bloggang.com mainmenu search


เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมต้นที่ดำเนินฯ เมืองที่อยู่ผมกับน้ำมาตั้งแต่เล็กจนโต มาอยู่กรุงเทพต้องปรับตัวขนาดหนัก จากเคยนั่งเรือหางยาวไปโรงเรียนหรือเดินไป ต้องมานั่งรถเมล์จากปากคลองตลาดไปเอกมัย ไกลมาก

ผมมาสอบเรียนต่อชั้น ม.ศ. 4 ที่กรุงเทพ สมัยนั้นมีการสอบคัดเลือก 2 รอบ รอบแรกสอบเข้าโรงเรียนดังๆ อันดับหนึ่งของกรุงเทพ สู้ไม่ได้ครับ จึงรอสอบรอบสอง มีโรงเรียนหนึ่งรับนักเรียนมากถึง 300 คน นั่นคือโรงเรียนปทุมคงคา ผมไม่รีรอที่จะไปสมัคร ผมไม่เคยรู้ความเป็นมา หรือสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนนี้ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ขอให้ได้เป็นนักเรียนที่นี่เท่านั้นเป็นพอ

ผมนั่งรถเมล์จากขนส่งสายใต้ไปเอกมัย เพราะได้ยินมาว่า โรงเรียนแห่งนี้อยู่ในท้องฟ้าจำลอง ไปสมัครคนเดียว คุณครูหลายท่านใจดีมาก เมื่อรับสมัครตามขั้นตอนแล้ว มีการตรวจร่างกายด้วย หลังจากนั้นรอวันไปสอบ นักเรียนจากทั่วประเทศมาสมัครสอบกันถึง 1,500 คน

วันสอบคัดเลือก ไปสอบมันคนเดียวอีกนั่นแหละ ข้อสอบไม่ยากอย่างที่คิด น่าจะมีสิทธิ์ลุ้นอยู่บ้าง

เมื่อวันประกาศผลสอบก็มาถึง วันนั้นไม่มีที่พึ่งใดๆแล้ว ถ้าหลุดจากที่นี่ ไม่รู้จะไปเรียนที่ไหน การประกาศผลของโรงเรียนน่าลุ้นน่ารักมาก เขาติดรายชื่อผู้สอบได้ประมาณ 50 คน ตามต้นเสาของอาคารเรียนแต่ละต้น ไล่อ่านไปเรื่อยๆ ความหวังเริ่มเลือนลาง ผมมาพบชื่อตัวเองในเสาต้นสุดท้าย ดีใจอย่างไม่มีอะไรเหมือน คิดว่าชีวิตนี้ได้เกิดแล้ว



ผมเข้าไปเป็นศิษย์ของปทุมคงคา 2 ปี ในปี พ.ศ. 2517 - 2518 เข้าเรียน ม.ศ. 4-5 ในเวลานั้น ผมเป็นนักเรียนกลุ่มแรกที่มีการทดลองระบบการเรียนแผนใหม่ มีนักเรียนในหลักสูตรใหม่ 2 ห้อง เรียนคู่ขนานกับหลักสูตรเก่าหลายห้อง เมื่อเรียนจบ ม.ศ. 5 การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจึงเป็นปีแรกเช่นกันที่แบ่งข้อสอบเป็น 2 ชุด พวกที่เรียนหลักสูตรใหม่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นส่วนมาก เข้าใจว่าการออกข้อสอบหลักสูตรใหม่เป็นปีแรก จึงไม่พลิกแพลงมากนัก ส่วนพวกที่เรียนหลักสูตรเก่า ต้องเจอข้อสอบมหาหิน ส่วนใหญ่จึงไปรวมรุ่นกันทีมหาวิทยาลัยรามคำแหง

ผมมาจากบ้านนอก เมื่อเข้ามาเรียนในโรงเรียนใหญ่ที่มีนักเรียนจำนวนมากและเป็นชายล้วน รู้สึกภูมิใจอยู่ลึกๆ วันๆพวกเรานักเรียนตัวโตๆที่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มชอบชมวิวนอกหน้าต่าง มีความเห็นพร้องต้องกันว่าเบื่อพวกเดียวกันเอง นักเรียนชายล้วน จึงจำเจมาก บางคนบอกว่าเห็นควายเดินผ่านยังสวย พวกเราจะเฝ้ารอให้ถึงวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งเป็นวันสถาปนาโรงเรียน วันนี้จะมีสาวๆจากโรงเรียนเพื่อนบ้านมาร่วมงานด้วย หนุ่มๆจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง พอถึงวันจริงการณ์กลับไม่ได้เป็นดังคาด มีแต่สาวแกร่งๆ นักทำกิจกรรมทั้งนั้น


