วันพฤหัสที่ 30 พ.ย.60 – วันจันทร์ที่ 4 ธ.ค.60

ทริปนี้มีเวลาวางแผนแค่ 4 วันก่อนเดินทาง ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนรู้แต่ว่าอยากไปเที่ยว ตอนแรกว่าจะไปอุบลบ้าง นครพนมบ้าง เพราะไม่เคยไปแต่จัดทริปไปจัดทริปมา เปลี่ยนแผนมาเที่ยวอีสานตอนบนแทน ได้ทริปเที่ยวแล้ว โทรจองที่พักตรงกับวันหยุดยาวเจ้าดังๆเต็ม ไม่ดังก็เต็ม   แถมเส้นนี้ไม่เคยขับรถเที่ยวซะด้วย มาดูแล้วกันครับว่า 5 วันได้ไปไหนบ้าง 

วันพฤหัสที่ 30 พ.ย.60

 เวลา 05.04 น. อากาศ 28 องศาได้ฤกษ์เดินทาง   เซทไมล์ไว้ 0 กม.น้ำมันเต็มถัง ทริปนี้ไปกัน 2 คนกับคนรู้ใจ รถพร้อม คนนั่งข้างๆพร้อม คนขับ+คนจัดทริปไม่พร้อม ไม่มั่นใจเส้นทาง ที่พัก-ที่กิน-ที่เที่ยวไม่คุ้นเส้นทาง ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน สู้ๆ 

ออกจากบ้านนนทบุรี   หน้าศาลากลางนนท์ ข้ามแครายไปเกษตรเลี้ยวซ้ายเข้าวิภาวดียิงยาวสระบุรี – โคราช เช้านี้รถน้อยวิ่งสะดวกผ่านลำตะคองกำลังสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง แต่รถไม่ติดขับสบายๆถนนดีมีช่วงทำรถไฟฟ้าที่แย่นิดหน่อยแต่ยังโอเคอยู่ ขับมาเรื่อยๆ ถึงโคกกรวดแวะปั๊มปตท.ยืดเส้นยืดสายนิดนึง  (ก่อนเข้าโคราชประมาณ 10 กม.)

เส้นนี้ผ่านลำตะคอง หลวงพ่อโต วัดเนิ่นกุ่มหรือวัดสรพงษ์ ใครสนใจแวะได้ครับ ส่วนผมยิงยาว 

ปตท.โคกกรวด ปั๊มใหญ่เหมือนกันครับ มี 7/11 ร้านข้าวราดแกง ของฝากของกินเพียบ ฝากท้องมื้อเช้าที่ปั๊มนี้แล้วกัน

ผมมาถึง ปตท.เวลา 7.55 น.ระยะทาง 230 กม. (ใช้ความเร็วเฉลี่ย 100กม./ชม.) 

ตบข้าวแกงคนละจาน ผมกระเพรา+กุนเชียง  แฟนผมไข่พะโล้+ผัดฟักทอง-ผัดหน่อไม้    ตามด้วยซาลาเปาคนละลูก รอดตายไป 1 มื้อ รสชาติพอกินได้ 

อิ่มแล้วเดินทางต่อ ออกจาก ปตท.เวลา 08.20 น.  วิ่งเข้าโคราช ก่อนถึงโคราชจะมีเส้นเลี่ยงมือป้ายบอกเลี้ยวซ้ายไปขอนแก่น เลี้ยวซ้ายตามป้ายโลด  ใช้เส้นมิตรภาพ วิ่งปุเรงๆไปเรื่อยๆเส้นนี้ผมไม่เคยขับแต่ยอมรับถนนดีมาก ไม่มีปะผุเรียบตลอดทางเป็นเส้นตรงยาวอย่างเดียวตอนแรกๆเหยียบแค่ 100 ขับไปเรื่อยๆเพลินมาก 160 ไม่รู้ตัว   ไม่รู้โดนใบสั่งกี่ใบเห็นมีกล้องจับความเร็วตลอดเส้นทาง ถ้านับๆก็น่าจะโดนเกินสิบใบ  ตั้งสติได้ค่อยๆคลานมาเหมือนเดิมมาถึงแยกอะไรก็ไม่รู้มีป้ายบอกเลี้ยวขวาไปพิมาย แวะเข้าไปชมหน่อย

