ทำไมผึ้ง จึงไม่ชอบโทรศัพท์มือถือ?
หนังการ์ตูนเรื่อง Bee Movie สมมุติภาพจากทัศนวิสัยของผึ้งตัวพระเอก ที่เห็นว่ามนุษย์มีความผิดทางโจรกรรม ขโมยน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นผลผลิตของผึ้ง มาแล้วเป็นศตวรรษ ได้ร่วมมือกับมนุษย์ที่เป็นนางเอก ฟ้องร้องในศาล จนชนะความ ได้น้ำผึ้งทั้งหมดในโลกคืนมา แล้วจึงมาพบสัจจธรรมว่า การมีน้ำผึ้งคงคลังเกินความต้องการนั้น นอกจากจะสร้างสภาวะตกงานให้แก่ผองผึ้งแล้ว ยังส่งผลกระทบไปถึงดอกไม้ทั้งโลก ซึ่งพากันล้มตาย เพราะไม่มีผึ้งมาช่วยผสมพันธุ์ เป็นเรื่องที่ดูเผิน ๆ เหมือนน่ารักดี แต่มองลึกลงไป คุณอาจจะเห็นเหมือนกับดิฉันว่า ช่างเข้าข้างมนุษย์กันเหลือเกิน

ความจริงก็คือ เราขโมยผลผลิต และอาหารของผึ้งจริง ๆ นั่นแหละ ผึ้งแต่ละตัวทำงานหนัก ดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้วันละ 150 ถึง 1500 ดอก เมื่อได้น้ำหวานเต็มท้องแต่ละครั้ง ก็บินกลับรัง ไปส่งต่อแบบปากต่อปากให้แก่ผึ้งอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผสมน้ำหวานกับเอ็นไซม์ เพื่อให้เริ่มข้น และเร่งรัดให้เกิดการระเหย เพื่อให้กลายเป็นน้ำผึ้ง เก็บรักษาไว้ในรวงรัง เป็นอาหารเลี้ยงชีพในฤดูที่ไม่มีดอกไม้แล้ว เช่นหน้าหนาว

ก่อนปี 1850 มนุษย์เก็บเกี่ยวน้ำผึ้งโดยการรมควันไล่ผึ้งออกจากรัง หรือไม่ก็เอาสารพิษฉีดฆ่าผึ้ง แล้วขโมยรังมาทุบให้แตก เพื่อล้วงตักเอาน้ำผึ้งไป ในปี 1851 นักบวชชาวอเมริกันชื่อ ลอเรนโซ แลงค์สธร็อท ประสบความสำเร็จในการสร้างรัง ชนิดที่ผึ้งสามารถทำรวงไว้บนกรอบไม้ได้ และคนก็สามารถยกกรอบไม้นั้นออกมาเก็บเกี่ยวรวงผึ้งได้ ซึ่งเป็นแบบอย่างรังผึ้ง ที่ใช้โดยคนเลี้ยงผึ้งทั่วโลกจนทุกวันนี้ ดูจะเป็นวิธีที่ภาษาการตลาดอาจจะเรียกว่า win-win คือผึ้งก็มีอาหาร คนก็มีน้ำผึ้ง โดยไม่ต้องมีการเบียดเบียนฆ่าฟันกัน

แต่นั่นไม่ใช่รูปการณ์ที่ตรงกับความจริงเท่าไรนัก เพราะนิสัยมนุษย์ ชอบเอาเปรียบ การเลี้ยงผึ้งทุกวันนี้ เป็นธุรกิจใหญ่ ผู้เลี้ยงรายใหญ่ในอเมริกา มีรังผึ้งนับเป็นพัน ๆ รัง และรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำ ไม่ได้มาจากการเก็บเกี่ยวน้ำผึ้งเท่านั้น แต่มาจากการขายแรงงานผึ้ง โดยเอาผึ้งไปรับจ้างผสมพันธ์ในไร่อัลมอนด์ และไร่ส้ม ซึ่งหมายถึงการต้องขนเอารังเป็นหมื่น ๆ และผึ้งเป็นล้าน ๆ ใส่รถสิบล้อ ปุเลง ๆ ไปถึงแคลิฟอร์เนียในฤดูดอกอัลมอนด์บาน แล้วต่อไปฟลอริด้า เมื่อดอกส้มพร้อม เป็นต้น

