"เจ้านาย" ผู้มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ เมื่อปี พ.ศ. 2477 (ตอนที่ 8) ตอนที่ 8 "พระองค์เจ้าอานันทมหิดล" องค์รัชทายาท เมื่อคณะผู้แทนของรัฐบาลได้ทราบพระราชประสงค์อันชัดเจนของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ในการที่จะทรงสละราชสมบัติ หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็น 1 ในคณะผู้แทนของรัฐบาลจึงได้กราบบังคมทูลลาเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้กับรัฐบาลทราบต่อไป และก่อนที่จะเดินทางกลับหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ได้รับมอบหมายให้เข้าเฝ้าฯ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล "...ในระหว่างที่พักอยู่กรุงปารีส ได้ขอให้อัครราชทูตสยามประจำกรุงปารีสโทรเลขไปยังหม่อมสังวาล มหิดล ซึ่งอยู่ที่โลซาน (Lausanne) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ว่ารัฐบาลมีคำสั่งให้กระผมมาเฝ้าพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล จะโปรดให้เข้าเฝ้าวันใด ได้รับโทรเลขตอบจากหม่อมสังวาลว่า โปรดให้เข้าเฝ้าในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ฉะนั้นในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ กระผมจึงเดินทางออกจากรุงปารีสโดยทางรถไฟ ถึงโลซาน (Lausanne) ในวันนั้น และได้เข้าเฝ้าพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เมื่อเวลา ๑๙.๓๐ น...." (หนังสือที่หลวงธำรังนาวาสวัสดิ์ เรียนพระยาพหลฯ นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องสละราชสมบัติ ลงวันที่ 1 มีนคม 2477) "...วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2477 แม่มีจดหมายกราบทูลสมเด็จพระพันวัสสาฯ ว่าหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์จะมาหาเพื่อพูดเรื่องพระองค์เจ้าอานันทมหิดล '...หม่อมฉันก็จะบอกกับเขาว่าการรับหรือไม่รับนั้นไม่เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันที่จะตอบ แล้วแต่ใต้ฝ่าพระบาท*และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หม่อมฉันมีสิทธิที่จะพูดได้ก็คือสำหรับร่างกายของนันท เพราะเวลานี้ร่างกายยังอ่อนแอนัก และไม่ถูกกับอากาศร้อน หมอแนะนำให้อยู่ที่นี่ต่อไป...' ..." (เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์) "...19 กุมภาพันธ์ 2477 แม่ได้มีจดหมายไปกราบทูลสมเด็จพระพันวัสสาฯ ว่า '..เขาพูดเรื่องรัฐบาลอยากให้นันทเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลาออกจริงๆ หม่อมฉันก็ได้พูดกับเขาตามที่ได้กราบทูลไป คือการจะรับหรือไม่รับต้องแล้วแต่ใต้ฝ่าพระบาท* และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขาเข้าใจและทราบดี..' ..." (เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์) หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2477 และในวันที่ 1 มีนาคม 2477 ได้มีหนังสือเรียนนายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องสละราชสมบัติความว่า "... ข้อ ๑ ... มีความตอนหนึ่งว่า ถ้าทรงสละราชสมบัติแล้ว ให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกพระบรมวงศ์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ก็จะตัดความระแวงสงสัยในระหว่างพระองค์ท่านกับรัฐบาลและสภาฯ เสียได้ แต่ก็ทรงเห็นว่ามีทางเสียในข้อที่อาจมีผู้คิดล้มพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่เสียและขอร้องให้พระองค์ท่านกลับขึ้นครองตำแหน่งตามเดิม แต่ทางเสียนี้ทรงเห็นว่า ถ้าหากได้ประกาศเสียโดยชัดเจนว่า ได้ทรงสละราชสมบัติโดยสมัครพระทัย และแม้ว่าจะมีผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อถวายพระราชอำนาจคืน ก็จะไม่ทรงยอมรับ ดังนัีี้แล้วก็จะแก้ทางเสียนี้ได้ ข้อ ๒ ... ถ้าทรงสละราชสมบัติจริงแล้ว ก็จะไม่ทรงใช้พระราชอำนาจตามที่บัญญัติไว้ในกฎมณเฑียรบาลว่าควรให้เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ และรัฐธรรมนูญจะดีกว่า เพราะจะได้ไม่เป็นการกระทบกระเทือนและนำมาซึ่งความย่งยากอันเกิดจากการชิงราชสมบัติในภายหน้า..." * หมายถึง สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า (พระยศในขณะนั้น) มาอ่านประวัติศาสตร์ดี ๆ ครับ เดี๋ยวจะกลับมาอ่านต่อให้จบ ขอบคุณครับ
โดย: 90210 วันที่: 16 มิถุนายน 2549 เวลา:8:01:15 น.
บทความน่าสนใจมากเลยค่ะมีต่อไหมค่ะอยากอ่านต่อนะ
โดย: 304 คอนแวนต์ (304 คอนแวนต์ ) วันที่: 16 มิถุนายน 2549 เวลา:8:39:25 น.
ตอนที่ ๘ แล้ว ตามอ่านเก็บจนถึงตอนนี้แล้วครับ
ผมคงจะโง่ไปนิด "ใต้ฝ่าพระบาท" ในพระราชสาสน์ของสมเด็จพระศรีนครินทราฯ คือ สมเด็จพระพันวัสสาฯ ใช่ไหมครับ โดย: ดนย์ วันที่: 17 มิถุนายน 2549 เวลา:0:03:02 น.
กำลังรวบรวมข้อมูลชุดนี้ไว้สอนลูกครับ อยู่ป5แล้ว เขาสนใจอยากฟังอยากอ่านมาก ขอบคุณ คุณรอยใบลานมากครับ
โดย: arinj2006 IP: 58.8.124.43 วันที่: 21 มิถุนายน 2549 เวลา:12:03:21 น.
|
บทความทั้งหมด
|