จากแยกวิ่งเข้าพิมายประมาณ 10 กม.ก็มาถึงพิมาย ผ่านหน้า รพ.เจอแยกสัญญาณจราจรมีป้ายเลี้ยวซ้ายไปชมไทรงามขับตามป้ายไปข้ามสะพานก็ถึง ไทรงามแล้วครับ

ผมมาถึงไทรงามเวลา 9.06 น.ระยะทาง 296 กม. จอดรถได้ ภายในดูร่มรื่นเย็นสบายมาก แต่เงียบจัง ไม่มี นักท่องเที่ยวเลย ร้านค้าก็ดูหงอยๆ ผมมาเช้าไปหรือว่าเป็นวันธรรมดานักท่องเที่ยวเลยไม่มี 

โปรโมทให้แล้วกันครับ 

“ไทรงาม” อยู่ในพื้นที่บริเวณโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 25,000 ตารางฟุตเป็นพืชยืนต้นชนิดหนึ่ง มีชื่อพื้นเมืองว่า “ไทรย้อย” จากการศึกษาพบว่าไทรงามแห่งนี้เจริญเติบโตแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา มาเป็นเวลากว่า 350  ปีแล้วโดยไทรงามเริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงนับตั้งแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสเมืองพิมายเมื่อ 21 มกราคม 2454 และได้พระราชทานนามสถานที่ท่องเที่ยวสถานที่แห่งนี้ว่า “ไทรงาม”

จอดรถด้านหน้าเดินเข้าไปจะเจอเจ้าแม่ไทรงาม

เดินเข้าได้สองทางด้านจอดรถกับด้านร้านอาหาร

ภายในร่มรื่นมาก มีต้นไทรแผ่กิ่งก้านเกี่ยวเกาะเป็นหลังคาบรรยากาศดีมาก

เรือนวิบุลลักสม์ ตอนนี้ทรุดโทรมมาก ปิดไม่ให้เข้าชมไม่รู้มีงบประมาณซ่อมเปล่า น่าเสียดายเนอะไม่น่าปล่อยให้โทรมเลย 

มีป้ายบอกประวัติด้วยครับ 

ส่วนนี้ทางเข้าด้านร้านอาหาร

ร้านค้าเงียบเชียว 

ฝั่งที่จอดรถก็เงียบเหมือนกัน 

เดินชมภายในไปเรื่อยๆดีกว่า ไม่อธิบายแล้วครับ ดูรูปยาวเลยแล้วกัน 

ใครไม่เคยไป ผ่านไปแถวโคราช-ขอนแก่น มีเวลาแนะนำเข้าไปชมและใกล้ๆมีอุทยานประวัติศาสตร์พิมายสถานที่สำคัญอีกที่ของโคราช 

ไทรงามอยู่ห่างจากอุทยานไม่เกิน 2 กม.

จากไทรงามจะกลับทางเก่าถึงแยกให้เลี้ยวซ้ายหรือจะขับตรงไปก็ได้แต่ขับกลับทางเก่าจะง่ายกว่า 

พิกัด ผ่าน รพ.พิมายเจอไฟแดงให้ตรงไปเรื่อยๆจะเข้าตัวเมืองขับข้ามสะพานตรงไปเจอแยกไฟแดงเลี้ยวขวาก็ถึงแล้วครับ อยู่ในตัวเมือง 

ที่อุทยานประวัติศาสาตร์พิมายจะกันที่จอดรถไว้ให้นักท่องเที่ยวไว้บอกเจ้าหน้าที่ว่าจะเข้าไปชมเค้าจะเปิดที่ให้เราเอารถไปจอดได้ สะดวกดีครับหลังจากนั้นก็ซื้อบัตรเข้าชม ค่าเข้า คนไทย 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท 

เข้าไปด้านขวามือเป็นศูนย์ข้อมูลมีอะไรเข้าไปสอบถาม จนท.ได้เลย 

เข้าไปแล้วทำตามกฎด้วยครับ

ส่วนผมเดินมึนถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ใครสนใจประวัติถามอากู๋เลยครับมีให้อ่านเพียบ 