ถ้าถามผึ้ง มันจะตอบเป็นเสียงเดียวกันอย่างแน่นอนว่า ไม่ปลื้มเลย ก้บการที่ต้องถูกโขยกจากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่งอย่างไม่จบไม่สิ้น มันสร้างความเครียดสิ้นดี ผนวกกับการเลี้ยงผึ้งอย่างแน่นขนัด ทำให้ผึ้งล้มป่วยด้วยสารพัดโรค ที่ทำให้ผู้เลี้ยงต้องเยียวยา และเพราะการเยียวยานี่แหละ ที่เปิดทางให้สารพิษเข้าไปปนเปื้อนในน้ำผึ้ง เมื่อปี 2002 สี่สิบเปอร์เซนต์ของน้ำผึ้งที่วางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตของประเทศอังกฤษ ต้องถูกเรียกคืนดึงกลับ เพราะเป็นน้ำผึ้งจากประเทศจีน หรือมีส่วนผสมของน้ำผึ้งจากประเทศจีน ซึ่งถูกตรวจพบว่าปนเปื้อนยาปฏิชีวนะที่คนจีนใช้รักษาโรคของผึ้ง เป็นสารชื่อ chloramphenicol อันเชื่อกันว่าสามารถก่อเกิดโรคลูคีเมีย หรือมะเร็งในเม็ดโลหิต องค์การตลาดร่วมยุโรป ห้ามการนำเข้าน้ำผึ้งจากประเทศจีนอยู่หลายปี เพิ่งยกเลิกไปเมื่อปี 2005

แต่ขนาดว่าใช้ยากันอย่างชุกชุม และโชกโชนแล้ว สุขภาพของผึ้งก็ยังไม่คืนดี หนำมิซ้ำ ในประเทศอเมริกา ผึ้งยังประสบชตากรรม จากโรคใหม่ที่ทั้งลึกลับทั้งร้ายแรง เรียกว่า Colony Collapse Disorder ซึ่งไม่ได้ฆ่าผึ้งเพียงเป็นร้อย ๆ แต่ทำให้ผึ้งหายวับไปทีละเป็นรัง ๆ ทีเดียว สถิติบ่งว่า เฉพาะในปี 2007 พลเมืองผึ้งพาณิชย์ลดฮวบหายไปถึงหกสิบเปอร์เซนต์ และแม้ปัจจุบัน โรคนี้ก็ยังออกฤทธิ์อยู่ และระบาดไปสู่ประเทศอื่น ๆ ด้วย ความลึกลับของโรคนี้อยู่ที่การหายตัวของผึ้งทั้งรัง โดยไม่ทิ้งซากศพไว้ให้เห็น

การไม่มีซากศพมาให้ศึกษา เพิ่มความลึกลับ เพราะไม่มีใครสามารถตรึงให้แน่ชัดลงไปได้ว่า สาเหตุที่ทำให้ผึ้งไม่กลับรังนั้นคืออะไร ข้อสันนิษฐานมีหลากหลายและกว้างไกล ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ไปถึงคลื่นของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถูกกล่าวหาว่า อาจจะไปขัดขวางการทำงานของสัญชาติญาณคืนรัง ทำให้ผึ้งหลงทาง กลับบ้านไม่ได้ อีกทฤษฎีหนึ่งที่พูดกันหนาหู เกี่ยวข้องกับสารฆ่าศัตรูพืช ที่ตกค้างแม้ตามดอกไม้ที่ผึ้งดูดดื่มน้ำหวาน ผู้ถือหางทฤษฎีนี้ คาดเดาว่า สารพิษที่ผึ้งรับเข้าตัวไปเรื่อย ๆ ทำให้ระบบในร่างกายปั่นป่วนจนผึ้งเสียศูนย์

ผู้เลี้ยงผึ้งที่เดือดร้อน เพราะพบรังเปล่า ๆ อยู่บ่อย ๆ ต่างก็โวยวายเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศของตัว เพิ่มงบประมาณในการศึกษาและส่งเสริมสุขภาพผึ้งกันให้ระงม เท่าที่รู้โรคนี้ยังไม่ระบาดมาถึงบ้านเรา แต่กันไว้ดีกว่าแก้ไม่ใช่หรือ กดสัญญาณโทรศัพท์มือถือครั้งต่อไป ส่งใจถึงผึ้งบ้าง

วิธีเห็นใจผึ้งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง น่าจะเป็นการกินอะไรอร่อย ๆ ที่มีน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบ จะได้ใช้เตือนใจตัวเองว่า ถ้าขาดน้ำผึ้ง จะขาดความอร่อยไปไม่น้อย ดิฉันมีตำราอาหารคาวหวาน ที่หอมอร่อยเพราะมีน้ำผึ้งช่วยอยู่มากมาย แต่เลือกมาสองตำรา สำหรับแจกเป็น pdf file ให้ผู้อ่าน blog ที่สนใจจะเอาไปลองทำ คือ Stand-alone recipe #132 ซึ่โครงหมูอบน้ำผึ้งและดอกโปยกั๊ก กับ Stand-alone recipe #640 เค็กช็อคโกแลตน้ำผึ้ง

เขียนมาขอตำราหนึ่งตำราใด หรือทั้งสองตำราได้ที่ cooking@breakingbread.co.th แต่ต้องใช้ชื่อจริงนามสกุลจริง พร้อมทั้งให้ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ด้วยนะคะ



Create Date : 17 พฤษภาคม 2553
Last Update : 20 พฤษภาคม 2553 2:13:34 น.
Counter : 1321 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Prisna.BlogGang.com

pris_bb
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]