มิอาจเปลี่ยนใจ Unchanged บทที่ 1 (YURI)

 

เช้าวันรุ่งขึ้น นาราจอดรถมอเตอร์ไซด์ยังลานจอดรถ เงยหน้ามองอาคารสีขาวสูงตระหง่านตรงหน้า มีป้ายชื่อ RB Foods ชื่อย่อ RB บริษัทนำเข้าวัตถุดิบ ส่วนผสม และเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการแปรรูปเบเกอรี่

หญิงสาวหายใจลึกๆ ตั้งสติสงบจิตใจที่สั่นรัวแรงกว่าปกติ ในมือถือแฟ้มเอกสารที่นำมาเพื่อสมัครงาน

สู้ๆ นารา แค่นี้เองสบายมาก ทำได้อยู่แล้ว

สาวร่างสูงปลุกปลอบใจตัวเองให้ฮึกเหิม ก่อนก้าวเท้าเข้าไปในตึกอย่างประหม่า ภายในชั้นล่างตกแต่งสวยงาม เป็นโถงกว้างที่แบ่งส่วนหนึ่งสำหรับรับรองแขก กวาดตามองโดยรอบเพื่อหาจุดเริ่มต้น ก่อนตรงไปยังโต๊ะประชาสัมพันธ์ ที่มีพนักงานสาวสะสวยนั่งอยู่หนึ่งคน

“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ?” ผู้หญิงคนนั้นถามเสียงอ่อนหวาน

“คือฉันมาสมัครงาน ไม่ทราบว่าฝ่ายบุคคลไปทางไหนคะ?”

สมัครงาน?

หญิงสาววัยยี่สิบปลาย มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนผายมือไปทางลิฟต์

“เชิญชั้นสอง ขวามือห้องแรกค่ะ”

สาวหน้าคมมองตาม ก่อนหันกลับมายิ้มเล็กน้อย

“ขอบคุณค่ะ”

“ยินดีค่ะ”

“นา! นาใช่ไหม?” เสียงใครบางคนถามจากด้านหลัง

เธอชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง หันไปทางต้นเสียง ก่อนทำตาโต

“พี่มิ!”

“อาฮะ” มิรันตรียิ้มกว้าง หยุดยืนตรงหน้า จ้องคนอายุน้อยกว่าอย่างพินิจพิจารณา แล้วเอ่ยปากชม “ไม่ได้เจอตั้งหลายปี ตัวสูงขึ้นเยอะเลย แล้วก็...สวยกว่าเดิมนะเนี่ย”

เอ่อ...

นาราอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนกลั้นยิ้มแบบอายๆ

“ชมซึ่งหน้าแบบนี้ นาก็เขินแย่สิคะ”

ขี้อายไม่เปลี่ยน

สาวรุ่นพี่หัวเราะร่วนเสียงดัง ทำให้พนักงานหลายคนหันมามองอย่างสนใจว่ามีอะไรเกิดขึ้น ทว่ามิรันตรีไม่คิดจะใส่ใจคนอื่น เดินไปโอบไหล่สาวตรงหน้าอย่างสนิทสนม เฉกเช่นสมัยเด็ก เมื่อยืนเทียบกันอีกคนเตี้ยกว่าตนเล็กน้อย

“มาสมัครงานใช่ไหม?”

หืม?

สาวหน้าคมทำหน้างุนงง ว่ามิรันตรีรู้ได้อย่างไร แต่ไม่ได้ถอยหนีหรือแสดงท่าทางรังเกียจสัมผัสของอีกฝ่าย ที่ชอบถึงเนื้อถึงตัวมาแต่ไหนแต่ไร

...หากไม่ชอบไม่สนิท มิรันตรีจะไม่แยแส หรือเข้าใกล้เลย ซึ่งเธออยากให้อีกคนชอบมากกว่า

“ค่ะ”

