Bloggang.com : nongmalakor - ขับรถเที่ยว “เมืองอุบล” กับคนรู้ใจ (วันที่ 2 อุบลราชธานี-โขงเจียม)

ขับรถเที่ยว “เมืองอุบล” กับคนรู้ใจ (วันที่ 2 อุบลราชธานี-โขงเจียม)

ย้อนดู วันที่ 1 นนทบุรี-อุบลราชธานี คลิกเลย

วันจันทร์ที่ 14 พ.ย.65

เมื่อคืนอาบน้ำเสร็จหัวถึงหมอนหลับสบาย เช้านี้ตื่นขึ้นมาเดินไปร้านก๋วยจั๊บ เวียดนาม เจ๊เนือง

อยู่ไม่ไกล ห่างจากโรงแรมประมาณ 400 ม.

สั่ง ก๋วยจั๊บธรรมดา-ไข่ต้ม

น้ำนัวมาก เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี หมูยอหั่นเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็ก ให้มาพอประมาณ กระดูกหมูต้มเปื่อยกำลังดี ไข่ต้มจนสุก โรยต้นหอมซอย คลุกเข้ากันดีมาก ลองกินกับปลาท่องโก๋ โดยรวมถือว่าอร่อยเลยแต่แฟนผมบอกเฉยๆ ยังไม่โดน ลิ้นใครลิ้นมันเนอะ สั่ง หมูยอทอด มา 2 ชิ้น อันนี้อร่อยตรงกัน ต้องสั่งเพิ่มอีก 3 ชิ้น

ชิมเสร็จได้เวลาเดินกลับเข้าที่โรงแรม คลิกเลย

ถ้าใครไม่อยากเดิน

ที่โรงแรมมีจักรยานให้ปั่นฟรี อยู่ทางเข้าโรงแรม บอกพนักงานปั่นไปได้เลย

กลับมากินมื้อเช้าที่โรงแรม

(ค่าที่พักรวมอาหารเช้า)

อาหารจัดเป็นบุฟเฟ่

โซนก๋วยจั๊บญวน ไข่กระทะ สั่งได้คนละ 1 ชุด

โซนเครื่องดื่ม

มีกาแฟลาว ชาดำจีน น้ำเต้าหู้ น้ำลำไย น้ำอัญชัน โยเกิร์ต คอนเฟลก

น้ำดื่ม

มีกล้วยให้ด้วย

ขนมปังพร้อมเครื่องปิ้ง

สลัดผัก

น้ำสลัดงาซีอิ๋วญี่ปุ่น น้ำสลัดงาญี่ปุ่น ขนมไทยตามฤดูการ ผลไม้ ปาท่องโก๋

โต๊ะกินข้าวจะมีเครื่องปรุงให้ครบ ทั้งซอสพริก ซอสมะเขือ พริกไทย น้ำปลา น้ำส้ม น้ำตาล

ตักมาชิมนิดหน่อย

นอกจากบุฟเฟ่ ยังมีเมนูให้เลือกได้คนละ 1 ชุด สำหรับอาหารมื้อเช้าที่โรงแรมถือว่าจัดให้ดีมาก

ของผมเลือกชุด American Breakfast

ไส้กรอกกับแฮม อร่อยดี

ของแฟน French Toast

ถูกใจเค้าละโดยเฉพาะกล้วยโรยงาดำ

สำหรับใครที่ไม่ได้มาพักจะมาสั่งอาหารทานที่โรงแรมก็ได้นะครับ

เวลา 08.56 น.ได้เวลาเดินทาง แวะเติมน้ำมันเต็มถังที่ปั๊มเอสโซ่ในตัวเมืองอุบล หลังจากนั้นก็ยิงยาวไปโขงเจียม

ผ่านวัดถ้ำคูหาสวรรค์

แวะไหว้พระเป็นสิริมงคลกันก่อน (ก่อนถึงวัดถ้ำคูหาสวรรค์ผ่านที่เที่ยวแก่งตะนะ ใครมีเวลาจะแวะเที่ยวก็ได้นะครับ ส่วนผมไม่ได้แวะ)