ประวัติ

สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธสถานในลัทธิมหายานสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในยุคที่อาณาจักรขอมแผ่อิทธิพลมายังภูมิภาคนี้ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่7 (พ.ศ.1724-1761) มหาราชองค์สุดท้ายของอาณาจักรขอมใน พ.ศ. 2479กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติและเริ่มบูรณะในปีพ.ศ.2494และ พ.ศ.2497กรมศิลปากรได้บูรณะองค์ปรางประธานอีกครั้งโดยได้รับเงินงบประมาณจากรัฐบาลฝรั่งเศส จนแล้วเสร็จในช่วงปี พ.ศ.2507-2512แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่5 ได้กำหนดให้ เมืองโบราณพิมายและปราสาทหินพิมายเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ในปี พ.ศ.2529 โดยมีการอนุรักษ์และบูรณะเป็นอย่างดี ในปี พ.ศ. 2479 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนปราสาทหินพิมายเป็นโบราณสถานและได้จัดตั้งเป็น อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2532โดยได้ดำเนินการปรับปรุงจัดตั้งถึง13 ปี ร่วมมือกันระหว่างกรมศิลปากร และประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519-2532ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ พระราชดำเนิน เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอุทยาน

ขอมูลจากเวป กดที่ลิงค์ได้เลยครับ https://pr.prd.go.th/nakhonratchasima/ewt_news.php?nid=178&filename=index

ภายในอุทยานจะมี สะพานนาค, พระระเบียง, ปรางค์ประธาน, ปรางค์พรหมทัต, ปรางค์หินแดง,สระน้ำหรือบาราย, ประตูชัย, กุฏิฤาษี, ท่านางสระผม

ส่วนรายละเอียดใครสนใจเปิดอ่านในเวปได้เลยครับ 

สะพานนาคราช 

ลงรูปยาวเลยแล้วกันครับ  

เดินเล่นได้ซักพัก ถึงเวลาเดินทาง ผมออกจากอุทยาน  เวลา 10.30 น.ระยะทาง 309 กม.  กลับทางเก่าเข้า ถึงแยกเลี้ยวขวาเส้นมิตรภาพยิงตรงมาถึงขอนแก่นเส้นนี้ขับง่ายครับ ไม่ต้องเลี้ยวอะไรตรงอย่างเดียวดูป้ายไปขอนแก่นพอ ถนนดีมากกว้างไม่มีปะผุ ทางเรียบตลอดสาย ทำความเร็วได้แต่กล้องจับความเร็วตลอดทางเหมือนกันมีด่านตรวจ 1 ด่าน ขับมาเรื่อยก็ถึงขอนแก่น เปิดอากู๋เจอร้านอาหารแนะนำ เล้งเย็นตาโฟที่ขอนแก่นแวะเข้าไปชิมหน่อย 

ผมมาถึงร้านเล้ง เย็นตาโฟ   เวลา 12.37 น.ระยะทาง 461 กม. ร้านอยู่ในตัวเมืองขอนแก่น

พิกัด ตั้งอยู่ในซอยข้าง 7-11 ตรงข้ามธนาคารอิสลาม เวลาเปิดร้าน 6.00-20.00น.ใครไปไม่ถูกโทร.086 580 1259 ส่วนผมเปิดแผนที่ กูเกิ้ล เอาครับ  

เผือกทอด  มาก่อนเพื่อนเลย แข็งไปหน่อยกินตอนแรกเฉยๆยังไม่ค่อยโดนแต่พอใส่ผสมกับก๋วยเตี๋ยวอร่อยขึ้นมาทันที  

เกี้ยวห่อไข่นกกระทา  เย็นมาเชียวสงสัยทอดไว้นาน น้ำจิ้มแอบหวานไปนิด 

รวมลวก  ไม่มีน้ำจิ้มให้ แต่ผมชอบทุกอย่าง ไม่มีกลิ่นคาวจานนี้ให้เต็มเลยครับ 

เส้นใหญ่เย็นตาโฟ   ของแฟนแอบชิมน้ำไม่ผ่านอ่ะ รสชาติยังไม่โดน เฉยๆครับ 

บะหมี่แห้ง    ของผมใส่น้ำส้มกับพริกไปหน่อยอร่อยใช้ได้เลยครับเอาเผือกทอดใส่เพิ่มเข้าไปอีก กินเพลินเลย

สรุป พวกลูกชิ้น เกี้ยวปลาเครื่องต่างๆอร่อยดีไม่เหม็นคาว ทุกอย่างโดยรวมอร่อยแต่ยังไม่สุด มีแค่น้ำซุปเย็นตาโฟไม่อร่อย ใครผ่านไปลองไปชิมได้ ร้านนี้ดังอยู่ ส่วนรสชาติลิ้นใครลิ้นมันนะครับ อย่าเชื่อลิ้นผม

