เมืองพนัสนิคม ... เมืองพระรถ



จะไปคุยกับเพื่อนเย็นวันพุธที่เมืองชล

สาย ๆ วันที่ 21 กพ. 2556 ที่โคราช








เลยปักธงชัยไปวังน้ำเขียว








ตอนนี้ดอกหญ้าสองข้างทางสวย








เป็นทางลงชัน พอดีติดรถบรรทุกจึงมองเห็นถนนที่ผ่านบ้านบุพราหม์ข้างล่าง








และสำหรับท่านที่ต้องขับรถ หากเหม่อมีสิทธิ์ตกเขา








แยกพนมสารคาม ( ทล. 304 กับ 331 )








เปิดหาที่เที่ยวระหว่างทางได้ที่พนัสนิคม








*


ตำนานเรื่องพระรถเมรี

คล้ายชาดกเรื่อง รถเสนชาดก

เล่าว่า

พระรถสิทธิ์ เจ้าครองนครที่ไม่มีพระมเหสี

ครองเมืองไพศาลีด้วยความสงบสุข

เมืองนั้นมีเศรษฐีชื่อ พรหมจันทร์ มีภรรยาแต่ไม่มีบุตรธิดา จึงไปขอจากพระฤๅษี

พระฤๅษีจึงให้เก็บก้อนกรวดที่ปากบ่อน้ำหน้าอาศรม

เศรษฐีเก็บก้อนกรวดไปสิบสองก้อน

หลังจากนั้นภรรยาได้ตั้งท้องมีธิดาติดต่อกันมาเรื่อยมาจนได้สิบสองคน

ต่อมาเศรษฐีค้าขายขาดทุนจนไม่มีอาหารเลี้ยงดูลูกสาวทั้งสิบสองคน

จึงนำลูกสาวทั้งหมดไปปล่อยป่า

ขณะที่ปรึกษากันระหว่างผัวเมีย

นางเภาลูกสาวคนสุดท้องแอบได้ยินจึงไปเก็บก้อนกรวดไว้เป็นจำนวนมาก

พอพ่อพาเข้าป่าไปตัดฟืน

นางเภาจะเดินรั้งท้ายและทิ้งก้อนกรวดตามทางเพื่อเป็นเครื่องหมาย

ถึงป่าพ่อใช้ให้ลูกๆแยกย้ายกันไปตัดฟืนหาผลไม้ในป่า

แล้วพ่อก็หนีกลับบ้าน

ลูกสาวจึงได้เดินกลับตามรอยกรวด

วันต่อ ๆ มาเศรษฐีก็พยายามนำลูกสาวไปปล่อยในป่ากันอีก

จนสุดท้ายนางเภาไม่มีโอกาสเก็บก้อนกรวดเหมือนครั้งก่อน

จึงเอาขนมที่พ่อแม่ให้กินระหว่างเดินทางโปรยตามทาง เพื่อเป็นเครื่องหมาย

เมื่อนกกาเห็นก็จิกกินขนมจนหมดสิ้น

นางสิบสองได้หลงเข้าไปในเมืองยักษ์

นางสันทมาร ยักษ์แม่หม้ายมีลูกสาวบุญธรรม ชื่อนางเมรี จึงรับเลี้ยงไว้

นางสิบสองไม่ทราบว่านางเป็นยักษ์จึงอาศัยอยู่ด้วย


นางสันทมารต้องออกป่าไปจับสัตว์กินเป็นอาหารเสมอ

วันหนึ่งนางสิบสองได้เล่นซุกซน จนไปพบกระดูกคนและสัตว์จำนวนมาก

จึงรู้ว่านางสันทมารนั้นเป็นยักษ์ และพากันหนีไป

ด้วยบุญญาธิการของนางสิบสองยังมีบ้าง

พวกสัตว์ ป่า เสือ ช้าง ช่วยกันกำบังนางสิบสองไม่ให้นางสันทมารเห็น


นางสิบสองก็เดินกลับมายังเมืองไพศาลี

พระรถสิทธิ์เจ้าเมืองพบเข้าทรงพอพระทัยมาก

จึงรับนางสิบสองทั้งสิบสองคนมาเป็นพระมเหสี


