[Y]มาแชร์ประสบการณ์ความรักให้ฟังครับ 43 เข้าเรื่องดีกว่า
พอเราเรียกเก็บเงินกันเรียบร้อยแล้วเขาก็ขับรถพาผมกลับกรุงเทพ
แต่พอออกจากร้านได้ไม่เท่าไหร่ผมก็นึกออกถึงสถานที่ที่เที่ยวอีกที่หนึ่ง ที่เวลามาหัวหิน ทุกคนต้องมา
เพลินวาน
ผมหันไปอ้อนวอนเขาด้วยสายตาเย้ายวน
เอ๊ะ!ยังไง?
และดูเหมือนจะได้ผลเพราะเขาละมือจากพวงมาลัยมาลูบหัวผมเบาๆ พร้อมกับพูดว่า
เออ กูก็จะพาไปเหมือนกัน
อ่าว! ที่ตอนแรกกูคิดว่ามรึงจะขับกลับกรุงเทพเลยกูคิดผิดสินะ
แอร๊ยยยยยยย คนอะไรจะวางแผนมาดีขนาดนี้
ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้เขา
หึหึ นี่วางแผนมาแล้วใช่มั้ยเนี่ย
คือตอนแรกแลดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่ได้วางแผนอะไรมาเลยนะครับเพราะเขาถามผมตลอดว่าอยากไปไหน อยากทำอะไรแต่สุดท้ายถึงแม้ผมจะไล่กิจกรรม108พันอย่าง ผมก็จะให้เขาตัดสินใจทุกที
เขาหัวเราะในลำคอ แล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมาให้ผมเช่นกัน
หึหึ.....
เขาเงียบไป ก่อนจะพูดประเด็ดกลับมา
บางเรื่องอ่ะ กูก็วางแผนมาซะดิบดีแต่พอมรึงเริ่มก่อนเท่านั้นแหละ กูก็ต้องเปลี่ยนแผนใหม่ทันที
พ่องงงงงงงงงงงงงง!!!!!กูรู้เลยว่าเรื่องอะไร!!!!!!!!!!!!!! แล้วนั่น !!!! ยักคิ้วข้างเดียวทำไม!!!!!
ผมตวัดหน้ากลับ หันไปมองถนนตามเดิม ก่อนจะพูดลอยๆขึ้นมา
ไอฟาย
เออ ไอฟาย!!! กูเขินจนจะบ้าตายแล้วสัส!!!!!!!
แล้วผมก็เลือกที่จะนั่งเงียบไปตลอดทางแทน
!!!!!!!!!!!!!!
มาถึงเพลินวาน ผมก็ดีใจออกนอกหน้าเพราะเพิ่งจะมาเป็นครั้งแรก
หลายๆอย่างแปลกตามากสำหรับผม
ปกติมาที่นี่ทุกคนจะต้องถ่ายรูปกับป้ายเพลินวานใช่มั้ยครับ
แต่ผมไม่ได้ถ่าย 55555555
เขาก็คะยั้นคะยอให้ถ่าย แต่ผมก็ไม่ยอมอย่างเดียว
คือตอนนั้นคนมันเยอะแล้วผมก็ไม่อยากเดินไปเข้าไปเป็นเป้าสายตาอ่ะครับ ก็เลยไม่ได้ถ่าย
เราสองคนเดินเล่นอยู่ในนั้นโดยไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้างเท่าไหร่
ผมเข้าออกร้านค้าเป็นว่าเล่น ดูนู่น ดูนี่ ดูนั่น ไปเรื่อยๆ
ส่วนอีกคนก็เดินตามต้อยๆ ไม่ปริปากบ่นอะไร
จนผมเริ่มเหนื่อย ก็แวะนั่งกินเฉาก๋วยดับความร้อน
ระหว่างที่นั่งกินกันอยู่ ผมก็เหลือบไปเห็นป้าย ๒ขวบตรงสะพาน
เห้ย เดี๋ยวไปถ่ายรูปให้กูหน่อยกับป้ายนั้น
ผมพูดพลางยกมือชี้ไปที่ป้าย
เขามองตามนิ้วผมก่อนจะจ่ายเงิน แล้วพาผมเดินไปที่สะพาน
ตอนนั้นแดดแรงมาก แถมยังมีคนเดินป่านไปผ่านมาให้วุ่นกว่าจะเลือกมุม กว่าจะเลือกท่าได้ก็กินเวลานานอยู่
ผมลงไปนั่งยองๆข้างป้ายนั้น ยกสองมือขึ้นมากำแล้ววางไว้ตรงแก้ม ทำท่าเหมือนเด็กร้องไห้
บ๊ะ!!!!แอ๊บแบ๊วไปนะกู!!!!!!!
เขาหัวเราะออกมา ก่อนจะขยับกล้องให้เข้าที่เข้าทาง
ตอนนี้คนที่จะเดินข้ามสะพาน หยุดยืนมองผมกับเขากันหมด
ไม่ใช่เพราะหน้าตาดีหรือฟินหรือบินอะไรหรอกนะครับ
แต่เพราะมุมที่เขายืนถ่าย ภาพมันกินเนื้อที่ตรงสะพานจนหมด
ผมรีบตะโกนบอกเขาให้กดถ่าย คนอื่นจะได้เดินได้
แฉ๊ะ!