มาถึงวัดถ้ำคูหาสวรรค์เวลา 10.22 น.ระยะทาง 673 กม. ส่วนเส้นทาง

วิ่งตาม Google Maps คลิกเลย

หน้าวัดจะเห็นฆ้องขนาดใหญ่ เป็นจุดเด่น

ลานจอดรถ กว้างขวาง เสียดายวันนี้แดดแรงมาก

ด้านหน้ามีจุดชมวิวแม่น้ำสองสี

ขึ้นไปชม แม่น้ำโขงสีปูน มูลสีคราม ยังเห็นแม่น้ำสองสีไม่ค่อยชัด

ส่วนด้านล่างเป็นหมู่บ้านโขงเจียม คืนนี้เราจะไปนอนที่นี่

วิวด้านหน้าวัด

ลงไปด้านล่างจุดชมวิว จะมีหลวงปู่คำคะนิง จุลมณี ซึ่งได้มรณภาพแล้ว แต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย บรรดาศิษย์จึงได้จัดทำโลงแก้วประดับด้วยเพชรเทียม เป็นที่เก็บรักษาร่างของท่านไว้ให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้เคารพสักการะ

ไหว้พระเสร็จ เดินทางไปผาแต้ม ขับตามกูเกิ้ล คลิกเลย

จากทางหลักแยกเข้าไปอุทยานอีก 5 กม.

ขับตรงมาตามทาง จะถึงด่านเก็บค่าเข้า คนละ 40 บาท รถยนต์คันละ 30 บาท

เวลา 11.13 น.ระยะทาง 689 กม.ถึงด้านเก็บค่าเข้าอุทยาน

ใช้เครื่องจำหน่ายบัตร กดภาษา จำนวนคนเข้า รถ สอดธนบัตรเป็นอันเสร็จ ทันสมัยดี

จุดแรก เสาเฉลียง

เป็นหินทรายที่ถูกกัดเซาะและกัดกร่อนจากธรรมชาติทั้งน้ำและลม จนมีลักษณะอย่างที่เห็น

เดินเข้าไปจะมีทางขึ้นไปลานหินแตก

ทางเดินจะขึ้นเนินเล็กน้อย

ไม่ลำบากเท่าไหร่ เดินไม่ไกล

ขึ้นไปถึงจะเจอลานหินแตก

เดินไปสุดจะเป็นหน้าผา จะเห็นแม่น้ำโขงกับฝั่งลาว

ชมเสาเฉลียงเสร็จขับรถตรงไปประมาณ 1 กม.ก็จะถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

ทางเข้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะบอกอุณหภูมิ/พระอาทิตย์ขึ้น-ตก ในแต่ละวัน

ภายในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะจัดแสดงนิทรรศการ สถานทีสำคัญของผาแต้ม

มีร้านกาแฟจำหน่ายให้ด้วย บรรยากาศดีมาก

เดินต่อไปจะเป็นจุดชมวิว เห็นแม่น้ำโขงกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศลาว

เดินย้อนกลับมา

จะมีจุดลงไปชมภาพเขียนสี

ทางลงจะประมาณนี้ ไม่ชันมาก ค่อยๆเดินได้สบายๆ แต่ใครขา-หัวเข่าไม่ดีไม่แนะนำ

ลงบันไดตรงนี้ก็เป็นทางราบแล้วแต่ไม่กว้างมาก

อีก 200 ม.ถึงภาพเขียนสี กลุ่มที่ 1

ตอนอยู่ตรงจุดชมวิว แดดแรง

ร้อนมาก พอเดินลงมาชมภาพเขียนสี จะเดินเรียบแม่น้ำโขง มีต้นไม้บัง อากาศเย็นสบาย

เดินเพลินๆถึงภาพเขียนสี กลุ่มที่ 1 แล้ว

ภาพเขียนสียังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่

เดินต่อไปอีก 330 ม.

