ตามรอยทับหลังมาจนถึง วัดทองทั่ว ... จันทบุรี ตำนานเล่าสืบต่อมาว่ามีเมืองหนึ่งที่ตั้งอยู่เชิงเขาสระบาป มีผู้ครองเมืองต่อกันมามาหลายสมัย ชื่อเมืองเพนียด ถึงสมัยของพระเจ้าพรหมทัต ทรงมีพระโอรสกับพระมเหสีเอก 2 พระองค์ คือ พระไวยทัต และพระเกตุทัต ต่อมามเหสีเอกสิ้นพระชนม์ พระเจ้าพรหมทัตได้อภิเษกกับ พระนางกาไว และมีพระราชโอรส 1 พระองค์ เมื่อพระเจ้าพรหมทัตสวรรคต พระนางกาไวอยากให้บุตรของตนได้ขึ้นครองราชย์แทน จึงทูลขอให้พระเจ้าพรหมทัตส่งพระโอรสทั้ง 2 ไปสร้างเมืองใหม่ เมื่อพระเจ้าพรหมทัตสิ้นพระชนม์ พระนางกาไวได้ให้พระโอรสของตนขึ้นครองราชย์ และพระนางเป็นผู้สำเร็จราชการ ชาวบ้านจึงเรียกเมืองนั้นว่า เมืองนางกาไว พระไวยทัต และพระเกตุทัต ก็ยกทัพมาเมืองเพนียดเพื่อชิงเมืองคืน แต่สู้ไม่ได้ จึงขอเขมรมาช่วย พระนางกาไว รู้ว่ากองทัพตนคงสู้ไม่ได้ จึงได้หนีเมื่อเห็นจวนตัวก็โปรยทรัพย์สมบัติเพื่อล่อให้ทหารเก็บ สถานที่ที่พระนางกาไวได้หว่านเพชรทองเอาไว้ จึงได้มีชื่อเรียกว่าทองทั่ว คือ บริเวณวัดทองทั่ว และเมื่อเห็นว่าไม่มีทางรอด จึงดื่มยาพิษชื่อว่า ยามหาไวย สิ้นพระชนม์ อาณาเขตเมืองเพนียด อยู่ในเขตอำเภอเมือง จันทบุรี โบราณวัตถุที่พบบริเวณโบราณสถานเมืองเพนียด และบริเวณใกล้ ๆ ได้ถูกเก็บไว้ที่วัดทองทั่ว และ อีกหลายที่ แต่เราปราถนาจะมาวัดทองทั่ว เพราะอยากมาดูทับหลังเก่าแก่ที่สุด ไม่แน่ชัดว่าวัดที่สร้างมาแต่เมื่อใด แต่ได้รับวิสุงคามเสมาเมื่อปี พ.ศ. 2310 และได้รับการบูรณะต่อมาเรื่อง ๆ ในภาพเสมาอุโบสถใหม่วัดทองทั่ว อุโบสถเก่าวัดทองทั่ว และ ศาลพระเจ้าตาก อุโบสถเก่า เป็นหลังคาทรงโรง คือหลังคาจั่วและมีปีกนกทั้งสี่ด้าน ด้านหน้าและหลังมีพาไล ขนาดสามห้อง ก่ออิฐถือปูน ประตูทางเข้าทั้งด้านหน้าและด้านหลังด้านละ 2 ประตู หน้าต่างเป็นวงโค้ง ... น่าจะได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์ ฐานบัว ... บัวคว่ำ-บัวหงาย เสมาอุโบสถเก่าเป็นเสมาคู่ มีทับหลังวางจัดแสดงอยู่ เสมากลางด้านหน้าเป็นรูปเทวสตรีพนมมือ ถือดอกบัว ด้านในอุโบสถ ตั้งเสาไม้เอนสอบเข้าหากัน บนเพดานเขียนรูปท้องฟ้าและดวงดาว พระประธาน พระพุทธสุวรรณมงคลศากยมุนีศรีสรรญเพ็ชญ์ หรือ หลวงพ่อทอง มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ-อิทธิพลลังกาสององค์ คือทางตะวันออกเฉียงใต้ของอุโบสถเก่า และทางตะวันตกของอุโบสถเก่า ภูเขาที่เห็นไกล ๆ คือเขาสระบาป ด้านหลังศาลาการเปรียญเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่ได้เล่าเรื่องเมืองจันทบุรีที่พัฒนาผ่านกาลเวลามาอย่างไม่หยุดนิ่ง จากอาณาจักรฟูนันอาณาจักรแรกของเขมรโบราณ สืบมาจนถึงปัจจุบัน การทำการค้าขายในยุคแรก ๆ เป็นแบบเลียบชายฝั่งทะเล อาจมาขึ้นบกทางชายฝั่งทะเลตะวันตก แล้วมาลงเรื่อต่อทางชายฝั่งตะวันออก แบบแลนด์บริดจ์ สู่อาณาจักรที่ถือบูชาเขาศักดิ์สิทธิ์หรือพนม ตามบันทึกจดหมายเหตุจากจีนเรียกว่า ฟูนัน เมืองท่าทีสำคัญของฟูนันคือเมืองอังกอร์บอเรย หรือ เมืองออกแก้ว ในปัจจุบันไม่มีสถาปัตยกรรมหลงเหลืออยู่ เหลือแต่ปฏิมากรรม เรียกว่าศิลปะพนมดา พ.