Women in White เพื่อเธอ เพื่อฉัน...เพื่อเรา - บทที่ ๔ (YURI) ๔
กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงมือถือดังขึ้น ญาณินสะดุ้งตื่น ลืมตาขึ้นแล้วคว้าอวัยวะที่ 33 มากดรับอัตโนมัติ โดยไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าใครโทรมา ด้วยเกรงจะเป็นเรื่องด่วนเกี่ยวกับความเป็นความตายของคน ...วันหยุดของหมอ บางทีก็ไม่ได้หยุด “ฮัลโหล” น้ำเสียงอู้อี้กว่าปกติ คนโทรเงียบไปจนได้ยินคำว่า ‘ฮัลโหล’ ของเธออีกครั้ง จึงกรอกเสียงพูดตอบไป “ฉันโทรมารบกวนเธอรึเปล่า?” เฮ้ย! ความง่วงหายวับไป หลังได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคยที่แสนจะคิดถึง มีคนเดียวที่พูดได้เรียบง่าย แต่ทำให้หัวใจอ่อนยวบเสมอ “คะ คุณพลอย!” น้ำเสียงตื่นเต้นอย่างไม่ปิดบัง “อืม...” ดลลชาขานรับเบาๆ “ฉันมีของฝากให้เธอนะ ถ้าอยากได้ก็มาเอาเองที่บ้าน” แปลว่าคุณอยากเจอฉัน? หมอสาวยิ้มกว้างกับมือถือ เธอต้องใช้เวลาเรียนรู้หลายปีกว่าจะเข้าใจความนัยของอีกฝ่าย ...ถ้อยคำของสาวสวยคนนี้ ตีความยากยิ่งกว่าศัพท์เฉพาะทางการแพทย์เสียอีก “รับทราบค่ะ คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ? เดี๋ยวนินแวะเอาไปฝาก” เธออยากเอาใจอีกฝ่ายบ้าง หลังไม่ได้เจอกันหลายปี ...ความรู้สึกเกินคำว่า ‘คิดถึง’ ไปไกลนานแล้ว “อะไรก็ได้” คำตอบง่ายๆ ที่แปลได้เป็นร้อยเป็นพัน “ง่า ยากมากเลยนะคะนั่น” หมอร่างบางหัวเราะหึเบาๆ “โตแล้ว คิดเอาเองสิ” “คุณแกล้งนินอีกแล้ว” คนน้องพูดตัดพ้อ “ไม่แกล้งเธอ จะให้ฉันแกล้งคนอื่น?” สาวสวยถามสุ้มเสียงเจือไปด้วยการหยอกล้อ โหย ใครยอม! “ไม่เอาค่ะแกล้งนินต่อไปเถอะ แต่ห้ามไปแกล้งคนอื่นนะคะ” เธอพูดเสียงกระเง้ากระงอดนิดๆ เด็กขี้งอน หล่อนยกยิ้มน้อยๆ กับมือถือ เดาออกว่าเด็กน้อยต้องเบะปาก ที่ทำให้ตนอยากแกล้งมากขึ้นไปอีก เสียแต่เวลาไม่เป็นใจ “อือ...ไปนะ ต้องทำงานแล้ว” “คิดถึงค่ะ” ปากขยับไปไวกว่าความคิด “อืม รู้แล้ว” ดลลชาขานรับเสียงแผ่ว แล้วกดวางสาย น่าอายชะมัดญาณิน พูดออกไปได้ ร่างสูงเม้มปากแน่นเคอะเขิน หลังหลุดปากพูดคำว่า ‘คิดถึงค่ะ’ ออกไป ด้วยปกติไม่เคยจะพูดแบบนี้ออกไป วางมือถือแล้วเอาหน้าที่ร้อนผะผ่าวซุกหมอน บ้าชะมัด! แม้จะเขินอายมากมาย แต่ใบหน้าคมยกยิ้มไม่ยอมหุบ ดีใจที่จะได้เจอหล่อนตัวเป็นๆ เสียที จากนั้นรีบกระวีกระวาดลุกจากเตียง เพื่อทำธุระส่วนตัว พลางคิดไปด้วยว่า หาอะไรไปฝากคุณดี?