อิ่มเสร็จออกเดินทางเวลา 13.00 น.  เป้าหมายคือ ทะเลบัวแดงที่บ้านเดียม

จากขอนแก่น  วิ่งเส้นถนนมิตรภาพยิงยาวไปทางอุดร ผ่านทางแยกเข้ากุมภาวปีตรงไปก่อนจะมีป้ายบอกตลอด สังเกตปั๊มน้ำมัน COSMO อยู่ด้านขวามือ ให้กลับรถตรงปั๊มน้ำมันแล้ววิ่งตรงประมาณ 3 กม.(ไม่แน่ใจแต่ไม่ไกลครับ) จะมีป้ายบอกให้เลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้าน

ขับไปตามป้ายเลยครับมีบอกตลอดทาง 

มาถึงตรงนี้เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 2 กม.ก็ถึงบ้านเดียมแล้วครับ 

ขับตรงไปก็ถึงทะเลบัวแดง บ้านเดียม 

ถึงบ้านเดียมเวลา 14.57 น.ระยะทาง 577 กม. ก่อนไปโทรจอง บ้านเดียม โฮมสเตย์ ไว้แล้วครับ ค่าที่พักคิดคนละ 200 บาทไม่ต้องโอนอะไรทั้งนั้น ใครสนใจโทรเบอร์นี้เลย 0862397655 น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มโฮมสเตย์ เจ้าของบ้านโฮมสเตย์แบ่งเปอร์เซ็นต์ให้อีกที

เอาแผนที่มาให้ดูกันงงอีกครั้งแล้วกันครับ 

ผมขับผ่านหมู่บ้าน มารอที่โรงเรียนบ้านเดียม พี่เค้าก็ขี่มอเตอร์ไซค์พาไปยังที่พักอยู่ในหมู่บ้านนั้นแหละ อยู่ก่อนถึงทะเลบัวแดงประมาณ 500 ม. ไม่ไกลครับส่วนที่พักเป็นบ้านไม้สองชั้น ด้านหน้าเป็นพื้นโล่ง มีห้องรวมใหญ่ 1 ห้องไม่มีเตียงใช่เบาะปูเรียงๆกันน่าจะนอนได้ประมาณ 8-10 คน ด้านหลังมีห้องเล็ก 1 ห้อง  มีเตียง ที่นอน พัดลม แอร์ ผมได้ห้องนี้ เดินออกไปเป็นห้องน้ำ 1 ห้องใช้รวมกัน ส่วนชั้น 2 ผมไม่ได้ขึ้นไปครับ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แค่เอาของมาเก็บจ่ายตังค์เสร็จก็ขับรถไปท่าเรือส่วนที่จอดรถให้จอดถนนหน้าบ้าน

บ้านโฮมสเตย์อยู่ซอยนี้ 

มาถึงท่าเรือ เห็นที่พักเปิดใหม่อยู่ติดท่าเรือเดินเข้าไปถาม ราคาโอเค พอแฟนดูห้องจองเลยครับ 

ถามเจ้าของบอกเพิ่งเปิดได้ 1 เดือน วันนี้โปรโมชั่นลด 50 % เป็นวันสุดท้ายปกติจากห้องละ 2,000 บาทเหลือ 1,000 บาท จะรออะไรละครับ 

เดินเลือกห้องเจ้าของแนะนำห้องที่ 3 บอกวิวดีสุดไม่มีอะไรบังงั้นนอนห้องนี้แหละ 

กุญแจห้องเป็นระบบคีย์การ์ด

เข้าไปดูในห้องกันครับ ทุกอย่างใหม่หมดจริงๆ เปิดประตูเข้าไปจะเห็นประตูกระจกมีม่านสีน้ำตาลกันแสงแดดได้ดีส่วนที่นอนเป็นเตียงเดียวขนาด 6 ฟุต ที่นอนไม่แข็งไม่อ่อนเกินไป เตียงคล้ายๆปูนแข็งแรงทนทานนอนขยับตัวกระโดดยังไงก็ไม่มีเสียงเอียดอ๊าดให้รำคาญ 

บนเตียงมีผ้าเช็ดตัวผับเป็นรูปดอกบัวให้ 2 ผืน ผ้าเช็ดหน้าอีก 2 ผืนผ้าปูสีขาวตัดด้วยปลอกหมอนกับผ้านวมสีฟ้า

