ตามรอยทับหลังมาจนถึง วัดทองทั่ว ... จันทบุรี








ตำนานเล่าสืบต่อมาว่ามีเมืองหนึ่งที่ตั้งอยู่เชิงเขาสระบาป มีผู้ครองเมืองต่อกันมามาหลายสมัย ชื่อเมืองเพนียด

ถึงสมัยของพระเจ้าพรหมทัต ทรงมีพระโอรสกับพระมเหสีเอก 2 พระองค์ คือ พระไวยทัต และพระเกตุทัต

ต่อมามเหสีเอกสิ้นพระชนม์ พระเจ้าพรหมทัตได้อภิเษกกับ พระนางกาไว และมีพระราชโอรส 1 พระองค์

เมื่อพระเจ้าพรหมทัตสวรรคต พระนางกาไวอยากให้บุตรของตนได้ขึ้นครองราชย์แทน จึงทูลขอให้พระเจ้าพรหมทัตส่งพระโอรสทั้ง 2 ไปสร้างเมืองใหม่

เมื่อพระเจ้าพรหมทัตสิ้นพระชนม์ พระนางกาไวได้ให้พระโอรสของตนขึ้นครองราชย์ และพระนางเป็นผู้สำเร็จราชการ ชาวบ้านจึงเรียกเมืองนั้นว่า เมืองนางกาไว

พระไวยทัต และพระเกตุทัต ก็ยกทัพมาเมืองเพนียดเพื่อชิงเมืองคืน แต่สู้ไม่ได้ จึงขอเขมรมาช่วย

พระนางกาไว รู้ว่ากองทัพตนคงสู้ไม่ได้ จึงได้หนีเมื่อเห็นจวนตัวก็โปรยทรัพย์สมบัติเพื่อล่อให้ทหารเก็บ

สถานที่ที่พระนางกาไวได้หว่านเพชรทองเอาไว้ จึงได้มีชื่อเรียกว่าทองทั่ว คือ บริเวณวัดทองทั่ว

และเมื่อเห็นว่าไม่มีทางรอด จึงดื่มยาพิษชื่อว่า ยามหาไวย สิ้นพระชนม์

อาณาเขตเมืองเพนียด อยู่ในเขตอำเภอเมือง จันทบุรี








โบราณวัตถุที่พบบริเวณโบราณสถานเมืองเพนียด และบริเวณใกล้ ๆ ได้ถูกเก็บไว้ที่วัดทองทั่ว และ อีกหลายที่

แต่เราปราถนาจะมาวัดทองทั่ว เพราะอยากมาดูทับหลังเก่าแก่ที่สุด





ไม่แน่ชัดว่าวัดที่สร้างมาแต่เมื่อใด แต่ได้รับวิสุงคามเสมาเมื่อปี พ.ศ. 2310 และได้รับการบูรณะต่อมาเรื่อง ๆ

ในภาพเสมาอุโบสถใหม่วัดทองทั่ว อุโบสถเก่าวัดทองทั่ว และ ศาลพระเจ้าตาก














อุโบสถเก่า

เป็นหลังคาทรงโรง คือหลังคาจั่วและมีปีกนกทั้งสี่ด้าน ด้านหน้าและหลังมีพาไล

ขนาดสามห้อง ก่ออิฐถือปูน ประตูทางเข้าทั้งด้านหน้าและด้านหลังด้านละ 2 ประตู

หน้าต่างเป็นวงโค้ง ... น่าจะได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์

ฐานบัว ... บัวคว่ำ-บัวหงาย








เสมาอุโบสถเก่าเป็นเสมาคู่ มีทับหลังวางจัดแสดงอยู่








เสมากลางด้านหน้าเป็นรูปเทวสตรีพนมมือ ถือดอกบัว








ด้านในอุโบสถ

ตั้งเสาไม้เอนสอบเข้าหากัน บนเพดานเขียนรูปท้องฟ้าและดวงดาว

พระประธาน พระพุทธสุวรรณมงคลศากยมุนีศรีสรรญเพ็ชญ์ หรือ หลวงพ่อทอง




















มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ-อิทธิพลลังกาสององค์ คือทางตะวันออกเฉียงใต้ของอุโบสถเก่า และทางตะวันตกของอุโบสถเก่า