“เดี๋ยวพี่พาไปฝ่ายบุคคลเอง” รุ่นพี่อาสา

“แต่ว่านาเกรงใจ-” คนอายุน้อยกว่าพูดไม่ทันจบประโยค ก็โดนตัดบท

“ไม่ต้องมาทำเหินห่างกับพี่เลย” มิรันตรีส่ายหน้าปฎิเสธ แล้วพาเดินไปหน้าลิฟต์ กดลูกศรขึ้นเพื่อไปชั้นบน “ลุงอธิปโทรบอกพี่แล้ว ต่อไปเราต้องเป็นลูกน้องพี่”

“ลูกน้อง?” นาราทวนคำอย่างงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะอธิปไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมาก แค่บอกให้เอาเอกสารมาสมัครงานวันนี้

“ลืมบอกไป พี่เป็นหัวหน้าฝ่ายการเงิน” สาวรุ่นพี่แนะนำตัวเองออกมา “ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่นะคะ”

โหย ใหญ่โต

คนฟังเบิกตากว้างคิดไม่ถึง ก่อนโพล่งถามออกไป

“นาควรดีใจใช่ไหมคะ?”

กวนเป็นนี่...พัฒนาขึ้นนะเนี่ย

คนฟังคิดชมแบบขำๆ

“ถูกต้อง อย่างน้อยพี่ก็ไม่โหดเท่าท่านรองวีหรอกรับรองได้” สาวรุ่นพี่หลิ่วตาให้ แกล้งเอ่ยพาดพิงไปถึงรองประธานสาว...รุจรวี แล้วรอดูปฎิกิริยาของคนข้างๆ ขณะก้าวเข้าประตูเหล็กพร้อมๆ กัน แล้วกดชั้นสอง เพื่อไปยังฝ่ายบุคคล

ถ้าเลือกได้ นาก็ไม่อยากมาทำงานที่นี่หรอกนะคะ

เธอทำหน้าเจื่อน เมื่อได้ยินชื่อเล่นของหล่อน เผลอถอนใจยาวเหยียดออกมา

“เฮ้อ!”

“อะไรกัน แค่ได้ยินชื่อก็ถอนใจ อาการหนักนะเนี่ย” มิรันตรีแกล้งพึมพำ พร้อมทำหน้าเหมือนไม่รู้อะไร

...ทั้งที่รู้เกี่ยวกับคนทั้งสองมากมาย

ยังขี้แกล้งเหมือนเดิม จะทนไหวไหมฉัน

นึกบ่นในใจ รู้แก่ใจว่าพูดอย่างไรก็แพ้อีกฝ่ายที่มีทักษะการเจรจาชั้นเลิศ โดยเฉพาะยามนี้ที่มิรันตรีเป็นหัวหน้าด้วย คงไม่เหมาะที่จะแสดงความไม่เคารพออกมา

“นาแค่ไม่แน่ใจค่ะ” คนอายุน้อยกว่าเปรยขึ้นเบาๆ

“เรื่องอะไรล่ะ? มีปัญหาอะไรปรึกษาพี่ได้นะ”

“นาไม่รู้ว่า นาจะทำงานที่นี่ได้นานแค่ไหน?” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ

อะไรจะขนาดนั้น ยังไม่ทันสมัครงาน คิดจะออกเสียแล้ว

สาวรุ่นพี่หลุดขำออกมา ในจังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี จึงกดปุ่มประตูค้างไว้

“ก็ทำนานเท่าที่เราอยากจะทำนั่นแหละ” มิรันตรีตอบยิ้มอย่างไม่คิดอะไรมาก ก่อนพูดยั่วกลับ “หรือว่าเราจะเป็นพวกใจปลาซิว อะไรนิดอะไรหน่อยก็ยอมแพ้ละ”

ฉึก!

คำพูดนี้ช่างแทงใจดำเสียจริง แต่ก็ให้เกิดแรงฮึดแบบไม่น่าเชื่อ

“นาเป็นคนแบบนั้นเหรอคะ?”