จะถึงภาพเขียนสี กลุ่มที่ 2

ทางเดินจะเป็นแบบนี้ เดินสบายอยู่

เจอรังผึ้งใหญ่มาก อยู่สูง ไม่น่าจะอันตรายถ้าไม่ซนเอาหินไปขว้างใส่รัง

แล้วก็มาถึงกลุ่มที่ 2

กลุ่มที่ 2 ภาพเขียนสีจะชัดเจนมาก

ผมเดินถึงแค่ กลุ่มที่ 2 ก็เดินกลับแล้วครับ

ผาแต้มเป็นหน้าผาสูงที่สวยงามตามธรรมชาติ บริเวณด้านล่างของหน้าผามีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ปรากฏเรียงรายอยู่เป็นระยะ มีอายุไม่ต่ำกว่าสามพันถึงสี่พันปี ทางอุทยานฯได้ทำทางเดินจากหน้าผาด้านบนลงไป ชมภาพเขียนสีเหล่านี้เป็นภาพเขียนสีที่ยาว ที่สุดในประเทศไทยแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ สัตว์ เครื่องมือเครื่องใช้ สัญลักษณ์ และคนด้านกลุ่มภาพเขียนสีผาแต้มแบ่งเป็น 4 กลุ่ม

1. กลุ่มภาพเขียนสีผาขาม มีทางเดินลงมาจากลานผาแต้มประมาณ 30 เมตร จากนั้นเป็นทางราบริมหน้าผาเดินไป อีก 400 เมตร จึงจะถึง ภาพค่อนข้างลบเลือนไปมากแล้ว เหลือเพียงร่องรอยคล้ายภาพก้างปลา และลายเส้นทึบ หยักไปมาคล้ายคลื่นน้ำ

2. กลุ่มภาพเขียนสีผาแต้ม จากผาขามเดินไปอีก 300 เมตร ก็จะถึง เป็นกลุ่มภาพเขียนสีที่ขนาดใหญ่ที่สุดมี จำนวนมากกว่า 300 ภาพ เรียงรายเป็นแนวยาวถึง 180 เมตร มีภาพกลุ่มสัตว์ ช้าง ปลา วัว เต่า ภาพมือ เครื่องมือ จับสัตว์น้ำ ภาพคน และภาพลวดลายเรขาคณิต บอกเล่าถึงพิธีกรรม ความเชื่อ วิถีชีวิตของมนุษย์ในยุคจับปลา-ล่าสัตว์สมัยก่อนประวัติศาสตร์

3.กลุ่มภาพเขียนสีผาหมอน มีภาพกลุ่มสัตว์ วัว ควาย ภาพคนถืออาวุธคล้ายธนู อยู่ในทุ่งหญ้าหรือนาข้าว ภาพมือ และภาพลวดลาย เรขาคณิต สะท้อนถึงการเป็นแหล่งชุมชนเกษตรกรรมเพาะปลูกข้าวเก่าแก่ของโลก

4.กลุ่มภาพเขียนสีผาหมอนน้อย มีภาพคนนุ่งกระโปรง ยืนเท้าเอว ลักษณะการวาดแบบกิ่งไม้ภาพสัญลักษณ์ ลวดลาย เรขาคณิต และภาพฝ่ามือกระจายอยู่ทั่วไป

เวลา 13.08 น.ระยะทาง 694 กม. ออกจากผาแต้ม ใช้เวลาอยู่ในผาแต้ม 2 ชม.

เวลา 13.30 น.ระยะทาง 711 กม. มาถึง วัดโขงเจียม วิ่งตามกูเกิ้ล คลิกเลย

วัดโขงเจียม

เป็นจุดชมวิวแม่น้ำสองสี โขงสีปูน มูลสีคราม

มองทางราบยังเห็นแม่น้ำสองสีไม่ชัด ต้องใช้มุมสูงถึงจะเห็น

ถึงตอนนี้ยังไม่มีที่พัก แต่หาข้อมูลมา 2-3 ที่ ได้เวลาขับรถไปดูห้องพักของจริง

ตกลงตัดสินใจ นอนที่นี่

ได้ที่พักแล้วขับรถไปกินอาหารร้านนี้ เป็นเครือญาติกับที่พัก ร้านอาหารเป็นแพริมน้ำโขง บรรยากาศดี มีที่จอดรถแต่ต้องเดินลงไปที่แพ ทางแอบสูงนิดนึง