ภูเขาที่เห็นไกล ๆ คือเขาสระบาป














ด้านหลังศาลาการเปรียญเป็นพิพิธภัณฑ์

ที่ได้เล่าเรื่องเมืองจันทบุรีที่พัฒนาผ่านกาลเวลามาอย่างไม่หยุดนิ่ง

จากอาณาจักรฟูนันอาณาจักรแรกของเขมรโบราณ สืบมาจนถึงปัจจุบัน








การทำการค้าขายในยุคแรก ๆ เป็นแบบเลียบชายฝั่งทะเล

อาจมาขึ้นบกทางชายฝั่งทะเลตะวันตก แล้วมาลงเรื่อต่อทางชายฝั่งตะวันออก แบบแลนด์บริดจ์

สู่อาณาจักรที่ถือบูชาเขาศักดิ์สิทธิ์หรือพนม ตามบันทึกจดหมายเหตุจากจีนเรียกว่า ฟูนัน

เมืองท่าทีสำคัญของฟูนันคือเมืองอังกอร์บอเรย หรือ เมืองออกแก้ว

ในปัจจุบันไม่มีสถาปัตยกรรมหลงเหลืออยู่ เหลือแต่ปฏิมากรรม เรียกว่าศิลปะพนมดา พ.ศ.1090-1150

ตามชื่อภูเขาที่เป็นที่ตั้งของเทวาลัยใกล้ เมืองท่าออกแก้ว

ตรงกับประติมากรรมลอยตัวที่พบที่เมืองเพนียด ... เทวรูปพระหริหระ ... แสดงถึงความมีอยู่ของเมืองเพนียดในตอนนั้น

โดยดูจากผ้านุ่งหรือพระประคต และวงโค้งเพื่อให้ความแข็งแรงของปฏิมากรรม

พระหริหระเป็นภาครวมกันของเทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดูสูงสุดสององค์ ผสมผสานทั้งสองนิกาย

หริ=พระวิษณุ ครึ่งซ้าย , หระ=พระศิวะ ครึ่งขวา

พระศิวะ สวมชฎามุกุฎ (ชฏ คือ รกชัฏ) เป็นผมที่คลุกด้วยขี้เถ้าจากเชิงตะกอนมัดรวมขึ้น แสดงความเป็นนักบวช

มีพระจันทร์เสี้ยวเป็นปิ่นปักผม มีตาที่สามบนหน้าผาก

พระวิษณุ สวมกีรีฏมุกุฎ แสดงความเป็นกษัตริย์ ถือ ภู สังข์ จักร คฑา เหมือนในปฏิมากรรม ... ให้ความสำคัญพระวิษณุมากว่า








ต่อมาการค้าขายทางเรือเปลี่ยนเส้นทางเป็นอ้อมแหลมมลายู ฟูนันจึงซบเซาลง

แต่การค้าขายทางบกของอาณาจักรเจนละ ที่เป็นอาณาจักรคู่ขนานกับฟูนัน เจริญก้าวหน้าขึ้น

พระเจ้าภัทรวรมันที่ 1 และ พระเจ้ามเหนทรวรมัน(พระเจ้าจิตรเสน)แห่งเจนละ

ได้แผ่ขยายอาณาเขตสู่ดินแดนอาณาจักรฟูนัน ลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง และยังครอบคลุม ลุ่มแม่น้ำ ชี มูล

พระเจ้าอิศานวรมันพระโอรสพระเจ้าจิตรเสน ขึ้นครองราชย์(พ.ศ. 1153- 1198)

ได้สถาปนานครหลวงชื่ออิศานปุระขึ้น ทางตะวันออกของโตนเลสาป คือบริเวณเมืองสมโบร์ไพรกุก

ศิลปะในยุคนี้จึงเรียกว่าศิลปะแบบสมโบร์ไพรกุก

ที่เมืองเพนียดพบทับหลังแบบถาลาบริวัติ แบบที่พบที่เมืองถาลาบริวัติ บริเวณแม่น้ำเซกองมาบรรจบกับแม่น้ำโขง

ที่น่าจะพัฒนาเป็นทับหลังสัมโบไพรกุก

มีรูปสลักมีความเรียบง่าย คือ

1. ปลายทั้งสองข้างของภาพ เป็นรูปมกร
มกร คือ ช้าง มีหางเป็นปลา ว่ายน้ำได้ กินกล้วยเป็นอาหาร มีงวง มีงาซึ่งงาจะพัฒนาไปเป็นเขี้ยว
เป็นสัญญลักษณ์ของ น้ำ ความอุดมสมบูรณ์ กำเนิดของจักรวาล และการให้