ศ.1090-1150 ตามชื่อภูเขาที่เป็นที่ตั้งของเทวาลัยใกล้ เมืองท่าออกแก้ว ตรงกับประติมากรรมลอยตัวที่พบที่เมืองเพนียด ... เทวรูปพระหริหระ ... แสดงถึงความมีอยู่ของเมืองเพนียดในตอนนั้น โดยดูจากผ้านุ่งหรือพระประคต และวงโค้งเพื่อให้ความแข็งแรงของปฏิมากรรม พระหริหระเป็นภาครวมกันของเทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดูสูงสุดสององค์ ผสมผสานทั้งสองนิกาย หริ=พระวิษณุ ครึ่งซ้าย , หระ=พระศิวะ ครึ่งขวา พระศิวะ สวมชฎามุกุฎ (ชฏ คือ รกชัฏ) เป็นผมที่คลุกด้วยขี้เถ้าจากเชิงตะกอนมัดรวมขึ้น แสดงความเป็นนักบวช มีพระจันทร์เสี้ยวเป็นปิ่นปักผม มีตาที่สามบนหน้าผาก พระวิษณุ สวมกีรีฏมุกุฎ แสดงความเป็นกษัตริย์ ถือ ภู สังข์ จักร คฑา เหมือนในปฏิมากรรม ... ให้ความสำคัญพระวิษณุมากว่า ต่อมาการค้าขายทางเรือเปลี่ยนเส้นทางเป็นอ้อมแหลมมลายู ฟูนันจึงซบเซาลง แต่การค้าขายทางบกของอาณาจักรเจนละ ที่เป็นอาณาจักรคู่ขนานกับฟูนัน เจริญก้าวหน้าขึ้น พระเจ้าภัทรวรมันที่ 1 และ พระเจ้ามเหนทรวรมัน(พระเจ้าจิตรเสน)แห่งเจนละ ได้แผ่ขยายอาณาเขตสู่ดินแดนอาณาจักรฟูนัน ลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง และยังครอบคลุม ลุ่มแม่น้ำ ชี มูล พระเจ้าอิศานวรมันพระโอรสพระเจ้าจิตรเสน ขึ้นครองราชย์(พ.ศ. 1153- 1198) ได้สถาปนานครหลวงชื่ออิศานปุระขึ้น ทางตะวันออกของโตนเลสาป คือบริเวณเมืองสมโบร์ไพรกุก ศิลปะในยุคนี้จึงเรียกว่าศิลปะแบบสมโบร์ไพรกุก ที่เมืองเพนียดพบทับหลังแบบถาลาบริวัติ แบบที่พบที่เมืองถาลาบริวัติ บริเวณแม่น้ำเซกองมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ที่น่าจะพัฒนาเป็นทับหลังสัมโบไพรกุก มีรูปสลักมีความเรียบง่าย คือ 1. ปลายทั้งสองข้างของภาพ เป็นรูปมกร มกร คือ ช้าง มีหางเป็นปลา ว่ายน้ำได้ กินกล้วยเป็นอาหาร มีงวง มีงาซึ่งงาจะพัฒนาไปเป็นเขี้ยว เป็นสัญญลักษณ์ของ น้ำ ความอุดมสมบูรณ์ กำเนิดของจักรวาล และการให้ 2. มกรคายสายรุ้งออกมาเป็นวงโค้ง 2 สาย สายรุ้ง คือสะพานเชื่อมโลกมนุษย์และสวรรค์ คือลำตัวของนาคทอดจากสวรรค์มายังโลกมนุษย์ 3. สายรุ้งมาบรรจบกันตรงกลาง ที่ภาพประธานเป็นบุคคลคนตัวเล็ก มีปีก มือจับงูหรือนาคไว้ทั้งสองข้าง คือ ครุฑ ในรูปไข่ เป็นสัญญลักษณ์ของแสงสว่าง ในเวลาเที่ยงวัน สามารถทำลายอวิชาที่ทำให้เกิดการเวียนว่ายตายเกิด 4. เหนือและใต้สายรุ้ง รวมทั้งกรอบภาพประธาน มีกนกใบไม้วงโด้ง ... "กนกผักกูด" 5. ใต้สายรุ้งมีเฟื่องโค้ง ๆ และอุบะ (5.1) 6. ใต้ภาพมกรมีแท่นหัวเสาหลอก เพื่อรับเสา นอกจากนั้นที่เมืองเพนียดได้พบทับหลังแบบไพรกเมง พ.