สีหน้าแววตาแบบนี้ ค่อยดูดีขึ้นหน่อย

หัวหน้าฝ่ายการเงินซ่อนยิ้มในหน้า ยักไหล่ขึ้นน้อยๆ

“ไม่รู้สิ แต่หวังว่าจะไม่ใช่ เพราะพี่ไม่ชอบลูกน้องแบบนั้น” สาวรุ่นพี่บอกตรงๆ การได้ลูกน้องห่วย...สู้ไม่มีเสียดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องอารมณ์เสียประสาทเสีย

แม้จะดูเป็นคนร่าเริงสบายๆ แต่หากเป็นเรื่องงาน มิรันตรีตั้งใจและทุ่มเทเกินร้อย

“ไปกัน”

สาวรุ่นพี่พาเด็กใหม่ไปกรอกใบสมัครที่ฝ่ายบุคคล และเดินเรื่องให้จนเสร็จในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รวบรัดตัดตอนโดยบอกว่า...เป็นคนที่ท่านประธานส่งมา จึงไม่ต้องคุยกันเยอะ

“เรียบร้อยแล้วค่ะน้องมิ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลวัยเฉียดสี่สิบเอ่ยกับผู้หญิงตรงหน้า แม้อีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่า แต่อยู่ในตำแหน่งเท่ากับตน แถมยังเป็นเพื่อนซี้ของรองประธานสาวอีก ใครก็ไม่กล้าตอแยด้วย

“งั้นมิขอรับลูกน้องไปเลยนะคะ” สาวรุ่นพี่บอกยิ้ม

“เชิญค่ะ”

หลังออกมาจากฝ่ายบุคคล มิรันตรีพานาราเดินมายังฝ่ายการเงินที่อยู่ชั้นสองแต่คนละปีก โดยให้เธอยืนรออยู่นอกห้องก่อน

แปะ! แปะ!

หัวหน้าฝ่ายการเงินปรบมือดังๆ สองที เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนที่นั่งอยู่ในห้องที่กำลังยุ่งหัวฟู กับงานที่ถาโถมเข้ามาในช่วงใกล้สิ้นเดือน พอเห็นทุกสายตามองมา จึงเอ่ยขึ้น

“พวกเราขา วันนี้มีเซอร์ไพร์สค่ะ”

สามคนที่เหลือหันมองหน้ากันอย่างงงๆ

“อะไรคะพี่มิ?” ขวัญฤทัยที่เป็นน้องใหม่ที่สุดในฝ่ายถาม

“วันนี้ฝ่ายเรามีพนักงานใหม่ค่ะ” มิรันตรีพูด หันไปกวักมือเรียกนาราให้เข้ามา แล้วโอบไหล่เธอแบบสนิทสนม “นี่ไง น่ารักไหม?” ก่อนกระซิบบอก “แนะนำตัวสิ”

“สวัสดีค่ะ นาราค่ะ เรียกนาก็ได้ค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ”

“นา!” ขวัญฤทัยชี้นิ้วไปยังสาวหน้าคมอย่างลืมตัว ลุกจากโต๊ะไปหาเพื่อน “ไม่คิดว่าจะมาทำงานที่นี่ด้วย ดีใจจัง”

“ขวัญ” เธอเรียกชื่ออีกฝ่าย

“รู้จักกันเหรอ?” หัวหน้าฝ่ายการเงินถามอย่างสนใจ

“ค่ะ ขวัญเรียนมอเดียวกับนา แต่เรียนจบก่อนเทอมนึง” นาราตอบตามตรง ไม่อายที่เรียนจบช้ากว่าคนอื่น เพราะต้องพักการเรียนไปหนึ่งเทอม

“อ๋อ!”

