bloggang.com mainmenu search
ช่วงนี้กระแสน้ำท่วมมาแรง....ผมเองก็อด Intrend ไปกะเค้าไม่ได้...วุ่นวายหมดเรี่ยวหมดแรงเพราะต้องเตรียมการรับมือมาเกือบ 2 อาทิตย์ ก็ยังไม่รู้ว่าที่เราเตรียมการไว้ มันจะมาถึงหรือเปล่ากับบ้านหลังเก่าที่ยังคงพักพิงอาศัยอยู่ (บ้านพ่อแม่) หรือ เพียงพอหรือยังถ้ามันมาจริงๆ....แต่เอาเป็นว่า "ทำดีที่สุดแล้ว" ณ.เวลานี้ ถ้าจะท่วมก็คงต้องปล่อยละ


มาต่อเรื่องครัว Built-In ที่รอกันมา 2 ตอนแล้วก็ยังมาไม่ถึง...ตอนนี้มาถึงละครับ.......

"ทุกคนย่อมมีเหตุและผลแตกต่างกันไปในการเลือกใช้งานสิ่งของซึ่งก็ตามกำลังและเงินทองที่พอจะรับได้ หรือดูในเรื่องความคุ้มทุนเป็นหลัก ...."

ที่ต้องบอกอย่างนี้ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะว่า ในการทำห้องครัวนั้นมีกันหลากหลายสไตล์มากๆ หากจะถามว่า อย่างไหนดีที่สุด...ถ้าในตามความคิดผม...อะไรที่มันทนทานมากที่สุด...นั่นล่ะดีสุด....เรื่องความสวยก็จะไว้เป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจเท่านั้น.....จะขอวิจารณ์แบบตรงไปตรงมาล่ะครับ

ชุดครัว Built-In มีกันตั้งแต่ ชุดที่ทำจากวัสดุไม้ MDF,ไม้อัดสัก จะเคลือบผิวหน้าด้วยอะไรกันก็ตามแต่.....อย่าถามเรื่องความทนทาน เพราะว่าขึ้นอยู่กับการใช้งาน ถ้าถนอมๆ ก็อยู่ได้นานเป็น 10 ปีขึ้นก็มี.....แต่จะลำบากไปไหมเพราะในครัวนั้น สารพัดข้าวของและความชื้นก็เยอะ....คนที่ผมรู้จักหลายคนละ ที่เข็ดกับชุดครัวที่ทำจากไม้พวกนี้...จนต้องเลี่ยงไปใช้ครัวปูนกัน


เรื่องครัวปูน ก็มีกัน 2 แบบ ณ. เวลานี้ (เทคโนโลยีก่อสร้างตอนนี้) คือ ทำจากแผ่นปูนสำเร็จ หรือถ้าให้บอกยี่ห้อ ก็อย่างเช่น วีว่าบอร์ด หรือของยี่ห้ออื่นๆก็มีขายเยอะในท้องตลาด....ครัวแบบนี้ก็ดีครับ ในเรื่องความทนทาน เทียบเท่าการก่อปูน แถมการสร้าง+ติดตั้ง นั้นง่าย และพวกช่างก็ชอบ เพราะมันได้ระนาบ ตรงดี เวลามาติดแผ่นหิน top หรือติดกระเบื้องก็ง่าย

ส่วนผมเองไม่ได้ใช้วีว่าบอร์ดหรอก แต่ใช้วิธีเดิมๆคือ ก่อปูนเลยครับ...ข้อเสียเยอะแยะจุกจิกต้องมาปรับแต่งกันทีหลังให้วุ่นวาย เรื่องระนาบเอย ระดับเอย..สารพัด........ถ้าให้แนะนำจริงๆ ไปใช้แผ่นวีว่าบอร์ดจะดีกว่าครับ ถึงความแข็งแรงของวีว่าบอร์ดเองจะไม่เท่ากับปูนก่อ แต่ก็คงไม่มีใคร ขึ้นไปกระโดดกระทืบบนเคาน์เตอร์เล่นหรอกมั๊ง ......

