[Y]มาแชร์ประสบการณ์ความรักให้ฟังครับ 6
ป๊าบบบบ!!!

เสียงฝ่ามือตบลงมาที่กบาลผมอย่างจัง

“ทิ้งกูอยู่คนเดียวตั้งนาน แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าหิวข้าวอีก”

ใช่ครับ เขาตบหัวผมก่อนจะพูดทิ้งท้ายแล้วเดินจากผมไป

ผมรีบเดินตามเขาต้อยๆ ก่อนที่เขามาหยุดอยู่หน้าร้านอาหารฟูจิ

“อยากกินไร”

แหนะ หันมาถามกูทั้งๆที่มรึงเดินนำมาร้านนี้เนี่ยนะ

“กินนี่แหละ กูอยากกินฟูจิ”

ผมรีบตอบเขาไปครับ ก่อนที่จะโดนตบหัวอีกครั้ง วันนี้ผมโดนสองครั้งก็เพียงพอแล้ว

เขาหันไปบอกพนักงานสองที่ เรายืนรอพักเดียว พนักงานก็เรียกเข้าไปนั่ง

ในร้านคนค่อนข้างเยอะครับ พนักงานก็คงดูแลไม่ทั่วถึง ผมก็ไม่ว่าอะไร ก้มหน้าก้มตาดูเมนูไป แล้วพอเลือกได้แล้ว ก็เรียกพนักงาน

“ผมเอาไอนี่ครับ” ผมชี้ที่เมนู

แล้วพนักงานก็หันไปมองเขา นั่น!!! อึ้งสินะ หล่อสินะ

หลังจากพนักงานเรียกสติตัวเองได้ เค้าก็ก้มหน้ามองอุปกรณ์จิ้มๆของเค้า

“ผมเอาชุด....ครับ แล้วเอา.... แล้วก็เอา.....”

เอ่อะ ค้างครับ สั่งไปสาม ไม่เป็นไร แต่ราคา เอ่อะ เกินไปนะ ไปแดกข้าวแกงเถอะ อย่างนี้

ผมมองหน้าเขาพร้อมกับทำตาปริบๆ เขามองหน้าผมอยู่แปปนึง ก่อนจะยิ้มให้แล้วหันไปสั่งพนักงานอีกครั้ง

“เอาน้ำเปล่า1ขวด กับชาเขียว1ขวดครับ”

ยังดีแฮะ จำได้ว่ากูชอบกินน้ำเปล่า บังเอิญว่าผมเคยโดนเขาด่าว่าทำไมไม่กินน้ำโค้กที่เขาซื้อเข้าไปในโรงหนัง ผมเลยบอกความจริงไปว่า ผมกินน้ำอัดลมมากๆแล้วสะอึก แล้วเขาก็ลองยัดให้ผมกินจนผมสะอึก เขาถึงพอใจปล่อยผมไป จากหนังตลกแล้ว เขายิ่งตลกเข้าไปใหญ่ที่เห็นผมสะอึก เศร้าจริงๆ

กลับมาๆ

พนักงานยิ้มรับก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเมนู

“มรึง...... ใช้ตรรกะคนรวยกินข้าวกับกูอีกแล้วสินะ”

ผมหันไปด่าเขาครับ เพราะเป็นอย่างนี้ทุกที 

เวลาจะมาดูหนังผมก็บอกมาทำไมบ่อยๆ เปลืองน้ำมัน เขาก็บอกไม่เป็นไร

เวลาไปส่งผมที่คอนโดแล้วเวียนกลับไปหาเพื่อน ผมก็บอกไม่ต้องไปส่ง เดี๋ยวแท๊กกลับ เขาก็บอกไม่เป็นไร
จนผมต้องตั้งนิยามส่วนตัวให้เขาไปเลย

แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ผมกับเขาออกมาอยู่ด้วยกันสองคนในเวลาเย็น พร้อมกับมื้อเย็นในห้างมื้อแรก

เขาก็ยังใช้ตรรกะคนรวยสั่งอาหารอีก กูจะบ้าตาย!!!!!

ผมแอบเปิดเงินดูในกระเป๋า ก่อนจะพบว่า ผมมีเงินอยู่500เท่านั้นแหละ

ก่อนที่ผมจะได้หันไปด่าเขาต่อ เขาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

“กินๆไปเถอะหน่า เห็นบอกหิว กูก็หิว เดี๋ยวก็แดกหมด”

ไอฟัส!!! ประเด็นไม่ใช่แดกหมดไม่หมด แต่ประเด็นอยู่ที่จ่ายเท่าไหร่ แต่คิดไปก็เท่านั้น สั่งมาแล้วหนิครับ ก็ต้องยอมรับชะตากรรมไป นี่ถ้ามีครั้งหน้า กูจะยึดเมนูมาคนเดียวเลย


แล้วอาหารก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะครับ ผมแอบเห็นพนักงานแย่งกันมาเสิร์ฟด้วย

เรากินกันไป ผมก็ชวนเขาคุยไป ถามเขาไปว่าเดี๋ยวจะไปดูของที่มาบุญครอง ไปดูอะไร เขาบอกว่า ไม่ไปแล้ว ดึกแล้ว ขี้เกียจไป ตอนแรกก็งงๆ แต่ไม่คิดอะไร เขาตัดสินใจเอง ผมก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป จนถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม เก็บเงินครับ!!!