คนฟังพยักหน้าเข้าใจ ไม่คิดซักไซ้ต่อ เพราะรู้เหตุผลที่เธอจบช้ามาจากท่านประธานแล้ว ก่อนแนะนำสองคนที่เหลือในห้อง ซึ่งมีอาวุโสสูงกว่าตน

“พี่ผู้หญิงชื่อนพิน หรือพี่พิน ส่วนนั่นพี่วสุ ผู้ชายเพียงหนึ่งเดียวของฝ่ายเรา”

“สวัสดีค่ะ พี่พิน พี่วสุ” ทักทายพร้อมยกมือไหว้

“สวัสดีครับ” วสุชายวัยสี่สิบเศษโสดสนิท ส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ไม่ต้องไหว้ก็ได้ครับ”

“มีอะไรสงสัยก็ถามได้นะ แต่ตอนนี้ขอตัวทำงานก่อน จะปิดงบทีปวดหัวชะมัด” นพินสาววัยสามสิบเศษบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ขยับแว่นสายตาแล้วก้มหน้าทำงานตรงหน้าต่อ

“ใกล้สิ้นเดือนก็แบบนี้แหละ งานกำลังเร่งน่ะ” มิรันตรีรีบอธิบาย หลังเห็นเด็กใหม่ทำหน้าสับสน ไม่อยากให้เข้าใจผิดว่า คนอื่นเย็นชาหรือแสดงความรังเกียจรังงอน

บุคลากรฝ่ายการเงินจะถนัดตัวเลข แต่มีปัญหาความสัมพันธ์กับคนทั่วไป เพราะไม่เชี่ยวชาญเรื่องการสื่อสารมากนัก

“ค่ะพี่มิ” เธอพยักหน้าเข้าใจ

“ส่วนโต๊ะทำงานเอาตัวที่ว่างหลังขวัญ เคยเป็นโต๊ะทำงานของพี่น่ะ อาจจะมอมแมมไปสักหน่อยคงพอใช้ได้นะ ถ้าไม่ชอบไว้พี่จะเปลี่ยนให้” รุ่นพี่ชี้นิ้วไปยังโต๊ะว่างที่ตั้งอยู่ในสุดของห้อง

สาวร่างสูงมองไปยังโต๊ะใหม่ของตัวเอง

“ค่ะ ไม่มีปัญหา”

“แบบนี้ขวัญ ก็ไม่ต้องเป็นเบ๊ของฝ่ายแล้วใช่ไหมคะ?” ขวัญฤทัยถามหลังคิดขึ้นมาได้

ในฐานะเด็กใหม่ต้องทำงานเบ็ดเตล็ด หรือคอยซื้อของให้กับทุกคนในฝ่ายมานานหลายเดือนแล้ว เช่น ซื้ออาหาร ชงกาแฟ และงานบริการต่างๆ แม้เป็นงานง่ายๆ แต่ค่อนข้างจุกจิก

“อือ” หัวหน้าฝ่ายการเงินผงกหัวกับข้อเสนอนั้น แล้วมอบหมายงานชิ้นแรกให้น้องใหม่ “ต่อไปนาทำหน้าที่พัสดุของฝ่ายแทนขวัญ ส่วนรายละเอียดพี่จะอธิบายวันหลังนะ”

“เอ่อ ค่ะ” เธอรับปากอย่างงงๆ ไม่รู้ว่าหน้าที่นี้ต้องทำอะไรบ้าง แต่ไว้ค่อยถามทีหลัง

“สบายแล้วเรา!” ขวัญฤทัยยิ้มกว้างร่าเริง ก่อนหันไปทำงานของตนต่อ

“วันนี้คงไม่มีอะไรมาก ใช่ ขอกาแฟหอมๆ มาให้พี่สักแก้วแล้วกัน วันนี้ทุกคนคงไม่ว่างมาสอนงานให้นะ แต่เดี๋ยวจะหาอะไรให้อ่าน”

“ค่ะ” นาราพยักหน้า ก่อนถามบ้าง “กาแฟนี่ สูตรไหนคะ?”