ไม่นับพวกครัวชุดครัวสำเร็จ PVC ที่เอามาขายกันในบุญถาวรนะครับ....ทำดูดีราคาถูก แต่ไม่ได้เรื่องจริงๆ....มันบอบบางซะจน ไม่ต้องรอให้บวมเหมือนของไม้ MDF...บานคงแตกหรือหลุดเป็นชิ้นๆ หลังจากใช้ไปไม่เกิน 3 ปี แหงๆ ของต้องใช้กันประจำอย่างงี้....

วิจารณ์วัสดุในตลาดกันแล้วก็มาดูจากประสบการณ์จริงกันมั่ง ห้องครัว ที่บ้านถูกแบ่งเป็นสัดส่วนก่อเคาน์เตอร์และมีการปูกระเบื้องไปเรียบร้อยแล้วซึ่ง "เหมาะมากกับการทำครัว built-In ประเภท ไม้ MDF หรือชุด built-In ทั่วๆไป".....ทำไมถึงบอกอย่างงั้น ...... เพราะว่าถ้าจะทำครัวจากไม้จริง ก็ต้องวงกบ หรือจะทำด้วยสแตนเลสก็ต้องตั้งวงกบในณะที่เริ่มก่อเคาน์เตอร์อีกเช่นกัน เพื่อจะได้กำหนดระดับหรือระยะของตู้ได้ลงตัว

ที่เป็นอย่างงั้นเพราะตอนนั้นยังหาข้อมูลไม่เพียงพอและยังลังเลกับการเลือกประเภทของวัสดุที่ต่างก็เกทับว่าของตัวดีอย่างงั้นอย่างงี้ไม่ต้องกังวล (ร้านที่ทำชุด built-in จาก MDF หรือไม้อัดสัก) ไม่เอ่ยข้อเสียให้ฟังเลยซักร้าน บอกอย่างเดียว สวยนะจะเอาเคลือบหน้าบาน PVC เอย Hi-Gloss เอย ก็ได้หมดตามราคาไป...จนสุดท้ายก็พบร้านที่ ตรงไปตรงมาบอกข้อดีข้อเสียได้ตรงประเด็น พูดคุยกันไปกันมาก็บอกได้ว่า ถึงจะดีแค่ไหน มันก็อยู่ได้ไม่เกิน 10 ปี ต้องมีบวม ต้องมีผุกันบ้าง เพราะมันก็แค่ไม้ MDF นะครับพี่ ล้างจานน้ำกระเด็นหรือไหลย้อยลงมา ถ้ามันซึมเข้ารอยต่อหรือมุมได้ก็จบ.............ผมเลยตัดใจจากจุดนั้นออกมาสรรหาวัสดุใหม่....จนมาลงเอยที่สแตนเลส

มีอยู่ 2-3 ร้านที่ผมลอง search หาดูจากใน internet แล้วก็ตัดสินใจเลือกจากร้านนึงให้เข้ามาวัดมาตีราคาหน้างาน....ต้องยอมรับว่า ราคาสูงมากครับสำหรับแสตนเลสเกรด 304 (แพงกว่าแบบชุดครัว MDF เกือบจะ 2 เท่า).....แต่มองในแง่คุ้มการลงทุน ก็ตัดสินใจทำล่ะครับ...เพราะทางร้านเค้าทำหน้าบานเป็นสแตนเลส 2 ชั้นภายในบุด้วยโฟมทำให้หน้าบุนดูหนาดีเวลาเคาะก็ไม่ก๊องแก๊ง แผ่นสแตนเลสที่ใช้ก็มีความหนาพอสมควร.....


ระยะเวลาการเตรียมงานก่อนเข้ามาเริ่มติดตั้งก็ปาไป 3 อาทิตย์นับจากวันโอนเงินมัดจำและเข้ามาวัดหน้างานอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียด เอาไปทำชิ้นส่วนเพื่อมาประกอบที่หน้างานอย่างเดียว เรื่องการออกแบบการใช้งาน ทางผมเองก็เป็นคนมาดูในส่วนนี้ (ปกติก็ต้องตามใจเจ้าของบ้านอยู่แล้ว) ต้องจัดแบ่งการใช้งานให้ลงตัวว่า ช่องไหนจะใช้ใส่อะไรหรือแบ่งไว้เพื่อเก็บอะไร เพื่อให้การทำครัวไม่ต้องเดินวนไปวนมาเพื่อหยิบของนู่นที นี่ที ดูวุ่นวาย....ทุกอย่างควรจะไหลไปในทางเดียวกัน