เมนู เป็นแผ่นเดียวมี 2 หน้า มีทั้งแบบจานเดียวและสั่งเป็นกับข้าว

สั่งไป 4 อย่าง

เมนูแรก หมูป่าผัดเผ็ด

ไม่ใช่หมูป่าแท้ หนังเหนียวเชียว เครื่องแกงยังไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไหร่ จานนี้เฉยๆแต่ก็พอกินได้

ต้มยำปลาคัง

เนื้อปลาสดมาก ให้มาชิ้นใหญ่หลายชิ้น เครื่องต้มยำจัดเต็มแต่รสชาติยังไม่ค่อยจัดจ้าน น้ำต้มยำยังไม่ค่อยกลมกล่อม แต่เนื้อปลานี้ให้เต็มสิบไม่หัก

ทอดมันปลากราย

มีความเหนียวของปลากราย เครื่องแกงหอม รสชาติเค็มกำลังดีไม่เผ็ดมาก เข้ากับน้ำจิ้มที่ออกหวานนิดๆ จานนี้เด็ด จะกินเปล่าๆเป็นกับแกล้มหรือจะกินเป็นกับข้าวก็แจ่มทั้งสองอย่าง

ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมพริกไทย

ปลาตัวไม่ใหญ่แต่ไม่เล็กมาก ทอดได้กรอบทั้งตัว กินเปล่าๆตั้งแต่หัวถึงหาง ปลาให้มาประมาณ 5-6 ตัว ที่ชอบอีกอย่างกระเทียมจีน ทอดมากำลังดีไม่มีขม จัดมาเต็มจาน เมนูนี้ชนะเลิศ

ช่วงนั่งกิน ได้เห็นรุ้งกินน้ำอยู่ฝั่งลาว

ของจริงสวยมาก

ค่าอาหารทั้งหมด 800 บาทรวมทั้งทิป

(รายละเอียดอยู่ในสรุปค่าใช้จ่าย) ไม่ถูก ไม่แพง พอรับได้ บรรยากาศแพกว้าง เปิดโล่ง เย็นสบาย อาหารออกมาช้า รสชาติกลางๆยังไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่ แต่พวกปลาสดมาก อร่อยจริง อยู่ติดแม่น้ำเนอะ ต้องเด่นเรื่องปลาอยู่แล้ว พนักงานบริการทั่วไป แต่ขออะไรก็รีบเอามาให้ไม่มีชักสีหน้า แถวนี้เห็นมีแพร้านอาหารอยู่ 2-3 เจ้า ใครเคยชิมเจ้าไหนแนะนำได้นะครับ

ได้เวลาเข้าที่พัก จากร้านอาหารไม่ไกลจากที่พัก วิ่งตามกูเกิ้ล คลิกเลย

ที่จอดรถของโรงแรม

มาถึงโรงแรมเวลา 15.07 น.

ระยะทาง 716 กม.

ด้านหน้ามีมินิ มาร์ทไว้บริการด้วย

ติดต่อสำนักงาน

เดินเข้าห้องกระจกได้เลย

ส่วนของ Lobby เป็นโต๊ะห้องอาหาร ขนาดเล็ก มีน้องหมีนอนตายอนาถอยู่ 3 ตัว

น่าสงสารเนอะ

ได้ห้อง 204 เป็น POOL VILLA 2 Room 1 คืน รวมอาหารเช้า

โซนนี้มี 2 ชั้น ได้ห้อง 204 แต่อยู่ชั้นล่างติดสระน้ำ

ประตูเป็นแบบลูกบิดใช้กุญแจไข ภายในห้องใช้ระบบคีย์การ์ดตัดไฟ

เปิดประตูห้องเข้ามา ห้องน้ำจะอยู่ด้านซ้ายมือแอบแคบไปนิดนึง มีสุขภัณฑ์ชักโครกพร้อมสายชำระ

