Women in White เพื่อเธอ เพื่อฉัน...เพื่อเรา - บทที่ ๖ (YURI) ๖
ดลลชาไปถึงที่ห้องพักแต่เช้าตรู่ เปิดเอกสารวิจัยอ่าน พลางจิบกาแฟไปด้วย ยังไม่ทันหมดครึ่งแก้ว เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก๊อก! ก๊อก! “เชิญค่ะ” “ไงคุณเพื่อนขยันจริง มาแต่เช้าเชียว” อัญรินทร์แวะมาหาหล่อน พร้อมนั่งเก้าอี้ตรงข้ามโดยไม่ต้องเชิญ ทำประหนึ่งเป็นห้องของตัวเอง “ไม่ได้ขยัน ติดรถพี่นพมา” หมอสาวสวยตอบนิ่งๆ ปรายตามองแขกไม่ได้รับเชิญแวบหนึ่ง ก่อนอ่านเอกสารต่อ “อ๋อ เหรอ” เพื่อนหล่อนยิ้มอย่างรู้ทัน ว่าอีกฝ่ายขยันขนาดไหน หากเทียบแล้วตนไม่ได้ครึ่งของอีกฝ่าย “ฉันมีขนมมาฝาก สนใจปะ?” “ขนมอะไร?” “คุกกี้วนิลาร้านอร่อยน่ะ” หมอจิตเวชวางถุงขนมตรงหน้าเพื่อนที่แวะซื้อก่อนมาทำงาน “ขอบใจ” ร่างบางไม่ทันเอื้อมหยิบ เสียงเคาะประตูก็ดังอีกครั้ง ก๊อก! ก๊อก! “เชิญค่ะ” เจ้าของห้องอนุญาต มองประตูที่ถูกผลักเข้ามา ...เป็นบุคคลที่ตนกำลังรออยู่ “ขอโทษที่มารบกวนค่ะ” ญาณินรีบพูดอย่างสุภาพ หลังเห็นอีกฝ่ายมีแขกอยู่ก่อน เธอเคยเจออัญรินทร์หลายครั้งตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ แต่ไม่เคยคุยด้วยมากนัก ทุกครั้งที่เจอจะยิ้มทักทาย รู้ว่าอีกคนเป็นเพื่อนรักของหล่อนทำงานอยู่แผนกจิตเวช “เข้ามาสิ” ร่างบางบอกเสียงนุ่มนวล “คุกกี้กาแฟค่ะ” สาวแว่นวางถุงใส่โหลแก้วสามใบบนโต๊ะใกล้กับถุงคุกกี้วนิลาของอัญรินทร์ “ของคุณพลอยสองโหล อีกโหลของคุณหมอนพค่ะ” เธอรู้ว่าพี่ชายหล่อนก็ชอบขนมเหมือนกัน แต่ไม่อยากแวะไปให้ด้วยตนเอง...กลัวจะมีข่าวลือแปลกๆ อีก ตอนเข้ามาทำงานที่นี่ใหม่ๆ เคยมีข่าวลือว่า หมอสาวแว่นคบหากับนพคุณ หลังพี่ชายหล่อนคอยดูแลเอาใจใส่มากเกินไปหน่อย “ขอบใจนะ” หล่อนยิ้ม พอใจที่เธอรักษาสัญญากับตน “แม่ฝากคีย์การ์ดคอนโดมาให้ค่ะ ให้เด็กมาทำความสะอาดห้องเรียบร้อยแล้ว เสื้อผ้าเอามาบางส่วนค่ะ” ร่างสูงบอก พร้อมวางคีย์การ์ดบนโต๊ะ “อืม ฉันจะกลับไปขอบคุณน้ากัญเอง” “ขอตัวก่อนนะคะ” คนน้องไม่คิดรบกวนเวลาอีกคนนาน รับรู้ได้ว่าเพื่อนหล่อนจ้องตนอยู่ จึงมีอาการเกร็ง “ไปเถอะ” ร่างบางผงกหัว มองจนเธอออกพ้นห้อง โหย...ไม่ลุกตามไปเลยล่ะคุณพลอยขา อัญรินทร์คิดแซวในใจ หลังสังเกตการแสดงออกของทั้งสองแบบตาไม่กระพริบ อมยิ้มในหน้า รอจนกระทั่งญาณินออกไปจากห้อง เห็นเจ้าของห้องคว้าโหลคุกกี้กาแฟมาเปิด โดยไม่แยแสขนมที่ตนเอามาฝากเลยสักนิด ของฉันร้านดังนะเฟ้ย ไม่ลำเอียงเลยคุณเพื่อน “ตกลงแกชอบขนมหมอญาณิน...