2. มกรคายสายรุ้งออกมาเป็นวงโค้ง 2 สาย
สายรุ้ง คือสะพานเชื่อมโลกมนุษย์และสวรรค์ คือลำตัวของนาคทอดจากสวรรค์มายังโลกมนุษย์

3. สายรุ้งมาบรรจบกันตรงกลาง ที่ภาพประธานเป็นบุคคลคนตัวเล็ก มีปีก มือจับงูหรือนาคไว้ทั้งสองข้าง คือ ครุฑ ในรูปไข่
เป็นสัญญลักษณ์ของแสงสว่าง ในเวลาเที่ยงวัน สามารถทำลายอวิชาที่ทำให้เกิดการเวียนว่ายตายเกิด

4. เหนือและใต้สายรุ้ง รวมทั้งกรอบภาพประธาน มีกนกใบไม้วงโด้ง ... "กนกผักกูด"

5. ใต้สายรุ้งมีเฟื่องโค้ง ๆ และอุบะ (5.1)

6. ใต้ภาพมกรมีแท่นหัวเสาหลอก เพื่อรับเสา








นอกจากนั้นที่เมืองเพนียดได้พบทับหลังแบบไพรกเมง พ.ศ.1185-1250 ที่น่าจะพัฒนามาจากสมโบร์ไพรกุกคือ

1. ปลายทั้งสองข้างของภาพ ไม่มีมกร *
2. สายรุ้งออกมาเป็นเส้นตรงเส้นเดียว แบ่งออกเป็น 4 ท่อน ม้วนปลายสองข้างเข้าด้านใน เหมือนช่องหน้าต่าง เรียกว่า กุฑุ *
3. สายรุ้งมีรูปในวงรีมี "กนกเปลวเพลิง" ล้อมรอบ 3 ภาพขึ้นไปใต้ภาพประธานมีอุบะ
4. เหนือสายรุ้งมีกนกใบไม้
5. ใต้สายรุ้งมีเฟื่อง และอุบะ มีความสูงมากขึ้น








ต่อมาชวาเข้ามารุกรานอาณาจักรเจนละ

เจ้าชายพระองค์หนึ่งของเจนละ จึงอภิเษกกับกษัตริยตรีแห่งเมือง ศัมภูปุระ
แล้วอพยพไพร่พลเข้าป่า ไปตั้งราชธานีที่พนมกุเลน

ได้ปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ พระนามว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 สถาปนาอาณาจักรกัมพูชา ... เข้าสู่ "ยุคเมืองพระนคร" ...

(หลักฐานตอนนี้ได้มาจากตามจารึกสด๊กก๊กธม ที่จารขึ้นภายหลัง คือในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1)


ต่อมาสมัยพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ทรงย้ายราชธานีจากภูเขา ออกมาอยู่ที่ราบ บริเวณโรลัวะ หรือ "หริหราลัย"

สร้างปราสาทพระโคเพื่อเป็นหอผีบรรพบุรุษ ไว้ในบริเวณพระราชวัง โดยมีความเชื่อว่า

เมื่อกษัตริย์สวรรคตลงแล้วกลับไปรวมองค์เป็นพระศิวะ และมเหษีจะรวมองค์เป็นนางปารวตี

มีพระโคพาหนะของพระศิวะอยู่หน้าปราสาท จึงเรียก ปราสาทพระโค

สร้างปราสาทบากองเพื่อประดิษฐานศิวลึงก์ประจำรัชกาล อยู่กลางน้ำ


ต่อมาพระเจ้ายโศธรวรมันที่ 1 ทรงย้ายราชธานีจากหริหราลัย มายังบริเวณเมืองพระนคร ชื่อ "ยโศธรปุระ"

ปัจจุบันอยู่บริเวณเมืองเสียมราฐ สันนิษฐานว่าต้องการที่ประดิษฐานลึงค์ประจำรัชกาลไว้บนภูเขา แต่หริหราลัยไม่มีภูเขา

สร้างปราสาทพนมบาแค็งประดิษฐานลึงค์ประจำรัชกาลชื่อ ศรียโศธรคิริศวร

โดยการตัดยอดเขา สร้างปราสาทด้วยหิน ... เป็นครั้งแรก ** การสลักจึงเป็นภาพนูนต่ำ ไม่ลึกเหมือนแกะอิฐ

