[Y]มาแชร์ประสบการณ์ความรักให้ฟังครับ 9
วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกครับ เหมือนเช่นเย็นนี้

ผมลุกขึ้นมาปิดแอร์ตอนดึก ก่อนจะทิ้งตัวลงไปยังที่นอน เพราะอากาศในห้องผสมกับข้างนอก ทำให้ผมกลัวว่าจะเป็นหวัด

ไม่ใช่เพราะร่างกายผมบอบบางหรืออ่อนแอหรอกนะครับ

แต่เป็นเพราะ ผมไม่มีคนกอด  >///< เปล่าหรอก ผมขี้หนาว ถ้าวันไหนฝนตก ผมจะเปิดแค่หน้าต่าง ปิดแอร์ ปิดพัดลม

......................

ผมตื่นมาอีกทีเพราะเสียงนาฬิกาปลุกดัง

ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะสะบัดไล่ความง่วงออกไป แล้วไปยืนมองท้องฟ้าที่ยังคงมืดมิด แถมฝนยังคงตกอยู่ แต่แค่ปอยๆ

“เย้!!! กูไปเรียนไม่ได้” ผมยิ้มให้กับภาพข้างหน้า ก่อนจะเดินไปล้างหน้า แปรงฟัน วางแผนที่จะนอนอยู่ห้องอ่านหนังสือของผมทั้งวัน

บังเอิญว่าผมชอบอ่านหนังสือตอนฝนตกหน่ะครับ มันได้อารมณ์ดี

แต่ก่อนที่จะได้เดินไปหยิบหนังสือ ผมก็เหลือบไปเห็นบีบีของผมมีไฟสีแดงกระพริบอยู่

ผมไม่สนใจครับ เดินไปหยิบหนังสือ ก่อนจะล้มตัวลงบนโซฟา กางหนังสือออก และใช้เวลาอยู่กับมัน

อ่านไปได้สักพัก บีบีมันก็สั่นหยั่งกับผีเข้า!!!!

ตื่อดึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

“โอยยยยย ถ้าPINGมาเช้าขนาดนี้” ผมบ่น ก่อนจะหยิบไปดู นึกว่าเพื่อนที่มหาลัยมันทักมา

แต่ไม่ใช่ครับ เป็นเขานั่นเอง

“โอยยยยย เช้าจังวะ” ผมถามเขาแบบเซงๆ

อ้าว!ก็มาขัดเวลาผมอ่านหนังสือนี่นา

“มรึง ตื่นยังวะ” 

- - เป็นบ้าอะไรของมัน ก็กูพิมพ์อยู่เนี่ย

“ยังว่ะ ตอนเที่ยง PING มาใหม่”

ผมตอบกวนตีนกลับไป

แต่เขารีบตอบกลับมา

“เออ แล้วไม่ไปเรียน?”

คุณพระ! ดูสภาพอากาศสิครับ ให้ผมเต้นบัลเล่ต์หลบเม็ดฝนไปเรียนรึไงครับ

“- -“
“มรึงดูฝนยัง?”
“กูจะไปเรียนไง?”
“ใช้สมองคิดซิ?”
“แล้วบอกกูด้วย!”

ผมรัวเป็นชุดใส่เขาเลยครับ

ก็ดันถามโง่ๆเองหนิ

“ร่มไง?”

เห้ย!!! ตกใจ คิดได้ไง กูว่าโจทย์กูยากแล้วนะ ดันตอบถูกอีก เก่งจริงๆ

ผมแทบจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายหลังจากที่เห็นคำตอบเขา

ผมอึกอัก หนักใจ ก่อนที่จะตอบความจริงไป

“ก็กูไม่มีร่มอ่ะ”

หงอยเลยครับ ไม่กล้าขึ้นเสียงใส่เขาเลย ได้แต่ตอบนิ่งๆ เจียมเนื้อเจียมตัว

“อืม”