อีกด้านดลลชาที่กดวางสายผุดยิ้มสวย มองพี่ชายซึ่งนั่งตรงข้ามส่งยิ้มกวนๆ อย่างรู้เท่าทัน “ไหนล่ะของฝากพี่?” นพคุณทวง พร้อมแบมือออกมาตรงหน้า “พลอยให้ไปแล้วนี่คะ” “หืม?” พี่ชายทำหน้างุนงง ก่อนนึกย้อนว่าได้อะไร “ช็อคโกแลตหนึ่งกล่อง?” “อาฮะ” หล่อนผงกหัว “โหย แค่นั้นพอที่ไหน จะงกไปไหมน้องสาว” ชายหนุ่มหน้าหล่อแกล้งโวยวาย ถึงจะอร่อยถูกปากมากแต่น้อยเกินไป ก่อนเลียบๆ เคียงๆ ถามต่อ “แล้วของนินล่ะ เหมือนกันรึเปล่า?” “ไม่เหมือนค่ะ นินไม่ชอบขนมหวาน” ร่างบางตอบตรงๆ รู้ดีว่า ญาณินไม่ค่อยชอบทานของหวาน ให้ไปก็คงไม่ถูกใจนัก “ชิส์ ลำเอียง” เขาเบ้ปากน้อยๆ “ทีหลังมาขอให้ช่วยอะไร พี่จะชาร์ตหนักๆ” “โอ๋ๆ ไม่ใจน้อยสิคะ พลอยจะสั่งช็อคโกแลตมาให้อีกสองกล่องก็ได้ โอเคหรือเปล่าคะ?” พี่ชายยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวเรียงเป็นตับ “ค่อยยังชั่วหน่อย” แพทย์สาวส่ายหน้าอย่างหมั่นไส้นิดๆ “ใครกันแน่คะที่งก?” นพคุณโบกนิ้วชี้ไปมาเป็นเชิงปฎิเสธ “พี่ไม่งกครับ พี่มีความลับมาแลกเปลี่ยนเพียบเลยนะ รับรองว่าพลอยต้องสนใจแน่” เขาพูดอย่างมั่นใจ “อะไรคะ?” “เรื่องหมอญาณินไง สนใจไหม?” นัยน์ตาคู่สวยหวานเป็นประกายจับจ้องนพคุณ ซึ่งยิ้มอย่างเป็นต่อ ก่อนผงกหัวช้าๆ “ดีลค่ะ” “แค่นั้นแหละ” “ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ไว้ว่างๆ พลอยจะคุยด้วย” มีหลายเรื่องที่สาวสวยอยากรู้ ในช่วงสามปีที่ไม่ได้อยู่เมืองไทย เกิดอะไรขึ้นกับญาณินบ้าง หลังช่วงเรียนยุ่งมากจนไม่มีเวลาคุยกับพี่ชาย หรือแม้แต่เธอเกินห้านาที ...โดยเฉพาะเรื่องที่เด็กน้อย มีพฤติกรรมนอกรีตนอกรอยกับใครบ้างหรือไม่? “โอเคครับ บายคุณน้อง” นพคุณมองแพทย์หญิงดลลชาออกไปจากห้องพักของเขา ยกยิ้มในหน้าอย่างอารมณ์ดี เขารู้มานานแล้วว่าน้องสาวรักชอบใคร และไม่คิดขัดขวาง ส่วนหนึ่งเพราะเขาสนิทสนมกับญาณินมาหลายปี เห็นเธอเป็นเด็กดีไม่ต่างจากน้องสาวอีกคน ชายหนุ่มมั่นใจว่าเด็กคนนี้ไม่มีวันที่จะทำร้ายจิตใจน้องสาวตนแน่ๆ ...แต่เขาไม่แน่ใจว่า บิดาจะเห็นชอบกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่? พี่อยู่ข้างเธอนะพลอย นิน