มีวิมานทั้งหมด 108 หลัง


ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 ย้ายราชธานีไป โฉกกรกยะ (แปลว่าต้นตะเคียน) เมืองที่เคยประทับ ... คือเกาะแกร์

ส่วนยโศธรปุระ (บริเวณปราสาทบาแค็ง) ปกครองโดย พระเจ้าหรรษวรมันที่ 2

ตามการนุ่งผ้าเป็นแบบเทวนารีเกาะแกร์ นุ่งผ้าจีบเป็นริ้วแล้วชักผ้าออกมา

เหมือนรูปพระโพธิสัตว์ปรัชญาปารมิตตาที่พบที่เกาะแกร์ ตามคัมภีร์ปรัชญาปารมิตตา มหายาน ... น่าจะเป็นพระโพธิสัตว์ ปรัชญาปารมิตา

(มีอุบายและความกรุณาทำให้เกิดจิตแห่งการตรัสรู้)








พระเจ้าราเชนทรวรมันย้ายราชธานีกลับมา ยโศธรปุระ หรือเมืองพระนคร

แล้วต่อ ๆๆๆ มาถึงบาปวน

ศิลปะแบบบาปวน

พระภูษาทรงประคตจีบเป็นริ้ว ด้านบนยกสูงและต่ำลงด้านหน้า

มัดปมทิ้งชายออกมาทั้งสองข้างเหนือพระนาภี *บาปวน* ชายผ้าสะบัดทางซ้าย

รัดประคตทิ้งชายทางด้านขวาทิ้งชายไปด้านขวา








เทวนารีแบบบาปวน มัดปมทิ้งชายออกมาทั้งสองข้างเหนือพระนาภี

มีรัดประคต นิยมเกล้าผมเป็นมวย









เอกมุขลึงค์ คือลึงค์ที่มีรูปหน้าพระศิวะอยู่หนึ่งหน้า








เล่าเท่าที่เข้าใจนะคะ

พุทธศาสนานิกายตันตระยาน ตันตระแปลว่าเส้นด้าย หมายถึงการยึดโยง

จากคุรุ หรือครู ส่งคำสั่งสอนสู่สิทธะหรือศิษย์

สิทธะแต่ละท่านเปลี่ยนสภาพเป็นคุรุ

เขียนคัมภีร์ส่งต่อเคล็ดลับวิชาเฉพาะไปยังสิทธะเฉพาะสายของตน

เพื่อให้สิทธะได้เข้าถึงสุญญตา คือความว่างเปล่า หรือ นิพพาน

ดังนั้น

ตันตระยานคือ วิถีทางแห่งภาษาลับ

เมื่อนำวัชระที่เป็นอาวุธสายฟ้าของพระอินทร์ และมัณฏะหรือกระดิ่ง มาใช้ประกอบพิธีกรรม

เรียกวัชรยาน แปลว่ายานที่แข็งแกร่งประดุจเพ็ชร


พระพุทธเจ้าในลัทธิตันตระยานมี 5 องค์ เรียก พระชินะ แปลว่าผู้ชนะ ประจำทิศทั้งสี่และตรงกลาง

ทิศตะวันออกคือ พระอักโษภยะพระพุทธเจ้า แปลว่าผู้ไม่หวั่นไหว ... ปางมารวิชัย

มีพระวัชรินหรือพระเหวัชระ เป็น อิษฏเทวดา อัษฎ คือ การบูชา

หมายถึงเทพที่ใครก็ตามเลือกบูชา เป็นบุคลาธิษฐานในการทำสมาธิ

โดยท่องมนต์ประจำองค์ของเทพองค์นั้น แล้วจะบรรลุสุญญตา


แม่พิมพ์พระเหวัชระศิลปบายน พุทธศตวรรษที่ 17-18

และพระพิมพ์เหวัชระที่ทางวัดเคยทำแจกในงานประเพณีสงกรานต์

พระวัชริน หรือเขมรเรียก พระเหวัชระ

มี 8 เศียรเรียงจากบนลงมา คือ 1-4-3 เศียรมีพระเนตรสามดวง

3 เศียรล่าง หมายถึง พระพุทธเจ้า พระโลเกศวร และพระวัชรปาณิ

5 เศียรบน หมายถึง พระชินพุทธะทั้ง 5 พระองค์ โดยเศียรบนสุดตรงกลางแทนพระไวโรจนะ

พระหัตถ์ 16 กร

8 พระกรขวา ถือหัวกะโหลก ช้าง ม้า ลา มนุษย์ อูฐ โค สิงโต และแมว

8 พระกรซ้าย ถือ โลก น้ำ อากาศ ไฟ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ พระยม (เทพเจ้าแห่งความตาย) และพระเวสสุวรรณ (เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง)