ในห้องของผม ครึ่งค่อนห้องเป็นเด็กต่างจังหวัด บางส่วนเป็นเด็กหัวรุนแรง, นักฟุตบอล, เด็กขนน้ำแถวสนามหลวง, บางคนมาจากโรงเรียนชื่อดังแต่จากมาด้วยเหตุผลที่ไม่อยากพูดถึง, บางคนดูภายนอกเหมือนจะชวนท้ารบตลอดเวลา ถึงกระนั้นก็เถอะ พวกเราต่างสุภาพต่อกัน คบกันเป็นเพื่อนได้ไม่ยาก ตอนเข้าไปเรียนปีแรก คุณครูประจำชั้นซึ่งจบปริญาตรีทางศึกษาศาสตร์มาไม่นานนัก ท่านตรงไปตรงมามาก ท่านเคยบอกว่า ไม่ชอบการสอนเลย หากทำอาชีพอื่นได้ครูคงไปแล้ว แต่การสอนของคุณครูท่านนี้มิได้ขาดตกบกพร่อง ลูกศิษย์ยังจำเสียงห้าวๆได้เสมอ

เป็นบางช่วงเวลาเท่านั้นที่นักเรียนนักเลงจะเฮี้ยวบ้าง เช่น แซวครูบางท่านถึงกับน้ำตาซึม แต่ไม่ถึงกับควบคุมไม่ได้ นักเรียนบางคนหน้าดุๆ นิ่งๆ ใครๆไม่กล้าตอแยด้วย ส่วนนักฟุตบอลหน้าแก่ๆทั้งนั้น ซ้ำชั้นกันเป็นว่าเล่น ได้รับสิทธิพิเศษไม่ต้องเข้าเรียนหากมีการฝึกซ้อมก่อนการแข่งขั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กของโรงเรียนเราดูและเชียร์บอลตั้วแต่ตัวกระเปี๊ยก ผ่านเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานกับโรงเรียนคู่แข่งขันมานักต่อนัก เคยวิ่งป่าราบกันมาแล้ว

วันหนึ่งผมไปโรงเรียนค่อนข้างสาย เด็กๆส่วนใหญ่เข้าแถวในอาคารเรียนกันหมดแล้ว ขณะร้องเพลงชาติ ผมได้ยินเสียงระเบิดดังตูม จนแก้วหูสะเทือน มันปลิวมาทางไหนหาทราบไม่ ผมเริ่มคล้ำหัวหูว่ายังอยู่ดีหรือไม่ พบว่าหัวแตกเลือดซิบๆ โชคดีไม่โดนที่สำคัญ แล้วเดินไปเข้าชั้นเรียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



ช่วงที่ผมเรียนที่ปทุมคงคา (ก่อน 6 ต.ค. 19) ประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน มีการเชิญรุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาอภิปรายปลูกฝังประชาธิปไตยกับน้องๆที่หอประชุมโรงเรียนของเรา มีตัวแทนของโรงเรียนขึ้นเวทีอภิปรายร่วมด้วย บรรยากาศช่วงนั้นมีการส่งเสริมประชาธิปไตยกันในทุกๆโรงเรียนชั้นมัธยม

ผมมักทึ่งนักเรียนบางคนของรุ่นเราที่เคยไปพูดในหลายเวที พูดในกลุ่มย่อยๆก็มีคนอยากฟัง ฟังแล้วชวนเคลิบเคลิ้ม ความเห็นเป็นผู้ใหญ่เกินตัว วันนี้ผมยังนึกหน้าตาที่มีหนวดหลอมแหลมของมันได้ คนที่มีความสามารถเป็นดาวสภาเช่นนี้ มักมีเพื่อนๆห้อมล้อมอยู่เสมอ จนเด็กธรรมดาอย่างผมยังเข้าไม่ถึง

เพื่อนร่วมชั้นบางคนหัวเอียงซ้ายมากๆ ในชั่วโมงเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง เห็นมันเถียงครูอยู่ในใจบ่อยๆ ที่รู้เพราะว่ามันแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งหลังจากครูท่านนั้นออกจากห้องเรียนไปแล้ว ผมไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้กินข้าว ในขณะที่พวกเราอยู่โรงอาหาร ที่สิงสถิตย์ของมันคือห้องสมุด

ความประทับใจที่ไม่รู้ลืมอีกเรื่องในงานวันไหว้ครู เมื่อไม่มีใครรับอาสาจัดพานดอกไม้ในวันไหว้ครู ครูประจำชั้นรับสมัครอาสาสมัครเป็นตัวแทนห้อง นักเรียนชายล้วน ใครมันจะสนใจจัดพานพุ่ม เป็นโอกาสของผม อาจเป็นเพราะสมัยที่ผมเรียนสหศึกษาในชั้นมอต้นที่ต่างจังหวัด มักมีผู้หญิงรับงานนี้ไปทำ งานนี้ใครจัดได้สวยเข้าตากรรมการมีสิทธิรับรางวัล บางห้องถึงกับเชิญมืออาชีพมาช่วย ส่วนของผมทำกันเอง 3-4 คน เรื่องวัสดุไม่ยากสำหรับผม เพราะผมพักที่ปากคลองตลาด เห็นดอกไม้ทุกวัน ผมกับเพื่อนนักเรียนช่วยกันจัดพาน ผมปั้นดินเป็นรูปตราโรงเรียนประดับด้วยดอกบานมิรู้โรยบนพานทองเหลือง แม้ผลงานจะไม่เข้าตากรรมการ แต่ผมก็ภูมิใจมากที่ได้เป็นตัวแทนนักเรียนไปกราบแทบเท้าครูในวันนั้น

Create Date :16 มกราคม 2555 Last Update :10 เมษายน 2555 22:41:51 น. Counter : Pageviews. Comments :5