มากกว่าของฉัน?” หมอจิตเวชแกล้งถามทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว สาวสวยชะงักเล็กน้อย กัดขนมนั้นหนึ่งคำ แล้วจิบกาแฟตาม “ฉันชอบคุกกี้” ตอบไม่ค่อยจะตรงคำถามเลยนะคุณพลอย เพื่อนหล่อนค้อนน้อยๆ อย่างหมั่นไส้ เท้าคางมองหมอสาวสวยเขม็ง “อ๋อ เหรอ” แกล้งลากเสียง “ไหนขอชิมหน่อย อร่อยขนาดไหน” เจ้าของห้องยื่นโหลขนมส่งให้เพื่อนหยิบ “อร่อยมาก หมอนินนี่น่าจะเปิดร้านนะ” เอ่ยชมไม่ขาดปาก หลังทานหมดชิ้น ดลลชายิ้มเหมือนรู้อยู่แล้ว “ถามจริง ตกลงแกชอบคนนี้?” เพื่อนรักลดเสียงเบาลง จนได้ยินกันแค่สองคน อัญรินทร์เอะใจมาตั้งแต่หลายปีก่อน ที่ญาณินมักจะปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ ดลลชาเสมอ ตั้งแต่ร่างสูงยังเป็นนักศึกษาแพทย์ เอาโน่นเอานี่มาให้ ซึ่งหล่อนก็ดูจะพึงพอใจมากเป็นพิเศษ “ไม่บอก” เจ้าของห้องคลี่ยิ้มบาง “ตกลงไปถึงขั้นไหนแล้ว?” ถามลึกไปนะคุณหมอโรคจิต นึกต่อว่าเพื่อนในใจ “จะรู้ไปทำไม?” “ปากทำด้วยคอนกรีตรึไงคะ คุณหมอพลอยขา ถามอะไรไม่เคยตอบ เพื่อนอยากรู้ไม่ได้เหรอ” เพื่อนรักประชด ก่อนเอ่ยต่อ “ก็แค่จะบอกว่าคุณน้องอุ้มของแก แสดงชัดเจนว่าชอบหมอนิน เห็นตื้อมาเป็นเดือนแล้วมั้ง” หล่อนทำหน้านิ่ง หรี่ตาคู่สวยเล็กน้อย “ก็พอรู้” “พี่สาวน้องสาวจะเปิดศึกชิงนางคนเดียวกัน คงสนุกพิลึก” เพื่อนหล่อนแกล้งกระเซ้าติดตลก ...แต่อีกคนไม่ขำ ดลลชาหน้าเครียดจริงจังกว่าเดิม ก่อนพูดอย่างมั่นใจ “นินไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นหรอก” โหย! มั่นมากเพื่อนฉัน “อย่าประมาทคู่แข่งนักนะแก ในสงครามรักอะไรก็เกิดขึ้นได้” อีกคนหลิ่วตา ก่อนลุกยืน “ไปนะ ไว้กลางวันทานด้วยกัน” “อืม” แล้วหมอจิตเวชก็ออกไป สาวสวยชิมคุกกี้กาแฟอีกชิ้นก่อนปิดโหลแก้ว ดื่มกาแฟหมดแก้วก็ลุกไปสวมเสื้อกาวน์ เพื่อเตรียมไปทำภารกิจของตนบ้าง ก่อนสูดหายใจลึกๆ แล้วคิดย้ำกับตัวเอง นินเป็นของฉัน...ฉันไม่ยอมยกให้ใครแน่
ขณะที่กำลังก้าวไปห้องตรวจคนไข้ ดลลชาได้เจอกับหมอยงยุทธ หัวหน้าแผนกของญาณิน เขาเคยเป็นอาจารย์ของตนด้วยจึงคุ้นเคยกันดี “สวัสดีค่ะอาจารย์” หล่อนทำความเคารพเขา “ไงหมอพลอย มีตรวจเหรอ?” “ค่ะ” “เพิ่งกลับมาก็ขยันเลยนะ พยายามเข้าล่ะ ผมมีงานวิจัยอยากให้หมอช่วยดูด้วย” “เรื่องอะไรคะอาจารย์?” หมอสาวสวยถามอย่างสนใจ เผื่อว่าตนจะช่วยอะไรได้บ้าง หมอทั้งคู่ยืนคุยกันหลายนาที หลังหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องที่ชวนสนใจไม่น้อย “ได้ค่ะอาจารย์ มีอะไรจะให้พลอยช่วยก็บอกนะคะ” “ขอบใจนะ” หมออาวุโสวัยยิ้มกว้าง ก่อนเปลี่ยนเรื่องคุยถึงบุคคลที่สาม “แล้วหมอพลอยเจอคินหรือยังล่ะ?” … ‘คิน’ หรือ ‘ภาคิน’ ลูกชายของยงยุทธ ศัลยแพทย์มือดีเป็นรุ่นพี่ของหล่อน หนุ่มหน้าตาหล่อเหลา อุปนิสัยดี อนาคตสดใส “ยังค่ะอาจารย์” “คินคงดีใจถ้าได้เจอหมอนะ” ยงยุทธกล่าวทิ้งท้าย เพื่อให้อีกฝ่ายได้รู้ว่า แม้จะผ่านมาสามปี แต่ลูกชายของเขายังรอหล่อนอยู่ “ขอตัวค่ะ” ร่างบางยังคงมีรอยยิ้มประดับหน้าสวย ก่อนก้าวจากไปอีกทาง ห่างไปหลายก้าวจึงถอนใจเบาๆ ออกมา ตั้งหลายปีแล้ว...ไม่เบื่อบ้างรึไง สาวสวยไม่ชมชอบการพยายามจับคู่ของผู้ใหญ่ ที่ยัดเยียดให้ตนลงเอยกับหมอหนุ่มอนาคตดีๆ สักคน แต่งงานมีทายาท ใช้ชีวิตที่เหลือแบบเดียวกับที่พวกผู้ใหญ่บอกว่าดีงาม ...โดยไม่ได้คำนึงถึงความรัก หรือความสุขแม้แต่น้อย เป็นกฎบ้าบอที่หล่อนยอมรับไม่ได้ บางคนมีชีวิต แต่ไม่ได้ใช้ชีวิต ดลลชามองว่า...การแต่งงานไม่ใช่เป็นการหาสินค้าสักชิ้น พอใจก็ชี้นิ้วเลือก จ่ายเงินเสร็จเอากลับบ้านแล้วจบ คู่รักบางคู่ลองใช้ชีวิตร่วมกัน ถ้าแฮปปี้ก็แต่งงานอยู่ต่อ ถ้าไปไม่รอดก็เซย์กู๊ดบาย ทางใครทางมัน...มันใช่ที่ไหน ดูแล้วไม่ต่างจากเด็กเล่นขายของ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นคู่สมรสในปัจจุบัน มีอัตราการหย่าร้างกันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ครอบครัวไม่เป็นครอบครัว ไม่มีความอบอุ่น ไม่มีความรักที่แท้จริงอีกต่อไป ถ้ามีลูก ก็กลายเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวเสียเป็นส่วนใหญ่ และจะมีปัญหาครอบครัวตามมาอีกสารพัด จุดเริ่มต้นมาจาก...คนส่วนใหญ่ขาดแคลนความรัก ความอบอุ่น ถ้าต้องใช้ชีวิตน่าเบื่อแบบนั้น ชีวิตจะมีความหมายอะไร สาวสวยเชื่อฝังหัวแบบนั้น สามปีก่อน ดลลชาจึงตัดสินใจไปเรียนเฉพาะทางที่ต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความรู้ให้ตัวเอง และขณะเดียวกันก็หลบเลี่ยงปัญหาจับคู่บ้าบอของพวกผู้ใหญ่ ...คิดไม่ถึงเลยว่า ภาคินจะยังอึดทึกทนรอตนไหว ต้องขอโทษนะคะที่ทำให้ผิดหวัง แต่ฉันคงรักใครไม่ได้ หล่อนคิดแบบนั้น ก่อนทิ้งทุกอย่างไว้หน้าห้องตรวจโรค ทรุดนั่งแล้วตั้งสมาธิสนใจเฉพาะงานตรงหน้า “เชิญคนไข้คนแรกค่ะ”
