พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร

ช่วงนี้ฝนตกรัวๆ ท่องเที่ยวกลางแจ้งลำบากหน่อยนะครับ (แล้วอะไรมาดลใจประเทศไทยให้มีวันหยุด 15 วันในเดือนที่ฝนตกฉิบหายวายป่วงแบบนี้...) ว่าแล้วก็หนีฝนเข้าพิพิธภัณฑ์กันดีกว่าครับ ถึงคิวของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ใหญ่โตที่สุดในประเทศไทย "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร" (Bangkok National Museum) พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมโบราณวัตถุชิ้นสำคัญของทุกภาคในประเทศไทยมาเก็บไว้ที่เมืองหลวงแห่งนี้ หากใครเห็นโบราณวัตถุชิ้นเด่นแล้วจินตนาการไปถึงสมัยที่มันตั้งอยู่ที่วัดหรือวังโบราณในยุคที่ยังรุ่งเรืองได้ยิ่งทำให้การเดินชมพิพิธภัณฑ์ตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นครับ

เดิมทีสถานที่แห่งนี้คือ วังหน้า หรือ พระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งก็คือวังของอุปราชสมัยรัตนโกสินทร์ (เช่นเดียวกับวังหน้าของอยุธยาปัจจุบันคือพระราชวังจันทรเกษม) จนกระทั่งสมัย ร.5 ได้ยกเลิกตำแหน่งวังหน้าไป เปลี่ยนเป็นตำแหน่งพระบรมโอรสาธิราชแทน แล้วเปลี่ยนที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ในปี พ.ศ.2430 วังหน้าที่เคยมีพื้นที่ครอบคลุมไปถึง ม.ธรรมศาสตร์ โรงละครแห่งชาติ และทิศเหนือของสนามหลวง ก็ถูกรื้อออก เหลือเฉพาะพระที่นั่งสำคัญๆ ซึ่งเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์และยกระดับขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร สังกัดกรมศิลปากร ในปี พ.ศ.2476 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง

มีเรื่องเล่ากันว่าพระราชวังนี้แรกสุดเป็นของวังหน้าคนแรกในราชวงศ์จักรีคือกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ซึ่งวังสร้างได้ไม่กี่ปีก็ตาย เลยสาปแช่งไม่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่ลูกหลานตัวเองเข้ามาใช้วัง หลังจากนั้นก็เหมือนมีอาถรรพ์กับตำแหน่งวังหน้าจริงๆ เพราะวังหน้ายุค ร.1-5 ทุกคนตายก่อนกษัตริย์เลยไม่มีใครเคยได้ครองราชย์ ยกเว้นกรมหลวงอิศรสุนทรที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นวังหน้าแทนกรมพระราชวังบวร แต่ท่านไปประจำอยู่ที่พระราชวังเดิม ไม่ได้ใช้วังหน้า เลยรอดไปเป็น ร.2 ได้...

ที่นี่มีหมู่อาคารจัดแสดงมากมาย ขอบอกว่าหากต้องการดูให้ครบต้อง 3 ชม. อย่างต่ำครับ กะเวลามาดีๆ เลย อาคารส่วนใหญ่เป็นวังหน้าเดิม ยกเว้นอาคารมหาสุรสิงหนาท และอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ที่เพิ่งสร้างเพิ่มเติมภายหลัง แต่ก็เป็นสองอาคารที่มีโบราณวัตถุจากอาณาจักรต่างๆ หนาแน่นที่สุดด้วย เพราะสร้างให้เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์โดยเฉพาะ


ภาพผังอาคารจากแผ่นพับของพิพิธภัณฑ์ (คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูรูปขยาย)

หรือเข้าชมพิพิธภัณฑ์แบบ virtual ได้ทางเว็บไซต์ www.virtualmuseum.finearts.go.th/bangkoknationalmuseums/index.php/th/
(url ต้องเอา https ออกถึงจะเข้าได้นะครับ)


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เปิดทุกวันยกเว้น จ.-อ. เวลา 8.30-16.00 น. ค่าเข้าคนไทย 30 บาท ต่างชาติ 200 บาท เด็กนักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ พระสงฆ์ เข้าฟรี พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ข้างสนามหลวง ติดโรงละครแห่งชาติ ด้านในมีที่จอดรถได้ 10 คัน ผมมาที่นี่ 8 รอบ เคยจอดในพิพิธภัณฑ์แค่หนเดียว นอกนั้นไปจอดวัดมหาธาตุบ้าง ท่ามหาราชบ้าง แต่ช่วงนี้สามารถจอดรถที่สนามหลวงแล้วเดินข้ามถนนมาได้เลยครับ ใกล้ขึ้นเยอะ
 

ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีหลักแสดงขีดระดับน้ำท่วมในอดีต เพื่อจารึกระดับน้ำท่วมกรุงเทพ ซึ่งสถิติสูงสุดยังคงเป็นของปี พ.ศ.2485 ที่ท่วมสูงสุด 2.72 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง

คนเฒ่าคนแก่เล่ากันว่าตอนนั้นภายเรือกันทั่วกรุงเลย ยุคนั้นยังไม่มีตำแหน่งผู้ว่า กทม. ไม่รู้จะมีคนบ่นจอมพล ป. นายกยุคนั้นแทนมั้ย

389 389 389

 


 

เข้ามาด้านในแล้วก็เลี้ยวซ้ายไปซื้อตั๋วเลยครับ จากนั้นเข้าชมไปตามเรื่องราว ถ้าเวลาน้อยก็จัดลำดับความสำคัญดีๆ แต่ถ้าเวลาเยอะก็เที่ยวให้ครบเลยครับ ของดีๆ ทั้งนั้น อย่าลืมว่าที่นี่ปิด 4 โมงเย็นนะ พอสักบ่ายสามครึ่งเขาก็ไม่ค่อยอยากให้ขึ้นตึกแล้วหละ

 
พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน
(Siwamokkhaphiman Hall)


อาคารแรกที่อยู่ติดที่ขายตั๋วมากที่สุดคือพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน เป็นท้องพระโรงของวังหน้า เดิมทีจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แบ่งยุคสมัยตามหนังสือเรียนคือไล่ตั้งแต่สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ แต่ในปี พ.ศ.2558 ได้ปรับปรุงให้มีโถงใหญ่ตามรูปแบบเดิม ปัจจุบันใช้เป็นอาคารสำหรับนิทรรศการหมุนเวียนที่เปลี่ยนการจัดแสดงตามธีมช่วงนั้นๆ อย่างปัจจุบันนี้เป็นนิทรรศการ "อโรคยาปณิทาน" เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข และความเชื่อของคนโบราณเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ


ส่วนใหญ่นิทรรศการหมุนเวียนก็จะเอาของในตึกอื่นๆ มาจัดแสดงให้เข้าธีม แต่ที่น่าสนใจจริงๆ คือช่วงที่ประสานงานกับต่างประเทศแล้วเขาส่งโบราณวัตถุชิ้นสำคัญของเขามาจัดแสดงที่เราได้นี่หละครับ อย่างเช่นนิทรรศการ "วิถีแห่งศรัทธาจากศิลปทัศน์ญี่ปุ่น" เป็นนิทรรศการพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 130 ปีความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเลยให้ของมาแสดงช่วงวันที่ 27 ธ.ค. 60 - 14 ก.พ. 61 มีของตั้งแต่สมัยโจมนยันเอโดะ ชิ้นที่สำคัญคือพระพุทธรูปปางประสูติ สมัยอาซึกะ ตุ๊กตาดินเผาโดกูสมัยโจมน พระมหาไวโรจนะสลักจากไม้ยุคเฮฮัน ภาพพิมพ์ของโทชูไซ ชาราคุ ยุคเอโดะ และอื่นๆ อีกมากมาย


พิพิธภัณฑ์ที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ให้ถ่ายรูป ก็จะได้มาถ่ายเอาตอนนี้แหละ (Click ที่ภาพเพื่อชมภาพขยาย)

     

   

อีกงานก็คือนิทรรศการ "จิ๋นซีฮ่องเต้" ซึ่งรัฐบาลจีนส่งโบราณวัตถุยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ อายุกว่า 2,200 ปี จากพิพิธภัณฑ์ 14 แห่งมาจัดแสดงที่พระที่นั่งนี้ระหว่างวันที่ 15 ก.ย. - 15 ธ.ค. 2562 นอกจากหุ่นดินเผาที่ฝังลงในสุสานจิ๋นซี (ซึ่งสามารถไปดูได้ที่วิหารเซียน จ.ชลบุรี ทุกวันอยู่แล้ว) อีกชิ้นที่น่าสนใจคือแผ่นสำริดจารึกพระบรมราชโองการของจิ๋นซีให้ใช้ระบบมาตราชั่งตวงวัดเพียงระบบเดียว


 

     

มีงานนิทรรศการพระพุทธรูปจากอินเดียด้วยนะครับ แต่ส่วนใหญ่เป็นของที่อยู่ที่พิพิธภัณฑ์นี้ถาวรอยุ่แล้ว เลยไม่น่าสนใจเท่างานอื่น

 
พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
(Phuttaisawan Royal Hall)


สร้างตั้งแต่แรกสร้างวังหน้าเดิม เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ เจ้ามหาสุรสิงหนาทได้ยกทัพไปตีเชียงใหม่ซึ่งตอนนั้นปกครองโดยพม่า และได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมาประดิษฐานที่พระที่นั่งนี้

ด้านหน้าของพระที่นั่งนี้ เดิมทีเคยเป็นพระที่นั่งคชกรรมประเวศ เป็นพระที่นั่งทรงปราสาท ที่สร้างในสมัย ร.4 ให้เป็นเกียรติแก่พระปิ่นเกล้า วังหน้าซึ่ง ร.4 แต่งตั้งให้มียศเสมอกษัตริย์ แต่ทรุดโทรมมาก ร.5 จึงสั่งให้รื้อออกเหลือแต่ฐาน และใช้ประดิษฐานพระนารายณ์ทรงปืน ซึ่ง ร.5 ให้ชาวอิตาลีหล่อขึ้น จะเอาไปตั้งที่วังบ้านปืน จ.เพชรบุรี แต่สวรรคตก่อนสร้างเสร็จ ร.6 เลยเอามาตั้งไว้ที่แท่นพระคชาธารหน้าพระที่นั่งพุทไธยสวรรย์นี้