“หมอพลอยไปทานข้าวกัน” แพทย์หญิงอัญรินทร์ ซึ่งเป็นหมอจิตเวชเอ่ยชวนขึ้น ขณะเจอหล่อนตรงทางเดิน หลังอีกฝ่ายเพิ่งออกมาจากห้องตรวจหลังเที่ยงเล็กน้อย “ขอหยิบกระเป๋าตังค์ก่อน หรือคุณรินจะเลี้ยงฉัน?” ดลลชาแกล้งถามแบบยียวน ขณะเดินไปคุยไป “ได้ๆ แต่มื้อเย็นแกต้องเลี้ยงนะ โอเคปะ?” “เย็นนี้ไม่ว่าง มีนัด” มีนัด? อัญรินทร์ทำหน้าสนใจ หลังเพื่อนรักมีหน้าตาสะสวยมาก มีคนตามจีบไม่น้อย แต่น่าแปลกตรงที่ไม่ประกาศคนรักเป็นตัวเป็นตน “กับใคร?” “ที่บ้าน” หมอสาวสวยตอบไม่ตรงคำถาม เลี้ยวเข้าห้องพัก เพื่อเก็บของและหยิบกระเป๋าสตางค์ เยี่ยม! เดี๋ยวนี้มีความลับกับเพื่อน ชิส์ เพื่อนรักหล่อนยืนกอดอก พลันเห็นนางพยาบาลสองคนซุบซิบอะไรกันอยู่ จึงเดินไปร่วมแจม ตามประสามนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศ “คุยอะไรกันเหรอคะ?” “เมื่อกี้มีคนไข้มาจีบคุณหมอดลลชาด้วยค่ะ” หนึ่งในสองสาวตอบ “เมื่อกี้พี่เห็นหลายคนรอตรวจ มองตามคุณหมอตาละห้อย มีแอบถามชื่อด้วยนะคะ” เสน่ห์ไม่เคยลดจริงๆ เพื่อนฉัน อัญรินทร์หัวเราะเบาๆ ไม่แปลกใจ เพราะอีกคนเป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว พอๆ กับอุปนิสัยเย็นชาเข้าถึงยาก “แบบนี้โรงพยาบาลเราคงมีคนไข้เพิ่มอีกแน่” หมอโรคจิตเอ่ยติดตลกตามประสาคนอารมณ์ดี หมอสาวๆ สวยๆ ดึงดูดคนไข้ให้มาใช้บริการเยอะขึ้น เป็น PR ชั้นเยี่ยมของโรงพยาบาล...ที่ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเพิ่ม “พี่ก็ว่าอย่างนั้นน่ะค่ะ” คนที่สองพยักหน้าเห็นด้วย หลังดลลชาจัดว่าสวยโดดเด่นกว่าหมอคนอื่น เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ จนหลายคนอยากรู้มากว่า ...ใครจะได้ครอบครองหัวใจของหล่อน เสียงฝีเท้าทำให้ทั้งสามคนหยุดพูด หันไปมองเจ้าตัว ที่กลับมาพร้อมกับกระเป๋าสตางค์ใบเล็ก “ไปริน” “อือ” อัญรินทร์ผงกหัว ก่อนหันไปทางสองนางพยาบาล “ไว้ค่อยคุยกันนะคะ” “ค่ะคุณหมอ ทานให้อร่อยนะคะ” หลังแพทย์สาวสองคนคล้อยหลังไปแล้ว ผู้หญิงชุดขาวสองคนจึงหันมาคุยกันต่อ “รึว่าคุณหมอพลอยกับคุณหมอริน จะไม่ใช่เพื่อนธรรมดา” หนึ่งในสองลากเสียงอย่างมีความหมายพิเศษ “ไม่มีหลักฐาน อย่าพูดเรื่อยเปื่อย ถ้าใครได้ยินเข้าจะไม่งาม” อีกคนที่อายุมากกว่าเอ่ยปราม “ขอโทษค่ะ” “รีบไปทานกลางวันเถอะ เดี๋ยวต้องทำงานต่ออีก” “ค่า...”
