แปบๆจริงๆ...ผ่านมาจนขนาดนี้แล้วนะเรา...ดูเข้าใกล้ความเป็นบ้านเข้าไปอีกเยอะเลย ทั้งหลังคาผนังต่างๆแล้วก็บันได ใกล้จะเสร็จซะที
...กับการรอคอยมานานกับหลังคา....ในที่สุด...ก็ได้เวลาทำซะที ของมาครบ ทีมช่างมุงหลังคาก็มาทันที (เป็น 10 กว่าคน) มุงแปบเดียว ใช้เวลา 2 วันเสร็จ เร็วมาก ทันใจดีจิงๆ


เดินเข้ามาดูวัสดุต่างๆว่ามาตรงหรือเปล่า ก็โอเค..

- หลังคา CPAC MONIER รุ่น ELBANA สีน้ำตาลโกเมน รวมทั้งครอบสัน








- แผ่นสะท้อนความร้อนตราช้าง






-รางตะเข้ หรือ รางน้ำ ที่ใช้วางตรงส่วนมุมหลังคาที่ชนกัน









- อุปกรณ์ติดตั้งหลังคาระบบแห้ง (Dry Tech System) เท่าที่ดูก็จะใช้แผ่นปิดคล้ายกาวมาแปะตรงสัน แล้วก็ค่อยใช้ครอบสันวางลง แล้วก็ยิงพุกยึด










- สกรูยึดแผ่นหลังคา ก็ใช้สกรูปลายสว่าน งี้ก็ติดเร็วดีมิน่าล่ะถึงทำงานกันเร็วจริงๆ







ช่างมุงหลังคาปีนขึ้นโครงหลังคาโดยไม่ใช้อะไรยึดเกาะไว้เลยเห็นแล้วเสียวแทนเอามากๆ เค้าว่าชินแล้วกับงานความสูง.......เสียวง่ะ




ช่างชุดแรกเข้าปฏิบัติการ ติดตัวยึดแผ่นหลังคาที่ปลายแป แต่ละแป ไล่ติดไปเรื่อยๆ









ช่างอีกส่วนก็ทยอยขนแผ่นกระเบื้องขึ้นมาวางกองๆข้างบน โยนๆกันขึ้นมาอย่างชำนาญ รับกันเป็นช่วงๆ ฉึบฉับๆ








หลังจากติดจุดยึดเพิ่มเสร็จ ช่างก็ขนกระเบื้องขึ้นไปกองๆ ไว้บนหลังคากระจายๆกันจะได้สะดวกในการมาเรียง....






หลังจากนั้นก็เริ่มมุงกันเลย โดยเริ่มจากปูแผ่นสะท้อนความร้อนก่อนแล้วค่อยมามุงหลังคาตามโดยทยอยทำไปเรื่อยๆ....











แต่นแต๊นเสร็จเรียบร้อย











ซึ่งในระหว่างมุงหลังคาก็มีงานอื่นทำขนานกันไป คือการทำบันได ซึ่งกำลังทำช่วง ชั้น 2 - ชั้น 3 อยู่พอดี...แต่คงรวบรวม การทำของชั้น 1 มาแปะเอาไว้ด้วยเลย

นี่...กำลังมาตีเส้นระดับเพื่อร่างโครงแนวขั้นบันได (ในรูปเป้นขั้นตอนการทำของชั้น 2-3 ช่วง ชั้น 1-2 ไม่ทันได้บันทึกไว้ )







กำลังผูกเหล็กเส้นเสริมโครงบันได





ยึดเหล็กโครงบันไดเข้ากับเหล็กเส้นที่ฝังไว้รอตั้งแต่งานโครงสร้าง (ส่วนชั้นที่ 1)





ลักษณะการผูกเหล็กตรงช่วงขั้นพัก ก็เป็นนแนวๆนี้ ทำเป็นโครงเหล็ก 2 ชั้นแล้วใช้ลูกปูนหนุนระหว่างกลาง





จากนั้นต่อโครงเหล็กขึ้นไปแบบนี้...อธิบายม่ะถูกดูเอาเองเน้อ...






