย ต้องฉลองใหญ่ซะหน่อย”

“วันนี้ของกินเพียบเลย คุณช้างก็ซื้อมาทั้งของกินขนมแล้วก็เครื่องดื่มยังกับจะเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านอย่างนั้นแหละ”

ปลัดหนุ่มย่นคิ้ว “คุณช้าง”

“เจ้านายของดาวน่ะจ้ะ ปลัดก็เคยเจอแล้วนี่จ๊ะ” ตอบพลางเดินมารับอีกฝ่ายที่เดินตรงไปยังบันไดเพื่อจะขึ้นบ้าน

“อ๋อ...ครับ” ธาราพยักหน้ารับรู้พร้อมกับความคิดบางอย่างผุดขึ้นในใจ “แล้วนี่ดาวไปไหนครับ” เขาถามพร้อมกับเหลียวมองหาหญิงสาวที่ใฝ่ปอง

“พาคุณช้างไปเดินเล่นในสวนจ้ะ อ้อ...นั่นไงมาพอดี”

ทั้งสองมองไปยังดาวลดากับชายหนุ่มร่างสูงโดยมีรังสรรค์เดินตามหลังมา ดูเหมือนว่าทั้งสามกำลังคุยถึงเรื่องอะไรที่ถูกคอกันอยู่ เพราะไม่นานก็มีเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ปลัดธาราเขม้นมองด้วยอาการใจกระตุกเล็กน้อย

เจ้านายของดาวลดาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาและดูดีแม้จะอยู่ในเครื่องแต่งกายไม่หรูหราอย่างนักธุรกิจทั่วไป เขายอมรับว่าอิจฉาทั้งที่รู้ว่าตัวเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากรินทร์เลย อดเปรียบเทียบเขากับชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ เขาเป็นข้าราชการแน่นอนว่าย่อมมีความมั่นคง สามารถดูแลคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตได้โดยเฉพาะในด้านสวัสดิการ และถ้ามองเรื่องเกียรติและการเคารพนับถือจากคนทั่วไปก็ถือว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าอาชีพอื่น แต่จะด้อยกว่าก็ตรงที่เขามีฐานะปานกลางไม่ได้ร่ำรวยมากอย่างกรินทร์!

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้านักธุรกิจหนุ่มคนนั้นคิดจะมาเป็นคู่แข่งเรื่องความรักกับเขาล่ะก็ เขาไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ หรอก

ดังนั้นเมื่อการฉลองเล็กๆ เริ่มขึ้น ปลัดธาราจึงทำตัวเป็นเจ้าภาพอย่างเปิดเผยโดยไม่เคอะเขิน เขารินน้ำหวานให้รังสรรค์กับอำไพก่อน จากนั้นรินเบียร์ให้กรินทร์ ขณะที่กรินทร์เข้ากันได้ดีกับรังสรรค์โดยพูดคุยเรื่องธุรกิจของเขา กรินทร์ไม่รำคาญที่จะพูดเรื่องงาน อำไพเลยกลายเป็นคู่สนทนาของปลัดหนุ่มขณะที่ดาวลดาคอยตักแจ่วฮ้อนรสชาติร้อนแรงแจกให้ทุกคน

“ของผมเน้นหมูนะครับ ผักไม่ต้องเยอะ”

ปลัดธาราบอกเธอด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ซึ่งหญิงสาวก็ทำตามนั้น พอถึงคิวของกรินทร์เธอก็หันไปถามเขา

“คุณช้างเน้นอะไรคะ”

เขาหันมาเลิกคิ้วมองเธอ “คุณตักอะไรให้ผมกินหมดทุกอย่างแหละ”

หญิงสาวหลบสายตาของกรินทร์แล้วหันไปมุ่งอยู่ที่กระทะ โดยไม่รู้ว่าชายหนุ่มทั้งสองคนมองมายังเธอเป็นทางเดียวด้วยความรู้สึกแตกต่างกัน คนหนึ่งมองอย่างพึงพอใจระคนเอ็นดูที่เห็นแก้มสีเรื่อที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความร้อนจากอาหารหรือเขินอาย ส่วนอีกคนมองเธออย่างค้นคว้าและเริ่มใจไม่ดี

“ดาวกินอะไรดีครับ เบียร์ สปายหรือน้ำหวานดี”

ปลัดธาราชี้ไปยังขวดเครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ข้างกัน เมื่อเห็นว่าเธอยื่นถ้วยให้กรินทร์และสบตากันชนิดที่ทำให้เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลย “แต่ผมว่าลองสปายดีกว่านะ เลือดจะได้สูบฉีด”

“จะดีเหรอปลัด เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ทำงานไม่ไหวกันพอดี” รังสรรค์เปรยอย่างเป็นห่วงลูกสาว เพราะเขาไม่เคยเห็นดาวลดาดื่มเครื่องดื่มมึนเมาให้เห็นเลยสักครั้ง

“ถ้ากินไม่เยอะไม่เป็นไรหรอกครับน้าสรรค์ เอาน่านิดหน่อยสักแก้ว”

ระหว่างนั้นกรินทร์หรี่ตามองคนถูกชักชวนว่าจะตอบว่ายังไง เขาอยากรู้ว่าเธอจะทำตามคำคะยั้นคะยอของปลัดธารา หรือว่าจะใส่ใจความเป็นห่วงของบิดา

“ดาวเคยกินสปายแล้วคันค่ะ แล้วก็ปวดตามกระดูกด้วย สงสัยจะแพ้” หญิงสาวเอ่ยตามความเป็นจริงกับปลัดหนุ่ม

“แล้วเบียร์ล่ะ”

“ก็กินได้นะคะ แต่ถ้ากินเยอะก็อาการไม่ดีเหมือนกัน”

ปลัดก้องยิ้มล้อ “เป็นคนดีจริงๆ นะเนี่ย งั้นเบียร์ก็แล้วกัน ยังไงเราก็ตั้งใจจะฉลองกันอยู่แล้วนี่นา”

“แล้วทำไมต้องกินเบียร์ด้วยล่ะ” ประโยคราบเรียบของกรินทร์ดังขึ้นทำเอาทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว “เกิดเมาค้างขึ้นมาจะว่าไง ผมว่าดื่มน้ำหวานดีกว่าไหมดาว”

รังสรรค์หันไปสบตากับภรรยา ส่วนปลัดก้องรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นตัวร้ายที่กำลังจะมอมเมาผู้หญิงไปเลย



Create Date :17 กุมภาพันธ์ 2560 Last Update :17 กุมภาพันธ์ 2560 6:46:52 น. Counter : 1389 Pageviews. Comments :1