นางสันทมารได้ติดตามมาจนถึงเมืองไพศาลี

ทราบว่านางสิบสองได้เป็นพระมเหสีของพระราชสิทธิก็เคียดแค้น

จึงแปลงกายเป็นหญิงงาม และได้เฝ้าพระรถสิทธิ์

และได้เล่าเรื่องให้ฟังว่า

ตนชื่อ นางสมุดชาถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน จึงหนีมา

พระรถสิทธิ์ได้รับนางสมุดชาไว้เป็นชายา

นางสมุดชาได้ทำเสน่ห์มารยาให้พระรถสิทธิ์หลงใหลจนลืมมเหสีนางทั้งสิบสอง

แล้วแกล้งป่วย หมอหลวงเยียวยารักษาไม่หาย

จะต้องใช้ดวงตาของสาวที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน 12 นาง เป็นเครื่องยา

ด้วยเวทมนต์ของนางยักษ์สันทมารนั้นได้ควักลูกตานางสิบสองมาเป็นเครื่องยา

แต่นางเภาถูกควักลูกตาเพียงข้างเดียว

เพราะเมื่อครั้งหนีนางยักษ์สันทมาร

นางทั้งสิบสองคนจับปลากิน

พี่ๆ จับปลาได้ก็จะร้อยกับเชือกโดยแทงตาทะลุทั้งสองข้าง

ส่วนนางเภานั้นร้อยปลาจากปากปลาไปทะลุตาข้างเดียว


ขณะนั้นมเหสีทั้งสิบสองได้ตั้งครรภ์กับพระรถสิทธิ์ทุกคน

แล้วนางสันทมารให้จับนางสิบสองไปขังไว้ในอุโมงค์มืดๆ

มีอาหารกินบ้างอดบ้าง จนคลอดบุตร

เมื่อต่างคลอดบุตรออกมาก็ฉีกเนื้อแบ่งกันกิน

นางเภารับส่วนแบ่งเก็บไว้ได้ 11 ชิ้น

ครั้นนางคลอดบุตรออกมาบ้างก็นำเนื้อเด็กทั้ง 11 ชิ้น ส่งให้พี่ๆ ลูกของนางจึงรอดชีวิต

นางเภาเลี้ยงลูกมาในอุโมงค์นั้นจนเจริญวัยตั้งชื่อว่า “รถเสน”

พระอินทร์ทราบเรื่องนางสิบสองถูกทรมานจึงแปลงกายเป็นไก่มาหากินอยู่หน้าอุโมงค์

พระรถเสนเลี้ยงไก่พระอินทร์และนำมาท้าชนพนันกับชาวบ้านได้ชัยชนะทุกครั้ง

ได้อาหารมาเลี้ยงแม่และป้าๆ จนมีชื่อเสียงเลื่องลือ

ความทราบถึงพระกรรณพระรถสิทธิ์

พระองค์เรียกเข้าเฝ้าทำให้ทราบว่า พระรถเสนเป็นพระโอรส

นางสมุดชาจึงคิดกำจัดพระรถเสน

โดยให้พระรถสิทธิ์สั่งพระรถเสนเดินทางไปยังเมืองยักษ์

เพื่อนำ “มะงั่วรู้หาว มะนาวรู้โห่”

และ เขียนสารให้พระรถเสนถือไปหานางเมรี

ว่า “ถึงกลางวันให้ฆ่ากลางวัน ถึงกลางคืนให้ฆ่ากลางคืน”

พระรถเสนก็ควบม้าไปยังเมืองยักษ์ตามคำสั่งพระบิดา

มาถึงอาศรมพระฤๅษีก็ขอหยุดพักหลับนอน

พระฤๅษีผู้มีญาณพิเศษทราบเหตุการณ์

จึงแก้ข้อความในจดหมายที่เรียกว่า “ฤๅษีแปลงสาร”

ใหม่ว่า “ถึงกลางวันให้แต่งกลางวัน ถึงกลางคืนให้ แต่งกลางคืน”