“เมื่อกี้คุยอะไรเหรอ?” ดลลชาอดถามไม่ได้ ขณะเดินไปคุยไปทางโรงอาหารของโรงพยาบาล “เซ็นส์ดีนะเนี่ย” อัญรินทร์แกล้งกระเซ้า พอเห็นหล่อนทำหน้าไม่เข้าใจจึงยอมเฉลย “พี่เขาบอกว่ามีคนไข้มาจีบแก จริงหรือเปล่า?” ว่าแล้วเชียว “แล้วแกคิดว่าไงละ?” “คงจริงนั่นแหละ ใครบ้างไม่อยากจีบคุณหมอดลลชาคนสวยกัน” หมอโรคจิตพูดหน้าตาย เจ้าของชื่อปรายหางตามองหน้าด้านข้าง “ชมไม่จริงใจเลยนะหมอรินขา” “ก็แค่หมั่นไส้นิดหน่อย” หล่อนยิ้มขำเพื่อนรักที่ปากกับใจไม่ค่อยตรงกัน หากหมั่นไส้กันจริงๆ คงไม่เป็นห่วงเป็นใย เขียนถามไถ่ตลอดสามปีที่ห่างกันไกล “ฉันว่าแกเหมาะจะเป็นหมอจิตเวชมากกว่าฉันอีกนะพลอย” “ผ่าน” แพทย์ร่างบางไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในสมอง ส่วนหนึ่งเพราะไม่ชอบนั่งฟังคนมาปรึกษานานๆ ถึงจะสวยสะคราญระดับนางเอกแถวหน้า แต่หล่อนไม่ได้ใจดีใจเย็นขนาดนั้น เย็นชาจริงๆ อัญรินทร์ถอนใจยาว ก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย “งั้นกินอะไรดี?” “ว่าจะลองสลัดผลไม้หน่อย เห็นพี่นพบอกว่าร้านนี้อร่อย” “ไปกัน”
หลังเลิกงาน ดลลชาติดรถยนต์กลับบ้านพร้อมกับนพคุณ หลังหล่อนยังไม่อยากขับรถเอง ทั้งที่รถยนต์ของตัวเองก็จอดสนิทอยู่ พร้อมใช้งาน “เดี๋ยวพลอยไปหาน้ากัญก่อนนะคะ” หล่อนบอกพี่ชาย หลังเขาจอดรถในโรงรถ ที่มีรถยนต์หรูสัญชาติเยอรมันจอดเรียงอีกสามคัน “ไปหาน้ากัญ หรือหาลูกสาวน้ากัญ?” นพคุณแซวอย่างรู้ทัน รู้แล้วยังจะพูดอีก สาวสวยยกยิ้มในหน้า แต่เลือกที่จะไม่ตอบ “ขอบคุณนะคะพี่นพ” “ยินดีมากที่ได้บริการแม่หญิงนะขอรับ แต่อีกไม่นาน คุณน้องคงมีสารถีคนใหม่แล้ว” เขายกยิ้ม ก่อนได้รับสายตาจิกของน้องสาวกลับมาเป็นรางวัลให้หัวเราะโชว์ฟันอีกรอบ กวนจริงๆ หล่อนส่ายหน้า เดินตรงลิ่วไปเรือนไม้หลังเล็ก ซึ่งเป็นที่พักของสองแม่ลูก ตั้งแยกต่างหากจากเรือนคนงานอื่นที่ตั้งด้านหลัง เป็นเรือนไม้สองชั้นแบบทาวน์เฮ้าส์เล็กๆ ที่มีทุกอย่างพร้อม ทั้งห้องรับแขก ห้องครัวย่อมๆ “มีใครอยู่ไหมคะ?” “อ้าว คุณพลอย เข้ามาสิคะ” กัญญาทักทายลูกสาวเจ้าของบ้านอย่างคุ้นเคย...