วันศุกร์ที่ 29 - วันอาทิตย์ที่ 31 ก.ค.54

ประวัติหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย คลิ๊กเลย




หลวงพ่อพระใสจะประดิษฐานอยู่ในอุโบสถหลังนี้ 




หลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีลักษณะงดงาม ตำนานเล่าว่า พระธิดา 3 องค์ของกษัตริย์ล้านช้างได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์และขนานนามพระพุทธรูปตามพระนามของตนเอง คือ พระเสริมประจำพี่ใหญ่ พระสุกประจำคนกลาง และพระใสประจำน้องสุดท้อง เดิมประดิษฐานที่กรุงเวียงจันทน์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้อัญเชิญพระพุทธรูปทั้งสามลงเรือข้ามฝั่งมายังเมืองหนองคาย แต่เกิดพายุพัดพระสุกจมน้ำหายไป ส่วนพระเสริมและพระใสได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่หนองคาย จนในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงได้อัญเชิญพระเสริมลงมาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ ส่วนพระใสยังคงประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย ทุกปีในวันเพ็ญกลางเดือน 7 ชาวเมืองหนองคายจะมีงานประเพณีบุญบั้งไฟบูชาพระใสที่วัดโพธิ์ชัยเป็นประจำ





ภายในอุโบสถจะมีภาพวาดสวยๆทั้งโบสถ์ครับ













หลังจากไหว้พระ ทำบุญเสร็จ ก็ขับไปที่ท่าเสด็จต่อครับ อยู่ไม่ไกลจากวัดโพธิ์ชัยครับ





ตลาดท่าเสด็จ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมือง เป็นแหล่งรวมสินค้าที่ในแถบอินโดจีนและยุโรปตะวันออกมีทั้งผลิตภัณฑ์อาหารแห้ง อาหารแปรรูป และข้าวของเครื่องใช้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องครัว เปิดจำหน่ายทุกวันเวลา 07.00-18.30 น. มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวชมและเลือกซื้อสินค้ามากมาย นอกจากนี้ท่าเสด็จยังเป็นด่านสำหรับคนท้องถิ่นข้ามไปยังลาว ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปต้องใช้ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว





ผมมาถึงที่ท่าเสด็จประมาณห้าโมงกว่าๆ จอดรถได้ก็เดินดูของในตลาด นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเยอะ





ตลาดท่าเสด็จใหญ่เหมือนกัน ดีที่ผมเอารถเข็นไปด้วย แม่ผมเลยนั่งสบาย ที่เห็นเสื้อส้มๆ แล้วมีหลานผมเข็นให้แม่ผมนั่งนั้นแหละครับ





แม่ผมแวะซื้อเสื้อลูกไม้ พวกสาวๆเค้าก็ไปดูเสื้อให้แม่ผม ส่วนผมขอเดินถ่ายรูปเล่นในตลาดไป









ถ่ายได้ไม่กี่รูป ผมก็ออกไปด้านริมโขง มีร้านน่ารักๆให้ถ่ายเยอะอยู่เหมือนกันครับ


วันนี้แดดแรง อากาศร้อนมากเลยครับ

มาดูแม่น้ำโขงบ้างครับ วันนี้น้ำเต็มแม่น้ำเลยครับ ภาพบนจะเห็นสะพานข้ามไปฝั่งลาวครับ







เค้าจะมีเรือบริการล่องชมแม่น้ำโขงด้วย แต่ผมไม่ได้ใช้บริการ ใครสนใจก็ติดต่อเอาเองครับ มีอยู่สองสามเจ้า








เดินไปสะดุดตากับบ้านพักเจ้านี้ ติดริมโขง แต่ผมไม่ได้เข้าไปชมห้อง ได้แต่ถ่ายรอบนอก ตอนเย็นๆน่าจะบรรยากาศดี ผมไม่ได้มีส่วนได้เสียกับบ้านพักนี้นะครับ แค่เห็นแล้วชอบ







ถ่ายรูปได้สักพักก็หาร้านแดงแหนมเนีอง จากริมโขงเดินเข้าตลาดเลี้ยวขวาตรงไปจะมีป้ายบอก เดินออกตลาดไปนิดเดียวก็ถึงแล้วครับ

เดินตรงไปทางนี้ จะมีป้ายบอก

จะมีรถสกายแลปไว้บริการด้วย

เดินหลุดตลาดไปหน่อย (ไม่เกินสองร้อยเมตร) ก็จะมาเจอร้านแดงแหนมเนือง

ผมชอบสั่งแดงแหนมเนืองมากินที่บ้านประจำ ครั้งนี้ตั้งใจจะไปกินแหนมเนืองสดๆถึงร้านเลย

อาหารบางอย่างผมจำชื่อไม่ได้ เอามาให้ดูแบบรวมๆแล้วกัน

สรุปแบบรวมๆ อาหารมีอร่อยอยู่อย่างเดียว คือแหนมเนือง นอกนั้นเฉยๆ ไม่ค่อยอร่อยอะ ตบท้ายด้วยทับทิมกรอบ ใครสนใจก็ซื้อกลับไปกินที่บ้านได้ 




พออิ่มก็ไปช้อปต่อ ทีนี้เดินยาวเลย ร้านค้าก็จะขายของทั่วๆไปครับ

จากแดงแหนมเนือง เดินตรงมาเรื่อยๆ ผ่านตลาดช่วงแรก ก็จะมาเจอป้ายตลาดท่าเสด็จ เดินต่อไปก็จะเข้าตลาดอีกแห่ง ตลาดนี้จะยาวกว่าตลาดแรกครับ (ตลาดจะมี 2 โซนมีป้ายท่าเสด็จขั้นกลาง ไม่รู้ผมอธิบายถูกเปล่า)





เอารูปร้านค้ามาฝากนิดหน่อยแล้วกันครับ


เดินจมมาสุดตลาด จะเดินกลับไปเอารถไม่ไหวครับ อย่างเมื่อยเลย ขากลับผมเลยต้องนั่งรถสกายแลป ไปที่จอดรถ ราคาสองคน 30 บาท คันนี้แหละครับที่ผมใช้บริการ





หลังจากผมเอารถไปรับสมาชิก ก็จะไปเที่ยวสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว



จากตลาดไปสะพานไม่ไกล ไม่น่าจะเกินสิบกิโล พอผมขับไปถึงสมาชิกบอกว่าขี้เกียจไป อยากกลับไปนอนพักผ่อน สงสัยเหนื่อยมาตั้งแต่เช้า ผมก็เลยขับกลับไปโรงแรม ไปถึงก็เช็กอิน ต่างคนต่างเข้าห้องนอน ส่วนผมกับแฟนก็ขับรถออกมาเที่ยวตัวเมืองต่อ ผ่านหนองประจักษ์ เห็นจัดงานอะไรก็ไม่รู้ผมเลยแวะเข้าไปดูนิดหน่อย 

เดินดูได้ซักพักก็กลับเข้าโรงแรม เข้าห้องได้สลบเหมือนกัน 

พรุ่งนี้ไปทำบุญที่สกลต่อครับ คลิ๊กเลย