เมื่อพระรถเสนไปถึงเมืองยักษ์พบนางเมรี

นางเมรีทราบเรื่องราวตามสารก็ทำตามคำสั่งแม่

คือ อภิเษกสมรสและยกเมืองให้พระรถเสนครอง


พระรถเสนอยู่ในเมืองยักษ์ด้วยความสุข

แต่ระลึกถึงมารดาและป้า

จึงมอมนางเมรีเมามาย

และหลอกถามถึงห่อดวงตานางสิบสอง และกล่องบรรจุดวงใจของนางสันทมาร

เมื่อได้ของก็หนีออกจากเมืองไป


ครั้นเมื่อนางเมรีหายเมาไม่เห็นพระรถเสน

นางกับเสนายักษ์ได้ออกติดตามพระรถเสนด้วยความรัก

พระรถเสนควบม้าหนีมาแต่นางเมรีก็ตามทัน

พระรถเสนโปรยยาให้เป็นมหาสมุทร

นางเมรีสิ้นแรงฤทธิ์ไม่สามารถจะข้ามมหาสมุทรได้

จึงเฝ้ารำพันอ้อนวอนให้พระรถเสนกลับเมืองไปอยู่กับนาง

จนดวงใจแตกสิ้นใจตาย

พระรถเสนกล่าวขอโทษต่อศพนางแล้วให้เสนายักษ์นำกลับเมือง

พระรถเสนกลับมาถึงเมืองไพศาลี

ก็นำดวงตามารดาและป้าๆ พร้อมกับยารักษาจนสามารถมองเห็นได้

และนางสิบสองพร้อมกับพระรถเสนเข้าเฝ้าพระราชบิดาทูลว่านางสมุดชาเป็นยักษิณี

นางสมุดชารจึงกลับเป็นยักษ์เพื่อฆ่าพระรถเสน

แต่พระรถเสนทำลายกล่องดวงใจของนางสมุดชาจึงสิ้นใจตาย

สุดท้ายพระรถสิทธิ์ก็ครองเมืองกับมเหสีทั้งสิบสองคนอย่างสันติสุข



*




จากทล. 331 เลี้ยวเข้าบ้านหัวถนน

จากความเชื่อที่ว่า สมัย 1,000 กว่าปีมาแล้ว

มีพระรถปกครองเมืองพระรถ ชอบชนไก่

มักจะไปชนไก่ที่สระสี่เหลี่ยม

ในสมัยนั้นไม่มีถนน การเดินทางมีความลำบากมาก

พระรถจึงสร้างถนนไปถึงสระสี่เหลี่ยม

ณ จุดเริ่มสร้างถนนชาวบ้านจึงเรียกว่า ศีรษะถนน

ต่อมาเปลี่ยนเป็นหัวถนน








ไปตามป้ายบอก ถ้าป้ายไม่บอกก็จอดถาม








โบสถ์วัดหัวถนน








วิหารหลวงพ่อติ้ว








ภายในวิหาร








หลวงพ่อติ้ว

เป็นพระพุทธรูป ปางมารวิชัย

แกะสลักด้วยไม้ติ้ว








เป็นศิลปะของชาวลาว หรือล้านช้าง

พระอุระแบน เบ้าพระกรรณใหญ่ ตุ้มพระกรรณเรียวเล็ก

นิ้วมือเรียบเสมอกัน

เวลาหาว่าองค์ใดสำคัญในโบสถ์ จะดูองค์ที่ห่มผ้า








และดูความวิจิตรของผ้าที่ห่ม








จากวัดหัวถนน ย้อนขึ้นไปยังสระสี่เหลี่ยม








งานนี้ต้องถามลูกเดียว เพราะหลายทางแยก

เขาบอกว่าให้ไปทาง ... เรื่อย ๆ จนสุดทางอยู่ขวามือ








ความเข้าใจคือสุดทาง แปลว่าซอยตัน ชิมิ

แต่ก็มาจนสุดทางแยกเป็นแบบนี้








ไปทางไหนกันล่ะ หันไปหันมา คนขับรถก็เห็นข้าง ๆ ที่เราจอดรถงงอยู่เป็นบ่อ

ในรูปข้างบนก็รั้วเตี้ย ๆ ขวามือนั่นแหละ








ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานปี 2474

ตัวสระเป็นศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยม ขนาด 8*5 วา ลึก 2 วาเศษ