ภายในพระที่นั่งมีพระพุทธรูปองค์สำคัญหมุนเวียนมาให้ผู้คนกราบไหว้บูชา แต่องค์สำคัญที่เป็นประธานของพระที่นั่งนี้คือพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งพระมหาสุรสิงหนาทอัญเชิญจากเชียงใหม่ในปี พ.ศ.2338 เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะล้านนา อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21




ภาพจิตรกรรมในพระที่นั่งนี้เขียนขึ้นในสมัย ร.1 และซ่อมแซมสมัย ร.3 เป็นภาพพุทธประวัติ 28 ภาพ ถือเป็นงานชั้นดีจากยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นเลยครับ

 

พื้นที่ด้านข้างพระที่นั่งพุทไธสวรรย์หน้าโรงราชรถเคยมีการขุดแต่งในปี พ.ศ.2557 เห็นรากฐานอาคารเดิม แต่ตอนนี้กลบเป็นสนามหญ้าเหมือนเดิมละครับ
 

 
 
พระตำหนักแดง (Red House)

เรือนไม้ทาสีแดงทั้งหลัง เดิมทีเป็นกลุ่มเรือนไม้หลายหลังซึ่ง ร.1 สร้างพระราชทานให้แก่พระพี่นางกรมพระศรีสุดารักษ์ อยู่ในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาย้ายไปอยู่พระราชวังเดิมในสมัย ร.3 ก่อนพระปิ่นเกล้าจะให้ย้ายมาที่วังหน้าด้านหลังหมู่พระวิมานในสมัย ร.4 ส่วนเรือนอื่นๆ ได้แจกจ่ายไปทำกุฏิสงฆ์บ้าง ศาลาการเปรียญบ้าง หลังเปลี่ยนวังหน้าเป็นพิพิธภัณฑ์ในสมัยคณะราษฎร์แล้วได้มีการบูรณะตำหนักแดงขึ้นใหม่ และย้ายมาตั้งอยู่บริเวณหลังพระที่นั่งศิวโมกข์พิมานจนถึงปัจจุบัน

ต้นมะม่วงหน้าตำหนักแดงต้นนี้ปลูกในปี พ.ศ.2448 นับอายุถึงปัจจุบันก็ 117 ปี


 
 
หมู่พระวิมาน
(Phra Wiman)



หมู่พระวิมาน เป็นกลุ่มอาคารที่ใหญ่ที่สุดในวังหน้า ประกอบด้วย 12 พระที่นั่ง ด้านหน้าสุดคือพระที่นั่งอิสราวินิจฉัย ส่วนด้านข้างของหมู่พระวิมานคือศาลาสำราญมุขมาตย์

ขอวาร์ปชมเฉพาะบางห้องนะครับ เพราะของที่จัดแสดงที่นี่เยอะมากจริงๆ และเป็นของยุครัตนโกสินทร์ที่ผมไม่อินด้วย มันไม่เก่า -3-

พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ กลางห้องคือบุษบกพรหมพักตร์ หรือปราสาททอง สร้างในสมัย ร.1 เคยใช้ประดิษฐานพระโกศของวังหน้าสมัย ร.1-3


พระที่นั่งบูรพาภิมุข จัดแสดงอาวุธโบราณ ชิ้นสำคัญคือกลองจากหอกลองของพระนคร กลองชั้นบนสุดตีบอกสัญญาณเมื่อมีข้าศึก กลองอันที่สองตีแจ้งอัคคีภัย กลองล่างสุดใช้ตีบอกเวลา หนังกลองผุแล้วเห็นภาพวาดด้านในด้วยครับ ใครแวะไปเอาไฟฉายมือถือส่องได้นะ


พระที่นั่งพรหมเมศธาดา ชั้นบนจัดแสดงเครื่องใช้ในพุทธศาสนา ชั้นล่างจัดแสดงเครื่องมุข


พระที่นั่งอุตราภิมุข จัดแสดงอิสริยพัสตราภูษาภัณฑ์ ชุดกลางคือฉลองพระองค์ของ ร.4


มุขเด็จ อยู่ท้ายสุดของหมู่พระที่นั่ง จัดแสดงเครื่องไม้จำหลัก กลางห้องคือธรรมาสน์กลมสมัยอยุธยา ซึ่ง ร.7 ได้รับถวายจากวัดค้างคาว จ.นนทบุรี และนำมาเก็บไว้ที่นี่

 


ชิ้นที่น่าสนใจคือบานประตูพระวิหารหลวงวัดสุทัศน์
สร้างในปี พ.ศ.2365 สมัย ร.2 เป็นประตูไม้ลงรักปิดทอง
ซึ่งท่านได้แกะร่วมกับช่างหลวง แต่ถูกไฟไหม้ในปี พ.ศ.2502
เลยถอดบานประตูมารักษาที่พิพิธภัณฑ์พระนคร

 


อีกบานหนึ่งเป็นประตูไม้จำหลักรูปทวารบาล
เดิมเป็นซุ้มประตูทางขึ้นปราสาทพระเทพบิดร
ในวัดพระแก้ว แต่ถูกไฟไหม้ในสมัย ร.7
จึงย้ายมาเก็บในพิพิธภัณฑ์เช่นกัน

 


 
โรงราชรถ (The Hangar of Thai Royal Funeral Chariot)

โรงราชรถ บรรจุราชรถที่ใช้ในพระราชพิธี รวมถึงพระโกศของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ ชิ้นสำคัญคือพระมหาพิชัยราชรถ ยาว 18 เมตร สูง 11 เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย ร.1 เพื่อใช้อัญเชิญพระบรมโกศของพระปฐมบรมมหาชนกในปี พ.ศ.2338 (ตายตั้งแต่ปี พ.ศ.2310 ตอนหนีพม่าไปอยู่พิษณุโลกแล้วป่วยตาย แต่มาจัดพิธีทีหลัง) หลังจากนั้นได้ใช้ในพระราชพิธีศพของกษัตริย์ (ร.1 2 3 4 5 และ 9) และเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงมายาวนาน ครั้งสุดท้ายใช้ในพระราชพิธีของ ร.9 ปี พ.ศ.2560 สำหรับ ร.6 และ 8 ใช้เวชยันตราราชรถที่อยู่ด้านใน ส่วน ร.7 สวรรคตที่ต่างประเทศครับ


 
 
อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์
(Praphat Phiphithaphan Building)



เปิดใช้ในปี พ.ศ.2510 เพื่อเป็นส่วนขยายของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงประวัติศาสตร์และโบราณคดีของไทยตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แบ่งการแสดงเป็น 5 สมัย คือล้านนา สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี-รัตนโกสินทร์ตอนต้น และรัตนโกสินทร์

ห้องล้านนา จัดแสดงประวัติศาสตร์ล้านนา รัฐที่เคยยิ่งใหญ่อยู่ทางตอนเหนือของอยุธยาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รับศิลปะสืบทอดจากมอญในหริภุญชัยยุคก่อนหน้า และพม่าในช่วงที่ถูกพม่าปกครอง

 

งาช้างจำหลัก ศิลปะพม่า พุทธศตวรรษที่ 25 และสลักเป็นรูปพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับในซุ้มเรือนแก้ว 7 ชั้น ชั้นละ 4 องค์
ไม่ได้เก่าแก่มาก แต่มีความละเอียดประณีตมากจนต้องเอามาลง
 


ชิ้นนี้เป็นน้องใหม่ล่าสุดของพิพิธภัณฑ์พระนครเลยครับ ครอบเศียรพระพุทธรูป ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ 21 เป็นแผ่นทองดุนลาย สร้างเพื่อครอบพระเศียรพระพุทธรูป ถูกขโมยไปขายต่างชาติแล้วไปอยู่เมกาเมื่อนานมากแล้ว แต่ทายาทได้ทำการส่งคืนประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2565
 


พระศิลาขาว ศิลปะทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 13-14 เป็น 1 ใน 4 องค์ที่นำมาจากวัดพระเมรุ นครปฐม มาประดิษฐานที่วัดพระยากงในยุคอยุธยา แล้วย้ายกระจายกันไปตามที่ต่างๆ หลังจากนั้น อยู่ที่พระปฐมเจดีย์ 2 พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา 1 และพิพิธภัณฑืพระนคร 1 (คือองค์นี้) นอกจาก 4 องค์นี้แล้วยังมีพระศิลาเขียวเป็นองค์ที่ 5 อยู่ที่วัดหน้าพระเมรุ อยุธยา

ชิ้นนี้ไม่เกี่ยวกับล้านนานะครับ แต่คงหาที่ไว้เหมาะๆ ไม่ได้
เลยเอามาตั้งไว้ตรงทางขึ้นชั้น 2

 


ห้องสุโขทัย อาณาจักรที่รุ่งเรืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19-20 ศิลปะส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพราหมณ์-ฮินดูในช่วงแรก และพุทธศาสนาที่รับมาจากลังกาหลังยุคพญาลิไท
 


โบราณวัตถุชิ้นเอกก็แน่นอนว่าคือสิ่งนี้ครับ จารึกพ่อขุนรามคำแหง พ.ศ.1835 จารึกลายสือไทยบนแท่งหิน ค้นพบโดย ร.4 ที่เนินปราสาท จ.สุโขทัย และนำลงมากรุงเทพพร้อมจารึกวัดป่ามะม่วงและพระแท่นมนังคศิลาบาตร บอกเล่าประวัติศาสตร์สุโขทัยช่วงต้น และใช้เป็นหลักฐานสำคัญของการรวบรวมประวัติศาสตรืไทย ในช่วงแรกจารึกสมัยพ่อขุนรามคำแหง "พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง พี่กูชื่อบาลเมือง..." แต่ช่วงท้ายคงจารึกในรัชสมัยถัดมาจึงแทนตัวพ่อขุนรามคำแหงเป็นบุคคลที่สาม เคยมีข้อสังเกตว่าจารึกนี้ถูกสร้างขึ้นมาภายหลังหรือเปล่า แต่ด้วยหลักฐานทั้งหมดทั้งมวลแล้วสรุปว่าเป็นของจริงนะครับ (ขี้เกียจพิมพ์อะ)
 