สุพรรณีชวนเพื่อนร่วมงานให้ไปงานวันเกิดของตน ที่จะจัดขึ้นที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของผู้อำนวยการ หลายคนแสดงอาการกระตือรือร้นที่จะได้เห็นความร่ำรวยหรูหราของมหาเศรษฐี บางคนพูดปฏิเสธว่าติดธุระ เพราะไม่อยากสุงสิงกับลูกเลี้ยงผอ. จะด้วยความอิจฉา หรือสาเหตุอื่นอีกร้อยแปดยากจะหยั่งถึงความคิดได้ ...แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใครกล้าแตะต้อง หรือดูแคลนอุ้ม ด้วยมีแบคอัพใหญ่โตมาก “คุณหมอญาณินจะไปด้วยรึเปล่า?” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น “ฉันยังไม่เจอพี่หมอนินเลย ว่าจะชวนเหมือนกัน” อุ้มตอบตามตรง หวังอยากให้เธอมาร่วมงานนี้ด้วย ...อยากโชว์เพื่อนว่า ตนสนิทกับเธอมาก หญิงสาวแอบปลื้มหมอสาวแว่นคนนี้ หลังอีกคนอาสามานอนเฝ้าและดูแลตนอย่างดีตอนที่แอดมิทที่โรงพยาบาล เพราะอาหารเป็นพิษ จึงคิดเข้าใจไปเองว่า...ญาณินคงมีใจให้ตน หลังจากหายดีก็คอยตื้อตามหมอสาวแว่น แต่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันบ่อยนักเพราะทำงานคนละชั้น ประกอบกับเธอมีคอนโดใกล้ที่ทำงาน จึงไม่ค่อยได้กลับไปที่บ้านใหญ่บ่อยนัก “ว่าแต่คุณหมอนินนี่ มีแฟนรึยัง?” คนที่สองถามบ้าง “ไม่รู้สิ เคยถามแม่พี่หมอนิน ก็บอกว่ายังไม่มีนะ” อุ้มตอบตามที่รู้จากกัญญา “ถ้าแบบนี้ฉันก็คงมีหวังสินะ” อีกคนพูดแบบเคลิ้มๆ “ได้ไง พี่หมอนินฉันจองแล้ว อย่าแม้แต่จะคิด” อุ้มพูดเสียงจริงจัง ประกาศชัดเจนว่าอยากได้ญาณินมาก “ง่า คิดก็ไม่ได้ด้วย” “ฉันหวง” ลูกเลี้ยงผู้อำนวยการเบะปาก คนอื่นจึงได้แต่อมยิ้ม ไม่กล้าแหย่อีก...กลัววงแตก “ฉันว่าคุณหมอปัณรส เพื่อนคุณหมอนินก็น่ารักดีนะ” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนเอ่ยพาดพิงไปถึงเพื่อนเธอ “นั่นสิ วันก่อนเห็นคุยกันกระหนุงกระหนิงที่โรงอาหาร ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทกัน ฉันต้องคิดว่าสองคนนี้เป็นคู่รักกันแน่” คู่รัก! อุ้มชะงักหลังได้ยินประโยคนี้ แล้วอดที่จะคลางแคลงใจไม่ได้ หรี่ตาลงเล็กน้อย “พูดอะไรแบบนั้น สองคนนี้เป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกัน เลยสนิทกันมาก อย่าคิดลึกสิ” อีกคนรีบพูดกลบเกลื่อน หลังเห็นสุพรรณีหน้าซีดเผือด พร้อมส่งสายตาจิกคนพูดให้หุบปาก ซะ ซวยแล้วฉัน คนพูดครางในใจ หลังเห็นสัญญาณจากเพื่อน “ขอโทษนะอุ้ม ฉันพูดเรื่อยเปื่อยไป อย่าคิดมากนะ” อุ้มพยายามฝืนยิ้ม “อืม ฉันเข้าใจ” “ไปทำงานกันได้แล้ว” หัวหน้างานบอกกับกลุ่มของอุ้ม ที่ยังจับกลุ่มคุยทั้งที่ได้เวลางานแล้ว สุพรรณีก้าวไปยังโต๊ะทำงานของตนด้วยท่าทางซึมกระทือ ในหัวเต็มไปด้วยความฉงนฉงาย และความสงสัย หรือพี่หมอนินจะมีเจ้าของหัวใจแล้ว ถึงได้ไม่สนใจฉัน?