ขุดตัดหินเป็นหน้าเรียบเล็กลงไปเป็นแนวดิ่ง ได้มุมฉากทั้งสี่ด้าน

ราวกับใช้เครื่องจักรตัด

ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไม่ปรากฏว่าผู้ใดขุดสระนี้

จึงสันนิษฐานว่า สระนี้ขุดพร้อมกันกับเมืองพระรถ

ในสมัยทราวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 13-17

ต่อมาอาจมีการอพยพย้ายถิ่นฐานหรือล้มตาย จึงกลายเป็นเมืองร้าง


จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ปี พ.ศ. 2372

ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3

มีผู้คนจากบ้านหน้าพระธาตุ

อพยพมาตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัยทำมาหากินที่สระสี่เหลี่ยมนี้








จากตำนานเล่าว่าพระรถในเรื่องพระรถเมรีทรง

ได้ขุดสระนี้เพื่อให้น้ำไก่

และยังเสด็จไปพนันตีไก่กับพระเจ้าอู่ทองอู่ไท ที่ ต.ดงน้อย จ.ปราจีนบุรี

โดยพนันเอาบ้านเอาเมืองกัน








ทางตะวันตกมีบันไดลง 12 ขั้น

ปี 2512 กรมชล ขุดคลองชลประทานมาได้ถมขั้นบันไดเหลือเพียงเล็กน้อย








ตามหลักฐานทางภูมิศาสตร์

มีแนวทางเดินของคนโบราณ

มีคลองจากหน้าพระธาตุมาบ้านหลวงถึงหัวถนน

จากหัวถนนมีถนนดินเป็นแนวมาถึงสระสี่เหลี่ยมเลย

ไปยัง อ.พนมสารคราม อ.สนามไชยเขต จ.ฉะเชิงเทรา

และ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี

ซึ่งเป็นเมืองโบราณสมัยทราวดีเช่นกัน








แล้วก็ ใช้ถนนเลียบคลองชลประทาน








ไปเข้า ทล. 315 พนัสนิคม - ฉะเชิงเทรา








เลี้ยวซ้ายไปพนัส เพื่อไปวัดโบสถ์














โบราณสถานวัดโบสถ์

สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อประมาณสมัยราชอาณจักรกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย

ต่อมาเมื่อพม่าเข้าศึกยกทัพตีกรุงศรีอยุธยาแตก ครั้งที่ 2

ผู้คนจำนวนมากได้อพยพหนีภัยสงคราม

มาตั้งถิ่นฐาน ณ ที่แห่งนี้

และเรียกชื่อว่า หมู่บ้านวัดโบสถ์ เพื่อระลึกถึงถิ่นที่เคยอยู่ที่เดิม

ที่กรุงศรีอยุธยา








จั่วหลังคาซ้อนทับ
































ภาพจิตรกรรมภายในพระอุโบสถหลังเก่า เหลือแค่นี้














เจดีย์














เขาว่า ภายในวัดมีสระน้ำโบราณ

เห็นแต่สระหน้าวัดที่ล้อมรั้วเป็นพิเศษ








ออกจากวัดโบสถ์ กลับเข้าถนน 315

ไปยังวัดหน้าพระธาตุ

อยู่เมืองเก่าสมัยทวาราวดี ... เมืองพระรถ

ที่อาจเห็นแนวเมือง แค่เนินดินเป็นหย่อม ๆ

ภาพจากกูเกิล








ถามทางเขาตลอด








ถึงวัดหน้าพระธาตุ เพื่อจะไปชม หินแกะรูปโคนนทิ สมัยทวาราวดี








แต่ไม่มีใครอยู่ ก็ตรงเข้าไปเนินพระธาตุต่อ

กำลังมีงานฉลองพอดี








พระธาตุ หมายถึงเจดีย์

เนินพระธาตุ คือ เนินดินที่มีเจดีย์ตั้งอยู่

เมื่อมีหมู่บ้านตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก

จึงได้ชื่อว่า " บ้านหน้าพระธาตุ "




ฐานเดิมขององค์พระธาตุเป็นรูปสี่เหลี่ยม

เชื่อกันว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุ

ซึ่งแสดงว่าเมืองนี้จะต้องไม่ใช่เป็นเมืองเล็กเมืองน้อย

น่าจะเป็นเมืองสำคัญของมนุษย์สมัยโบราณ

เช่นเดียวกับเมืองโบราณอื่นๆ ที่ติดทะเล

เช่นเมืองไชยา เมืองนครศรีธรรมราช

... แถวนี้เชื่อว่าเมื่อก่อนเป็นเมืองชายทะเลด้วย ...