ชิ้นนี้สำคัญเช่นกันครับ จารึกวัดศรีชุม พ.ศ.1912 พบในอุโมงค์วัดศรีชุม กล่าวถึงประวัติมหาเถรศรีศรัทธา หลานปู่ของพ่อขุนศรีนาวนำถุม ผู้สร้างเมืองสุโขทัยขึ้น แต่สายอำนาจเปลี่ยนไปเป็นของราชวงศ์พระร่วงหลังพ่อขุนบางกลางหาวร่วมกับพ่อขุนผาเมืองรบกับขอมสบาดโขลญลำพงที่มายึดกรุงสุโขทัย แล้วพ่อขุนผาเมืองที่เป็นสายตรงของพ่อขุนศรีนาวนำถุมยกให้พ่อขุนบางกลางหาวเป็นผู้ปกครองสุโขทัย จารึกนี้ทำให้ทราบความเป็นมาก่อนพ่อขุนบางกลางหาวขึ้นครองราชย์เป็นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
 


ยังคงเป็นยุคสุโขทัยนะครับ ห้องนี้จัดแสดงเทวรูปสำริดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศิลปะสุโขทัย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 19-20 ส่วนใหญ่เคยนำไปประดิษฐานที่เทวสถานใกล้เสาชิงช้า แต่ย้ายมาไว้ในพิพิธภัณฑ์หมดแล้วครับ ด้านหน้าสุดคือจารึกวัดป่ามะม่วง พ.ศ.1904 เป็นภาษาบาลี จารึกโดยพญาลิไท บันทึกเรื่องพญาลิไทออกผนวชที่วัดป่ามะม่วง และเทวรูปหลายองค์ในห้องนี้แต่เดิมก็ถูกสร้างไว้ประดิษฐานในหอเทวาลัยที่ป่ามะม่วงด้วย

 


แผ่นหินจารึกภาพชาดกเรื่องโภชานิยชาดก ศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ 19-20 พบที่เพดานอุโมงค์วัดศรีชุม
 


สุโขทัย-ศรีสัชนาลัยเป็นแหล่งผลิตเครื่องสังคโลกใหญ่ และเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของอาณาจักรสุโขทัยด้วย เครื่องปั้นดินเผาจะเผาจากเตาสังคโลก เขียนด้วยพู่กันเป็นลวดลายต่างๆ แล้วเคลือบ ลายยอดนิยมจะมีลายปลาก่า (หรือปลาหมอ เป็นปลาที่พบมากแถวสุโขทัย) และลายดอกบัว ถ้าไปเที่ยวแถวสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย จะมีซากเตาสังคโลกเรียงรายกันเป็นร้อยเตาเลยครับ
 


ห้องกรุงศรีอยุธยา อาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 19 และควบรวมอาณาจักรต่างๆ จนสานต่อเป็นประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ศิลปะมีทั้งที่รับสืบทอดจากขอมในช่วงแรก และรับอิทธิพลจากศิลปะอื่นๆ ทั้งสุโขทัยและล้านนา รวมถึงนานาชาติที่เจริญสัมพันธไมตรีด้วย แม้จะเป็นศูนย์กลางอาณาจักรมานาน แต่โบราณวัตถุชิ้นสำคัญยังคงสืบทอดใช้งานในวัดและพระราชวังอยู่ เลยมีของมาจัดแสดงน้อยกว่าสุโขทัยหรือลพบุรีครับ



โบราณวัตถุสำคัญคือเศียรพระพุทธรูปที่พบในวัดพระศรีสรรเพชญ์
เมื่อ 6-7 ปีที่แล้วมีประเด็นถกเถียงกันมากว่าใช่เศียรของพระศรีสรรเพชญดาญาณหรือไม่
หากใช่นี่คือพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองในยุคกรุงศรีอยุธยาเลยนะครับ
แต่จากการเทียบขนาดและหลักฐานอื่นๆ แล้ว คงไม่ใช่
น่าจะเป็นพระประธานของวิหารสักแห่งในวัดมากกว่า
ที่แน่ๆ องค์พระศรีสรรเพชญดาญาณที่เสียหายตอนเสียกรุงถูก ร.1
นำไปบรรจุไว้ในเจดีย์ที่วัดโพธิ์ครับ (แต่ไม่รู้ว่าเศียรอยู่ด้วยมั้ย)


ห้องกรุงธนบุรี-รัตนโกสินทร์ตอนต้น และห้องรัตนโกสินทร์ อยู่ชั้นล่างติดกันสองห้อง ในส่วนประวัติศาสตร์ธนบุรีเป็นช่วงสั้นๆ ไม่ค่อยมีโบราณวัตถุให้แสดงมากนัก (เก๋งคู่ในพระราชวังเดิมจะมีของมากกว่า) ของส่วนใหญ่เป็นยุครัตนโกสินทร์ ซึ่งหลายชิ้นได้รับจากทูตต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจและนำความเจริญเข้ามาในช่วงนี้ ในขณะเดียวกันลัทธิล่าอาณานิคมก็ตามมาด้วย

 


พระแท่นพระเจ้ากรุงธนบุรี นำมาจากวัดราชบังลังก์ อ.แกลง จ.ระยอง
เชื่อว่าเคยเป็นพระแท่นของพระเจ้าตากสินมาก่อน

 


ลูกโลกจำลอง จากพระราชินีวิคตอเรียของอังกฤษ
เซอร์จอห์นบาวริ่งนำมาถวาย เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีในปี พ.ศ.2398

 


รถไฟจำลอง จากพระราชินีวิคตอเรียของอังกฤษเช่นกัน นำมาถวาย ร.4 เมื่อปี พ.ศ.2398 เพื่อชวนให้ทำกิจการรถไฟในสยาม แต่กว่าจะสำเร็จก็สมัย ร.5
 


หมอนรถไฟ ทำจากไม้มะริดและเงิน สำหรับ ร.5 และพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ตรึงหมุดเปิดรางรถไฟสายนครราชสีมา พ.ศ.2439
 


 
อาคารมหาสุรสิงหนาท
(Mahasurasinghanat Building)



เปิดใช้ในปี พ.ศ.2510 เพื่อเป็นส่วนขยายพิพิธภัณฑ์และตั้งชื่อตามเจ้าของวังหน้าคนแรก ใช้แสดงศิลปะต่างประเทศและศิลปะในประเทศก่อน พ.ศ.1800 จึงมีโบราณวัตถุของยุคก่อนประวัติศาสตร์รวมถึงอาณาจักรเก่าแก่อย่างทวารวดี ศรีวิชัย และลพบุรี ในอาคารหลังนี้

ห้องก่อนประวัติศาสตร์ จัดแสดงโบราณคดีก่อนมีลายลักษณ์อักษร ตั้งแต่ยุคหินมา ส่วนใหญ่เป็นโลงศพ ลูกปัด กำไลมือ และเครื่องมือหิน แต่ก็มีของโบราณจากต่างประเทศที่อารยธรรมสูงกว่าแถบนี้เข้ามาตั้งแต่ยุคก่อนประว้ติศาสตร์เหมือนกัน

 


ตะเกียงโรมันสำริด พบที่เมืองโบราณพงตึก จ.กาญจนบุรี
คาดว่าหล่อที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์
และนำเข้ามาโดยพ่อค้าชาวอินเดีย

 


ส่วนชิ้นนี้อยูในห้องถัดมา ยุคทวารวดีแล้วครับ ปูนปั้นรูปนักดนตรี
ศิลปะทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 13-14 พบที่เมืองโบราณคูบัว จ.ราชบุรี
เป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้เห็นรูปแบบการแต่งกายของคนในยุคทวารวดี

 


ห้องทวารวดี จัดแสดงโบราณวัตถุในยุคทวารวดี ที่เจริญรุ่งเรืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16 ทั้งธรรมจักร พระพุทธรูป และปูนปั้นประดับสถาปัตยกรรม หลายชิ้นนำมาจากหัวเมืองอย่างอยุธยาหรือสุโขทัย เพราะอดีตอาณาจักรพวกนี้ตอนรุ่งเรืองก็นำศิลปะจากทวารวดีไปเก็บในราชธานี

 


พระพุทธรูปยืน ศิลปะทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 13-15
พบที่วัดมหาธาตุ สุโขทัย

 


ภาพจำหลักศิลาแสดงพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์
พุทธศตวรรษที่ 13 พบที่วัดจีน อยุธยา

 


ห้องลพบุรี จัดแสดงศิลปะขอมในประเทศไทย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 11-18 ส่วนมากมาจากลพบุรีซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางอำนาจของขอมที่รุ่งเรืองที่สุดในเขตประเทศไทยปัจจุบัน (ละโว้)



นารายณ์บรรทมสินธุ์ที่โด่งดังคือทับหลังที่ปราสาทพนมรุ้ง แต่ดังเพราะเคยหายไปจากประเทศไทยแล้วสหรัฐส่งคืนมา
แต่ส่วนตัวผมคิดว่านารายณ์บรรทมสินธุ์ที่งดงามและสมบูรณ์ที่สุดคือชิ้นนี้ครับ ศิลปะขอม อายุพุทธศตวรรษที่ 17 จากปราสาทกู่สวนแตง จ.บุรีรัมย์
 


พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ศิลปะขอม
อายุพุทธศตวรรษที่ 18 จากปราสาทเมืองสิงห์ จ.กาญจนบุรี
เป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 8 กร
พระวรกายประดับด้วยพระพุทธรูปขนาดเล็กจำนวนมาก

ชิ้นนี้ก็คุ้นเคยมากเช่นกัน เพราะไปเที่ยวปราสาทเมืองสิงห์บ่อยมาก
และในปราสาทมีเทวรูปจำลองที่ทำซะเหมือน
องค์จริงอยู่ที่นี่ครับ


ห้องศรีวิขัย แสดงศิลปะจากภาคใต้ ในยุคอาณาจักรศรีวิชัยและตามพรลิงค์ พุทธศตวรรษที่ 13-18

 


ชิ้นสำคัญก็ต้องชิ้นนี้เลยครับ พระโพธิสัตว์ปัทมปาณี หรืออวโลกิเตศวร
ทำจากสำริด ศิลปะศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ 14-15
จากวัดเวียง เมืองไชยา จ.สุราษฎร์ธานี

 


พระพุทธรูปนาคปรก พุทธศตวรรษที่ 18-19
จากวัดเวียง เมืองไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
ร.5 เคยนำไปประดิษฐานที่วัดเบญจมบพิตร ต่อมาย้ายมาเก็บที่พิพิธภัณฑ์นี้