“หนึ่งหนึ่งหนึ่ง กาแฟน้ำร้อนอยู่ตรงมุมห้องนั่น”

“ค่ะ”

“ขอฉันด้วยแก้วหนึ่งสิ” นพินบอกกับเด็กใหม่

“ได้ค่ะ” ร่างสูงยิ้ม “สูตรเดียวกับพี่มินะคะ?”

“อือ ขอบใจนะ” สาววัยสามสิบเศษบอก

“ยินดีค่ะ”

ดูเหมือนจะผ่านไปได้สวย

มิรันตรีซ่อนยิ้มยินดี มองตามหลังเด็กใหม่ที่ดูจะว่านอนสอนง่าย ก่อนไปนั่งทำงานของตัวเองบ้าง

ก่อนพักกลางวัน สาวหน้าคมได้รับภารกิจจัดหาอาหารกล่องให้สมาชิกฝ่ายการเงิน ที่กำลังทำงานหัวหมุนไม่น้อย โดยจดใส่กระดาษว่าแต่ละคนต้องการทานอะไรจากร้านไหน โดยหัวหน้าฝ่ายได้ยื่นแบงค์ม่วงให้เด็กใหม่

“มีอะไรสงสัยก็โทรมานะ” มิรันตรีกำชับ โดยแลกเบอร์โทรศัพท์กับไลน์ไว้เผื่อมีปัญหา

“ค่ะพี่มิ”

หญิงสาวลงลิฟต์ พร้อมพนักงานหญิงชายร่วมทางสิบกว่าคน ที่อัดแน่นในกล่องเหล็ก ไม่ต่างจากปลากระป๋อง ด้วยมีเวลาพักทานข้าวกลางวันแค่หนึ่งชั่วโมง

ป่านนี้โรงอาหารคงแน่นขนัด จะได้กินสักกี่โมงล่ะเนี่ย

นาราพอเข้าใจแล้วว่า ทำไมขวัญฤทัยถึงได้รีบยกหน้าที่นี้ให้ตน พอออกจากลิฟต์ได้ไม่กี่ก้าว สายตาเหลือบเห็นผู้หญิงในชุดสวยหรูหรา เดินเฉิดฉายสวนเข้ามา พนักงานเกือบทุกคนะหลีกทางให้ ราวกับเป็นบุคคลสำคัญของบริษัท

ซวยแล้วฉัน!

สาวหน้าคมสบถในใจ รีบก้มหน้าต่ำ แล้วเดินหลบไปปะปนกับฝูงชน

...แต่โชคไม่เข้าข้างเธอ

“ยายนา!” เสียงแหลมปรี๊ดของปิ่นมณีดังลั่น พร้อมชี้นิ้วมายังเด็กใหม่ เรียกความสนใจจากคนรอบข้างให้หันมามอง

เฮ้อ!

เจ้าของชื่อหยุดกึก หันไปเผชิญหน้ากับลูกพี่ลูกน้องของหล่อน ที่อายุมากกว่าตนเล็กน้อย ซึ่งเคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันในสมัยเด็ก แล้วทำใจดีสู้เสือ ด้วยการยกมือไหว้อีกฝ่าย

“สะ สวัสดีค่ะพี่ปิ่น”

“เชอะ!” คนอายุมากกว่าสะบัดหน้า ยกมือขึ้นกอดอก ไม่คิดจะรับไหว้ให้เสียมือ “เธอมาทำอะไรที่นี่? อย่าบอกนะว่ามาเดินเล่น”

ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้นหรอกนะ

สาวร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รับรู้ได้ถึงคำประชดประชัน แต่ไม่คิดจะประชดตอบ

“มาทำงานค่ะ” ตอบเสียงราบเรียบ

“ทำงาน?” ปิ่นมณีทวนคำ แล้วแค่นหัวเราะออกมาเหมือนดูถูก “เรียนจบแล้ว แต่ไม่มีปัญญาหางานสินะ ถึงได้บากหน้ามาขอทำที่นี่”