4 พระบาท

สองฝ่าพระบาทหน้าเหยียบอยู่บนร่างมนุษย์หรือซากศพ หมายถึง อวิชชา

ทังสองข้างมีพระพุทธรูปปางสมาธิและมารวิชัย








เศียรเทวรูป








เครื่องปั้นดินเผาที่พบที่เมืองเพนียด














และอื่น ๆ อีกมากมายที่เล่าเรื่องเมืองเพนียด - จันทบุรี ว่า

เป็นเมืองที่มีการต่อเมื่องมาแต่เดิมจนถึงปัจจุบัน
































ปิดท้ายด้วยเจดีย์ที่น่าจะสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4-5 เพราะกระเบื้องจีนสีเขียวที่กำแพงแก้วบอก

หรืออาจบูรณะในสมัยนั้นก็ได้เนาะ








จาก คห. 24 คุณต่อสงสัยเรื่องตาชั่งโบราณ จึงไปขยายรูปดู และคิดว่าเป็นดังนี้ค่ะ









Create Date : 18 พฤษภาคม 2562
Last Update : 22 พฤษภาคม 2562 13:02:46 น.
Counter : 5527 Pageviews.

29 comments
春和歌山市 : My First Hanami @ Wakayama Castle mariabamboo
(16 เม.ย. 2567 12:49:02 น.)
春和歌山市 : ทำไมต้องวากะยามะ mariabamboo
(15 เม.ย. 2567 11:06:33 น.)
Bangsaen 21 The Finest Running Event Ever 2023 บางแสน แมวเซาผู้น่าสงสาร
(12 เม.ย. 2567 10:20:55 น.)
หาอะไรดับร้อนกับน้องถั่วแดงที่ร้านเย็น เย็น หวานเย็น สาขาMRTท่าพระ นายแว่นขยันเที่ยว
(12 เม.ย. 2567 00:32:31 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณวลีลักษณา, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณสองแผ่นดิน, คุณruennara, คุณKavanich96, คุณJinnyTent, คุณmariabamboo, คุณ**mp5**, คุณMDG, คุณtoor36, คุณSweet_pills, คุณkae+aoe, คุณเริงฤดีนะ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณทนายอ้วน, คุณโอพีย์, คุณกะว่าก๋า, คุณnewyorknurse

  
โอ้ ท่าประธานไปเอาความรู้มากมายอย่างนี้นี้มาจากใหนหนอ ละเอียดมาก ...
พระของเขมรนี่หน้าตามีเอกลักษณ์เฉพาะช่างเขมรจริงๆ ส่วนใหญ่ชอบหลับตาน๊อ
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:9:14:40 น.
  
จากคอเดียวกันคนที่ 1

ไปเอาความรู้มากมายอย่างนี้นี้มาจากไหน?

จากการหาความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ศิลป์ ที่มีแรงบันดาลใจจากความดูรู้เรื่องน่ะค่ะ ก็เลยเขียนไว้เป็นตำราส่วนตัวเสียเลย เวลาลืมจะได้เปิดหาอ่านถูกไม่ต้องไปค้นคว้าใหม่

พระของเขมร จะหลับตาแสดงถึงนั่งสมาธิ ไปสู่การตรัสรู้
หรือพระเนตรเหลือบลงต่ำ เป็นอิทธิพลของมหายานที่แสดงถึงความเมตตา

ตอนนี้ความรู้ยังสดซิง ๆ ก่อนจะลืมเลือนไปตามเวลาจนต้องค้นคว้าใหม่ค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:19:52 น.
  
ตามเที่ยวด้วยคนค่ะ
โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:49:54 น.
  
สวัสดีค่ะคุณตุ๊ก...

ชอบสายสิญจ์สีขาว ที่พันตกแต่งหน้าพระประธาน...สวยคะ

คนพันเก่งมากๆนะคะ..