เขายกมือเรียกพนักงานมาเก็บเงิน พอพนักงานรับเรื่องแล้วเดินหายไป ผมก็นั่งลุ้นอยู่ในใจว่าทั้งหมดจะเท่าไหร่

แต่ไม่รู้ทำไม พอเงยหน้าไปมองหน้าเขาทีไร ก็เห็นเขานั่งจ้องมาที่ผม แล้วยิ้มแบบไม่แคร์อะไรเลย ต่างกับผมที่เริ่มจะเหงื่อตก ตัวเปียก ขี้แตก!! ไม่ใช่หร่ะ

พอพนักงานเดินเอาบิลมาให้ เขาก็รีบหยิบไปดูก่อนเลย

“เท่าไหร่วะ” ผมเอ่ยถามเขาเอง

เขาหันมามองหน้ามองพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมคิดว่าหล่อที่สุดในโลก ก่อนที่จะหันไปหยิบบัตรเครดิตของกสิกรออกมาแล้ววางไปบนถาดให้พนักงานไป

พอพนักงานเดินจากไป ผมก็ถามย้ำอีกครั้ง

“ทั้งหมดเท่าไหร่วะ”

เขายิ้มอีกแล้วครับ ก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่นพร้อมกับพูดว่า

“กูไม่บอกมรึงหรอก”

ไอ้........... ในใจผมด่าเขาไม่เป็นภาษาคนแล้วครับ กูลุ้นขี้แตกขี้แตน แต่มรึงทำเหมือนเป็นเรื่องตลกเลยเนอะ!!!

ผมระงับอารมณ์ตัวเองก่อนจะหันไปถามเขาอีกรอบ

“เอาดีๆมรึง เท่าไหร่วะ เดี๋ยวกูหารให้”

แต่พนักงานเดินมาพอดี พร้อมกับที่เขารับบิลไปเซ็นๆแล้วพูดขอบคุณพนักงานพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมคิดว่า พนักงานเค้าคงเก็บไปฝัน7วันแน่ๆ

แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน

“ไป กลับกัน”

แล้วก็เดินผ่านไปผมเฉยๆเลย

ผมสินั่งงงเป็นไก่ตาแตกอยู่สักพัก ก่อนจะเดินตามออกไป

ผมเลือกที่จะไม่ถามเขาให้มากความ เพราะเดี๋ยวจะต้องจ่าย 55555 เปล่าหรอกครับ เพราะผมคิดว่า ถ้าคนมันจะให้จ่าย มันก็คงจะบอกกันตั้งแต่แรกแล้วแหระครับ แล้วนี่ผมถามไปตั้ง2-3ครั้งเขาก็ไม่ตอบ แสดงว่าเขาคงไม่อยากให้ผมจ่ายจริงๆ

สงสัยว่าผมเดินหน้ามุ่ยออกจากร้านมั้ง เขาเลยเอามือข้างนึงที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ ยกขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆก่อนจะพูดว่า

“ถือว่าเป็นค่าบีทีเอสที่มรึงต้องเสียมาแล้วกัน”

โอ้ววววว พ่อเทพบุตร พ่อคนหล่อ พ่อมานพ อะไรมันจะหล่อขนาดนั้นครับ นี่ถ้ารู้แต่แรกว่านั่งบีทีเอสมาหากูจะเปรมขนาดนี้ กูจะมาทุกวันเลยยยยยย แหนะ ความคิดชั่วร้ายของผมหลุดออกมาอีกหล่ะ

เราเดินมาถึงทางแยกระหว่างออกไปขึ้นบีทีเอสกับขึ้นไปที่จอดรถ

ผมเลือกที่จะร่ำลาเขาก่อน

“เห้ย ขอบคุณมากที่เลี้ยง ไว้เจอกัน กูไปก่อนหล่ะ”

ผมหันหลังจะเดินออกไป แต่ก็ต้องชะงักเพราะถูกดึงแขนไว้ก่อน


ผมหันกลับไปมอง ใช่แล้วครับ เป็นเขาเองที่ดึงแขนผมไว้

แต่ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวแล้วสิที่มอง ตอนนี้ ทุกสายตาที่เดินผ่านกำลังจับจ้องมาที่เราสองคน