เนินพระธาตุนี้ได้ถูกทิ้งร้างไว้ระยะหนึ่ง

ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2463

เอกชนเจ้าของที่ดินได้ก่อสร้างเจดีย์เพื่อเก็บกระดูกบรรพบุรุษ

จึงเป็นเจดีย์แทนพระธาตุองค์เก่า








เข้าไปเที่ยวพนัสต่อ ที่

วิหารพระพุทธมิ่งเมือง

เดิมเป็นวัดร้างชื่อวัดผ้าขาวใหญ่

สันนิษฐานว่าเป็นวัดแรกของพนัสนิคม

ต่อมาเทศบาลเมืองพนัสนิคม

ได้ปรับปรุงสถานที่บริเวณวัดร้าง

ก่อสร้างหอพระเป็นที่ประดิษฐานองค์พระประธาน ณ ที่ตั้งพระอุโบสถเดิม








พระพุทธมิ่งเมือง เป็นพระพุทธรูป ปางมารวิชัย

แกะด้วยไม้ประดู่

ลักษณะเป็นศิลปะล้านช้าง

สร้างในราว พ.ศ. 2371

โดยชาวลาวอพยพที่เข้ามาอาศัยอยู่ในแถบนี้








และสุดท้าย

หอพระพนัสบดี

ทีแรกว่าชื่อจำยาก แต่พอนึกถึงชื่ออำเภอก็ได้เลยเด้อ








พ.ศ. 2474 ได้มีผู้ขุดพบพระพุทธรูป "พระพนัสบดี"

ในบริเวณตำบลหน้าพระธาตุ ... เมืองพระรถ

เป็นพระพุทธรูปจำหลักจากศิลาดำเนื้อละเอียด

สมัยทวารวดี อายุ 1,200-1,300 ปี

ปางประทับยืนบนดอกบัว ยกพระหัตถ์ทั้งสองเสมอพระอุระ

จีบพระองคุลีพระหัตถ์ทั้งสอง เช่น พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา

บนฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองมีลายธรรมจักร

ประทับยืนบนสัตว์พาหนะ

ที่ หน้าเป็นครุฑ เขาเป็นโค ปีกเป็นหงส์ โค ครุฑ หงส์

อันเป็นพาหนะของเทพเจ้าทั้งสาม

คือ พระอิศวรทรงโค พระนารายณ์ทรงครุฑ พระพรหมทรงหงส์

ผู้สร้างอาจหมายถึงพระพุทธเจ้าอาศัยศาสนาพราหมณ์เป็นพาหนะ

ในการประกาศพระศาสนา

หรือหมายถึงพระพุทธเจ้าทรงชัยชนะแล้วซึ่งศาสนาพราหมณ์ก็ได้

องค์จริงกรมศิลปากรเก็บรักษาไว้เมื่อ ปี พ.ศ. 2474

ใครหนอเอาพระไปบังสัตว์พาหนะ ... ไม่เห็นเลย











Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 24 มีนาคม 2556 11:16:21 น.
Counter : 8346 Pageviews.

26 comments
✿ Food For Fun :: Hot Wok Return #94 :: กินเพลินเกินห้ามใจ " ปีกไก่ทอด " ✿ เนินน้ำ
(9 เม.ย. 2567 13:57:01 น.)
สักการะองค์พญานาคใหญ่ที่สุดในไทย วัดถ้ำแจง เพชรบุรี นายแว่นขยันเที่ยว
(8 เม.ย. 2567 12:34:14 น.)
Ta Moke Shwe Gu Gyi Temple สายหมอกและก้อนเมฆ
(8 เม.ย. 2567 18:52:20 น.)
ประวัติน่าสนใจ เจดีย์เอียง เกาะเกร็ด สมาชิกหมายเลข 4313444
(6 เม.ย. 2567 20:33:48 น.)
  
นี่เลย เอนทรี่แบบที่เราโปรดปราน
เทหมดสามอย่างเลย 555++

โดย: คนบ้า(น)ป่า (nulaw.m ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:47:59 น.
  