“วันนี้กินอะไรดี?” อัญรินทร์เปรยกับดลลชา ขณะก้าวออกไปพักเที่ยง ซึ่งมีคนแน่นโรงอาหารไม่ต่างจากทุกวัน “อะไรก็ได้ที่เร็วๆ?” หล่อนกวาดตามองไปยังร้านค้า ส่วนใหญ่มีคนต่อคิวไม่ต่ำกว่าห้าคน “ร้านนั้นไหม?” เพื่อนหล่อนชี้นิ้วไปยังร้านข้าวมันไก่ทอด “ไปสิ” ขณะที่กำลังเดินตรงไปนั้น แล้วต่อคิวได้มาคนละจาน แล้วซื้อน้ำเปล่ามาคนละขวด แต่ก่อนที่จะเข้าไปทานยังห้องปรับอากาศสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ สาวสวยชะงักฝีเท้า หลังเห็นญาณินที่นั่งอยู่ห่างไปไม่กี่โต๊ะ หันหน้าไปทางปัณรสซึ่งกำลังใช้ทิชชู่ซับมุมปากให้ จิตใจที่สงบนิ่งพลันร้อนระอุยิ่งกว่าลาวาเดือดใต้ภูเขาไฟ มันจะมากไปแล้ว... “มีอะไรเหรอพลอย?” พออีกคนไม่ตอบ อัญรินทร์จึงเอียงหน้ามองตามสายตาเพื่อนรัก เห็นภาพสนิทสนมของสองหมอใหม่กลางโรงอาหาร ที่ดูจะเกินเพื่อนมากไปสักหน่อย ก็ขมวดคิ้วแทบเป็นปม ตกลงหมอนินนี่...เป็นคนยังไง? หมอจิตเวชมองไม่ออกว่า สาวแว่นคนนั้นเจ้าชู้ หรือไม่เจ้าชู้กันแน่? “ริน” หล่อนเรียกชื่อเพื่อนเสียงเย็น “ว่าไง?” “ไปนั่งทานตรงนั้นกัน?” หมอจิตเวชชะงักกับคำชวนนั้น กลัวจะเกิดการปะทะกันกลางโรงอาหาร “เอาจริง?” “อือ แกไม่ไปฉันไปเอง” ดลลชาไม่รอคำตอบ เดินตรงรี่ไปยังโต๊ะที่หมอสาวแว่นนั่งอยู่ งานเข้าแน่หมอนิน...อาเมน! อัญรินทร์ถอนใจเบาๆ เดินตามสาวสวยไปยังโต๊ะที่หมอใหม่สองคนนั่งอยู่ก่อน ในใจแอบหวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายอะไร “ขอนั่งด้วยนะคะ” หล่อนเอ่ยเสียงเรียบ ขณะยืนตรงหน้าญาณิน ที่ก้มหน้าก้มตาคีบเส้นเล็กต้มยำ “ชะ เชิญค่ะ...” หมอสาวแว่นรีบพูดขึ้น จนเกือบสำลักอาหาร พอเธอเงยหน้าสบสายตาของผู้หญิงที่นั่งตรงข้าม ซึ่งจ้องหน้าตนเขม็ง ราวกับอยากจะหักคอตนจิ้มน้ำพริกเต็มแก่ พลันสะดุ้งเสียวสันหลังวาบ ฉันทำอะไรให้คุณไม่พอใจรึเปล่า? OoXoO ดูท่างานน่าจะเข้าหมอนินแล้วนะคะ...ส่วนจะโดนหมอพลอยจัดหนักหรือเปล่า? ต้องลุ้นกันต่อค่ะ ^^ ช่วงนี้ไรท์กำลังเร่งปิดเรื่องนี้อยู่ คุณพี่บอกอตรวจให้เกือบครบแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะคลอด E-book ได้ตอนไหน...อดใจรออีกนิดนะคะ สรุปคือดราม่า มีค่ะแต่ไม่มาก แต่จะฟิวกู๊ดหรือเปล่า? ต้องรออ่านฉบับเต็มเท่านั้น ไรท์ไม่บอกหรอก อิอิ นาง ^^ OoXoO |
บทความทั้งหมด
|