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:14:12:45 น.
  
มาให้กำลังใจครับ
ถ่ายภาพสวยมากครับ
โดย: Topp Hero วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:16:20:27 น.
  
น่าแอ่วขนาดวัดนี้
ทับเก่าเก่าแก่ งามขนาดเจ้า
องค์พระหลวงพ่อทองก่องดงามมาก ๆ

จินได้ฮู้ได้หันวัดหลายแห่ง
ย้อนกับปี้ตุ๊กไปแอ่วมาแล้วมาเล่าสู่กันอ่านเนี่ยเจ้า
ดีขนาด

วันนี้มาแบบตัวเปล่าเน้อเจ้า
วันพูกจะมาโหวตหื้อเน้อ


โดย: JinnyTent วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:18:17:30 น.
  
พระพุทธรูปบูชาเยอะแยะเลย
โดย: วลีลักษณา วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:22:11:33 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องตุ๊ก

ตามมาเที่ยว วัดทองทั่ว จ้ะ จันทบุรี จ้ะ
ชื่อแปลกดี พออ่านประวัติความเป็นมาแล้ว
ก็เข้าใจที่มาของชื่อวัด เนาะ
เป็นวัดที่เก่าแก่ ตุ๊กก็ขยันและหาข้อมูล
เกี่ยวกับวัดนี้ ได้มากและละเอียดมากทีเดียว
ได้ความรู้มากดี จ้ะ ตุ๊กเขียนแล้วเก็บไว้ใช้
เป็นบันทึกเรื่องราวของสิ่งที่ค้นคว้ามาได้
เป็นอย่างดี เวลาเจอเรื่องเหล่านี้ ก็จะค้นคว้า
ได้ง่ายเพราะบันทึกไว้ จ้ะ
โหวดหมวด ท่องเที่ยว
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:22:38:10 น.
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:2:25:18 น.
  
เมื่อวานมาโหวต วันนี้มาติดตาม

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:7:49:35 น.
  
สวัสดีครับพี่ตุ๊ก

วันนี้ได้เที่ยววัดแบบเจาะลึกถึงประวัติศาสตร์กันเลยครับ
คนทั่วไปเวลามาวัดแบบนี้ ก็คงดูของโบราณผ่านๆ ไป

แต่ที่น่าทึ่งมากคือ ข้อมูลทับหลังของพี่ตุ๊กนี่แหละครับ
ถ้าผมไปเที่ยววัดนี้ ก็คงมองลวดลายทับหลังโบราณสวยงามแค่นั้น
การได้มาอ่านแบบนี้ถือว่าเป็นประโยชน์มากครับ
เก็บเป็นข้อมูลใส่ไว้ในสมอง
หากไปสถานที่โบราณแล้วพบของแบบนี้ จะได้รู้วิธีการดู การมองอย่างเข้าใจ

แล้วอีกอย่างนึงครับ ข้อมูลที่พี่ตุ๊กทำไว้ในบล็อคนี้
อัลกอริทึมของ google จะเก็บข้อมูลไว้
เวลามีคนต้องการค้นคว้าเรื่องพวกนี้จากคีย์เวิร์ดต่างๆ
ก็จะมาพบเอ็นทรี่นี้ ใช้ประกอบการศึกษาค้นคว้าได้ครับ

โดย: สีเมจิก (สมาชิกหมายเลข 5106714 ) วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:59:51 น.
  
แวะมาหื้อกำลังใจปี้ตุ๊กเจ้า
ตะวาติดไว้ แฮร่
โดย: JinnyTent วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:11:10:31 น.
  
tuk-tuk@korat Travel Blog


ตามเที่ยวด้วยคนค่ะ
โดย: mariabamboo วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:18:37:46 น.
  
ส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:20:23:32 น.
  
พี่ตุ๊กพูดคล้ายๆแกงเลยค่ะย้อนเวลาไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว อ่านบทกลอนของพี่ๆที่เขาเขียนกลอนและอยากเขียนเป็นบ้าง...

โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:20:54:56 น.
  