สวัสดีครับพี่ตุ๊ก
แยกพนมสารคาม ตรงตลาดพนมสารคาม
ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ แปลกอร่อยดีครับ

พนัสนิคม ดูๆทางไว้ น่าสนใจ
เผื่อจะได้ตามรอยไปครับ
โดย: moresaw วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:18:07:50 น.
  
~ มาอ่านเหมือนนิทานเลยค่ะ และมาให้พี่พาเที่ยวค่ะ และเอาเตี๋ยวมายั่วน้ำลายด้วยค่ะ

 photo DSC03965_zps24336ec7.jpg
โดย: ~ ริมน้ำ_VoUฟ้า ~ (rimnam_kobfa ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:28:44 น.
  
วัดแรก โบสถ์สวย สอาดน่าไปครับ

วัดที่สอง โบสถ์น่ากลัวจะพังลง ดูรอยแยกน่า
จะสมัยก่อนคงไม่มีโครงสร้างอะไรมาก มันจึง
แบะออกแบบนั้น

เห็นชื่อพระรถ บอกตรง ๆ นะครับลืมไปแล้ว
พอเห็นเรื่องในบล๊อกนี้ เลยรื้นฟื้นขึ้นมาใหม่
พล๊อตเรื่องแบบนี้ คงนำมาดัดแปลง เป็นปัจจุบัน
น่าจะดีไม่ใช่น้อย เพราะละครทีวีทำซ้ำ ๆ กัน
เยอะหลายครั้งด้วยครับ 555
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:39:47 น.
  
วันนี้คุณ พายุสุริยะ ได้รับ 5 ดวง สำหรับ ให้กับเพื่อนสมาชิกที่ท่านรักนะคะ


--------------------------------------------------------------------------------
...นี่...นี่...ท่านประธาน ช่องเจ๊ดสี เขากำลังหาเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ ไปสร้างภาพยนต์อยู่พอดี พระรถ เมรี นี่เขาก็กำลังสนใจอยู่นะ 555
ไปพนัสนิคม แปลกใจอยู่เหมือนกัน ใครแนะนำ
หรือเพื่อนพาไปครับนี่.....???..
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:07:07 น.
  
read
โดย: ravio วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:23:58:54 น.
  
พนัสนิคมมีชื่อเสียงเรื่องเครื่องจักสานไม้ไผ่มานาน
มีพิพิธภัณฑ์เครื่องจักสานที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เคยได้อันดับเมืองน่าอยู่ที่1 ของไทย

น่าจะมีป้ายบอกทางแหล่งท่องเที่ยวเยอะๆ
ไปทางไหนกันล่ะ หันไปหันมา คนขับรถก็เห็นข้าง ๆ.....
ถ้าไม่หันสงสัยเลยไปทางไหนแน่เลยครับ


โดย: moresaw วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:23:59:18 น.
  
มาส่งรักและส่งยิ้มจ้า
-----------------------------------------------------------------------------
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ tuk-tuk@korat เรียบร้อยแล้วนะคะ
โดย: smack วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:7:38:33 น.
  
สวัสดีครับ
ของโบราณบ้านเรายังมีอีกเยอะแต่ไม่มีคนถ่ายทอดออกมาเป็นทางการ
โดย: จิรโรจน์ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:8:51:57 น.
  
สวัสดีค่ะ พี่ตุ๊ก





โดย: ปรัซซี่ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:28:42 น.
  
ชื่อหลวงพ่อติ้วคงเพราะแกะสลักจากไม้ติ้วนี่เอง
ขอบคุณพี่ตุ๊กสำหรับข้อมูลดีๆที่นำมาฝากนะคะ
ฝากดอกไม้ที่พี่ตุ๊กชอบให้ค่ะ



สุขสันต์วันหยุดนะคะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:58:23 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: never the last วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:11:16:22 น.
  
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ tuk-tuk@korat เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 1 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ

วันนี้เอาหัวใจอวบๆมาฝากคนสองตุ๊กครับ...
โดย: พันคม วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:02:54 น.
  
โดย: Kavanich96 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:14:57:48 น.
  
ขอตามไปเที่ยว ไปกราบองค์พระท่านด้วยค่ะพี่ตุ๊ก


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:15:16:33 น.
  