เสียดายสายชำระอยู่ซ้ายมือแถมชักโครกติดผนังเกิน ทำให้ใช้สายชำระไม่ค่อยถนัด

ข้างชักโครกเป็นอ่างล้างหน้า มีกระจกเงา 1 บานพร้อมชั้นวางของกระจก

ตรงข้ามเป็นเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อมฝักบัว

ไม่มีอะไรกั้นแยกเปียก แยกแห้ง เวลาอาบน้ำชุ่มฉ่ำไปทั้งห้อง

มาดูห้องนอนกันบ้าง ภายในห้องให้เตียงคู่ มีขนาด 5 ฟุต 1 เตียงกับขนาด 3.5 ฟุต 1 เตียง ที่นอนเป็นแบบสปริงเวลาขยับตัวที่นอนจะสั่นทั้งหลัง แต่แยกกันนอนเตียงใครเตียงมัน นอนสบายมาก

ภายในห้องมีประตูกระจกใสบานเลื่อนพร้อมม่านกันแสงสีเหลืองอ่อนอีกด้าน ออกไปเป็นระเบียงนั่งเล่นติดสระน้ำ

มองกลับไปประตูทางเข้า

ปลายเตียงให้เก้าอี้หวายรับแขก 1 ชุดพร้อมผ้าปูพื้นเมือง มีชั้นวางทีวี

ชั้นล่างเป็นตู้เย็นขนาดมินิ

ตู้เย็นให้น้ำดื่ม 2 ขวด

ถัดไปโต๊ะแต่งหน้าสาวๆอยู่ติดตู้เสื้อผ้า จะมีสบู่ แชมพู

หมวกกันน้ำแล้วก็แก้วน้ำ 2 ใบ

ห้องก็จะประมาณนี้ ถ่ายจากสระว่ายน้ำ

สรุป ภายในห้อง แอร์เย็นฉ่ำมากเสียดายแอร์ดังไปหน่อย ไฟมีตลอด 24 ชม. ที่นอนฟูกสปริง แยกกันนอนสบายหน่อยขยับได้ไม่ต้องเขย่าทั้งเตียง ห้องน้ำสะอาดพอประมาณ แต่ไม่กั้นโซนเปียกโซนแห้งกับชักโครกติดผนัง สายชำระอยู่ซ้ายมือ น้ำไหลแรงดี ไม่มีกลิ่นใดๆ เครื่องทำน้ำอุ่นปรับง่ายใช้ได้ดี น้ำไม่มีกลิ่น ห้องนอนไม่กว้างมากแต่ไม่แคบจนอึดอัด โดยรวมห้องสะอาดดี ประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดปิดแอบเปิดยากนิดนึง ไวไฟแรงมาก ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน สะอาดดี สำหรับราคานี้ถือว่าน่าจะโอเคกว่าที่อื่นที่ดูมา ใครสนใจลองเข้าไปดูในเวป คลิกเลย

พาไปดูภายในโรงแรมกันบ้าง ด้านหลังจะติดสระว่ายน้ำขนาดเล็ก

ตรงข้ามสระน้ำเดินตรงไปเป็นห้องอาหารหลัก

ติดแม่น้ำโขง พรุ่งนี้ค่อยมานั่งกินเช้ากับบรรยากาศริมโขง

พื้นที่จัดงานเลี้ยงอยู่หน้าห้องอาหาร

ด้านหลังเป็นที่ห้องพักอีกโซน

ทางเดินไปยังสำนักงาน

สระว่ายน้ำหลักอยู่ใกล้สำนักงาน

สำนักงานด้านหลังติดกับห้องอาหารขนาดเล็ก

ด้านหลังสระน้ำเดินไปเป็นห้องพักอีกโซน เป็นแบบ RIVER VIEW 1 เป็นแบบบ้านบังกะโล ติดแม่น้ำโขง เห็นมีอยู่ 3 หลัง