ถูกแยกมาเป็นชิ้นๆอย่างนี้เลย








นี่ก็ตู้แขวนบน...แรกๆทางร้านแนะนำว่าให้ใช้ตู้ไม้ก็ได้จะได้ไม่ดูแข็งเกินไป และน่าจะดูสวยงามกว่า (แนะนำดีทีเดียว ไม่เห็นแก่ได้จนไม่แนะนำลูกค้าเลย) แต่ผมเองก็มองว่า ถ้าข้างล่างเป็นสแตนเลสแล้วข้างบนเป็นไม้มันก็ดูแปลกๆไปนะ...เอาให้เหมือนกันไปเลยครับ ไม่ห่วงว่าจะดูแข็งเกินไป เพราะคิดว่าลวดลายกระเบื้อง น่าจะพอ เบรคความแข็งไปได้นะครับ......(เสี่ยงอยู่เหมือนกันกับ ไอเดียประหลาดๆของผม...แต่ก็นะ....ประหลาดมาเยอะแล้ว จะมีอีกก็ไม่น่าแปลก ฮ่าๆๆ)....ร้านก็พยักหน้ารับแบบให้เสียไม่ได้




เริ่มติดตั้งจากตู้แขวนไปก่อน เพราะติดตั้งง่ายสุด....ใช้วิธีใช้ฝังพุกปูน(พุกตะกั่ว)เอา เพราะด้วยน้ำหนักตู้ที่หนักพอสมควรอยู่






จากนั้นก็มาเริ่มงานติดตั้งตู้ล่างกัน ซึ่งใช้เวลานานมาก เพราะต้องติดตั้งกรอบวงกบ ตั้งราง และตั้งระยะต่างๆ....ซึ่งช่างบ่นเลยว่า "แหม่....ช่างปูนทำได้ฉากดีซะเหลือเกิน กลัวช่างเฟอร์จะไม่มีงานเน๊าะ"......





ถอดเข้าถอดออก วัดออกมาแล้วมาตัดมาเจียร์เพื่อยัดเข้าไปให้ได้พอดี...ฟิตไปก็กลัวกระเบื้องโมเสคที่ติดไว้จะหลุดอีก....ค่อยๆทำไป




ระบบรางเลื่อนใช้ของ HAFELE ไปเพราะ design เค้าดี....แต่ก็คงมีดีเท่านี้ล่ะนะครับ เพราะอุปกรณ์ชั้นวางต่างๆของเค้า "ห่วย" ในความคิดของผมซะจริงๆ....ทั้งในเรื่องของราคาและวัสดุที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิงแถม design ก็ไม่ได้เหมาะกับการใช้งานเลย ผมขอให้เหตุผลที่ว่า

"ลิ้นชักครัวบ้านท่านจะมีแต่ตะแกรงอย่างเดียวเหรอครับ ใส่อะไรก็ร่วงหมด จะยัดได้ก็แต่แค่ขวดๆๆ....ถ้าเก็บขวดน้อยๆ (วางไม่เต็ม) ก็เสียวเวลาเปิดจะเขย่าจนหล่นลงมาแตก เพราะขอบตื้นซะเหลือเกิน....คุณควรพิจารณาเงินเดือนคนที่ design นี้มาดีกว่าปรับลดทุน จนไปใช้วัสดุเหล็กชุบโครเมี่ยม ที่รอวันสนิมขึ้นดีกว่านะครับ)"

ผมนะไป download เอา แคทตาล็อคเค้ามาเปิดดูจนหมด check ราคาจากในเวบ ที่ตั้ง password เอาไว้แค่ให้ dealer เข้าไปเปิดดูได้เท่านั้น...แต่โทษทีครับ ผมไม่ใช่ dealer แต่ก็เดา password ได้ไม่ยากเลย กะอีแค่ เลข 1 ทั้งหมด 6 ตัว ก็เข้าไปดูราคาได้อย่างง่ายดาย....เฮ้อ