แล้วเขาก็เงียบไป

อะไรของมรึง ตอบมาแค่เนี่ย แล้วทักกูมาทำไม? เพื่อจะถามแค่เนี่ย? แต่เดี๋ยวนะ แล้วรู้ได้ไงว่ากูมีเรียน? ไม่รอช้า ผมรีบถามเขาไป

“แล้วมรึงรู้ได้ไงว่ากูมีเรียน”

เขาไม่อ่านครับ ไม่รู้ทำอะไรอยู่

ผมเหลือบไปมองนาฬิกา เห็นว่ามีเวลาอยู่2ชม.ก่อนเข้าเรียน ซึ่งจากคอนโดผมไปมหาลัยก็ไปนาน  ถ้ารถติดมากๆก็ประมาณ20นาทีได้ แต่วันนี้คงติดน่าดู

ผมนั่งคิดคนเดียว ก่อนจะหันไปดูบีบี อืม ยังไม่อ่าน  ช่างมัน งั้นกูอ่านหนังสือต่อหล่ะ แล้วผมก็ล้มตัวลงบนโซฟาอีกรอบ แล้วเริ่มอ่านหนังสือต่อ

ผ่านไปประมาณ10นาทีได้ บีบีผมก็สั่นอีกครั้ง ผมหยิบขึ้นมาอ่าน พร้อมกับเบิกตาโพล่ง!!!

“มรึงอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวกูไปรับ กูออกหร่ะ”

เห้ย!!! อะไร!!! เกิดอะไรขึ้น!!! กูทำอะไรผิด!!! หรืออะไร!!! มารับกูทำไม!!! กูไม่รู้!!! กูไม่เรียน!!! กูไม่เกี่ยว!!! กูมาซื้อเกี๊ยวให้แม่!!!

ผมงงครับ งงไปหมด

ไม่ปล่อยให้ความงงครอบงำ ผมรีบพิมพ์ถามกลับไป

“- - อะไรของมรึง”

ใช่ครับ อะไรของมรึงงงงงง!!!

เขาตอบกลับมา แล้วก็ยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปอีก

“ตามนั้น อาบน้ำซะ เดี๋ยวกูไปรับ”

เออะ!!! คนอะไร ทำตามใจตัวเอง คิดว่าเป็นลูกคุณหนู เป็นลูกคนรวยเรอะ!! ถึงมาสั่งผมแบบนี้ได้ 

ชิชะๆๆๆๆๆ คนจะไม่เรียน อะไรก็ฉุดไม่อยู่ร๊อกกกกกก จะมาก็มา กูไม่อาบซะอย่าง 555555

ผมนั่งหัวเราะอย่างมีความสุขปนสะใจ ก่อนจะเหลือบไปเห็นสิ่งที่เขาพิมพ์ส่งมาอีก

“ถ้าไปถึงแล้วมรึงยังไม่อาบ กูจะอาบให้มรึงเอง”

โน้ววววววววว!!! อารายยยยยเนี่ยยยยยยย!!! กูไปทำอะไรผิดหรอเนี่ยยยยยยย!!! มรึงถึงมาทำกับกูแบบนี้!!! กูไม่อยากไปเรียนนี่นา แงๆๆๆๆๆ แล้วนี่อะไร!!! จะมาอาบน้ำให้กู!!! กูลูกมีพ่อมีแม่นะ!!! ข้ามขั้นตอนแบบนี้ไม่ได้นะเว้ยยยยยย!!! ไปขอพ่อแม่กูมาก่อนเลยยยยย!!! กูไม่ง่ายขนาดนั้นนะ!!!

ผมได้แต่บ่นๆๆๆๆๆๆ แล้วลุกขึ้นเดินสะบัดตูด - - ไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

ตอนนี้ผมลงมารอเขาข้างล่าง นั่งกอดอก กระดิกเท้า จ้องไปยังข้างนอก

ผมจัดแจงตัวเองเสร็จก่อนที่เขาจะมาถึงคอนโดผมซะอีก สงสัยรถติด เลยมาช้ากว่าที่ผมคิด

ผ่านไปไม่นาน รถคันเดิม คันคุ้นตา ก็มาถึง

เขาลดกระจกลง กวักมือเรียกผม

ผมเดินช้าๆค่อยๆเอื่อยๆเฉื่อยๆไปที่รถ ก่อนจะเปิดประตู แล้วขึ้นไปนั่งกอดอก ไม่มองหน้า ไม่สบตา ไม่พูดอะไร