โซนนี้ติดแม่น้ำ มี มินิ บาร์ พร้อมสถานที่จัดเลี้ยงขนาดเล็ก อยู่โซนบ้างบังกะโล

ห้องพัก RIVER VIEW 2 อยู่โซนเดียวกันกับ RIVER VIEW 1

ชมวิวแม่น้ำโขงยามเย็น จากโซน บ้านบังกะโล

เดี๋ยวเย็นๆจะขับรถข้ามสะพานไปวัดภูพร้าว

เวลา 16.56 น.ระยะทาง 729 กม.มาถึงวัดภูพร้าว

เส้นทางออกจากตัวเมืองโขงเจียมเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานขับไปตามทาง เป็นทางสี่เลนบ้าง สองเลนบ้าง ผ่านหมู่บ้านเป็นบางช่วง กลับตอนกลางคืน มีมืดเป็นบางแห่ง ขับไม่ประมาณก็ไม่อันตราย

วิ่งตามเปิดกูเกิ้ลได้เลย คลิกเลย

บรรยากาศยามเย็นที่วัดภูพร้าวดีมากๆ มองเห็นอ่างเก็บน้ำที่เขื่อนสิรินธรสวยดี

วัดภูพร้าว ชื่อเต็ม วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว เดิมพื้นที่แห่งนี้เป็นป่ามีความอุดมสมบูรณ์ แต่เนื่องจากเป็นหน้าผาสูง ไม่มีแหล่งน้ำ จึงไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ ครั้นเมื่อพระอาจารย์บุญมาก ฐิติปัญโญ เดินทางจากลาวมาเผยแผ่ธรรมะทางฝั่งไทย ท่านได้มาพักปักกลดที่ภูพร้าว ในราวปี พ.ศ.2495-2498 ท่านได้ขอบิณฑบาตพื้นที่แห่งนี้ไว้ สร้างเป็นวัดขึ้น พื้นที่วัดนี้อยู่ใกล้กับจุดผ่านแดนช่องเม็ก ชายแดนแบ่งเขตไทย-ลาว เพื่อเป็นสถานที่บำเพ็ญบุญระหว่างพี่น้องชาวไทย-ลาว เนื้อที่สร้างวัดประมาณ 500 ไร่ และให้ชื่อว่า วัดภูพร้าว ขอบคุณข้อมูลจากเวป https://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/?p=2980 คลิกเลย

วัดนี้เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่มาเที่ยวอุบลแล้วต้องมาให้ได้ ตั้งใจมาดูวัดเรืองแสงซึ่งก็ไม่ผิดหวังกับความสวยงาม สวยจนบรรยายไม่ถูก รูปภาพที่เห็นยังสวยไม่เท่าของจริง

วัดภูพร้าวห้างจากตัวเมืองอุบลประมาณ 90 กม. ห่างจากตัวเมืองโขงเจียมประมาณ 25 กม. ทั้งสองจุดสามารถขับรถไปกลับได้สบาย แต่ถ้าแนะนำให้นอนตัวเมืองโขงเจียมเวลากลับจะขับสบาย ไม่อันตราย ไม่เหนื่อยเกิน

รอจนมืด วัดถึงจะเริ่มเรืองแสง

โชคดีวันนี้ มืดเร็วมาก

เวลา 18.48 น. ได้เวลาเดินทางกลับเข้าโรงแรม ขอลาวัดภูพร้าว ด้วยภาพนี้แล้วกันครับ

มาถึงโรงแรมเวลา 19.23 น.ระยะทาง 765 กม.

มื้อเย็นฝากท้องที่โรงแรมแล้วกัน

สั่งเป็นอาหารจานเดียว

ของผมกระเพราหมูสับ-ไข่ดาว

อร่อยกว่าที่คิด ผัดแบบแห้งถูกใจมาก ไม่ใส่ผักอะไรทั้งนั้นนอกจากกระเพรา รสหวานนำนิดๆ เค็มกำลังดี เผ็ดเข้มข้น อร่อยมาก