 


ห้องศิลปะเอเชีย จัดแสดงโบราณวัตถุจากชวา และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ที่ได้รับมอบมา หรือแลกเปลี่ยนกับโบราณวัตถุบางชิ้นของไทยไป
 
อินโดนีเซีย
 


พระคเณศ 4 กร พุทธศตวรรษที่ 15-16
ในยุคอาณานิคมรัฐบาลฮอลันดานำจากเกาะชวามามอบให้ ร.5

 


มีศิลปะจากบุโรพุทโธจัดแสดงที่นี่หลายชิ้นเหมือนกัน
ทั้งทวารบาล ท่อโสมสูตรรูปมกร หน้ากาลประดับซุ้มประตู ฯลฯ
ในภาพคือสิงห์จากพุทธสถานบุโรพุทโธ เกาะชวา อินโดนีเซีย

 

 
อินเดีย
 


พระพุทธรูปแสดงภูมิสปรศมุทรา ศิลปะปาละ พุทธศตวรรษที่ 14
กรมพระยาดำรงฯ นำมาจากพุทธคยาสมัย ร.5 และ ร.7 มอบให้พิพิธภัณฑ์

 


พระพุทธรูปปางแสดงมหาปาฏิหาริย์ ศิลปะปาละ พุทธศตวรรษที่ 14
นำมาจากพุทธคยาเช่นเดียวกับชิ้นข้างๆ

 
 
จีน
 


แผ่นศิลาจำหลักภาพบุคคล ยุคราชวงศ์เหลียง พุทธศตวรรษที่ 11
กรมศิลปากรซื้อจากพิพิธภัณฑ์หม่อมเจ้าปิยะภักดีนาถ ใน พ.ศ.2479

 


ยมานตกะ เป็นภาคดุร้ายของพระโพธิสัตว์มัญชุศรี
สมัยราชวงศ์ชิง พุทธศตวรรษที่ 22-25 กรมพระยาดำรงฯ ได้มาจากปักกิ่ง

 
 
ญี่ปุ่น
 


พระอมิตาภะ ยุคคามาคุระ พุทธศตวรรษที่ 18-19
ได้รับมาในปี พ.ศ.2469

 


พระอมิตาภะ ยุคเมจิ พุทธศตวรรษที่ 25
ทูตญี่ปุ่นนำมาถวาย ร.5 ในปี พ.ศ.2446

 
 
เวียดนาม



สิงห์แบกประดับโบราณสถาน
ศิลปะจาม พุทธศตวรรษที่ 17-18

 
พม่า



พระพุทธรูปทรงเครื่องแสดงภูมิสปรศมุทรา
จากมัณฑะเลย์ พุทธศตวรรษที่ 25

 
ลังกา



พระพุทธรูปปางประทานอภัย
ยุคโปโลนนารุวะตอนปลาย พุทธศตวรรษที่ 23-24

 


ขอปิดท้ายด้วยพระที่นั่งที่แทบจะไม่เปิดให้ชม แต่ปีก่อนมีงานไนท์มิวเซียม เลยได้มีโอกาสเข้าไปดูครับ

 
พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ (Issaret Rachanusorn Residence)

อาคารสองชั้น สร้างโดยพระปิ่นเกล้า เป็นที่ประทับแบบตะวันตก ชั้นบนเป็นที่ประทับ ชั้นล่างเป็นที่อยู่คนใช้ หลังพระปิ่นเกล้าสวรรคตในปี พ.ศ.2408 ร.4 ได้ใช้อาคารเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิพระปิ่นเกล้า ก่อน ร.6 จะย้ายอัฐิไปเก็บที่หอพระนากในวัดพระแก้ว ปัจจุบันชั้นล่างเป็นที่จัดแสดงนิทรรศการประวัติพระปิ่นเกล้า ส่วนชั้นบนรักษาไว้เหมือนครั้งที่ยังใช้งานอยู่




 
 
เก๋งจีนนุกิจราชบริหาร (Nukit Ratchaborihan Chinese)

เป็นเก๋งจีนขนาดเล็กสร้างโดยพระปิ่นเกล้าเพื่อเป็นที่ประทับแบบจีน แต่สวรรคตก่อนสร้างเสด็จ ร.4 จึงสร้างต่อจนสมบูรณ์


ในเก๋งจีนมีจิตรกรรมฝาผนังนิยายจีนเรื่องห้องสิน เรียงลำดับเรื่องจากขวาไปซ้ายแบบจีน



ช่วงที่ไปไนท์มิวเซียมเมื่อปีก่อนมีเวทีการแสดงด้วย นานๆ ทีได้นำผู้คนและการละเล่นกลับมาที่วังหน้าก็ดีนะครับ

 


นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ข้าวของละลานตาสุดๆ ถ้ามีเพื่อนต่างชาติสนใจความเป็นมาของไทย พามาที่นี่ก่อนเลยครับ ช่วงหน้าฝนแบบนี้การเที่ยวพิพิธภัณฑ์ก็เป็นทางเลือกที่ดีนะ ดีกว่าห้างตรงที่คนไม่เยอะ ไม่ต้องกลัวโควิดครับ 101


 



Create Date : 25 กรกฎาคม 2565
Last Update : 27 กรกฎาคม 2565 21:53:33 น.
Counter : 3654 Pageviews.

47 comments
พาหาของกิน ตลาดเก่าบางใหญ่ อาหารอร่อยหลากหลายราคาไม่แพง นายแว่นขยันเที่ยว
(19 เม.ย. 2567 00:21:59 น.)
บางปู : นกกาบบัว ผู้ชายในสายลมหนาว
(19 เม.ย. 2567 10:34:34 น.)
봄 처녀(Virgin spring) by 홍난파(NanPa Hong) ปรศุราม
(17 เม.ย. 2567 10:09:12 น.)
วัดพระธาตุเสด็จ อำเภอเมือง ลำปาง tuk-tuk@korat
(14 เม.ย. 2567 13:54:44 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณกะว่าก๋า, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเริงฤดีนะ, คุณหอมกร, คุณThe Kop Civil, คุณtanjira, คุณtoor36, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณอุ้มสี, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณกิ่งฟ้า, คุณkae+aoe, คุณNENE77

  
ตามมาเที่ยว ชม ด้วยครับ
ไปมาตั้งแต่งานหุ่นดินเผา จนวันนี้ยังไม่ได้ทำบล็อกเลยครับ
แล้ววันนั้นฝนตกหนักด้วย ไม่ได้จำตึกต่างๆเลยครับ


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 25 กรกฎาคม 2565 เวลา:23:01:51 น.
  
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่งดงามล้ำค่า ข้าวของละลานตา
ภาพสวยมากค่ะน้องชีริว
อยู่กรุงเทพฯแท้ๆยังไม่เคยไปเลย ปิดสี่โมงเย็นต้องกะเวลาดีๆ
ขอบคุณน้องชีริวที่พาเที่ยวนะคะ
พี่ต๋าจะตามมาเก็บรายละเอียดอีกค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:0:23:43 น.
  


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เคยไปครั้งหนี่งนานแล้วค่ะ
ไว้กลับมาคราวหน้าจะแวะไปชมอีก
โดย: newyorknurse วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:1:10:39 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับ

น้องชีริวถ่ายภาพสวยมากครับ
ครั้งที่แล้วพี่ก๋าไปเดินอยู่ครึ่งวัน
ก็ยังเดินไม่ทั่ว

ชอบตรงโซนพระพุทธรูปนี่ล่ะครับ
สวย ขรึม ขลังดี

ตอนนี้พี่ก๋าวาดแต่พู่กันเดียวครับ
ภาพแนวอื่นไม่ได้วาดแล้ว 555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:5:33:22 น.
  
อลังการ ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง ทรงคุณค่ามากจ้าชีริว
ชอบภาพที่คลิ๊กแล้วขยายเป็นภาพใหญ่ได้สวยงามมาก


โดย: หอมกร วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:7:59:06 น.
  
เคยไปที่นี่มาครั้งนึงครับ ตอนนั้นปัั่นจักรยานไปกัน รีบปั่น รีบเดิน ทำให้ไม่ได้อ่านรายละเอียดมากนัก พอมาอ่านบล็อกคุณชีริว อยากจะเปิดอ่านไปด้วย แล้วเข้าไปดูด้วยเลย ตอนนั้นรีบเดิน รีบกลับ เสียดายมาก ภาพสวยมาก ๆ ครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:10:50:10 น.
  
จากบล็อกมาพูดคุยก่อน
slice of life เป็นแนวที่ผมชอบมากเลยล่ะครับ มันเยียวยาจิตใจได้ดีที่สุด แม้จะไม่ตื่นเต้นไม่ได้น่าติดตาม ไม่ก่อให้เกิดอารมณ์อยากดูตอนต่อไปเร็วๆ แต่มันดีต่อจิตใจ

โครงเรื่องมันแค่นั้นจริงๆ ครับ แค่เห็นไอดอลที่ชอบใส่ชุดกะลาสี แล้วแม่ที่เคยเรียนโรงเรียนนั้นก็ใส่ชุดกะลาสี เลยอยากเข้าบ้าง ที่เหลือก็เป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การ์ตูนญี่ปุ่นรายละเอียดมันเยอะจริงๆ ครับ ถ้าจะเล่น รายละเอียดให้เล่นเยอะมากเลย

ของไทยบ้าเรื่องชุดมากครับ ล่าสุดวันนี้เองพึ่งมีดราม่าเรื่องชุดที่ครูเล่นเขียนใส่กระดาษแล้วแม๊กติดกับเสื้อเด็กอนุบาล บ้าบอมาก ผมว่าประเทศญี่ปุ่นน่าสนใจครับ ย้ายมาเข้าเรียนกระทันหันใส่ชุดนักเรียนเดิมไปก่อน อย่างเด่นเลย แต่ก็ทำกันโดยปกติ ส่วนในเรื่องที่ผมรีวิวโคมิจิได้รับการอนุญาตจากผู้อำนวยการอย่างเป็นทางการ ผมว่าเขาก็ให้เหตุผลดีนะ "แม้จะต่างยุคสมัยแต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องแบบที่ถูกต้องตามกฎระเบียบ"

LC ยังไม่มีครับ อยากจัด ENG เหมือนกัน (ต่อให้อ่านเถื่อนแล้วก็ตาม) แต่ถ้ามี LC ก็หวังว่าจะไม่เป็นค่ายนั้นครับ จากค่ายที่รักที่สุดกลายเป็นค่ายที่ผมโจมตีทุกครั้งที่มีโอกาสไปได้อย่างไรก็ไม่ทราบ

เดี๋ยวมาใหม่
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:14:31:59 น.
  