ศ.1185-1250 ที่น่าจะพัฒนามาจากสมโบร์ไพรกุกคือ 1. ปลายทั้งสองข้างของภาพ ไม่มีมกร * 2. สายรุ้งออกมาเป็นเส้นตรงเส้นเดียว แบ่งออกเป็น 4 ท่อน ม้วนปลายสองข้างเข้าด้านใน เหมือนช่องหน้าต่าง เรียกว่า กุฑุ * 3. สายรุ้งมีรูปในวงรีมี "กนกเปลวเพลิง" ล้อมรอบ 3 ภาพขึ้นไปใต้ภาพประธานมีอุบะ 4. เหนือสายรุ้งมีกนกใบไม้ 5. ใต้สายรุ้งมีเฟื่อง และอุบะ มีความสูงมากขึ้น ต่อมาชวาเข้ามารุกรานอาณาจักรเจนละ เจ้าชายพระองค์หนึ่งของเจนละ จึงอภิเษกกับกษัตริยตรีแห่งเมือง ศัมภูปุระ แล้วอพยพไพร่พลเข้าป่า ไปตั้งราชธานีที่พนมกุเลน ได้ปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ พระนามว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 สถาปนาอาณาจักรกัมพูชา ... เข้าสู่ "ยุคเมืองพระนคร" ... (หลักฐานตอนนี้ได้มาจากตามจารึกสด๊กก๊กธม ที่จารขึ้นภายหลัง คือในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1) ต่อมาสมัยพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ทรงย้ายราชธานีจากภูเขา ออกมาอยู่ที่ราบ บริเวณโรลัวะ หรือ "หริหราลัย" สร้างปราสาทพระโคเพื่อเป็นหอผีบรรพบุรุษ ไว้ในบริเวณพระราชวัง โดยมีความเชื่อว่า เมื่อกษัตริย์สวรรคตลงแล้วกลับไปรวมองค์เป็นพระศิวะ และมเหษีจะรวมองค์เป็นนางปารวตี มีพระโคพาหนะของพระศิวะอยู่หน้าปราสาท จึงเรียก ปราสาทพระโค สร้างปราสาทบากองเพื่อประดิษฐานศิวลึงก์ประจำรัชกาล อยู่กลางน้ำ ต่อมาพระเจ้ายโศธรวรมันที่ 1 ทรงย้ายราชธานีจากหริหราลัย มายังบริเวณเมืองพระนคร ชื่อ "ยโศธรปุระ" ปัจจุบันอยู่บริเวณเมืองเสียมราฐ สันนิษฐานว่าต้องการที่ประดิษฐานลึงค์ประจำรัชกาลไว้บนภูเขา แต่หริหราลัยไม่มีภูเขา สร้างปราสาทพนมบาแค็งประดิษฐานลึงค์ประจำรัชกาลชื่อ ศรียโศธรคิริศวร โดยการตัดยอดเขา สร้างปราสาทด้วยหิน ... เป็นครั้งแรก ** การสลักจึงเป็นภาพนูนต่ำ ไม่ลึกเหมือนแกะอิฐ มีวิมานทั้งหมด 108 หลัง ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 ย้ายราชธานีไป โฉกกรกยะ (แปลว่าต้นตะเคียน) เมืองที่เคยประทับ ... คือเกาะแกร์ ส่วนยโศธรปุระ (บริเวณปราสาทบาแค็ง) ปกครองโดย พระเจ้าหรรษวรมันที่ 2 ตามการนุ่งผ้าเป็นแบบเทวนารีเกาะแกร์ นุ่งผ้าจีบเป็นริ้วแล้วชักผ้าออกมา เหมือนรูปพระโพธิสัตว์ปรัชญาปารมิตตาที่พบที่เกาะแกร์ ตามคัมภีร์ปรัชญาปารมิตตา มหายาน ... น่าจะเป็นพระโพธิสัตว์ ปรัชญาปารมิตา (มีอุบายและความกรุณาทำให้เกิดจิตแห่งการตรัสรู้) พระเจ้าราเชนทรวรมันย้ายราชธานีกลับมา