อีกจานข้าวผัดหมู

ข้าวไม่แฉะเกิน รสชาติ หวาน เค็ม ลงตัว บีบมะนาวเติมน้ำปลาพริก จานนี้ก็อร่อย

ยำวุ้นเส้น

เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด กลมกล่อมมาก น้ำยำได้ใจ ลวกวุ้นเส้นเหนียวกำลังดี ไม่สุกจนเส้นเละ หมูยออร่อยอยากถามว่าซื้อเจ้าไหน หมูยออุบลอร่อยทุกเจ้าจริงๆ จานนี้ออกเผ็ดไปหน่อยแต่อร่อยแบบจี๊ดจ๊าด ถึงจะเผ็ดแต่วางช้อนไม่ลงจริงๆ กินไปเป่าปากไป ชอบๆ

ราคาทั้งหมด 375 บาท

ราคาดีงาม ถือว่าไม่แพง ยิ่งบวกกับวัตถุดิบและรสชาติ ไม่กล้าหักคะแนน ตอนแรกคิดว่ารสชาติตามโรงแรมทั่วไปจะออกจืดๆ ไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไหร่แต่เกินความคาดหมาย แซบ เข้มข้นแบบคนไทยกินเลย

อิ่มแล้วได้เวลานอน คืนนี้ฝันดีครับ

พรุ่งนี้ไปเที่ยวสามพันโบกแล้วกลับมานอนตัวเมืองอุบลครับ คลิกเลย

สรุป วันนี้เดินทางทั้งหมด 171 กม.

สรุป ค่าใช้จ่ายวันนี้

ร้านก๋วยจั๊บ เวียดนาม เจ๊เนือง 105 บาท (ก๋วยจั๊บ-ไข่ต้ม 1 ถ้วย 50 บาท/หมูยอ 50 บาท/ปาท่องโก๋ 1 ตัว 5 บาท)

เติมน้ำมัน เอสโซ่ เต็มถัง 2,000 บาท (ดีเซล พรีเมี่ยม 44.05 ลิตร ลิตรละ 45.40 บาท)

ทำบุญวัดถ้ำคูหาสวรรค์ 140 บาท (ดอกไม้-ธูปเทียน 2 ชุด 20 บาท/ทำบุญค่าน้ำ-ค่าไฟวัด 100 บาท)

ค่าเข้าอุทยานผาแต้ม 110 บาท (ค่ารถ 30 บาท/ค่าเข้าคนละ 40 บาท 2 คน 80 บาท)

ทำบุญวัดโขงเจียม 100 บาท

ร้านแพอารยา 800 บาท (ต้มยำปลาคัง 100 บาท/ผัดเผ็ดหมูป่า 160 บาท/ปลาเนื้ออ่อนกระเทียมพริกไทย 220 บาท/ทอดมันปลากราย 120 บาท/ข้าว 2 จาน 20 บาท/น้ำดื่มขวดใหญ่ 20 บาท/เบียร์ไฮเนเก้น 1 ขวด 110 บาท/ทิปพนักงาน 10 บาท) ***ไม่ได้สั่งน้ำแข็ง

ค่าที่พักโรงแรมอารยา 1,070 บาท (ห้องพัก POOL VILLA 2 Room 1 คืนรวมอาหารเช้า)

อาหารมื้อเย็นโรงแรมอารยา 370 บาท (ข้าวผัดหมู 70 บาท/กระเพราหมู-ไข่ดาว 80 บาท/ยำหมูยอ 150 บาท/เบียร์ลีโอ 1 ขวด 75 บาท)

รวมค่าใช้จ่ายวันจันทร์ที่ 14 พ.ย.65 ทั้งหมด 4,815 บาท

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2565
Last Update : 4 ธันวาคม 2565 8:26:34 น.
Counter : 429 Pageviews.

3 comments

	จันทบุรี : ออกเดินทาง - อาสนวิหารพระแม่มารีอา mariabamboo (24 มี.ค. 2566 10:12:10 น.)		สยามยอชท์คลับ จุดนัดพบสุดชิลแห่งใหม่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา travelistaนักเดินทาง (22 มี.ค. 2566 11:44:29 น.)
	สันหนอกวัว - เดินขึ้นลานกางเต็นท์ สายหมอกและก้อนเมฆ (21 มี.ค. 2566 15:13:43 น.)		ชมซากุระ ในสวนปราสาท Hirosaki BoonsermLover (21 มี.ค. 2566 17:02:50 น.)