“เป็นไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

แหนะ!! ยังมีหน้ามาถามเป็นไร แถมใช้น้ำเสียงยั่วกูอีก แต่กูไม่หลงกลมรึงหรอก เพราะมรึงนั่นแหละ กูเลยต้องรีบอาบน้ำ รีดเสื้อนักศึกษา แต่งตัว แถมยังต้องลงมารออีก

ผมไม่ตอบอะไร เสหน้ามองไปข้างนอก

สงสัยเขาจะรู้ครับ ว่าผมเป็นแบบนี้เพราะอะไร (แล้วมรึงถามกูทำไม!!) เขายิ้มแล้วขยี้หัวผม แต่ครั้งนี้ไม่เบาๆครับ 

แมร่งแรง!!!!

ผมหันขวับไปมองหน้าเขา จ้องด้วยสายตาดุดันดั่งเสือโคร่งเตรียมตัวตะครุบเหยื่อ - -

เขารีบถอยออก พร้อมยกมือสองข้างขึ้นในท่ายอมแพ้ พร้อมกับรอยยิ้มแสนหล่อ!!! ก่อนจะพูดออกมา

“ก็มรึงเดินช้า หัวเปียกเลยเนี่ย กูเลยจะไล่น้ำฝนออกให้”

เป็นไงครับ ฟังแล้วดูดีใช่มั้ยครับ แต่ถ้าคุณมาเห็นสีหน้าของเขาแบบที่ผมเห็น คุณจะรู้เลยว่า แมร่ง เสแสร้ง!!!

ผมหัวเราะ หึหึ ออกมา ก่อนจะหันไปเปิดเพลง แล้วแลบลิ้นใส่เขาไป

เอ่อะ!!! กูทำไรของกู กูควรจะโกรธเขาไม่ใช่หรอ แล้วนี่อะไร แลบลิ้น ตุ๊ดไปเปล่า โว้ยยยยย อารมณ์เสีย

เขาเห็นดังนั้น ก็เลยหัวเราะลั่นออกมา แล้วเอื้อมมือมาทำท่าจะขยี้หัวผมอีกครั้ง

ผมจ้องหน้าเขานิ่ง เขาจ้องหน้าผมตอบ 

ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มแสนหล่อมาอีกครั้ง พร้อมๆกับวางมือบนหัวผม แล้วขยี้เบาๆ

ผมหดคอหลับตาพริ้มอัตโนมัติ ไม่ขัดขืนสิ่งที่เขาทำ แถมยังเต็มใจเสียอีก - - ผมเปล่าเคลิ้มนะ!!!

เสียงเพลงในรถค่อยๆเบาลง แต่เสียงหัวใจของผมกลับดังแทน

หวังว่าเขาจะเป็นเหมือนกันกับผม หวังว่าอย่างนั้น

..........

เราสองคนนั่งอยู่บนรถเงียบๆ ไร้บทสนทนา เขามองถนนหน้าเครียด ผิดกับผมที่ยิ้มรับมองบรรยากาศข้างทาง

“รถติดจังวะ”

เขาบ่นออกมา แม้จะไม่ดังมาก แต่ก็เบาพอที่จะได้ยิน

“เอาหน่า จะถึงคณะกูแล้วเนี่ย” ผมพูดให้เขาสบายใจ

เรากลับไปเงียบใส่กันอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะนึกขึ้นได้ว่าเขายังค้างคำตอบนึงผมอยู่

“เออ แล้วมรึงรู้ได้ไงว่ากูมีเรียน”

เขาหันมายิ้มกับผม เอ่อ!! ยิ้ม?? ยิ้มทำไม??? แล้วหันกลับไป ก่อนจะตอบกลับมา

“ไอจอร์นบอกว่ามันมีเรียน” อ่อ เพื่อนผมบอกเอง

เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่แค่นั้นสิ กูอยากรู้ต่อ

“แล้วมรึงมารับกูทำไมเนี่ย” ผมถามต่อครับ

เขาขมวดคิ้วแล้วนิ่งไปสักพัก ไม่พักหร่ะ!! นานไปหร่ะ!!