คุณลองคิดดูสิครับ คนนึงหล่อขั้นนายแบบ กับอีกคนตัวเล็กกว่า(นิดนึง)หล่อน้อยกว่า(นิดนึง)ขาวน้อยกว่า(นิดนึง) 55555จริงๆแล้วเยอะเลยแหละ แถมทั้งคู่ก็เป็นผู้ชายแต่คนนึงกำลังจับแขนอีกคนนึงอยู่พร้อมกับทำหน้าซีเรียส คิ้วติดกัน

“มรึงจะไปไหน” เขาถามผม

??? ผมทำหน้างงใส่สิครับ เอียงคอนิดๆเหมือนหมางง ก่อนจะตอบว่า

“ก็กลับห้องไง ไปขึ้นบีทีเอส”

เท่านั้นแหละครับ ไม่รู้เพราะท่าทางงงของผมหรือเพราะคำตอบของผมกันแน่ เขาถึงหัวเราะออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมเชื่อว่าทุกคนที่จ้องอยู่เก็บกลับไปฝัน7วันเหมือนกับพนักงานคนนั้นแน่นอน

“ไอฟายเอ้ยยยยย เดี๋ยวกูไปส่ง”

พูดจบปุ๊ปเขาก็ลากผมให้เดินตามเขาไปทันที ไม่ปล่อยโอกาสให้ผมเล่นตัวแสร้งเป็นสาวไร้เดียงสาเลย

พอเดินมาถึงที่รถ เขาก็ปล่อยมือที่ลากผม

จริงๆปล่อยตั้งแต่แรกก็ได้นะ

เขาสตาร์ทรถ ผมขึ้นไปนั่ง แล้วเขาก็ขับออกไป

โอยยยย คนกลับบ้านมันจะเยอะอะไรนักหนาครับ แค่เวียนลงไปจะออกจากพาราก้อน ยังติดแหงกอยู่เลย นี่ถ้าผมขึ้นบีทีเอส ป่านนี้คงถึงบ้านไปแล้ว

“รถเยอะจังวะ” ผมเผลอบ่นออกมา

เขายื่นมามือขยี้หัวผมอีกแล้วค๊าบบบบบบบบบบบบบบ โอยยยยยย ไม่รู้ทำไม ผมถึงเขิลขนาดนี้ แต่ร่างกายผมก็ตอบสนองทันที ผมหดคอลงนิดๆให้เขาขยี้ได้ง่าย ก่อนที่เขาจะพูดว่า

“เอาหน่า เดี่ยวก็ถึง รีบไปไหน”

แล้วเราก็ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งรถ จนผมรู้สึกว่าฟ้ามันเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ เพลงในวิทยุเริ่มเบาลง แล้วผมก็หลับไป


“มรึง ถึงคอนโดแล้ว” 

“มรึงตื่นๆ”

อะไรวะเนี่ย กูจะนอน มาปลุกกูทำไม แล้วนี่อะไร ทำไมเตียงสั่น

ผมคิดในใจ

“ถ้ามรึงไม่ตื่น กูจะลากมรึงกลับบ้านกูแล้วนะ”

ห๊ะ!อะไรนะ นี่กูอยู่ไหน กูโดนอะไรมา

ผมสะดุ้งตัว ลุกขึ้นมานั่งท่าปกติ พร้อมเบิกตาโพล่ง สงสัยคนข้างๆผมจะตกใจ เพราะเขาก็เด้งตัวกลับไปที่นั่งเขาเหมือนกัน

พอเรียกสติตัวเองได้ผมก็หันไปจ้องหน้าเขา ปรับโฟกัสสายตา นี่กูอยู่กับนายแบบหรอเนี่ยยยยยยยยย หล่อไม่เกรงใจใครเลย เซงวุ้ย

“กูหลับไปนานเปล่าวะ” ผมพูด

“ได้อยู่” เขาตอบกลับ

ผมยืดตัวบิดขี้เกียจสักพัก ก่อนจะบอกขอบคุณที่มาส่งแล้วก็ขอบคุณสำหรับมื้ออาหาร ก่อนจะก้าวลงจากรถแล้วเดินขึ้นห้องไปแบบสลึมสลือ

ถึงห้องปุ๊ป ผมก็จัดแจงตัวเอง อาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยเพื่อที่จะเข้านอน

หลังจากอาบน้ำเสร็จ กำลังเช็ดผมอยู่ บีบีผมก็ส่งเสียงร้องอีกครั้ง

ตื้อดึ้ง

ผมเดินไปหยิบมาอ่าน

“พี่ยามเค้าถามกูด้วยว่า ทำไมวันนี้มาส่งมรึงเร็วจัง ปกติต้องตี1ตี2หนิ”

ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่ผนังห้อง

เออว่ะ นี่เพิ่ง4ทุ่มเอง แล้วผมก็ตอบเขาไป

“แล้วมรึงตอบเขาไปว่าไง”