ผลคือมีดีแค่ ระบบราง และระบบบานพับ ครับ ผมไม่เถียง...ของเค้าดีจริงๆ...แต่อย่างอื่น ดูไม่ได้เลยแถมราคาตั้งไว้ซะต่อให้ลดอีก 70% ผมว่าก็ยังเอาไปใช้อะไรไม่ได้อยู่ดีล่ะนะ คงเหมาะกะครัวเมืองนอกอย่างเดียวกระมัง..เฮ้อ...บ่นๆๆๆ...เสียเวลาไปทั้งคืนนั่งดูนั่งศึกษาข้อมูลของท่าน แต่ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย



เริ่มหันมาทำทางฝั่งโต๊ะ "ไอซแลนด์" (สงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องชื่อนี้.....บ้านผมเรียกโต๊ะทำครัว ง่ายๆ..เหอๆๆ)





รวมเวลาการติดตั้งต้องใช้ถึง 2 วัน เพราะยากในเรื่องการตั้งระดับตู้ เค้าเก็บงานละเอียดดีมากครับ....นี่ก็กำลังเก็บงานทำความสะอาด




ว่าแล้วท่านก็เริ่มเปิดสตูดิโอ ถ่ายภาพกันยกใหญ่ พร้อมพูดว่า "ทีแรกคิดว่าจะออกมาดูแข็งๆ ...อืม..ลายกระเบื้องมันทำให้ดูอ่อนจริง" ขอถ่ายเอาไปลงเวบที่ร้านนะครับ แล้วก็จัดไปชุดใหญ่...เปิดแสงสีเต็มที่ ...ผมก็ได้แต่ยิ้มๆคิดในใจว่า (เกือบโดนทับถมไปแล้วตรู นึกว่าที่คิดเอาไว้จะไปไม่รอดซะอีก)









ช่วยจัดฉาก.. ช่างว่า "นี่ครับต้องดึงลิ้นชักมาด้วยอย่างงี้ๆๆ"








กับอีกหลากหลายมุม





ลิ้นชักนอกสุด ถูกจัดแบ่งไว้สำหรับเก็บของที่ใช้บ่อยๆ พวก ช้อมส้อม จาน ชาม ถ้วย ให้มาอยู่ใกล้ๆโต๊ะกินข้าว จะได้สะดวกในการหยิบใช้งาน...ฝั่งในๆก็เก็บพวกขวด ต่างๆ (ผมไม่ใช้ของ HAFELE นะครับ ให้ร้านทำเนลิ้นชักพื้นสแตนเลสมาเลย เก็บของได้ดีกว่าไม่มีรูร่องให้ห่วง แถมขอบทำสูงๆไว้หน่อยกับของตกหล่น เปิด/ปิดแรงๆ ก็ไม่กลัวละคร้าบ)






ชั้นบนวางช้อมส้อม, ชั้นกลางวางถ้วยจานใบเล็กๆ, ชั้นล่างสุดวางจานชามใบใหญ่ๆ, พวก แก้วก็วางบนชั้นวางด้านบน...แก้วน้ำที่ใช้บ่อยๆ ก็ไปหาที่แขวนแก้วแบบเสียบๆ มาติดที่กำแพงเอา.....







จบกับเรื่องครัว ๆ ล่ะนะครับ เหลือก็แค่ ขนข้าวของมาวางมาเก็บให้เรียบร้อย ซึ่งผมจะเน้นตรงที่ว่าบน top จะไม่ให้วางขวดน้ำมันน้ำปลาซอสต่างๆให้เกะกะลูกตา ทุกอย่างเก็บลงตู้ไปให้หมด อนุญาติให้มีแค่อย่างเดียวคือ เตาไมโครเวฟ เท่านั้น (ของใช้บ่อยที่สุด)....เอ้า แล้วจะทำครัวไปทำไมกัน ในเมื่อเล่นแต่ไมโครเวฟ...ฮ่าๆๆๆ ....อ่ะนะก็มีบ้างละทำครัวผมล่ะชอบเหมือนกัน ทำขนมทำอาหารให้เจ้าลูกชายกิน....จำได้เลย อาหารมื้อแรกที่ทำให้เจ้าลูกชายกิน ก็ต้มซุปกระดูหมูใส่แครอท....มื้อแรกน้องแทนหม่ำๆใหญ่เลย