“อ่าวค้างหรอมรึง” ผมทักเขา

เขาเอ่ยปากตอบ ก่อนที่จะจอดรถหน้าคณะผม

“ไม่รู้ว่ะ”

อ้าวไอนี่!!! กวนตีนนะมรึง ผมกำลังจะหันไปด่าเขา ก็เหลือบไปเห็นรถข้างหลังที่ติดยาวเป็นขบวนเพราะเขาจอดส่งผม

ผมจำใจต้องลงจากรถ แล้วรีบปิดประตู

เช่นเดียวกับเขา ที่รีบขับรถออกไป

ผมเดินเข้าคณะ ยกมือรับไหว้น้องๆที่รู้จัก ก่อนจะเข้าห้องเรียน โยนหนังสือเรียนไว้บนโต๊ะ พูดคุยทักทายกับเพื่อนในห้อง แล้วก็หยิบบีบีขึ้นมา ทักเขาไป

“แล้วมรึงไปไหนต่อเนี่ย”

ผมถามเขาเพราะผมก็นึกไม่ออกจริงๆว่าเขาจะไปที่ไหนได้ เรียนก็ไม่ได้เรียนแถวนี้ บ้านก็ไม่ได้อยู่แถวนี้ แถมรถยังติดอีก จะไปไหนได้จริงเชียว

เขาอ่านก่อนจะตอบกลับมา

“กลับบ้านสิวะ ให้กูไปไหน”

โอ้ยยยยยยยย!!! แมร่งงงงงงงงง!!! มรึงขับรถมารับกูร่วมชม. เพื่อไปส่งที่มหาลัยฯ30กว่านาที แล้วก็ขับรถกลับอีกร่วมชม.เนี่ยนะ!!!! พระจ้าววววววววววววว!!! ตรรกะคนรวย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ผมบ่นในใจอยู่สักพัก เขาก็พิมพ์ส่งมาอีก

“ทำไม จะให้กูไปไหน หรืออยากอยู่กับกู อิอิ”

เชรี่ย! ผมอ่านข้อความนี่จบปุ๊ป ตัวก็ลุกเป็นไฟ แล้วบินทะลุหลังคาหายไปไนจักรวาล เว่อร์ไป! ผมเริ่มหน้าแดง ใจเต้นตุบตับ ทำอะไรไม่ถูก

‘เอาไงดีวะ อุตส่าห์มารับ รถก็ติด แถมยังต้องขับกลับอีก มันใช่เรื่องมั้ยเนี่ย เอาไงดีๆ’

ไม่ปล่อยให้คิดอะไรไปไกล ผมหยิบบีบี ขึ้นมาพิมพ์2ประโยค แล้วกดส่งไป แล้วก็หยิบหนังสือเรียน3เล่ม ลุกขึ้นจะเดินออกจากห้อง พร้อมๆกับที่ไอจอร์นนั่งลงข้างๆผม

ผมไม่สนใจมัน เดินไปเปิดประตู ก่อนที่จะตะโกนกลับมา

“กูไปหร่ะ เช็คชื่อให้กูด้วย”

แล้วผมก็เดินออกไปเลย ทิ้งให้มันนั่งงงอยู่อย่างนั้นคนเดียว

‘กูขอโทษ ไม่รู้ทำไมกูเลือกเขา หวังว่ามรึงจะเข้าใจนะ’

ผมรู้สึกเจ็บที่ทิ้งมันไป แต่จะให้ผมทิ้งเขากลับบ้านคนเดียวนะหรอ ผมคงรู้สึกเจ็บมากกว่า อย่างน้อยไอจอร์นมันยังมีเพื่อนคนอื่นเรียนอยู่ แม้จะยังมาไม่ถึงก็เถอะ แต่เขาหร่ะ ต้องกลับบ้านคนเดียว คงเหงาแย่เลย