ยโศธรปุระ หรือเมืองพระนคร แล้วต่อ ๆๆๆ มาถึงบาปวน ศิลปะแบบบาปวน พระภูษาทรงประคตจีบเป็นริ้ว ด้านบนยกสูงและต่ำลงด้านหน้า มัดปมทิ้งชายออกมาทั้งสองข้างเหนือพระนาภี *บาปวน* ชายผ้าสะบัดทางซ้าย รัดประคตทิ้งชายทางด้านขวาทิ้งชายไปด้านขวา เทวนารีแบบบาปวน มัดปมทิ้งชายออกมาทั้งสองข้างเหนือพระนาภี มีรัดประคต นิยมเกล้าผมเป็นมวย เอกมุขลึงค์ คือลึงค์ที่มีรูปหน้าพระศิวะอยู่หนึ่งหน้า เล่าเท่าที่เข้าใจนะคะ พุทธศาสนานิกายตันตระยาน ตันตระแปลว่าเส้นด้าย หมายถึงการยึดโยง จากคุรุ หรือครู ส่งคำสั่งสอนสู่สิทธะหรือศิษย์ สิทธะแต่ละท่านเปลี่ยนสภาพเป็นคุรุ เขียนคัมภีร์ส่งต่อเคล็ดลับวิชาเฉพาะไปยังสิทธะเฉพาะสายของตน เพื่อให้สิทธะได้เข้าถึงสุญญตา คือความว่างเปล่า หรือ นิพพาน ดังนั้น ตันตระยานคือ วิถีทางแห่งภาษาลับ เมื่อนำวัชระที่เป็นอาวุธสายฟ้าของพระอินทร์ และมัณฏะหรือกระดิ่ง มาใช้ประกอบพิธีกรรม เรียกวัชรยาน แปลว่ายานที่แข็งแกร่งประดุจเพ็ชร พระพุทธเจ้าในลัทธิตันตระยานมี 5 องค์ เรียก พระชินะ แปลว่าผู้ชนะ ประจำทิศทั้งสี่และตรงกลาง ทิศตะวันออกคือ พระอักโษภยะพระพุทธเจ้า แปลว่าผู้ไม่หวั่นไหว ... ปางมารวิชัย มีพระวัชรินหรือพระเหวัชระ เป็น อิษฏเทวดา อัษฎ คือ การบูชา หมายถึงเทพที่ใครก็ตามเลือกบูชา เป็นบุคลาธิษฐานในการทำสมาธิ โดยท่องมนต์ประจำองค์ของเทพองค์นั้น แล้วจะบรรลุสุญญตา แม่พิมพ์พระเหวัชระศิลปบายน พุทธศตวรรษที่ 17-18 และพระพิมพ์เหวัชระที่ทางวัดเคยทำแจกในงานประเพณีสงกรานต์ พระวัชริน หรือเขมรเรียก พระเหวัชระ มี 8 เศียรเรียงจากบนลงมา คือ 1-4-3 เศียรมีพระเนตรสามดวง 3 เศียรล่าง หมายถึง พระพุทธเจ้า พระโลเกศวร และพระวัชรปาณิ 5 เศียรบน หมายถึง พระชินพุทธะทั้ง 5 พระองค์ โดยเศียรบนสุดตรงกลางแทนพระไวโรจนะ พระหัตถ์ 16 กร 8 พระกรขวา ถือหัวกะโหลก ช้าง ม้า ลา มนุษย์ อูฐ โค สิงโต และแมว 8 พระกรซ้าย ถือ โลก น้ำ อากาศ ไฟ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ พระยม (เทพเจ้าแห่งความตาย) และพระเวสสุวรรณ (เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง) 4 พระบาท สองฝ่าพระบาทหน้าเหยียบอยู่บนร่างมนุษย์หรือซากศพ หมายถึง อวิชชา ทังสองข้างมีพระพุทธรูปปางสมาธิและมารวิชัย เศียรเทวรูป เครื่องปั้นดินเผาที่พบที่เมืองเพนียด และอื่น ๆ อีกมากมายที่เล่าเรื่องเมืองเพนียด - จันทบุรี ว่า เป็นเมืองที่มีการต่อเมื่องมาแต่เดิมจนถึงปัจจุบัน ปิดท้ายด้วยเจดีย์ที่น่าจะสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4-5 เพราะกระเบื้องจีนสีเขียวที่กำแพงแก้วบอก หรืออาจบูรณะในสมัยนั้นก็ได้เนาะ จาก คห. 24 คุณต่อสงสัยเรื่องตาชั่งโบราณ จึงไปขยายรูปดู และคิดว่าเป็นดังนี้ค่ะ จากคอเดียวกันคนที่ 1