พื้นปูนปูด้วยลายไม้ ผนังปูนฉาบเรียบทาสีเทา เก็บเสียงค่อนข้างดีไม่มีเสียงข้างนอกมารบกวน หัวเตียงมีโคมไฟพร้อมปลั๊กไฟแบบไม่ต้องแย่งกันเสียบ 

ปลายเตียงมีชุดโซฟาให้ 1 ตัว

ถัดไปมีชั้นวางของ ให้มินิบาร์ 1 ชุด ยังไม่ค่อยมีอะไรมากให้น้ำเปล่าขวดเล็ก 2 ขวด 

ส่วนทีวี  ยังใหม่แกะกล่องป้ายยังไม่เอาออกเลย กล่องทีวีดิจิตอลดาวเทียมดูได้ 100 กว่าช่อง ด้านข้างมีกระจกให้ 1 บานอีกด้านเป็นตู้เย็นพร้อมกระติกน้ำร้อน รองเท้าแตะเข้าห้องน้ำ

แอร์เย็นฉ่ำ เงียบมาก ของใหม่แกะกล่องก็อย่างนี้แหละเนอะ 

ทุกอย่างใหม่หมด มีคู่มือ ราคาบอกเรียบร้อย 

มองจากเตียงกลับไปยังประตู ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำตรงกลางเป็นกระจกมีม่านบังเพื่อความส่วนตัว ด้านข้างเป็นประตูเข้าห้องด้านขวาเป็นชั้นวางเสื้อผ้ากับไม้แขวนเสื้อ

เข้าไปดูห้องน้ำกันบ้าง  เปิดไปจะเป็นอ่างล้างหน้าพร้อมกระจก 1 บานปูกระเบื้องเต็มห้อง ใช้ลายกระเบื้องดูโมเดิร์นดี 

ด้านในเป็นชักโครก  มีสายชำระ ตรงข้ามเป็นฝักบัวกับเรนชาว์เวอร์พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น สุขภัณฑ์ทุกอย่างใช้ของมีคุณภาพเสียดายพื้นห้องน้ำเหมือนไม่ได้ระดับ น้ำจะไหลไปตรงชักโครกไม่ไหลมาทางท่อน้ำทิ้งตรงที่อาบน้ำ

มองจากห้องน้ำออกไป

นอกห้องมีระเบียงพร้อมชั้นวางของไว้ให้นั่งกินไป ชมวิวไป 

วิวจากระเบียงหน้าห้อง

ห้องผมจะมีทั้งหมด 5 ห้อง จะอยู่โซนด้านใน ด้านข้างจะมีที่จอดรถให้ห้องละ 2 คันจอดสบายไม่ต้องกังวล รถผมจอดเด่นอยู่คันเดียว 

ห้องพักโซนที่ผมนอน มองจากถนนท่าเรือ 

ส่วนนี้ห้องพักอีกราคา ไม่เห็นวิว อยู่ด้านหลังราคา 800 บาท  ราคาเต็ม 1,600 บาทครับ ผมไม่ได้เข้าไปดูข้างในห้อง น่าจะคล้ายๆกัน

ถัดมาทางด้านหน้าเป็นห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยวผมถามเจ้าของเค้าบอกว่าไว้ให้พวกนักท่องเที่ยวที่มากางเต็นท์นอนมาใช้บริการ 

ถัดมาเป็นบ้านไม้ ทรงไทย วันนี้ราคา 1,200 บาทกับ 1,400 บาท ราคาเต็มก็เท่าตัว 2,400-2,800 บาท 

ตรงนี้เป็นสำนักงานและห้องอาหาร อยู่ด้านหน้าติดถนนเลยครับ 

หลังจากนั้นก็กลับไปเอาของที่โฮมสเตย์เจ้าของบ้านมาต้อนรับบอกกินข้าวยัง แนะนำหลายอย่างผมบอกมาเอากระเป๋าพอดีไปนอนอีกที พี่เค้าน่ารักมากเลยครับ บอกเดี๋ยวคืนเงินให้ผมเลยบอกไม่เป็นไรครับ ไว้มีโอกาสผมจะมาพักแล้วจะแนะนำเพื่อนๆให้มานอนที่นี่ ใครสนใจมาพักกับพี่เค้าได้ครับ อัทธยาศรัยดีที่พักอาจจะไม่หรูแต่รับรองพี่เค้าเป็นกันเอง เหมือนมานอนบ้านญาติ ส่วนเบอร์ติดต่อ 0862397655 เอามาให้ดูอีกที ที่พักเป็นกลุ่มโฮมสเตย์โดยมีผู้นำกลุ่มเป็นคนจัดการให้