ยิ่งคิดยิ่งกังวล ผมรีบก้าวลงจากตึก แล้วตรงไปยังที่ที่ผมควรจะอยู่ ก่อนจะหยิบบีบีขึ้นมาอ่านประโยคที่ผมส่งให้เขาไป

เขาอ่านแล้วครับ แต่เขาไม่ตอบอะไรกลับมา แต่ผมก็ไม่สนใจครับ เพราะประโยคที่ผมพิมพ์ไปนั้น ไม่ใช่ประโยคคำถามและก็ไม่ใช่ประโยคขอร้อง แต่เป็นประโยคคำสั่ง ที่ผมสั่งให้เขาทำตาม แถมผมยังเชื่อ100เปอร์เซ็นต์ ว่าเขาจะต้องทำตามนั้นแน่นอน

ผมอ่านประโยคนั้นอีกครั้ง ไม่รู้ตัวเองพิมพ์ลงไปได้ไง แต่ทำไงได้หร่ะครับ ก็ใจมันสั่งนี่นา

“เวียนรถกลับมา กูรอที่เดิม”

แค่นี้แหละครับ ที่ผมส่งให้เขาไป

รอไม่นานนัก เอาจริงๆก็นานอยู่ครับ เพราะรถในม.ติดมาก เขาก็ขับมาถึง

เขาเอื้อมเปิดประตูจากฝั่งคนขับดันออกมาให้ ผมรีบวิ่งเข้าไปนั่ง ไม่ใช่เพราะคิดถึงเขาหรอกนะ แต่เพราะไม่อยากให้รถติดต่างหาก อิอิ

หลังจากที่รถออกตัวไป ผมก็นั่งนิ่งๆ ไม่พูดอะไร

ก็จะให้พูดอะไรหร่ะครับ ผมเขิลนี่นา

เขาถามว่าอยากอยู่กับเขาหรอ ผมดันตอบให้เวียนรถกลับมารับ

ถึงจะไม่ตรงๆ แต่มันก็ไม่อ้อมเท่าไหร่เลย

พอเราออกมาจากตัวมหาลัยได้แล้ว รถก็เลยไม่ค่อยติด

แล้วเขาก็หันมาถามผม

“หิวยัง กินไรดี”

อืม ลืมไปเลยแฮะ นี่มันก็10โมงกว่าๆแล้ว เริ่มหิวได้แล้วหนิ ยิ่งตัวอย่างเขาด้วย น่าจะหิวอยู่แหละ

ผมคิดก่อนจะชวนเขาไปกินในห้างที่ใกล้ที่สุด เพราะจะได้หลบฝนไปด้วย

เราเลือกที่จะไปกินร้านที่ลับตาคน เพราะด้วยหน้าตาของเขาที่ผมกลัวว่าจะโดนคนอื่นแทะไปครึ่งตัวก่อนผม ไม่ใช่!!! แถมผมยังเป็นที่รู้จักของคนในคณะเพราะเป็นเด็กกิจกรรม ก็เลยไม่อยากให้ใครมาเห็นว่าผมมีเพื่อนที่โครต!จะหล่อขนาดนี้

เรากินไปคุยไปตามประสาเพื่อนกัน มีแซวกันบ้าง เล่นกันบ้าง ขยี้หัวผมบ้าง ตบหัวผมบ้าง- -! ส่วนผมก็ทำได้แค่ แลบลิ้น หน้าบึ้ง หดคอ หลับตาพริ้ม- -! จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่รู้สึกตัวอีกที คนในร้านก็ค่อนข้างเยอะ แถมยังมองมาที่เราอีก

ผมหันไปมองพนักงาน เห็นหัวเราะคิกคักกันใหญ่ ไม่รู้เพราะหลงเสน่ห์ผมหรือหลงเสน่ห์เขากันแน่