ไปเอาความรู้มากมายอย่างนี้นี้มาจากไหน? จากการหาความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ศิลป์ ที่มีแรงบันดาลใจจากความดูรู้เรื่องน่ะค่ะ ก็เลยเขียนไว้เป็นตำราส่วนตัวเสียเลย เวลาลืมจะได้เปิดหาอ่านถูกไม่ต้องไปค้นคว้าใหม่ พระของเขมร จะหลับตาแสดงถึงนั่งสมาธิ ไปสู่การตรัสรู้ หรือพระเนตรเหลือบลงต่ำ เป็นอิทธิพลของมหายานที่แสดงถึงความเมตตา ตอนนี้ความรู้ยังสดซิง ๆ ก่อนจะลืมเลือนไปตามเวลาจนต้องค้นคว้าใหม่ค่ะ โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:19:52 น.
สวัสดีค่ะคุณตุ๊ก...
ชอบสายสิญจ์สีขาว ที่พันตกแต่งหน้าพระประธาน...สวยคะ คนพันเก่งมากๆนะคะ.. โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:14:12:45 น.
น่าแอ่วขนาดวัดนี้
ทับเก่าเก่าแก่ งามขนาดเจ้า องค์พระหลวงพ่อทองก่องดงามมาก ๆ จินได้ฮู้ได้หันวัดหลายแห่ง ย้อนกับปี้ตุ๊กไปแอ่วมาแล้วมาเล่าสู่กันอ่านเนี่ยเจ้า ดีขนาด วันนี้มาแบบตัวเปล่าเน้อเจ้า วันพูกจะมาโหวตหื้อเน้อ โดย: JinnyTent วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:18:17:30 น.
สวัสดี จ้ะ น้องตุ๊ก
ตามมาเที่ยว วัดทองทั่ว จ้ะ จันทบุรี จ้ะ ชื่อแปลกดี พออ่านประวัติความเป็นมาแล้ว ก็เข้าใจที่มาของชื่อวัด เนาะ เป็นวัดที่เก่าแก่ ตุ๊กก็ขยันและหาข้อมูล เกี่ยวกับวัดนี้ ได้มากและละเอียดมากทีเดียว ได้ความรู้มากดี จ้ะ ตุ๊กเขียนแล้วเก็บไว้ใช้ เป็นบันทึกเรื่องราวของสิ่งที่ค้นคว้ามาได้ เป็นอย่างดี เวลาเจอเรื่องเหล่านี้ ก็จะค้นคว้า ได้ง่ายเพราะบันทึกไว้ จ้ะ โหวดหมวด ท่องเที่ยว โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:22:38:10 น.
สวัสดีครับพี่ตุ๊ก
วันนี้ได้เที่ยววัดแบบเจาะลึกถึงประวัติศาสตร์กันเลยครับ คนทั่วไปเวลามาวัดแบบนี้ ก็คงดูของโบราณผ่านๆ ไป แต่ที่น่าทึ่งมากคือ ข้อมูลทับหลังของพี่ตุ๊กนี่แหละครับ ถ้าผมไปเที่ยววัดนี้ ก็คงมองลวดลายทับหลังโบราณสวยงามแค่นั้น การได้มาอ่านแบบนี้ถือว่าเป็นประโยชน์มากครับ เก็บเป็นข้อมูลใส่ไว้ในสมอง หากไปสถานที่โบราณแล้วพบของแบบนี้ จะได้รู้วิธีการดู การมองอย่างเข้าใจ แล้วอีกอย่างนึงครับ ข้อมูลที่พี่ตุ๊กทำไว้ในบล็อคนี้ อัลกอริทึมของ google จะเก็บข้อมูลไว้ เวลามีคนต้องการค้นคว้าเรื่องพวกนี้จากคีย์เวิร์ดต่างๆ ก็จะมาพบเอ็นทรี่นี้ ใช้ประกอบการศึกษาค้นคว้าได้ครับ โดย: สีเมจิก (สมาชิกหมายเลข 5106714 ) วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:59:51 น.
tuk-tuk@korat Travel Blog
ตามเที่ยวด้วยคนค่ะ โดย: mariabamboo วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:18:37:46 น.