กลับมาเดินสำรวจท่าเรือก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปชมทะเลบัวแดงกันครับ

จากที่พักเดินข้ามถนนก็ถึงท่าเรือ ใกล้มาก ส่วนราคานั่งเรือชมทะเลบัวแดงตามรูปครับ 

ไม่บรรยายแล้วเนอะ ดูรูปแล้วกัน เดินๆวนไปวนมาอยู่แถวท่าเรือนั้นแหละ 

เวลาประมาณสี่โมงเย็นอากาศไม่มีความเย็นเลยแถมตอนกลางวันแดดร้อนเปรี้ยง นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่อาจจะเป็นช่วงบ่ายแดดออกบัวหุบหมดแล้ว เดินแถวท่าเรือได้ซักพักปีนขึ้นไปยังหอชมวิว 

บันไดขึ้นมาเสียวใช้ได้เหมือนกัน แต่คุ้มค่าขึ้นมาชมครับ มองมุมสูง 

ลงมาเดินสำรวจข้างล่างต่อ 

เจอป้ายโฮมสเตย์อีกเจ้า ถ่ายรูปมาฝาก 

ประมาณหกโมงเย็นได้เวลากินข้าวแล้วครับแถวนั้นมีร้านค้าหมูกระทะกับร้านอาหารที่ผมพัก  ส่วนร้านในหมู่บ้านไม่รู้มีเปล่าไม่อยากเดินสำรวจแล้วนั่งกินร้านอาหารในที่พักนั้นแหละ 

ได้เวลาสั่งอาหารแล้วครับ ลืมถ่ายเมนูมาให้ดู 

ยำไหลบัวรวมมิตร  จานนี้ยำได้เด็ดขาดมาก เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ดกำลังดีรสชาติยำได้กลมกล่อมมาก ไหลบัวกรอบ กุ้ง ปลาหมึกสดมาก เมนูนี้แนะนำเลยครับไม่ผิดหวังแน่ 

แกงส้มไหลบัวกุ้ง  น้ำพริกแกงโขลกด้วยปลาล้วนๆ น้ำแกงข้นมากมีเนื้อปลาโขลกละเอียด เปรี้ยวกำลังดีออกหวานนิดๆใส่กุ้งมาให้เยอะ รสชาติแนวอินเตอร์ แต่เข้มข้นไหลบัวเข้ากับน้ำแกงส้มมาก เวลาเคี้ยวไหลบัวจะอมน้ำแกงไว้ชุ่มปากมาก เมนูนี้แนะนำอีกจาน 

ไข่เจียวหมูสับ ไม่มีอะไรมากสั่งมากินกับแกงส้มมันเข้าดี

นั่งกินไปเรื่อยๆ ทุ่มกว่าๆเข้าห้อง ส่วนราคา ตามใบเสร็จเลยครับ  ราคากับรสชาติ คุณภาพ ผมโอเค รับได้ 

พรุ่งนี้ค่อยพาไปชมทะเลบัวแดงแล้วไปนอนหนองคาย คลิกเลย 

คืนนี้หลับฝันดีครับ 

 ระยะการเดินทางวันนี้ทั้งหมด 579.4 กม. เดินทางจากบ้านนนทบุรีเวลา 05.05 น.มาถึงบ้านเดียมเวลา 15.00 น. แวะระหว่างทาง ตามรีวิวข้างบน 

 สรุปค่าใช้จ่าย

 ร้าน 7/11 น้ำ+น้ำมะเขือเทศ 138 บาท

 ข้าวราดแกงมื้อเช้า 95 บาท

 ซาลาเปา 44 บาท ( วราภรณ์ 2 ลูก)

 ค่าเข้าพิมาย 40 บาท (คนละ 20 บาท)

 เล้ง เย็นตาโฟ ขอนแก่น 200 บาท

 อาหารร้านมาเดอบัว 465 บาท

 ที่พักบ้านเดียมโฮมสเตย์ 400 บาท (คนละ 200 บาท)

 ที่พักมาเดอบัว 1,000 บาท

 รวมค่าใช้จ่ายวันนี้ 2,382 บาท