แต่ผมว่าน่าจะเป็นผมนะ 5555

ตอนลุกไปจ่ายเงิน เราก็มีทะเลาะกันเบาๆให้พนักงานจิ้น??กันไป เพราะเขาจะเลี้ยงผม ในขณะที่ผมจะเลี้ยงเขา

เราแย่งกันจ่ายแทบตาย!ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ สุดท้าย ผมก็ชนะได้จ่ายไป 

เพราะเขาจบบทสนทนาด้วยคำว่า

“งั้นเดี๋ยวกูจ่ายค่าหนังเอง”

ครับ เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้

พอเขาพูดจบ เขาก็เดินออกจากร้านไปเลยไม่รอผม ปล่อยให้ผม ยืนรอพี่พนักงานทอนเงินคนเดียว :((

ผมเอื้อมมือไปรับเงินทอนจากพี่เค้า พร้อมกับพูดขอบคุณ

แต่พี่พนักงานก็ทำให้ผมตกใจ แทบจะปล่อยเงินทอนนั้นทิ้งไป

เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะมีคนพูดแบบนี้ใส่ผม และเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยิน ทุกวันนี้ ผมเลยจำได้ดีว่าร้านอาหารร้านนั้น คือร้านไหน

“เป็นแฟนกันน่ารักกันดีนะคะ”

ใช่ครับ ฟังไม่ผิดหรอกครับ พี่เค้าพูดใส่ผมพร้อมกับรอยยิ้มแสนหวาน

ผมยืนอึ้งนิดๆ ก่อนที่จะเก็บเงินทอนใส่กระเป๋า แล้วหันไปพูดกับพี่เค้าแล้วยิ้มให้ ก่อนจะเดินออกจากร้านไปหาบุคคลที่โดนกล่าวถึง ซึ่งยืนเก๊กหล่อ มือหนึ่งล้วงกระเป๋าอีกมือหนึ่งปล่อยทิ้งข้างลำตัว แถมยังจ้องมาที่ผมอีก

“ไม่ได้เป็นแฟนกันครับ”

ก็ใช่สิครับ เราไม่ได้เป็นแฟนกันนี่นา ^^

จากที่ตอนเช้ามา คนยังไม่เยอะ เพราะยังเช้าอยู่ แต่ตอนนี้คนเริ่มเยอะ แถมดูท่าจะเยอะขึ้นเรื่อยๆเพราะข้างนอกฝนยังตกอยู่ บางคนก็มายืนหลบฝน บางคนก็มาเดินห้างฆ่าเวลา

ทั้งนักศึกษาทั้งคนทำงาน ปะปนกันเต็มไปหมด

แต่ผมว่านักศึกษาเยอะกว่า

ตอนนี้ ผมกำลังยืนต่อแถวรอซื้อตั๋วหนังอยู่โดยมีเขายืนอยู่ข้างหลัง ซึ่งผมบอกให้เขารอข้างหน้า ไม่ต้องเข้ามาต่อแถว เขาก็ไม่ยอม จะเข้ามาให้ได้ โดยให้เหตุผลว่า

“แล้วมรึงจะให้กูยืนรอเป็นเป้าสายตาคนเดียวรึไง”

เออ!! ก็ใช่หน่ะสิ เข้ามายืนกับกู คนก็มองกูด้วยสิ ก็มรึงหล่อซะ! แถมคนก็รู้จักกูเยอะด้วย ถ้ามีคนเอาไปเม้าท์ว่ากูมากับผู้ชายโครตหล่อ กูจะไม่เสียเครดิตรึไงวะ ห๊ะ!!! แล้วนี่!!! คนก็ไม่เยอะ มายืนเบียดกูทำมายยยยยยย แล้วนั่น มือนั่น! ยกมาจับราวทามมายยยยยยยย มันดูเหมือนโอบกูเลยยยยยยยยย!!!