คำพูดของสาวเปรี้ยว ทำให้พนักงานคนอื่นมองเธอไปในทางไม่ค่อยดีนัก จึงเริ่มหันไปซุบซิบกัน

กินหมาแทนข้าวรึไง

นารานึกบ่นในใจ รีบพูดตัดบท ก่อนที่จะโดนว่าร้ายไปมากกว่านี้ ไม่อยากปะทะคารมด้วย

“ขอตัวก่อนนะคะ ฉันมีธุระ”

มารยาทแย่มาก

คนอายุมากกว่าขมวดคิ้วเรียวไม่พอใจ

“เดี๋ยว! ฉันยังพูดไม่จบ เธอจะรีบไปไหน” ปิ่นมณีตวาดเสียงเขียว แล้วแสยะยิ้มน่าเกลียด ก่อนโยนลูกระเบิดใส่สาวหน้าคมให้อับอายขายหน้าในที่ทำงาน “แล้วนี่พี่วีรู้รึยังว่า คนรักเก่ามาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาน่ะ”

สาวเปรี้ยวจงใจเน้นคำว่า ‘คนรักเก่า’ เสียงดัง เหมือนเจตนาให้คนอื่นได้ร่วมรับรู้เรื่องนี้ด้วย

...และได้ผลตามคาด เมื่อพนักงานชายหญิงหลายสิบคนหยุดกึก และหันสบตากันอย่างไม่อยากเชื่อ

“คนรักเก่าของคุณวี ไม่น่าเชื่อ?”

“ไม่จริงหรอก คุณวีไม่ได้ชอบผู้หญิงสักหน่อย”

“คุณวีคบกับคุณเขมอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

“คุณวีเป็นเลสมาก่อน...แบบนี้ฉันก็มีหวังสิ”

ฯลฯ

หลายเสียงที่อยู่ในเหตุการณ์ เผลอวิพากษ์วิจารณ์รองประธานสาวอย่างลืมตัว

บ้าเอ๊ย! เรื่องสมัยพระเจ้าเหา จะขุดขึ้นมาพูดทำไม

นาราเผลอกำหมัดแน่น เพื่อข่มอารมณ์ร้อนๆ ไม่ให้ปะทุออกมา ไม่อยากมีปัญหาในที่ทำงานตั้งแต่วันแรก จึงฝืนยิ้มกว้างให้คู่กรณี

จะรับมือแบบไหนดี?

เธอกลอกตา แล้วยกมือแตะแก้มตัวเอง เหมือนใช้ความคิด

“พี่ปิ่นจำผิดรึเปล่าคะ ฉันไม่เห็นจำได้เลย” สาวหน้าคมทำหน้าใสซื่อ จากนั้นพูดสวนแบบนิ่มๆ แต่เชือดเฉือน “เท่าที่ฉันคิดออก ตอนเด็กพี่ปิ่นจะถูกคุณลุงอธิปดุบ่อยๆ เพราะชอบพูดตอแหล เอ๊ย พูดใส่ความคนโน่นคนนี้เป็นประจำ...ตอนนี้ยังนิสัยเหมือนเดิมเลยนะคะ”

“โหย!”

“แรง!”

“เจ็บอ่ะ”

ฯลฯ

เสียงพนักงานหลายคนพึมพำ ไม่เคยคิดว่าญาติผู้น้องของรองประธานสาวจะโดนคนกล้าฉะซึ่งหน้า ที่ผ่านมามีแต่สาวเปรี้ยวอวดเบ่งรังแกคนอื่นตลอด ใครที่ทนไม่ได้ก็ต้องลาออกไป คนที่เหลือก็กลัวหัวหด

กว่าครึ่งที่ได้ยินจึงหันมาเอาใจช่วยนารา ประหนึ่งเป็นหน่วยกล้าตาย ทั้งที่ไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ

อ๊าย! ยายเด็กบ้ากล้าว่าฉัน

ปิ่นมณีชี้นิ้วแทบจะจิ้มใบหน้าคมสวย แต่อีกคนเบี่ยงตัวหลบทัน

“กะ แก...พูดแบบนี้ หาเรื่องกันใช่ไหม?”