ไม่ทันไรเขาก็ตอบกลับมา พออ่านปั๊ป ผมก็นิ่งไปเลย

“ผมไปเดทรอบกลางวันมาครับ 5555555”

ที่ว่าจะหลับ ตื่นเลยครับ อะไรของมรึงเนี่ย ดงเดทอะไร ไม่ใช่นะ กูไม่ได้ง่ายอย่างนั้นนะ ขอกูเป็นพิธีสิ อย่าทึกทักไปเอง อะไรเนี่ย ไม่อาววววววว กูไม่นับครั้งนี้ มันต้องมีครั้งหน้า ผมคิดในใจก่อนที่จะลงมือพิมพ์ตอบกลับไป

“- -“

เอ่อะ กูพิมพ์ยาวไปมั้ย แต่ไม่ทันที่ผมจะพิมพ์อะไรลงไปเพิ่ม เขาก็ตอบกลับมา


“5555555555 กูถึงบ้านหล่ะ เดี่ยวกูนอนแล้วนะ วันนี้ง่วง ขับรถเยอะ”

ใช่แฮะ ผมเพิ่งมานึกได้ 

จากสยาม มาคอนโดผม แล้วไปบ้านเขา มันอ้อมสุดโลกเลยนี่หว่า

ผมก็เลยไม่อยากเถียงอะไรให้มันมากมาย ก็เลยตอบเขากลับไป

“อืมๆ ขอบคุณมากนะเว้ย นอนกันเถอะ ฝันดีมรึง”

เขาอ่านทันทีแล้วส่งตอบกลับมา

“ฝันดีครับ”

พระเจ้า!!!!!!!!! มาพูดครับกับกูทำไมมมมมมมมม กูแพ้หนุ่มพูดเพราะอยู่ด้วย หยุดเลยมรึงงงงง แล้วนี่อะไร ฉากพี่โดมตอนเป็นแวมไพร์ลอยทับขึ้นมาเลย แต่ทำไมเป็นหน้ามรึงงงงงง กูจำได้ คำพูดนั้น กูเปิดฟังเป็นสิบรอบ ไอฟายยยยย แล้วกูจะนอนหลับได้ไงเนี่ยยยยยยยยยยย ผมอาละวาดครับ ขยี้ผมที่เปียก ประหนึ่งจะให้ผมมันร่วงออกมาให้หมดให้ได้ ล้มลงบนเตียง นอนบิด นอนกัดหมอนอยู่นั่นแหละ โอยยยยยยยยย จะหลับมั้ยเนี่ยยยยยยยย!!!! 

แล้วคืนนั้น ผมก็ได้หลับตอนเวลาประมาณตี1 เพราะคำคำเดียวเลย “ฝันดีครับ”




Create Date : 26 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2555 0:09:05 น.
Counter : 5233 Pageviews.

3 comments
ระยองฮิสั้น จันทราน็อคเทิร์น
(12 เม.ย. 2567 15:33:48 น.)
ep 4 ขับรถบนถนนเริ่มจะประมาท โอพีย์
(10 เม.ย. 2567 05:03:14 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ ประจำหลักกิโลเมตรที่ 349 : วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ ฯ The Kop Civil
(10 เม.ย. 2567 16:44:58 น.)
เดย์ ออฟ เดอะ " ซ ว ย " จันทราน็อคเทิร์น
(5 เม.ย. 2567 19:29:14 น.)
  
อร๊ากกกกกก
โอยยย น่ารัก ไม่ไหวแร้ววว
โดย: Gottomon IP: 58.11.237.254 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2555 เวลา:4:55:27 น.
  
โอ้ยยย ตายไปแล้วจริงๆ!
"ฝันดีครับ"
มันใช่ปะะะะ ใช่คำที่มาพูดกับเพื่อนผู้ชายปะะะ แอร้ยยยย
ชอบชีวิตของพี่มากเลยค่ะ ตามมาจากพันทิพ
อ่านแล้วเขินตลอด นั่งบิดไปมาอย่างกะคนบ้า 5555
โดย: aonair IP: 115.87.6.243 วันที่: 5 ธันวาคม 2555 เวลา:22:17:04 น.
  
คิดเหมือนคุณ aonair เลย แต่จริงๆ ผมนั่งเขินตั้งแต่เค้าเอามือมาขยี้หัวแล้วครับ ทั้งคู่จะน่ารักไปไหนเนี้ย (เฮ้ย ถอนหายใจปรับอารมณ์ตื่นเต้นอย่างแรง)
โดย: สาหร่ายครองโลก IP: 171.99.85.178 วันที่: 7 ธันวาคม 2555 เวลา:12:14:49 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nawnewnewnaw.BlogGang.com

แนวนิ้วนิ้วแนว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

บทความทั้งหมด