เคยได้ยินว่า
เทวรูปที่เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นที่มือ
เช่น มือของทวารบาล
เพราะพวกที่ทำลายส่วนใหญ่ชอบเล่นของ แก้เคล็ด เพราะเชื่อว่าทวารบาลนั้นมีอาวุธที่คอยปกป้องประเทศ การหักมือทวารบาลนั้นจะทำให้เมืองนั้นไม่มีอำนาจในการปกป้องประเทศ
ขนาดที่ปราสาทหินพนมรุ้งยังโดน เมื่อ10ปีมาแล้ว โดยหักมือทวารบาล แล้วเอามือทวารบาล ไปทุบส่วนต่างๆของปราสาท เพื่อที่จะทำให้คนในชาติแตกกัน
อันนี้อาจารย์ประวัติศาสตร์สายการเมืองเขาเล่าให้ฟังนะครับ เล่าจนผมเชื่อเลย 555
โดย: MDG วันที่: 19 พฤษภาคม 2562 เวลา:23:09:14 น.
  
กราบหลวงพ่อทองค่ะพี่ตุ๊ก
เจดีย์และอุโบสถเก่า เก่าแก่งดงามค่ะ
เสาไม้เอนสอบเป็นการก่อสร้างที่น่าสนใจนะคะ

ศิลปวัตถุทั้งรูปสลักและข้าวของในพิพิธภัณฑ์แต่ละชิ้นน่าชมมาก
ขอบคุณพี่ตุ๊กที่พาชมค่ะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:0:51:55 น.
  
เป็นคนที่ชื่นชมศิลปะเขมรมากๆค่ะ
เคยมากราบพระอุโบสถและไหว้ศาลพระเจ้าตาก
ตอนเวลาหลังเลิกทำงาน
เลยไม่ได้ชมให้ทั่วที่
เสียดายมาก
ได้มายล ชม ความเก่า และงดงามที่บล็็อกนี้
นับเป็นบุญตานัก

โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:15:18 น.
  
ตำนานแล้วก็เห็นใจเจ้าเมืองสมัยนั้นนะคะ
โดย: kae+aoe วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:26:29 น.
  
เที่ยวแบบได้ความรู้ อ่านเพลินเลยค่ะ ..
โดย: poongie วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:15:48:59 น.
  
เที่ยวแบบเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปด้วย
เวลาอ่านคำบรรยายถ้ามีภาพประกอบด้วยก็จะช่วยได้มากเลยค่ะ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:17:50:21 น.
  
สวัสดีครับพี่ตุ๊ก

พี่ตุ๊กชอบแอ่ววัดนะครับ
บางวัดบังบ่าเกยหันไผ๋รีวิวมาก่อนเลย

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:20:49:06 น.
  
อยากกลับไปเที่ยวจันทบุรีอีกครับ คราวที่แล้วยังเที่ยวไม่ทั่วเรยยย
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:21:08:45 น.
  
ดูแล้วเก่าแก่มากจริงๆ ย้อนกลับไปถึงสมัยพระเจ้าตากเลย

ตาชั่งโบราณนี่น่าสนใจ ดูไม่ออกเลยว่ามันใช้งานอย่างไร
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:22:19:12 น.
  
อ่านเรื่องราวของคนสมัยก่อน..ก็สนุกนะคะ
เรื่องของพระนาง กาไว น่าจะมีคนนำไปสร้างซีรีย์ ..เหมือน เกาหลี...สร้างจนโด่งดังไปทั่วโลก
โดย: โอพีย์ วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:22:59:34 น.
  
สวัสดีครับพี่ตุ๊ก ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมครับผม
โดย: ruennara วันที่: 20 พฤษภาคม 2562 เวลา:23:38:20 น.
  

สวัสดียามเช้าครับพี่ตุ๊ก

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 พฤษภาคม 2562 เวลา:6:27:55 น.
  
สวัสดีค่ะ ตามมาเที่ยวจันทบุรีด้วยคน จันทบุรีเป็นจังหวัดที่ยังไม่เคยไปเที่ยว ขอตามรอยเก็บไว้เลยละกันค่า หนูชอบมากพวกโบราณสถาน โบราณวัตถุ ของเก่า
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 21 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:13:22 น.
  

มาเที่ยวด้วยค่ะ
ภาพสวยค่ะ
โดย: newyorknurse วันที่: 22 พฤษภาคม 2562 เวลา:4:47:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tuk-tukatkorat.BlogGang.com

tuk-tuk@korat
Location :
นครราชสีมา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 148 คน [?]

บทความทั้งหมด