“ฉันไม่ได้เริ่มก่อนนะคะพี่ปิ่น มีพยานเห็นเหตุการณ์เป็นสิบคน” เธอกวาดตามองไปรอบๆ ไทยมุง

สาวเปรี้ยวทำตาลุกวาว ไม่บ่อยนักที่จะเสียหน้าขนาดนี้ ความโมโหเข้าครอบงำ จนไม่คิดสนใจใคร แค่ต้องการระบายความแค้น ขยับตัวเข้าไปใกล้ ง้างมือสูงเพื่อจะลงไม้ลงมือสั่งสอน

“เดี๋ยวแม่ตบซะนี่!”

เข้าทางฉันเลย

เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ เชิดหน้าขึ้นแบบไม่เกรงกลัว จ้องหน้าคู่กรณีที่ตัวเตี้ยกว่าเขม็ง

“ก็ลองดูสิคะพี่ปิ่น คิดว่าฉันจะยืนเป็นหุ่นรึคะ?”

“แกกล้าเหรอ?”

ตบกันแน่ เชียร์ใครดี?

หลายคนแอบลุ้นระทึกว่า จะได้ดูการประลองยุทธ์ของสองสาว

แต่ก่อนที่จะมีการตบตีเกิดขึ้นจริงๆ

“มีอะไรกัน?” เสียงหวานๆ ของใครบางคนดังมาจากลิฟต์ ทำให้บรรดาไทยมุงรีบแหวกเปิดทางให้รองประธานสาว

หล่อนเคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าสง่างามเป็นธรรมชาติ ดูเยือกเย็นชวนมอง พอเห็นนารากับปิ่นมณียืนประจันหน้ากัน ด้วยสายตาพิฆาตพร้อมมีเรื่อง

รุจรวีหรี่ตาลงเล็กน้อย เข้าใจได้ทันทีว่ามีปัญหาอะไร จึงรีบเข้าไปทันที

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” สาวสวยเอ่ยห้ามทัพ

คู่กรณีชะงักหันไปมองต้นเสียง ปิ่นมณีรีบลดมือลงข้างตัว แล้วทำหน้าจ๋อยๆ ไม่คิดว่าจะเจอรองประธานสาว ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของตน

พี่วี!

นาราหน้าเสีย ไม่คิดว่าจะเจอหล่อนในสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ ได้แต่คิดประชดในใจ

โชคดีหลายชั้นจริงๆ วันนี้...จะตายหยังเขียดไหมตัวฉัน

OoXoO

เปิดตัวนางเอกอีกคนค่ะ ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกหัวใจนะคะ  รักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ

นาง ^^

OoXoO




Create Date : 29 มกราคม 2564
Last Update : 29 มกราคม 2564 11:44:46 น.
Counter : 832 Pageviews.

0 comments
:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 379 :: กะว่าก๋า
(25 มิ.ย. 2568 05:15:58 น.)
โจทย์ตะพาบ ... เรื่องที่มักเข้าใจผิด ... tanjira
(25 มิ.ย. 2568 17:23:31 น.)
๏ ... เดินเบาเบา > ระวัง < เข้าตาจน ... ๏ นกโก๊ก
(22 มิ.ย. 2568 22:27:49 น.)
ซูบิเมนดี้ เตรียมเปิดตัวกับปืนใหญ่ ค่าตัว 55 ล้านปอนด์ สมาชิกหมายเลข 8571927
(22 มิ.ย. 2568 00:22:35 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Nuinang.BlogGang.com

นิ้วนาง-เดียนา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]