หล่อนเป็นแขกประจำของที่นี่ “นินล่ะคะ?” “อยู่ในครัวค่ะ กำลังทำขนมอยู่” แม่บ้านใหญ่ตอบยิ้ม แล้วพยักหน้าให้หล่อนเข้าไปหาลูกสาว “เชิญค่ะ เดี๋ยวน้าขอตัวไปดูพวกเด็กๆ จัดอาหารที่เรือนใหญ่ก่อนนะคะ” “ค่ะ” คนสวยก้าวเข้าไปในบ้านนั้น ก้าวผ่านห้องรับแขกไปยังห้องครัวด้านหลัง เห็นหมอสาวแว่นกำลังยืนเฝ้าเตาอบ กลิ่นหอมๆ โชยมาเตะจมูก จึงเดินไปยืนซ้อนหลังเธอ เมื่อยืนเทียบกันแล้ว คนน้องจะสูงกว่าเล็กน้อย ทั้งที่ตอนแรกที่เจอกันอีกฝ่ายตัวเตี้ยกว่าตนกว่าสิบเซนติเมตร ดลลชายกสองมือโอบเอวบางของร่างสูงอย่างสนิทสนม แล้ววางคางเกยไหล่ ญาณินสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนหันมองคนฉวยโอกาส “คุณพลอย” “อือ เพิ่งมาถึง” หล่อนบอก ก่อนถามต่อ “ทำให้ฉัน?” สาวแว่นยิ้มหวาน “ค่ะ นินคิดว่าคุณน่าจะชอบมากกว่าซื้อให้” รู้ใจจริงๆ “จะทานได้รึเปล่า?” สาวสวยกระซิบถามข้างหู “คงได้มั้งคะ” เธอตอบแบบไม่แน่ใจ “แบบนี้ฉันก็แย่สิ” คนพี่หัวเราะแบบไม่จริงจังออกมา หล่อนรู้ว่าสาวร่างสูงทำอาหารและขนมได้หลายอย่าง เรียนมาจากกัญญาคนแม่นั่นแหละ ...หากไม่เป็นหมอ ญาณินคงไม่พ้นเป็นเชฟไปแล้ว ร่างบางขยับจมูกไปสัมผัสแก้มเนียนตรงหน้าเบาๆ คลอเคลียอยู่แบบนั้น ซึ่งสาวแว่นไม่ได้ถอยหนีปล่อยให้หล่อนหอมไปหลายฟอด “มีอะไรบ้างล่ะ?” “มีโดนัทกับคุกกี้ค่ะ นินทำไว้เยอะเลย ว่าจะใส่โหลให้คุณพลอยเอาไปทานที่ทำงานด้วย...เผื่อจะคิดถึงคนทำบ้าง” “คนทำมีอะไรน่าคิดถึง?” อีกคนเปรยเหมือนไม่คิดอะไรมาก แต่ใจคนฟังนั้นสั่นหวั่นไหวไม่น้อย “จะไม่คิดถึงกันเลยเหรอคะ?” คนน้องพูดเสียงเศร้าลง ปรายตามองไปทางเตาอบ...แอบน้อยใจ เด็กขี้งอน ดลลชาถอนใจเบาๆ หมุนตัวอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้ากัน “ตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าฉันแล้วนะญาณิน” หล่อนจ้องตาคู่คมผ่านแว่นสายตา แล้วย้อนถามเสียงอ่อนหวาน “เธอคิดว่าวันนี้ฉันรีบกลับมาบ้าน เพราะอะไร?” เพราะนิน? ขณะที่หมอสาวแว่นกำลังขบคิด สองแขนของคนพี่คล้องลำคอ เรียวปากอุ่นรูปกระจับบดเบียดทาบทับริมฝีปาก คลายทุกความสงสัยที่มีอยู่ให้หายวับไปในพริบตา ร่างสูงวางมือเกาะกุมเอวของหล่อนไว้หลวมๆ รั้งให้ร่างกายส่วนหน้าของเราแนบชิดกันจนไร้ช่องว่าง จุมพิตทักทายนี้แผ่วเบาอ่อนหวาน ทำให้หัวใจสองดวงเต้นระรัว เติมเต็มความเหงาว้าเหว่ของเราให้จางหายไปไม่น้อย ไม่กี่วินาทีหล่อนก็เป็นฝ่ายผละออกก่อน แล้วยิ้มละมุน “ฉันกลับมาแล้วญาณิน” OoXoO สองสาวของเราเจอได้คุยกันแบบจริงๆ จังๆ ซะที ส่วนจะคุยกันแบบเปิดใจตอนไหน ต้องลุ้นกันต่อค่ะ เรื่องนี้มีเป็นระยะ 5555 ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ ทุกการติดตาม และทุกหัวใจค่ะ นาง ^^ OoXoO |
บทความทั้งหมด
|