ผมทำหน้าบึ้งใส่เขา ทำเสียงฟึดฟัด หวังจะให้เขาถอยออกห่าง แล้วเอามือลง (- - เขาจะรู้มั้ยนั่น) แต่ได้ผลคับ เย้!!! เขาเอามือลง แม้จะไม่ถอยออกไป แต่ก็ยังดี

ผมค่อยๆโล่งใจขึ้น แต่แล้วก็ต้องตกใจ

เพราะมือที่เขาเอาลงจากราวกั้น ตอนนี้ มันมาตั้งอยู่บนหัวผมแล้วครับ!!!

แล้วก็เป็นอัตโนมัติ หดคอ หลับตาพริ้ม!!! กูจะเคลิ้มทำไม!!!!! ผมหันไปมองหน้าเขา ก่อนจะได้อ้าปากด่า ดันเหลือบไปเห็นนักศึกษาสาว3คนที่ผมสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าจ้องจะกินเขา เอ่อ... หมายถึง สนใจในตัวเขานะครับ อ้าปากค้าง ตาโต ทำท่าเหมือนเห็นผี ก่อนจะหันไปคุยกันแล้วยิ้มให้ผม จนผมต้องยิ้มกลับให้เขา

แล้วไอยักษ์นี่!! ไอเชรี่ยนี่!! ก็ดันหันไปหา3สามสาวนั้น ก่อนจะพยักหน้าให้เขา แล้วส่งมอบรอยยิ้มพิฆาตมารไปให้พวกเธอ

แต่ไม่ใช่แค่นั้นสิ!!! มันยังลดมือที่ขยี้หัวผมลง แล้วมาวางพาดไหล่ผม ก่อนจะดันผมให้หันหลังกลับไปมองทางข้างหน้า นี่มันหมายความว่างายยยยยยยยย!!!!

ส่วนตัวผมหน่ะ อยากจะวิ่งเข้าไปดูอาการ3สาวนั่นสุดๆ

ไม่เขิลตาย ก็จิ้นกระจายกันหล่ะครับงานนี้

ผมยืนต่อแถวด้วยความเขิล ซึ่งมั่นใจว่าหน้าแดงหูแดงแน่ๆ อยู่สักพัก ก็ถึงคิวเราพอดี

เขาดันผมไปข้างหน้า พร้อมกับเดินตามมา

ผมเหลือบหันกลับไปมองด้านหลัง หวังว่าจะเห็น3สาว

แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ แทบทุกคนจ้องมาที่เขาหมดเลย

เออ กูยอมแพ้ความหล่อมรึงจริงๆ

ผมหันกลับมา

เออ พนักงานอีกคน!

เห้อออออออ~

ผมเลือกที่จะนั่งราคาถูก เพราะไม่อยากให้เขาเสียเงินเยอะ ยิ่งวันนี้ไม่ใช่วันจันทร์ ก็เลยใช้โปรฯประจำไม่ได้

ตอนแรกเขาก็จะนั่งที่ดีๆ ที่มันเรียกว่าอะไรนะ เก้าอี้คู่หรอ อันนั้นอ่ะครับ แต่พอผมตบหัวเขาไป1ที พร้อมกับด่าว่า “อย่ามาใช้ตรรกะคนรวย” เขาก็เลยยอมผม

งงครับ ปกติไม่เคยยอม

แน่นอน พนักงานยิ้มชอบใจ

พอเราจองเสร็จ เขาก็ใช้บัตรรูด เซ็นต์ๆแล้วเดินออกไป

ผมเลือกที่จะไม่หันกลับไปมองด้านหลัง เพราะคาดว่าคงเหมือนเดิม

ดีนะครับที่ครั้งนี้เราเลือกหนังที่กำลังจะเข้าพอดี ทำให้ผมไม่มีเวลาไปเดินดูร้านหนังสือเท่าไหร่ ทั้งๆที่อยากมากกกกก ก็เลยจูงมือกันเข้าหอ เอ้ย!!! ก็เลยเดินตีคู่กันเข้าโรงหนังไป

แต่ทำไม ต้องมาชิดกูด้วยเนี่ย!!!!!!