ตามรอยด้วยคน
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:16:38:42 น.
  
สวัสดีค่ะชีริว

โห!! วันนี้พาไปเยอะเลยนะคะ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่งดงามล้ำค่าจริงๆค่ะ
พี่ไม่ค่อยได้ไปดูไปเที่ยวแบบนี้หรอกค่ะ
ถามว่าทำไม คงไม่ค่อยได้มีเวลาอภิรมณ์แบบนี้มั้งคะ 555
ขอตามน้องๆเพื่อนๆบล็อกไปเที่ยวน่าจะดีที่สุดค่ะ ^^

แต่พี่ชอบภาพวาดฝาผนังนะคะ
พี่ว่าคนวาดเก่ง ไม่ว่ายุคไหนนะคะ

พี่ออกจากกักตัวเมื่อวานค่ะ แค่กลับบ้านไปแปปนึง
แล้วก็มาอยู่บ้านน้าต่อ (ที่กักตัว) เพราะน้ายังไม่หาย
กลัวมีเชื้อติดไป แล้วพ่อกับแม่จะพลอยติด
เลยกลับมายืนที่เดิม 555 วันศุกร์ค่ะน่าจะไปไหนต่อไหนได้

แมวมันน่ารัก ไม่ได้น่ากินนนน 5555

อยู่คนเดียวเสี่ยงคนเดียวค่ะ สบายใจดี ^^

สุขกายสบายใจนะคะชีริว
โดย: tanjira วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:17:08:11 น.
  
มีโอกาสต้องไปตามรอย นี่แกยังกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นคนกรุงเทพฯ อีกรึ มีแบบ virtual ด้วย แต่เข้าไปมันขึ้น Unable to connect

ถ้าต้องเตรียมเวลส 3 ชั่วโมงแบบนี้ไปตั้งแต่เช้ารอเปิดเลยดีกว่าจะได้เผื่อเวลาไว้ด้วย เปิดเร็วจริงๆ น่ะแหละ

ถ้าพูดถึงเรื่องโรคภัย สมัยก่อนก็โรคห่านี่แหละ พุดถึงนิทรรศการส่วนของ "จิ๋นซีฮ่องเต้" เห็นน้องมันไปแล้วถ่ายภาพมาเหมือนกัน เห็นว่าที่ไทยดีกว่าที่จีนนะ เพราะที่จีนอย่าหวังว่าจะเข้าใกล้ได้ขนาดนั้น

พูดถึงภาพจิตรกรรมฝาผลัง เห็นบางที่เริ่มเปลี่ยนแนวคิด เข้าทำลงผ้าแทนแล้วเอาไปแขวนตามผนัง เห็นว่ามันทนทานกว่าวาดลงผนังเลย มันมีหลายอาคารมากเลย ต้องใช้เวลาจริงๆ พระพุทธรูปแต่ละประเทสก็ดูแตกต่างกันนะครับ

ตอนนี้คนน่าจะยังไม่ค่อยนเข้ามานะครับ เห็นว่ามีโรคฝีดาษลิงเข้ามาซ้ำอีก ตายๆๆ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:17:09:44 น.
  
ลืมบอกไป
ผมจำได้ว่าเคยคุยกับคุณชีริวว่า ปีนี้ผมจะมีคอนเทนต์การ์ตูนจัดหนัก 1 เอนทรี่ เรื่อง Yugioh เป็นแบบเจาะลึก คงต้องขอเลื่อนไปก่อนครับ กลับไปอ่านดูแล้วรู้สึกได้ว่าบทความที่เขียนแลดูไม่ค่อยให้ความเคารพผู้เขียนเรื่องนี้เท่าไหร่ อีกอย่างอาจารย์แกก็ได้เสียชีวิตแล้ว ผมปวดใจจริงๆ

ปีนี้จัดหนักแค่เรื่อง ชุดกะลาสีของอาเคบิจัง เรื่องเดียวดีกว่าครับ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:17:22:19 น.
  
สวัสดีครับคุณชีริว

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล็อกนะครับ
ดีนะไม่กลายเป็ฯ GI Jane อิอิ(แซวครับ)

คุณชีริวถ่ายรูปสวยครับ
สมัยเรียนผมก็ได้มาวาดวิชา Survey of Oriental Art ที่นี่
เป็นวิชาคาบบ่าย จำได้ว่าทำงานกันแทบไม่ทันบ่อยๆ เพราะต้องส่งเย็นนั้น ต้องใช้วิธีรวมงานแล้วให้ม้าเร็วนั่งตุ๊กๆ ไปส่งที่ห้องคณะเลยครับ 55 ไม่ได้ไกลนะ แต่ต้องรีบ

หลังจบมาก็ได้ไปชมงานบ้างเป็นครั้งคราว เพราะไกลจากบ้าน
เห็นคุณชีริวรีวิวมาให้ชมนี่ก็อยากไปตามรอยอีกเลยครับ

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:21:29:48 น.
  
เด็กปีศาจมันคือพี่ก๋านี่ล่ะครับ
แต่ในเวอร์ชั่นวัยหนุ่ม
ตอนนี้มันหายไปนานแล้ว 555
และคงไม่กลับมาแล้วล่ะ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กรกฎาคม 2565 เวลา:21:57:24 น.
  
เป็นคนชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์
ขอบใจจ้า
จะตามรอยมั่ง
โดย: อุ้มสี วันที่: 27 กรกฎาคม 2565 เวลา:4:58:37 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 กรกฎาคม 2565 เวลา:5:45:10 น.
  

มรเที่ยวพิพิธภัณฑ์พระนครนี่
ต้องมาเป็นวันตั้งแต่เปิดเลยนะคะ
เยอะแยะไปหมด..คุ้มๆๆมากมาย
พี่อ้อเคยมาครั้งล่าสุดเมื่อ 3 ปีก่อน
มาทบทวนความหลัง
และ up date เรื่องราวความเป็นปัจจุบัน
ของพิพิธภัณฑ์ฯ กับentry นี้ไปด้วย

โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 27 กรกฎาคม 2565 เวลา:9:10:38 น.
  
โอ้ บล็อกเรื่องนี้ ทำ อ.เต๊ะ ใจสั่นระรัว 555
อ่านไปคร่าวๆ คิดอยู่หลายตลบ ทำไงดีเนี่ย เม้นท์เลยก็แล้วกัน

อ.เต๊ะ มาเที่ยวด้วยจ้าาาา ไปละน้าาาา อิอิ

ชีริว บอก เอ็งจะเม้นท์ดีๆ หรือให้ข้าบีบคอเอ็ง เดี๊ยะๆ 555

คนที่ ไปเที่ยวที่แบบนี้ 8 รอบ ต้องยกให้เป็น คนไทยดีเด่นเลยนะครับ
เพราะ รักและชื่นชอบ ศิลปวัฒนธรรมไทยเอามากๆ

ของ อ.เต๊ะ นี่ ส่วนใหญ่ไปเพราะโดนบังคับ 555
คือตั้งแต่สมัยเรียน อ.เต๊ะ ก็โดน อาจารย์ที่สอน ประวัติศาสตร์ศิลป์
history of art พาไปทัวร์วัด ทัวร์พิพิธภัณฑ์ ทั่วประเทศ
ไปดู ชิวๆ เพลินๆ นี่ไม่ว่ากัน แต่ไปดูมาแล้วต้องกลับมาทำรายงานส่งนี่เซ้ มันเหนื่อยนะจ๊ะ 555

ทุกทริป ก็จะต้องแบกกล้อง แบกขาตั้ง สมุดจดปากกา ดิสอเอาไว้sketch รูปอีก ยิ่งที่ไหนของแยะๆ detail มากๆแบบ พิพิธภัณฑ์ นี่ ต้องบอกว่าวิ่งกัน จั๊กแร้เปียกแฉะเลยทีเดียวเชียวครับ555

แต่ในเมื่อ อ.เต๊ะ นอนตีพุงอยู่บ้านเฉยๆ ได้ดูรูปที่พี่ ชีริว อุตส่าห์
จักแร้เปียก ถ่ายมาให้ดู แค่เม้นท์แค่นี้ มันก็ชิวๆนะครับ

งั้นจัดไป สนามหลวง นี่ไม่ได้ไปนานมาก พึ่งจะรู้ว่าจอดรถได้ด้วย งั้นเริ่ด เดี๋ยวไปจอดรถหนามหลวงแล้วเดินไปบ้านหม้อ ซื้ออะไหล่ไฟฟ้าดีก่า เย้ย 555

ส่วนเรื่องหมุดปัก ระดับน้ำท่วม สมัย จอมพล ป. คงไม่ใครกล้าว่าท่านหรอกครับ ยุคนั้น ยังมียิงเป้า อยู่นะคร้าบบบ555

พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ฟังว่าเอาไว้ จัด นิทรรศการหมุนเวียน
มีของล้ำค่า จากประเทศต่างๆมาแสดง อันนี้นี่ทำ อ.เต๊ะหูตั้งเอ๊ย หูผึ่งเลยเชียว 555

อย่างของญี่ปุ่นนี่ เห็นดาบซามูไร ฝักสีทองๆแล้วน้ำลายไหลเลย
งามสุดๆ เค้าอยากได้ ทำไงดี อิอิ

ชีริวบอก มันก็ไม่ยาก ข้าไปมา 8 รอบ ข้าศึกษาผังบริเวณ ทางหนีทีไล่
ระบบรักษาความปลอดภัย ตำแหน่ง cctv เวลาเดินเวรยามไว้หมดแล้ว เอาไว้เอ็งไปกับข้า จะได้ช่วยกัน เย้ย 555

พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ นี่งานจิตรกรรมพุทธประวัติ งดงามมากๆ
ช่างฝีมือชั้นครูเลยนะครับนี่

พระตำหนักแดง นี่ ไฮไลท์เดาว่าต้องเป็น ต้นมะม่วง แหงๆ ใช่มั้ยละครับอิอิ

ชีริว บอก เออ เอ็งมันแสนรู้มาก เดี๊ยะๆ555

เอาจริงๆ เรือน ฝาปะกน สัดส่วนงามๆแบบนี่หายากมากเลยนะครับ
ยุคใหม่ๆ ทำกันนี่เพี้ยนกันไปหมดเลย

พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ นี่จะว่าไปงานตกแต่งภายในก็งามไม่แพ้ ของที่เอามาตั้งเลยนะครับ การให้สีนี่เสริมส่ง ให้ บุษบกโดดเด่น
ขึ้นมาอีก

พระที่นั่งอุตราภิมุข ที่จัดแสดงอิสริยพัสตราภูษาภัณฑ์ นี่
อันนี้น่าสนใจมาก เพราะ ผ้าโบราณนี่ ถ้าเก็บรักษา หรือจัดแสดงไม่ถูกวิธี ก็อาจจะชำรุดทรุดโทรมได้ง่ายๆ

เพราะต้องควบคุม ทั้งอุณหภูมิ ความชื้น ระดับ
ความสว่าง ฝุ่นละออง ต้องอยู่ในห้องกระจกอย่างดีเลยนะครับนี่

บานประตูพระวิหารหลวงวัดสุทัศน์ กับซุ้มประตูวัดพระแก้วนี่ งานแกะสลักไม้งามสุดๆจริง

ครอบเศียรพระพุทธรูปทองคำ ที่ได้คืนมานี่ ถือเป็นเรื่องน่าดีใจมาก
นึกถึงคำที่ว่า สมบัติแผ่นดิน ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้เลยนะครับนี่

เอาแค่นี้ก่อนนะครับ หิวข้าวแล้ว 555
ขนาดคุณ ชีริว ยังใช้เวลาดูเป็นวันๆเลย อ.เต๊ะ เม้นท์มาชั่วโมงนึง
ได้หน่อยเดียว ตอนนี้น้องซี กับพี่ก๋า ค้อนคอเคล็ดแล้ว มันไม่มาซักที 555

ปล.รูปที่บล็อก ชีริว เป็นคนเดียวที่ทายถูกนะคร้าบบบ
แต่ไม่มีรางวัลให้นะครับ555



โดย: multiple วันที่: 27 กรกฎาคม 2565 เวลา:10:17:13 น.
  
สวัสดีค่ะน้องชีริว

นอกจากภาพพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครในปัจจุบันที่ได้ชมแล้ว
นิทรรศการหมุนเวียนในอดีตอย่าง "วิถึแห่งศรัทธาจากศิลปทัศน์ญี่ปุ่น" ในปลายปี 60 ถีงต้นปี 61
กับ "จิ๋นซีฮ่องเต้" ในปี 62 ก็ได้ชมในบล็อกนี้ด้วย
น้องชีริวเก็บภาพและเรียบเรียงได้ดีจังค่ะ

รายละเอียดของโบราณวัตถุแม้แต่อายุต้นมะม่วงหน้าพระตำหนักแดงก็เป็นความรู้ที่มีให้ด้วย

จารึกพ่อขุนรามคำแหงที่อยู่ในหนังสือเรียนหรือนารายณ์บรรทมสินธุ์อันโด่งดัง
ของจริงที่หากอยากเห็นกับตาต้องมาที่นี่นะคะ

จินตนาการว่าเดินชมพิพิธภัณฑ์แต่ละพระตำหนักแต่ละอาคารตั้งแต่ซื้อตั๋วแล้วเพลินมาก
พี่ต๋าว่าได้ความรู้ยิ่งกว่าเดินชมเองที่อ่านเพียงคำบรรยายอีกค่ะ
อย่างพระนารายณ์ทรงปืน ไม่มีทางทราบเบื้องลึกหรือที่มาได้เองแน่ๆ

ขอบคุณน้องชีริวมากค่ะที่พาเที่ยว
ทุกคำบรรยายถูกกลั่นกรองมาแบบให้ความรู้กับผู้อ่านจริงๆ
วันนึงคงได้ตามรอยบ้างค่ะ

ขอบคุณนะคะที่แวะชมเมนูบ้านพี่ต๋า
สูตรนี้แปลกจริง ตอนทำก็ลุ้นว่ารสชาติจะเป็นยังไงนะ
แต่ผลออกมาก็อร่อยแต่เพราะความแปลกพี่ต๋าว่าไม่น่าจะมีใครทำตามค่ะ ^^
โดย: Sweet_pills วันที่: 27 กรกฎาคม 2565 เวลา:12:59:28 น.
  
ไหน....เดือนไหนเค้าหยุดกัน 15 วันครับ ผมไม่เห็นได้หยุดเลย ฮืออออ
แต่ฝนตกดุจริงครับ ผมนี่เลิกใส่รองเท้าผ้าใบไปทำงานเลย เปียกหมด
เป็นไอเดียที่ดีนะครับที่หนีฝนเข้าพิพิธภัณฑ์ ผมน่าจะเคยไปกับที่บ้าน สมัยเด็กๆ อ่ะครับ น่าจะเป็นวันเด็ก หรือวันอะไรซักอย่าง แต่ที่จำได้คือคนเยอะนะ
ตอนนั้นไม่อิน แต่ตอนนี้โตแล้ว พอมาดูบล๊อกคุณชีริวแล้วรู้สึกอยากกลับไปเดินดูซักรอบ
เอาจริงๆ life style ผมไม่ใช่สายสงบเท่าไหร่ แต่นานๆ ทีได้เดินดูงานศิลปะสงบๆ บ้างก็ดีนะ

เศียรพระพุทธรูปที่แตก ดูอาร์ตมาก เป็นความเสียหายที่สวยงาม

จากบล๊อก
อ่ะเอ่อ...ไม่ทันละ ผมติดโควิดจากหลานละครับ ก็เค้าให้คนเฝ้าต้องขีดเดียว แล้วค่อยมา 2 ขีดใน รพ 5555 ผมที่ขีดเดียวเลยต้องมาดูแลหลานนี่แหละ
แต่บุญยังมีที่ไม่ลงปอด นี่ขนาดไม่ลงปอดยังเกือบแย่ 5555
ได้โมลนูพิราเวียร์มาด้วยประโยชน์ของความเป็นคนเฟรนลี่ครับ พี่ฟ้าเป็นหมอผมไปเจอที่ร้านอาหารคุยกันดริ้งกันหน่อย แล้วขอไลน์มาคุยกันต่อ พี่เค้าคงเอ็นดูเลยส่งยามาให้ แต่ดีนะที่แฟนไม่ถามว่า ใคร รู้จักได้ยังไง ไม่งั้นละเกมส์ๆๆๆๆๆ แต่เชื้อหายไปไวมากจริงๆ อภินิหารโมลนูพิราเวียร์ที่เหมือนผี ในประเทศไทย(เค้าว่ามีแต่ยังไม่เคยเจอ)

Youtube ผมกลายเป็น youtube kid เลยครับ จากสายดาร์ก สู่สายโคโคเมลอน
เนอะ โชคดีที่เด็ก ๆ หายไวครับ ขนาดไม่ได้วัคซีนนะ แต่น่าสงสารไม่เป็นดีที่สุด
ภูมิแพ้เป็นเรื่องน่ารำคาญครับ หายยากมาก เหมือนจะหายแต่วันดีคืนร้ายก็แวะมาหา
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 27 กรกฎาคม 2565 เวลา:13:47:53 น.
  
โธ่~ ใจเย็นสินาย
การดองบล๊อกมันก็เหมือนการบ่มไวน์ ยิ่งนานยิ่งดีนะ
(ไอ้นี่ก็มั่วเข้าข้างตัวเองไปเรื่อย 55 :D)
.
[อันนี้จริงนะ]
จริง ๆ ผมน่าจะได้อัพบล๊อกล่าสุดก่อนคุณชีริวแล้วล่ะครับ
แต่บังเอิญที่บ้านน้ำท่วมครับ เลยต้องจัดการอะไรหลายอย่าง
กว่าจะได้อัพบล๊อก (แบบสบาย ๆ) ก็เลยจากที่คิดไว้หลายวันเลย -_-




=====


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ผมเคยไปสมัยเรียน
แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลยครับ
ผมรู้ว่าตัวเองคงใช้เวลาละเลียดทั้งวันแน่ ๆ
ตอนนี้ไม่มีเวลาเยอะเหมือนตอนเรียนแล้ว เลยไม่ได้ไปซักทีครับ ^^"
แต่เห็นจากที่คุณชีริวเล่าไว้ล่าสุดในบล๊อกนี้
จัดแสดงดีมาก ๆ สมกับที่เป็นเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองหลวงจริง ๆ ครับ




นิทรรศการ "วิถีแห่งศรัทธาจากศิลปทัศน์ญี่ปุ่น" ก็น่าสนใจครับ
แต่ โทชูไซ ชาราคุ ผมจำได้ว่าเค้าทำภาพพิมพ์นะ
งานนี้มีภาพวาดด้วยเหรอครับ

บางทีผมก็แปลกใจพวกนิทรรศการของญี่ปุ่นที่มาจัดแสดงในไทยนะ
ผมเห็นหลายงานเลยที่ตอนจัดที่ญี่ปุ่นถ่ายภาพไม่ได้
แต่พอมาจัดแสดงที่ไทยกลับถ่ายได้ซะงั้น ก็แปลกดีเหมือนกัน
อย่าง นิทรรศการภาพวาด Iwasaki Chihiro ปกติที่ญี่ปุ่นถ่ายไม่ได้นะ
แต่เมื่อหลายปีก่อน เค้ามาจัดนิทรรศการที่หอศิลป์แยกปทุมวัน
ตอนนั้นผมอยู่ ตจว. เข้ากรุงมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
พอรู้ว่าถ่ายภาพได้ (แต่ห้ามใช้แฟลช) ผมเลยถ่ายแบบจัดเต็มเลย
เสียดาย...คอมเจ๊ง ภาพหายหมด T^T
พอคิด ๆ ดู ที่เค้าอนุญาตให้ถ่ายได้ อาจเพราะประเทศเราอยู่ไกล
โอกาสจะได้ชมซ้ำนี่แทบไม่มีเลย เลยยอมให้คนไทยเป็นพิเศษก็ได้
ก็ถือว่าเค้าใจดีครับ และเป็นลาภของเราที่เก็บภาพเป็นที่ระลึกด้วย

โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 27 กรกฎาคม 2565 เวลา:20:36:34 น.
  