พี่ตุ๊กพูดคล้ายๆแกงเลยค่ะย้อนเวลาไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว อ่านบทกลอนของพี่ๆที่เขาเขียนกลอนและอยากเขียนเป็นบ้าง...
โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:20:54:56 น.
เคยได้ยินว่า
เทวรูปที่เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นที่มือ เช่น มือของทวารบาล เพราะพวกที่ทำลายส่วนใหญ่ชอบเล่นของ แก้เคล็ด เพราะเชื่อว่าทวารบาลนั้นมีอาวุธที่คอยปกป้องประเทศ การหักมือทวารบาลนั้นจะทำให้เมืองนั้นไม่มีอำนาจในการปกป้องประเทศ ขนาดที่ปราสาทหินพนมรุ้งยังโดน เมื่อ10ปีมาแล้ว โดยหักมือทวารบาล แล้วเอามือทวารบาล ไปทุบส่วนต่างๆของปราสาท เพื่อที่จะทำให้คนในชาติแตกกัน อันนี้อาจารย์ประวัติศาสตร์สายการเมืองเขาเล่าให้ฟังนะครับ เล่าจนผมเชื่อเลย 555 โดย: MDG วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:23:09:14 น.
กราบหลวงพ่อทองค่ะพี่ตุ๊ก
เจดีย์และอุโบสถเก่า เก่าแก่งดงามค่ะ เสาไม้เอนสอบเป็นการก่อสร้างที่น่าสนใจนะคะ ศิลปวัตถุทั้งรูปสลักและข้าวของในพิพิธภัณฑ์แต่ละชิ้นน่าชมมาก ขอบคุณพี่ตุ๊กที่พาชมค่ะ โดย: Sweet_pills วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:0:51:55 น.
เป็นคนที่ชื่นชมศิลปะเขมรมากๆค่ะ
เคยมากราบพระอุโบสถและไหว้ศาลพระเจ้าตาก ตอนเวลาหลังเลิกทำงาน เลยไม่ได้ชมให้ทั่วที่ เสียดายมาก ได้มายล ชม ความเก่า และงดงามที่บล็็อกนี้ นับเป็นบุญตานัก โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:15:18 น.
เที่ยวแบบเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปด้วย
เวลาอ่านคำบรรยายถ้ามีภาพประกอบด้วยก็จะช่วยได้มากเลยค่ะ โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:17:50:21 น.
สวัสดีครับพี่ตุ๊ก
พี่ตุ๊กชอบแอ่ววัดนะครับ บางวัดบังบ่าเกยหันไผ๋รีวิวมาก่อนเลย ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:20:49:06 น.
อยากกลับไปเที่ยวจันทบุรีอีกครับ คราวที่แล้วยังเที่ยวไม่ทั่วเรยยย
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:21:08:45 น.
ดูแล้วเก่าแก่มากจริงๆ ย้อนกลับไปถึงสมัยพระเจ้าตากเลย
ตาชั่งโบราณนี่น่าสนใจ ดูไม่ออกเลยว่ามันใช้งานอย่างไร โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:22:19:12 น.
อ่านเรื่องราวของคนสมัยก่อน..ก็สนุกนะคะ
เรื่องของพระนาง กาไว น่าจะมีคนนำไปสร้างซีรีย์ ..เหมือน เกาหลี...สร้างจนโด่งดังไปทั่วโลก โดย: โอพีย์ วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:22:59:34 น.
สวัสดีค่ะ ตามมาเที่ยวจันทบุรีด้วยคน จันทบุรีเป็นจังหวัดที่ยังไม่เคยไปเที่ยว ขอตามรอยเก็บไว้เลยละกันค่า หนูชอบมากพวกโบราณสถาน โบราณวัตถุ ของเก่า
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 21 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:13:22 น.
|
บทความทั้งหมด
|
พระของเขมรนี่หน้าตามีเอกลักษณ์เฉพาะช่างเขมรจริงๆ ส่วนใหญ่ชอบหลับตาน๊อ