ขณะที่หนังฉาย ก็....... ไม่มีอะไรครับ 5555 เป็นเหมือนครั้งอื่นๆ ผมเอนตัวไป เขาเอนตัวมารับ ผมตั้งแขน เขาก็ตั้งแขนมาชน ไอพวกอารมณ์หยิบป๊อปคอร์นพร้อมกัน มือชนกันหน่ะ มันก็มีบ้าง แต่ไอที่ชนปุ๊ป มองหน้าปั๊ป จูบดูดดื่มหน่ะ ไม่มีหรอก

หนังก็ทำหน้าที่ของมันไปจนจบ

แล้วเราก็เดินตีคู่แบบแนบชิดเหมือนเดิมออกจากโรงหนัง ออกจากห้าง แล้วกลับไปขึ้นรถ

ผมเลือกที่จะให้เขาขับมาส่งที่มหาลัยฯ เพราะผมอยากจะมาเจอเพื่อนๆ เผื่อมีกิจกรรมตอนเย็นกัน ส่วนเขาก็ขอตัวไปมหาลัยฯเขา เพราะตอนเย็นเขามีเรียนชด

พอไปถึงมหาลัยฯ เพื่อนๆมันก็ถามผมกันใหญ่ว่าไปไหนมา ไปทำอะไร

ผมก็หน้าตายตอบกลับไป "ไปหาญาติ ทำธุระมา" 555555 ผมเก่งจุงเบยยยยยย

สักพัก บีบีผมก็ส่งเสียงดัง

ปกติพวกมันก็แซวผมกับเขาเรื่องคุยบีบีกันอยู่แล้ว

แต่ครั้งนี้ มันดังมาในเวลาที่เหมาะสมพอดี ก็เลยโดนไป1ดอก

“นั่นแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆ  ญาติ หรือเพื่อนกูกันแน่วะๆๆๆๆๆๆๆ” เป็นไอจอร์นที่เปิดเรื่องมาครับ

ส่วนคนอื่นก็ตามมาเต็มๆ “ฮิ้ววววววววววววว”

“พ่อง!!!” ผมด่าพวกมัน ก่อนจะก้มลงไปอ่านข้อความ

“ใกล้ถึงม.หล่ะ ไว้ค่อยเจอกัน”

ผมยิ้มรับก่อนจะตอบกลับไป

“อืม ถ้าตอนนี้มรึงถึงม.แล้ว มรึงก็ฟาส5เกินไปหร่ะ 5555”

แล้วผมก็เงยหน้าไปยอมรับชะตากรรมให้พวกมันแซวต่อ

ปล.ฟาส5 หมายถึง หนังเรื่อง ฟาสแอนด์ฟิวเรียส ที่แข่งรถกันหน่ะครับ



Create Date : 26 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2555 0:16:53 น.
Counter : 5177 Pageviews.

2 comments
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม.ที่ 379 "เรื่องที่มักเข้าใจผิด"  จันทราน็อคเทิร์น
(25 มิ.ย. 2568 22:45:47 น.)
Serve Him MOU Day 11 & 12 : The Ordinary Days In Haenam mariabamboo
(17 มิ.ย. 2568 06:59:49 น.)
ต้นผีเสื้อราตรี tanjira
(16 มิ.ย. 2568 15:40:51 น.)
Side story II กาปอมซ่า
(15 มิ.ย. 2568 16:53:24 น.)
  
ขอปรบมือให้พนักงานใจกล้าของร้านนะครับ (ถ้าเป็นผมคงไม่กล้าขนาดนั้น คงได้แต่ทำเป็นไม่สนใจแต่ในใจมีดอกไม้ไฟเป็นสิบดวงเลย) แถมมีเซอร์วิสแฟนๆ ให้ด้วย น่ารักมากครับ
โดย: สาหร่ายครองโลก IP: 171.99.85.178 วันที่: 7 ธันวาคม 2555 เวลา:13:04:45 น.
  
พนักงานร้านคงเป็นสาววาย 555555
โดย: ยาโออิ IP: 101.109.178.95 วันที่: 19 มกราคม 2556 เวลา:10:30:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nawnewnewnaw.BlogGang.com

แนวนิ้วนิ้วแนว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

บทความทั้งหมด