มีอีกเรื่องนำเสนอ คือการทำฉากกั้นห้อง ซึ่งตามหลักหวงจุ้ยเค้าก็ว่า มองจากหน้าบ้านมาก็อย่าให้เฆ้นบันไดบ้านจะดีมาก....หรืออย่าให้บันไดตรงกับประตูบ้านบ้างล่ะ........แฟนชอบบ่นมากๆว่า นี่เธอจะปล่อยไว้อย่างงี้เหรอ (บ่นจังเลย ทั้งๆที่งานก็ยังไม่เสร็จ ) ......ได้มีโอกาสไปแถวๆ บางโพธิ์ อีกครั้ง เพื่อไปซื้อไม้จูงผ้าม่าน... เมื่อครั้งคอนที่ผ้าม่านเริ่มมาติดตั้ง ก็ไม่มีไม้จูงมาให้เพราะทางร้านมีแต่อันสั้นๆ..ยาวๆหมดไปแล้ว...แต่ถ้าจะเอาก็ให้อันละ 150 บาท ......อืม แพงจัง.....ผมว่าไปซื้อเองดีกว่า อันละแค่ 100 เดียว.....ถูกสุดที่เห็นก็ 90 บาท ราคาส่งแล้วนะ

....พาลากนอกเรื่องไปซะไกล....กลับมาต่อ .....ก็คือ...ขับรถไปเจอร้านที่เค้ารับฉลุและแกะสลักไม้ ซึ่งอยู่ในซอย ข้างๆกันไม่ไกลมากนัก....เลยถือโอกาสลงไปสอบถามราคา....เค้าคิดที่ตารางเมตรละ 3000 สำหรับฉลุลาย และใช้ไม้สักจ้อยส์ (คือการเอาเศษไม้มาต่อๆกัน....พวกบรรดาร้านทำเฟอร์ built-in ก็ชอบใช้)....ถูกลงมาหน่อยอีก 500 กว่าๆ ก็ใช้ MDF .......เอ่อ...อย่าๆครับ MDF กะผมไม่ถูกกันในช่วงนี้....


นั่งเลือกลายที่ร้านเค้ามีลายให้เลือกเยอะมาก แต่ไม่ถูกใจซักลาย....ผมเลยบอกว่า ผมอยากได้ ลายดอกบัว....เลยช่วยกันนั่ง design แบบกับทางร้าน แล้วก็วางเงินมัดจำกันไป.....ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ ทางร้านก็โทรมาตามให้ไปดูลวดลายที่วาด (วาดกับมือเจ้าของร้านเองเลย....เจ้าตัวบ่นว่าอยากทำลวดลายนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสและเวลาซักที....คราวนี้ได้ทำและ) ก่อนจะทำการฉลุ......ดูๆกันแล้วก็โอเค ผ่านมาอีก 3-4 วัน งานก็เสร็จ....เพราะทางร้านเค้าก็รีบทำให้...กลัวน้ำท่วมอยู่เหมือนกัน วันดูแบบเจ้าของร้านก็เล่าให้ฟังอยู่ว่าทำบ่อเลี้ยงปลาอยู่...ตอนนี้น้ำท่วมหมด....เงินที่ลงไว้หลายแสน หายเกลี้ยง.....ก็ทำใจยอมรับสภาพแล้ว....เฮ้อ



งานที่ทำเสร็จตอนที่ไปรับมาจากร้าน





เอากลับมาถึงบ้าน...ก็ลงมือจัดการติดตั้งด้วยตัวเองเลย...เพราะเครื่องมือช่างไม้ก็ซื้อเก็บมาไว้เองหมดละ ว่าจะทำฟเอร์ไม้ใช้เองละ ไม่รอช่างที่ไหนมันละ (ช่างหัวมัน)......ของง่ายๆแค่นี้ ทำเองไม่ได้เห็นยากอะไรเลย..เครื่องมือพร้อมทำเองเรื่อยๆเก้บงานละเอียดกว่าช่างจริงๆซะอีก


ทำวงกบก็ใช้ เราท์เตอร์เซาะ ตัดมุม 45 ก็เลื่อยวงเดือนตัดเอา...แสนง่าย เหอๆๆ ...