ยังน่าดู น่าไปชมเหมือนเดิม

เมื่อก่อน เคยไปนั่งดูโขนสดที่สนามหญ้า กับการเล่นแบบไทย
นังกับพื้น ทำให้รู้จักโขนเป็นครั้งแรก... ยังนึกเลยว่าเขาใช้
คนมาดัดตัวได้แบบไหนนะ ยืนถ่างขาเดินไปมา เต้นกระทึบเท้า
ด้วยแขนก็อ่อน

ตอนไปดูอากาศร้อนนิด ๆ ความที่นั่งชิดเวทีเตี้ย ๆ เป็นโขน
เต้นไปเหงื่อหยดตรงติ่งหู พาลคิดไปว่าเนื้อตัวนักแสดงคงชุ่ม
ไปด้วยเหงื่อ สงสารนะ แต่ใจก็นึกถึงเวลาเลิกแสดงต้องถอด
ชุดออก เขาจะซักทำความสอาดได้แบบไหน

เพชรพลอยคงจะหลุดร่วงบ้างแหละ แต่คงไม่ใช่ของจริงเจอ
เหงือเพชรคงจะหมองไป

...
มานึกเรื่องจำรายละเอียดได้ เริ่มแปลกใจว่า ตนเองสนใจสิ่ง
เล็กน้อยได้อย่างไร 555
จริงแล้ว น่าจะทำร้านรับซักเสื้อผ้านะ ป้องกันมิให้กระดุมหลุด
ว่าเข้านั่น ไปละ..
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 28 กรกฎาคม 2565 เวลา:5:06:33 น.
  
ที่ไปคุย
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ เท่าที่ดูเร็วสุดคงเป็นเดือนสิงหาคม สิงหาอัปการ์ตูนรวดๆ เลย ตั้งแต่เขียนบล็อกมาจะได้เคยอัปการ์ตูนรวดๆ ทั้งเดือนก็คราวนี้นี่แหละ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2565 เวลา:10:14:57 น.
  
เคยได้ยินมาว่าเมืองไทยเรามีพิพิธภัณฑ์มากเป้นอันดัยต้นๆ ของโลกเลย แต่ส่วนมากคนไทยเข้าไม่ถึง เดินทางลำบาก เห็นแล้วก็ชวนให้นึกถึงพวกซีรี่ย์หนังของต่างประเทศที่พวกหนุ่มสาวเขานัดเดตกันแล้วไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์ ของไทยถ้าทำแบบนั้นคงไม่ได้สาวๆ หนีหมด

ราคาคนไทยกับต่างชาติต่างกันมากจนน่าตกใจ คอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าคนต่างชาติแต่งงานจนอาศัยอยู่ในไทยแล้วพาครอบครัวไปเที่ยวเขาจะคิดราคาอย่างไร ก็คงคิดราคาต่างชาติกระมัง

ภายในมีอะไรให้ชมเยอะเลย ต้องเผื่อเวลาไว้หน่อย แต่ถ้าคนไม่ได้สนใจจริงๆ เดินผ่านๆ ก็คงออกในเวลาไม่นาน
โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2565 เวลา:12:07:53 น.
  
สมัยนั้นยังไม่มีการสำรวจฐานลูกค้าแบบจริง ๆ จัง ๆ ครับ
ถ้าทำนิตยสารแยกเฉพาะเรื่องตั้งแต่ต้นน่าจะเสี่ยงไปหน่อย
การทำนิตยสาร Hobby Game ลองเชิงก่อนน่าจะเหมาะแล้วล่ะครับ


ไอ้มดแดงตัวนั้นทำปี 1993 น่าจะไม่ได้ขอลิขสิทธิ์แหละครับ แต่เค้าทำสวยดีนะ
เมื่อก่อนเห็นบอกว่าเอาตั้งโชว์ที่ร้าน Animate Land (ชื่อนี้มั้ง) ด้วย
ผมยังอยากไปดูเลย ^^


หมู่บ้านผมอยู่ไม่ไกลจากคลองแสนแสบเท่าไหร่
และมันติดคลองระบายน้ำที่เชื่อมคลองแสนแสบโดยตรงด้วย
หมู่บ้านผมอยู่ต่ำกว่าถนน พอระดับน้ำคลองแสนแสบสูงนี่จบเลยครับ -_-"
โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 28 กรกฎาคม 2565 เวลา:21:07:06 น.
  
สวัสดีค่ะน้องซีริว พี่กิ่งเพิ่งกลับจากเชียงรายวันนี้แต่ก็รีบมาตอบเม้นท์เพื่อนๆก่อนเพื่ออัพบลอกตะพาบค่ะ

ขอบคุณที่นำสถานที่สำคัญใน กทม.มาให้ชนะคะ พี่กิ่ง
อยู่บ้านนอกไม่ค่อยรู้เลยว่าอะไรที่ดีและสวยงามของ กทม.จะต้องไปชมที่ไหนบ้างวันนี้เข้ามาอ่านจุใจเฃยค่ะ

จากบล็อก เดี่ยวนี้ ธรณีวิทาที่ลำปางปรับปรุงไว้สวยงามมากถ้ามีโอกาสลองมาชมนะคะ

โหวต Travel Blog



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 28 กรกฎาคม 2565 เวลา:23:38:12 น.
  
กรี๊ดดดดดๆๆๆคนอาร้ายยยเกลียดแตงกวา!
เอิ่ม เลิกคบ !!! ชั้นผู้กินแตงกวาแทบทุกวัน ชั้นจะไม่ทนเธออีกแล้วชีรีว
เป็นแมวรึงัยเกลียดแตงกวา (เคยเห็นมีคลิปแมวกลัวแตงกวา)



ตามมาเที่ยวด้วยจ้า ไปล่ะ อ๊ะเดี๋ยวๆก่อนอ่านซัก8บรรทัดก็ได้



พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร แค่ชื่อก็น่าสนใจแล้วนะ อะไรที่ลงท้ายแห่งชาติ ก็จะดูมีอะไรให้ดูเยอะเนอะ
ไม่งั้นคงไม่มาถึง8รอบหรอกนะ

ถ่ายภาพมาให้ชมแบบมากมายเหมือนได้ไปเดินดูด้วยเลยนะนี่
เห็นในภาพยังดูมีมนต์ขลังขนาดนี้ นับว่าน่าสนใจไม่น้อย

ภาพจิตรกรรมฝาผนังงดงามตามท้องเรื่อง

มีมาจากญี่ปุ่นกับจีนด้วย หลากหลายได้ความรู้ น่าสนใจ

โดย: NENE77 วันที่: 30 กรกฎาคม 2565 เวลา:22:34:57 น.
  
อุ๊ย อุ๊ยๆๆ อุ๊ย มีคนเกิดวันนี้ด้วยละ

อยากจะถอดล็อคอิน ปลอมเป็นสาวๆมาอวยพรจัง แฮ่
แต่ยามนี้ ขี้เกียจไปทุกอย่าง555
งั้น อวยพรเลยแล้วกัน

สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอให้มีความสุขมากๆ แคล้วคลาด
ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีความสุขมากๆนะครับ

ปล.ถ้ามีตังแยะๆ เค้าจะซื้อ ครอบเศียรพระพุทธรูปทองคำ ใส่กล่อง
ผูกโบว์เป็นของขวัญให้เลยนะตะเอง อิอิ

ชีริวบอก มะๆๆๆๆไม่ต้องเลย เอ็งจะหาเรื่องให้ข้าไปนอนในคุกอีกแล้ว จริงๆข้าอยากได้ รถม้า "จิ๋นซีฮ่องเต้" ในตู้กระจกมากกว่า เอ็งเอามาได้มะ เย้ย 555

โดย: multiple วันที่: 31 กรกฎาคม 2565 เวลา:5:09:08 น.
  
สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดค่ะ คุณชีริว

มีความสุขเหมือนทุกทุกวัน สุขภาพแข็งแรงนะคะ

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 31 กรกฎาคม 2565 เวลา:5:25:12 น.
  

โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 31 กรกฎาคม 2565 เวลา:9:29:23 น.
  
วันนี้วันดีเป็นศรีวัน พระสุริยันเรืองรองผ่องศรี
ประกอบฤกษ์งามยามดี เห็นทีจะสมจินดา
.
สุขสันต์วันเกิดครับคุณชีริว ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง~
.
ส่วนโล่คงไม่ดีขึ้นแล้ว
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 กรกฎาคม 2565 เวลา:11:23:11 น.
  
สุขสันต์วันเกิดครับคุณชีริว เอาเค้กมาให้ครับ









ระหว่างผมคิดคำอวยพร คุณชีริวเป่าทียนไปพลาง ๆ ก่อนนะครับ

"ฟู่~"







คิดออกละ!
ขอให้คุณชีริวมีสุขภาพแข็งแรงกว่าโล่ที่มีพลังป้องกันสูงสุดแล้วละกัน
(ใช้รูปอัฐยายซื้อเค้กยาย)

โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 31 กรกฎาคม 2565 เวลา:15:05:59 น.
  
สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณชีริว พอดีผมเห็นการแจ้งเตือนวันเกิดคุณที่หน้าบล็อกแก๊ง ขอให้คุณมีความสุขมากๆ ไม่มีเรื่องที่หนักใจมากนัก ขอให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน คิดหวังสิ่งใดขอให้ได้ดังปรารถนา ขอให้สุขภาพแข็งแรง

บล็อกของคุณ ผมยังไม่ได้อ่านนะครับ เดี๋ยวผมจะกลับมาอ่านอีกทีครับ
โดย: ยากันยุง (สมาชิกหมายเลข 7147732 ) วันที่: 31 กรกฎาคม 2565 เวลา:15:43:29 น.
  
สุขสันต์วันครบรอบวันเกิดครับ
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 31 กรกฎาคม 2565 เวลา:22:27:12 น.
  
สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณชีริว

ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงครับ

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 1 สิงหาคม 2565 เวลา:10:03:51 น.
  