การยึดโครงเหล็กเข้ากับเสาบ้านก็ใช้วิธี..ทุบปูนของเสาให้เห็นเหล็ก แล้วเชื่อมเหล็กให้ติดกับเอา.....จริงๆส่วนนี้ ควรจะต้องทำเอาเหล็กเสียบยึดไว้ตั้งแต่งานหล่อเสาแล้ว แต่ติดปัญหาเนื่องจาก ช่างงานโครงสร้างไม่ clear กะแบบที่แสนจะธรรมดา แต่สถาปนิคทำให้มันไม่ธรรมดาก็ตรงที่ใส่เลขมาผิดๆ.......เลยต้องแก้ไขด้วยวิธีการนี้ ก็โอเคแข็งแรงพอๆกัน...รับได้






หลังจากโครงเหล็กส่วนหลักของบันไดเสร็จ ก็มาต่อด้วย เหล็กดัดเป็นลูกขั้นบันได









จากนั้นก็ประกอบแบบไม้สำหรับหล่อขั้นบันไดแล้วก็เทปูน








จากนั้นก็รออีกประมาณ 1-2 วันให้ปูน set ตัวถึงจะเดินขั้นลงได้ แต่ยังไม่แกะไม้แบบ และรออีกประมาณ 2 วันเพื่อใช้เป็นฐานสำหรับรองไม้ค้ำเพื่อทำแบบให้กับบันไดช่วง ชั้น2-3 ระหว่างนี้ช่างก็มาทำ คานบันไดเสริมสำหรับขั้นพัก ก็เดิมๆ วัดหาระยะแล้วก็สกัดปูนเพื่อต่อเหล็ก








จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนเดิมๆเหมือนกับที่ทำช่วงชั้นที่ 1-2














เป็นอันเสร็จสำหรับงานหล่อบันได.....จากนั้นก็มาหาตรวจงานการก่อผนัง โดยรวมชั้น 2 และชั้น 3 เสร็จไปกว่า 90% แล้วส่วนชั้น 1 ยังไม่ได้ก่อ เพราะยังต้องไว้กองข้าวของ.......นี่ก็ยังเหลืองานหลังคาของชั้น 2 อีก (ยังไม่ลงตัวดี ...เฮ้อ เบื่อมากกับงานอะไรที่มันคั่งค้างนานๆ....)

อัพเดทงานก่อผนัง แล้วก็เปรียบเทียบระดับแสงของแต่ละห้องไปในตัวเลย..โดยรวมสว่างดี ชอบๆ...ไม่อึมครึม....














ออกมาดูความคืบหน้าจากภายนอกบ้าน....ไปได้เยอะแล้วเหมือนกันนะเนี่ย วันนี้ไปเบิกงวดงานให้อาเฮียได้ละเพราะบันไดทำเสร็จหมด เบิกรวดเดียว 4 งวด ....










พอวันหยุดว่างๆก็ไปหาเดินดูพวกโคมไฟ....แรกๆว่าจะดูเฉยๆ..แต่กลายเป็นว่าสอยมาซะเลย ราคามันโดนใจอย่างแรง ลด 50% - 70% ที่ร้าน แสงอุดมไลท์ติ้ง...เก็บภาพมาหน่อยเดียว

โคมไฟโถงหน้าบ้าน โมเดิร์นดี




ส่วนโคมไฟโถงกลางบ้าน ล่อแบบแนวๆโคมไฮเบย์ (ทรงคล้ายๆโคมห้างโลตัส) เพราะกะเอาสว่างๆ จะใช้กับหลอดประหยัดไฟขั้ว E27 ขนาด 62 watt (หลอดทอร์นาโด ทรงใหญ่เท่าแขน ) sale แซว พี่จะเอาส่องสว่างขนาดนั้นเลยเหรอคะ.....อ่ะนะ ก็ฝ้าเพดานสูงตั้ง 6 เมตรกว่าๆ โคมไฟแต่งทั่วไปเอาไม่อยู่แน่ๆ ยกเว้นโถงหน้าบ้าน ที่ไม่ต้องส่าวงมากก็ได้ใช้โคมตกแต่งพอไหว...แต่พื้นที่ส่วนนี้ ขอสว่างๆหน่อย






ดูราคาซิมันเย้ายวนใจเหลือเกิน ราคาเต็ม 3,050 ลด 50% เหลือ 1,525 บาทต่อโคม......

เรา :รีบบอก Sale ไปเลยว่า พี่เอาอันเนี้ย 2 เลยน้อง......
Sale: เหวอๆเล็กน้อย แค่อันเดียวก็สว่างแล้ว นี่พี่จะติด 2 เลยเหรอ.....
เรา : เอ้ายังงัย....หรือจะให้พี่เอาน้องไปแทน..

คุณแฟนอยู่ใกล้ๆ : เขม็ง........ตุบตับๆ...

ฮ่าๆๆ ล้อเล่นๆใครจะกล้าพูดงั้นเล่า