เหลือประกบวงกบด้านที่เหลือแล้วเอา บัวมาติดขอบ ทาสีก็เสร็จละ ทุกอย่างนี่ทำคนเดียวล่ะครับ.....





มุมสูงซะหน่อยให้ตัดกับแสงด้านหลังและด้านหน้า....







ผลงานต่อไปก็โต๊ะกินข้าวกะเตียงนอนและ โต๊ะวางทีวีละเน๊าะ...ตามคิวไป...ตบท้ายด้วย ห้องอบไอน้ำซักห้องนึง เละทำเลไว้ละ อิอิ.....ใช้เวลาว่างทำเป็นงานอดิเรกของพ่อบ้าน......รอชมผลงาน DIY คราวต่อไปล่ะครับ

ส่งท้ายด้วยน้องแทนหลับอย่างสบายใจ.....ท่าเดียวกะเมื่อแรกเกิดเลย..ยังจะนอนกำมืออยู่อีก



พิเศษ ท้ายเรื่อง (update วันที่ 6 มีนาคม 2555)
ต่อท้ายเนื้อหา จากที่มีเพื่อนสมาชิกถามมานะครับว่า....แล้วเจ้าของบ้านต้องเตรียมตัวอย่างไร ถ้าต้องการอยากจะทำครัวแนวปูนก่อ แบบนี้ ถ้าผู้รับเหมาไม่ได้จัดการให้...เรียกง่ายๆเลยว่าเราต้องลงมาดูรายละเอียดเอาเอง

1. ถ้ามีแบบครัวในใจแล้ว ก็หา Designer ช่วยออกแบบในเรื่อง การจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยเลยครับ เราจะได้ scale ความยาวต่างๆ รวมทั้งลวดลายกระเบื้อง.....เอา step นี้ให้จบ และ clear ไปเลยนะครับ ไม่งั้น ข้ามไป ขั้นต่อไป ไม่ดีแน่ๆ

2. หลังจากได้แบบ design , ขนาด ช่องต่างๆ, ลายกระเบื้อง ก็ให้ติดต่อกับ ร้านทำชุดครัวก่อนที่จะเอาแบบไปให้ช่างปูน ก่อเคาท์เตอร์ครับ.....clear ให้จบในเรื่องการจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในตู้แต่ละตู้.....และเมื่อได้แบบเสร็จและนัดวันเข้าติดตั้งได้ ก็ให้ช่างปูนเริ่มก่อเคาท์เตอร์ต่างๆ ตามแบบปูน โดยต้องเว้นพื้นที่สำหรับตั้งกรอบสแตนเลสไว้ให้ด้วย....ซึ่งช่างสแตนเลสก็จะต้องเข้ามาตั้งวงกบให้ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง....แล้วช่างปูนก็ทำงานต่อไปได้ ...... งานสแตนเลสพวกหน้าบานและลิ้นชัก ก็ต้องใช้เวลาทำนานหน่อน อย่างน้อยๆ ก็ 2 week ขึ้นไป..ในระหว่างนั้น ก็ให้ช่างปูน ก่อเคาท์เตอร์ไปให้เสร็จจนกระทั่งปูกระเบื้องไปเลยครับ.....

3. หลังงานหน้าบานสแตนเลสเสร็จ ช่างสแตนเลสก็จะนัดวันเข้ามาติดตั้งอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องหลังจากงานช่างปูนและกระเบื้องเสร็จหมดทุกอย่าง


งานจะออกมาไม่เบี้ยวเอียงไม่ได้ระนาบ ตามงานปูน ...เพราะรับประกันได้เลยว่า...ยังงัยงานก่อฉาบแปะกระเบื้องมันไม่เป๊ะ เท่า เครื่องตัดเหล็ก ที่มันได้ฉาก 90 แน่นอนครับ....ฉะนั้น เราจึงต้องใช้ฉากของวงกบเข้ามาคุมงานปูนจะเบี้ยวจะโย้เล็กน้อยยังงัย ก็ไม่ทำให้ตู้สแตนเลสเสียทรงตาม......
Create Date :18 ตุลาคม 2554 Last Update :6 มีนาคม 2555 12:10:22 น. Counter : Pageviews. Comments :35