หลังจากพี่ชายพี่ก๋าเสียชีวิต
พ่อกับแม่พี่ก๋าก็ติดเชื้อในกระแสเลือดกันอีกคนละครั้ง
แต่ของแม่หนักกว่าครับ
พรุ่งนี้จะเล่าไว้ในบล็อก

ถ้าวิทยาศาสตร์ทำได้จริงก็คงดีครับ
ตอนพี่ชายพี่ก๋าเสียชีวิต
ได้ทำพิธีลงขอน
คล้ายๆการทรงเจ้า
ปกติพี่ก๋าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
แต่พอทำพิธีก็มีอะไรที่น่าประหลาดใจมากครับ

ลองอ่านดูก็ได้นะครับ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kawaka&month=01-2014&date=14&group=133&gblog=20
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 สิงหาคม 2565 เวลา:22:34:12 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:5:41:13 น.
  
จากบล๊อก
ตอนป่วยผมกินไม่ได้เลยครับ น้ำหนักลงฮวบๆ กล้ามเนื้อนี่หายไปจม น้ำตาจะไหล แต่ไอ่ที่ขึ้นมา 2 โบชดเชยไม่น่าใช่กล้ามเนื้อครับ 5555 กินหนักล้วนๆ เลย
เดี๋ยวไว้เข้าที่ก่อนจะออกกำลังกาย เรียกความฟิต ลด%fat แล้วครับ

ผมพ้นระยะกักตัวตั้งแต่วันที่ 24/07 ครับ ผม 2 ขีดอยู่ 2 วัน ได้โมลนูพิราเวียร์ไป 2 วันเชื้อหายไปเลย

ใช่ไหม....คำตอบต้องถูกทุกข้อแหละ ผมก็เริ่มด้วยคำว่า วันนี้เอาเบาๆ นะ 555555

น้ำไม่รั่วๆๆๆ แค่ลมในระบบปั้มครับ คิดว่างานเข้าซะแล้ว ไม่ผี ก็ท่อแตก อันนี้ของจริง
ดีนะที่ผีกดชักโครมด้านประหยัดน้ำ ถ้ามากดข้าง 6 ลิตรเลย ผมแช่งให้มาให้หวยเอาตังมาจ่ายค่าน้ำแน่นอน 55555
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:13:09:07 น.
  
สวัสดีครับคุณชีริว

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมบล็อกและส่งกำลังใจครับ

อยากอ่านเรื่องอื่นๆ ที่ร่วมโครงการลูฟวร์ด้วยนะครับ
น่าจะแจ่มอยู่

ผมมีแว้บคิดเหมือนคุณชีริว
ว่าสัญลักษณ์นั้นเหมือนฟันจอบตาเหยินเลย
ท้ายเล่มพูดถึงตัวละครตัวนี้อยู่ครับ ทำให้อยากอ่านเลย
น่าจะเก่าจริงครับ
โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:13:27:59 น.
  
พึ่งทราบเลยว่าคิดราคาตามสัญชาติ แต่ประเทศไทยบางครั้งมันก็ตลกดี (เรามองว่าน่ารักดี) คือ คนต่างชาติร้องเพลงชาติไทยได่คิดราคาคนไทยให้เฉยเลยก็มี

คุณชีริวจำได้ว่าเป็นชื่อ เป็นคนอ่านข่าวดูข่าวละเอียดมาก เราจำได้แค่ตึกถล่ม พอบอกเป็นรุ่นเดอะแล้วใจไม่ค่อยอยากยอมรับเท่าไหร่ จำข่าวแบบนี้ได้ แบบนี้จำ ก๊อดอาร์มี่ ได้แน่นอน

วงโยไม่คืนเงินคนไทยน่าจะลืมไปกันหมดแล้ว วงที่ว่าสุดท้ายก็ไม่คืนจริงๆ ได้เกิด ตั้งอยู่ และดับไป เราจำได้ว่าคนต่างประเทศทางยุโรปก็เคยเอาชื่อบุคคลสำคัญของไทยไปล้อเลียนลักษณะแบบนี้ ซึ่งคนไทยโกรธแบบแทบคลั่งเลย (เป็นคนที่เราพิมพ์ชื่อไม่ได้ก็แล้วกัน ถือว่ารู้กันเอง) แม้ว่าจากกที่ได้ศึกษาข้อมูลหลายด้าน เราจะรู้ว่าเหมาเนื้อแท้เป็นอย่างไร แต่ในความคิดเรา เราก็ยังควรให้ความเคารพในตัวเขา

น่าสนใจตรงตั้งชมรมแข่ง น่าจะแข่งได้ยากเนื่องจากคนมีเครื่องส่วนตัวแค่ 3 คนเท่านั้น แค่จำนวนเครื่องดนตรีการจะแยกไปตั้งชมรมเองก็แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว

เมื่อวานดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ออกมาพูดเรื่องสั่งยาโมนูลพิราเวียร์ การที่ประชาชนทั่วไปรวมไปถึงคนระดับนี้หาซื้อยาเองทั้งที่มีความเสี่ยงเจอยาปลอม แต่ก็ยังทำ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของภาครัฐ เรื่องนี้แม้จะเป็นข่าวเล็กๆ ที่ช่องหลักแทบไม่นำเสนอ แต่เป็นประเด็นที่น่าจับตามอง
โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:16:49:09 น.
  
ที่ไปคุย
ผมถ่ายทำด๋อยจากฉากจริงสะดวกกว่าครับ ช่วงนี้ผมวิ่งทุกวันหยุดช่วงเช้า (ถ้าตื่นไหว) กำลังคิดที่จะตื่นให้เช้ากว่านี้ แล้ววิ่งให้เสร็จเร็วกว่านี้ แล้วเอาด๋อยไปถ่ายนอกบริเวณบ้านบ้างเหมือนกัน แต่ตื่นไม่ไหวจริงๆ แค่ตื่นมาวิ่งก็แทบไม่ไหวแล้ว

เห็นไปพูดคุยบล็อกคุณ โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969)
ถ้าไปล้อแบบนี้ที่ประเทศจีนผมเกรงว่าจะไม่ได้กลับไทยครับ ตายที่นั่นแหละ อาจฟังดูตลก แต่เหล่าซือที่สอนเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยที่เขาเป็นเด็ก มีคนเอาหนังสือพิมพ์ที่มีรูปท่านประธานเหมาปูพื้นแล้วนั่ง พอลุกขึ้นคนเห็นเจอรุมตีเละเลยครับ หัวแตก เลือดไหลเลย แล้วตำรวจก็ไม่ว่าอะไรด้วย ซ้ำร้ายคนโดนทำร้ายยังโดนจับอีกต่างหาก ล้อท่านประธานเหมาไม่ได้จริงๆ แต่ท่านสีนี่ไม่แน่ แต่ก็ไม่ควรเสี่ยง

โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:18:06:08 น.
  
กรี๊ดๆๆๆๆๆ แตงกวาไม่ควรเป็นอาหารของกัปปะเท่านั้น !!!!
ขนาดกัปปะเป้นภูติยังกินแตงกวาได้ แน่นอนว่าแตงกวาควรเป็นอาหารของทุกชนเผ่า!!!
เตรียมตัวโดนแฟนคลับแตงกวาทั่วโลกรุมตื้บเลยเถอะชีริว
ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเอง
เห็นแก่ว่าเพึ่งผ่านวันเกิดมาหรอกนะ เลยให้สาวๆเซเลอร์มูนจัดการ
ไม่งั้นจะให้ดร.เกโร่ จับชีริวดัดแปลงเป็นหุ่นยนต์กัปปะแล้วให้เซลล์จับกินซะเลย!!



สุขสันต์วันเกิดขอให้แข็งแกร่งน้อยกว่าผู้ว่ากทมติ๊ดนึง
แต่แข็งแรงดั่งโล่ห์กับตันเมกา จะได้มีแรงไปสำรวจซากอิฐตลอดไปๆๆๆ!!!



หลังๆมานี่กบออกจากกะลากันเยอะแล้ว
กบในกะลาตอนนี้นับวันน้อยลงแล้วล่ะ
ราคาก็แพงอยู่นะคิดเป็นกะลาไม่คิดเป็นตัว
กะลานึงมีหลายตัว พี่ไหวเหรอ คริๆๆๆ

โดย: NENE77 วันที่: 2 สิงหาคม 2565 เวลา:22:19:23 น.
  
สวัสดีค่ะน้องซีริว ขออวยพรวันเกิดย้อนหลังนะคะ ขอให้น้องซีริวพบเจอแต่สิ่งดีดี มีความสุข คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนา การงานเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองๆค่ะ สุขสันต์วันเกิด เดือนเกิด ค่ะ

พี่ชอบที่น้องซีริวนำสถานที่สำคัญใน กทม.มาแนะนำให้คนบ้านนอกได้รู้จักค่ะ อิอิ พี่กิ่งนานๆๆๆๆทีถึงจะได้เข้ากรุงค่ะเลยไม่ค่อยจะรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนจริงๆค่ะ 555

หลับฝันดีค่ะ

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 4 สิงหาคม 2565 เวลา:1:43:27 น.
  
เหมือนได้ไปเที่ยวเองเลยค่ะ
ละเอียดมากๆ
โดย: เจ้าหญิงไอดิน วันที่: 11 สิงหาคม 2565 เวลา:9:47:08 น.
  
แหล่มเลย
เป็นคนชอบเข้าพิพิธภัณฑ์
โดย: อุ้มสี วันที่: 11 สิงหาคม 2565 เวลา:12:23:34 น.
  
ต้องติดประกาศหาคนหายแล้วมั้ง ไม่สิ สมัยนี้ต้องโพสต์ทางโซเชียลสิเนอะ โดนเซลล์กินไปแล้วล่ะมั้ง555
โดย: NENE77 วันที่: 13 สิงหาคม 2565 เวลา:14:24:45 น.
  
พึ่งสังเกตว่าคุณชีริวอาศัยอยู่อยุธยา เคยไปพระตำหนักสิริยาลัย มั้ย เห็นหลายคนพูดถึงว่าที่นั่นสวยงาม และมีประวัติศาสตร์ที่น่าเรียนรู้
โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 14 สิงหาคม 2565 เวลา:11:02:51 น.
  
สวัสดีค่ะน้องซีริว แวะมาเยี่ยมค่ะ เห็นหายไปนาน
ธุระยุ่งหรือเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ขอให้น้องซีริว พบเจอแต่สิ่งดีๆมีความสุขนะคะ

รอชมเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์อยู่ค่ะ กลับมาไวๆนะคะ 555

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 14 สิงหาคม 2565 เวลา:22:35:35 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Shiryu.BlogGang.com

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]

บทความทั้งหมด