จากที่พักเดินเท้าไปไกลพอควรก็ถึงเจดีย์พุทธคยา องค์เจดีย์มีสีทองอร่าม




ฟ้าเดี๋ยวก็อึมครึมแล้วเดี๋ยวก็แดดออก


ลวดลายปูนปั้นบนเจดีย์


สิงห์หน้าเจดีย์ตัวใหญ๋เบิ้ม



ทางขึ้นเจดีย์มีรอยพระพุทธบาท มีคนอธิษฐานเสี่ยงทายด้วยการตั้งเหรียญ


บนช่องและซุ้มบนลายปูนปั้นบนองค์เจดีย์มีผู้นำพระพุทธรูปไปวางไว้


ไหว้พระ ไหว้พระเจดีย์ เดินชมรอบลานประทักษิณ ด้านล่างข้างลานหน้าเจดีย์มีร้านขายของที่ระลึกเป็นพวกงานไม้ ขอโทษที่ไม่ได้เก็บรูปมา


ต้นสาละลังกาเป็นไม้คนละต้นกับสาละที่พระพุทธองค์ดับขันธ์ปรินิพพาน ซึ่งต้นนั้นเป็นไม้วงศ์ยาง แต่หลายคนและแม้แต่หลายวัดเข้าใจผิดว่าเป็นต้นสาละลังกานี้ แอบสงสัยว่าใครไปตั้งชื่อต้นนี้ว่าต้นสาละลังกานะ


ดอกสาละลังกา คุณลุงปรัดยต ที่อินเดียเรียกว่าดอก"นาคาลึงคะ"

จากนั้นก็กลับที่พัก พักกันสักพักก็ออกเดินเล่นหาซื้อของ


เก็บภาพฟากฟ้าด้านทิศตะวันตกยามเย็นจากสะพานมอญ


ตลกดีคือเดินข้ามสะพานมอญมาเกือบถึงศาลาหัวสะพานฝนก็เริ่มโปรยมา จึงรีบเดินเข้าหลบฝนที่ศาลา ผมกับเพื่อนแทบไม่เปียกเลย ส่วนคนที่ข้ามมาไม่ทันฝนอยู่ตรงกลางๆ ต้องรีบวิ่งมาเปียกฝนโชก


เดินซื้อของจนตะวันลับฟ้า กลับมาข้ามฝากเก็บภาพแพพักยามค่ำ

ถึงที่พัก อาบน้ำ อาบท่า นั่งคุยกับเพื่อน ว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้า ถ่ายรูป ใส่บาตร และไปด่านเจดีย์สามองค์กัน จากนั้นก็นอนพักผ่อนด้วยความเหนื่อยอ่อน


นี่ที่หลับที่นอนของเราในค่ำคืนนั้น

วันนี้เท่านี้ก่อน เดี๋ยวต้องไปทำงานแล้ว มีความสุขกันนะครับ ไว้ว่างจะมาเล่าต่อ

สวัสดี