ไปชลบุรีเพื่อไปดูHonda LPGAหริอเปล่าครับ
ดูทีวีช่อง7เด็กไทยอายุ17ปีนำด้วย เหลือพรุ่งนี้วันสุดท้าย สาวไทยสู้ๆ
โดย: คนโคราช (Ni.Somsak ) วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:59:39 น.
  
ทัศนาจรไปเรื่อยๆแบบนี้ก็ดีนะคะ

กาญชอบขับรถเหม่อด่วยค่ะ แหะ แหะ
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:3:33:07 น.
  
ทัวร์ครั้งนี้คุ้มค่าเลยนะค่ะคุณตุ๊ก
ได้เที่ยว+เห็นหลายที่เลยแถมมีประวัติให้อ่านเพลิน
พระรถ-เมรี .... ชอบจังเหมือนได้ดูในทีวีเลีย...

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
AppleWi Beauty Blog ดู Blog
haiku Fanclub Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog
โดย: tui/Laksi วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:6:05:26 น.
  
คุณตุ๊กขา มาชวนไปกินของแซบกัน...

โดย: Calla Lily วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:27:23 น.
  
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ tuk-tuk@korat เรียบร้อยแล้วนะคะ



พี่ตุ๊กคะ เดี๋ยวหนูมาอ่านนะคะ วันหยุดภารกิจมากมายเลยค่ะ



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:21:52 น.
  
นานจนเกือบลืม
พระรถ-เมรี และฤาษีแลงสาร..
โดย: wicsir วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:14:02:23 น.
  
พระฤาษีก็นะคะ แปลงจดหมายฆ่า เป็นจดหมายเป็นจับแต่งซะงั้น สงสารนางเมรีนะคะ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่


ภาพวัดโบสถ์ เสียดายนะคะ ไม่รู้จะค้ำจะยันกันไปได้เท่าไหร่ บูรณะเอาโครงไว้ก็ยังดี พี่ตุ๊กเข้าไปภายในโบสถ์ด้วยเหรอคะ หรือใช้กล้องยื่นเข้าไปแทน กลัวพังลงมานะคะ


อยากเห็นพระพนัสบดี ชัดๆ นะคะ สมัยทวาราวดี ตั้งพันกว่าปี เป็นศิลาดำเนื้อละเอียด โดนปิดทองมิดไม่เห็นเนื้อเดิมเลยค่ะ

ได้วิธีสังเกตพระองค์สำคัญจากพี่ตุ๊กด้วยค่ะ



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:18:58:14 น.
  
นิทานก่อนนอนเรื่องนางสิบสองนี่สนุกมาก ตอนเด็กๆ จนทุกวันนี้ผมยังตามหา “มะงั่วรู้หาว มะนาวรู้โห่” ว่ามันคือต้นอะไร คนโบราณบางครั้งก็ทำปริศนาคำทาย และสร้างอภินิหารชิงบ้าน ชิงเมืองกัน... เท่าที่มีข้อมูล พ.ศ 1200 เมืองศรีมโหสถน่าจะเป็นชุมชนใหญ่แล้ว เพราะมีจารึกจิตรเสนรับรองอยู่

โดย: surya21 (surya21 ) วันที่: 6 มีนาคม 2556 เวลา:14:44:31 น.
  
Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2556 16:27:44 น. 23 comments
Counter : 614 Pageviews.


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 24 มีนาคม 2556 เวลา:11:15:21 น.
  
หนูย้ายหมวดบล็อก แล้วลบหมวดเก่า เพจวิวหนูหายหมดเลย อยากจะร้องไห้ค่ะ
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 9 เมษายน 2557 เวลา:16:55:26 น.
  
มาตามรอยครับ ว่าจะกลับไปเก็บเมืองพระรถ

วัดโบสถ์บนศาลาการเปรียญมีจิตรกรรมบนคอสอง
สูงและมืดพอควร ตอนนั้นดูไม่เป็นด้วย
โดย: vet53 IP: 171.101.168.60 วันที่: 21 เมษายน 2557 เวลา:19:37:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tuk-tukatkorat.BlogGang.com

tuk-tuk@korat
Location :
นครราชสีมา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 148 คน [?]

บทความทั้งหมด