แล้วเขาก็กดถ่ายภาพ
ผมรีบลุกขึ้น เดินตรงไปหาเขา แล้วลากแขนเขาเข้ามาในที่ร่ม
บางคนที่หยุดยืนรอ อมยิ้มเล็กๆก่อนจะเดินข้ามสะพานไป
55555555 ดูท่ากูดิ
ผมหัวเราะให้กับภาพตรงหน้า
แหมมมมมมม ก็ดูสิครับ โตอย่างกับควายแต่มานั่งยองๆทำท่าเป็นเด็กซะงั้น
เขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นผมหัวเราะแถมยังยกมือมาลูบหัวผมเบาๆอีก
เฮ้ออออออ ท่าประจำเขาเลย
พอผมถ่ายรูปเสร็จ เราสองคนก็เดินกันต่อจนไปถึงชั้นสอง
และเนื่องด้วยอากาศร้อนมากเขาก็เลยพาผมเข้าไปนั่งกินไอติมกะทิ ชั้นสอง ชื่อร้านอะไรผมจำไม่ได้แต่มันมีแอร์ด้วยอ่ะครับ อิอิ
เราสองคนสั่งไอติมมาถ้วยเดียวเพราะต่างคนต่างก็ไม่หิวแค่อยากมานั่งพักตากแอร์
ผมเดินไปนั่งเบาะนิ่มๆ ส่วนเขายืนรอเอาไอติม
ไม่นาน เขาก็เดินมานั่งลงตรงเบาะฝั่งตรงข้ามผม
ไอติมกะทิที่นี่อร่อยนะครับแถมอากาศร้อนๆอย่างนี้ยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่
เรากินกันจนหมด ก็หาเรื่องคุยกันต่อ
เขาถามผมว่าอยากกลับกรุงเทพเลยรึเปล่าผมก็ตอบกลับไปว่าแล้วแต่ เพราะยังไง ผมก็ไม่รู้จักที่เที่ยวที่อื่นแล้วเขาพยักหน้ารับแล้วทำท่าจะลุกเดินออกจากร้าน
ผมรีบเรียกเขาก่อนเลย
เดี๋ยว...... ถ่ายรูปกันหน่อยดิ
ผมพูดพร้อมกับตบเบาะข้างๆที่ยังว่างอยู่ให้เขานั่ง
เขาทำตามแต่โดยดี
ตอนแรกผมหยิบไอโฟนเขามาถ่ายรูป ซึ่งตลอดทั้งทริปนี้เราก็ใช้ไอโฟน ไอแพด ที่มีถ่ายรูปกันไปเยอะมาก
ตั้งแต่ขับรถ เดินริมทะเล หรือแม่แต่กระทั่งนอนในห้องพัก
รูปส่วนใหญ่จะเป็นผมที่ถือตัวเครื่องแล้วยกขึ้นถ่าย
นอนบนอก นอนบนแขน หรือนั่งเฉยๆ ผมก็จะเป็นคนถ่ายแล้วให้ภาพติดเขานิดๆ
แต่แน่นอนว่าเราไม่ได้ถ่ายคลิปเก็บไว้นะครับ
แอร๊ยยยยยย >///<
ผมจำได้ด้วยว่าตอนที่นั่งในร้านไอติมกะทิเขาก็พยายามถ่ายรูปโดยใช้โปรแกรมที่กำลังฮิตอยู่ตอนนั้นคือโปรแกรมที่ทำให้มีผมสองคนในรูปอ่ะครับ อิอิ
เราสลับกันถ่ายได้สักพักผมก็หันไปคว้าไอเจ้ากล้องโพลารอยด์มาอยู่ในมือ
ผมเขยิบเข้าไปใกล้ชิดเขามากขึ้นพลางยกกล้องขึ้นมาถ่ายมุมสูง เพื่อจะให้มีภาพเราทั้งสอง
แต่เพราะตัวผมเตี้ยกว่าเขา และแขนผมก็สั้นกว่าเขาเขาก็เลยคว้าจากมือผมไปแทน
เขายกสูง แล้วเล็งมุมที่คิดว่ารูปะออกมาสวยพร้อมกดชัตเตอร์เบาๆ
แฉ๊ะ!
ภาพค่อยๆปรากฏขึ้นมาเนื้อกล้อง
ผมคว้ามาสะบัดเบาๆอีกครั้งหนึ่ง แล้วก้มลองมองภาพนั้น
555555 เหลือที่ข้างกูตั้งเยอะแหนะ
ใช่ครับ เพราะเขาเป็นคนยกกล้องด้วยแหละมั้งรูปก็เลยออกมาแบบนี้
ผมยื่นรูปให้เขาดู แล้วเขาก็หัวเราะออกมา
ถ่ายใหม่ๆ
เขาตั้งท่าจะถ่ายใหม่อีกครั้งแต่ผมกลับส่ายหน้าบอกเขาไปว่า
ไม่เอาๆ รูปนี้แหละ เปลืองฟิล์ม
เขาฟึดฟัดใส่ผมนิดนึง แต่สุดท้ายก็ยอมทำตาม
แล้วเราสองคนก็ลุกขึ้นเดินออกจากร้าน ตรงไปขึ้นรถเพื่อจะกลับกรุงเทพ
แต่ขับออกจากเพลินวานได้ไม่นาน ผมก็เหลือบไปเห็น outlet ข้างหน้า
จริงๆต้องไม่ใช่เรียกว่าเหลือบสินะ
เข้าไปดูมั้ย
สงสัยเขาจะเห็นว่าผมทำหน้าสนใจสิ่งรงหน้ามาก เขาเลยถามผม
รีบป่ะหล่ะ ถ้าไม่รีบกลับกรุงเทพ แวะก่อนก็ดีนะ อิอิ
ผมพูดด้วยอารมณ์แบบว่า แวะก็ดี ไม่แวะก็ได้ แต่ใจจริงหน่ะอยากจะแวะ shipหายเลยแหละครับ 55555555
เหมือนเขาจะรู้ เพราะเขาละมือจากพวงมาลัยมาลูบหัวผมเบาๆก่อนจะเลี้ยวเข้าไปใน outlet ทันที |
บทความทั้งหมด
|
น่ารักทั้งคู่เลย