2019 Hokkaido: รีวิว Flight EVA lounge Biz class และ Royton Hotel เวลาผ่านไปจนกำลังจะสงกรานต์ปี 2020 แล้ว อิฉันยังคงมีทริปดองเค็มอยู่อีกมากมาย ทั้งฮอกไกโด โอซาก้า บาหลี เชียงรายและอินเดียรอบสอง  บริษัททำท่าจะหยุดจากอีไวรัสตัวร้ายโควิดนี่ อิฉันน่าจะมาเก็บตกรีวิวได้พอควรล่ะนะ ทริปฮอกไกโดนี่อิฉันไปเมื่อสงกรานต์ปี 19 จริง ๆ ฮอกไกโดนี่เป็นที่ ๆ อิฉันอยากจะไปเที่ยวเป็นที่สุด แต่ช่วงที่เหมาะ ๆ มันจะต้องเลือกเอาระหว่างมาดูฮอกไกโดแบบหิมะเต็ม ๆ มีเทศกาลหิมะตอนเดือนกุมภา หรือช่วงเดือนสิงหาที่จะมีดอกไม้อลังการ ซึ่งใน 2 เดือนนี้การลางานมาเที่ยวแบบยาว ๆ ก็ทำได้ยากทั้งคู่ อยู่ ๆ อีอาเฮียก็ชวนให้มาในเดือนเมษาที่ปกติชาวบ้านเค้าไม่มาเที่ยวกัน เฮียให้เหตุผลว่าคนน้อยก็ดีสิ ไม่ต้องแย่งกะใคร ค่าตั๋วค่าโรงแรมก็ถูก ซึ่งตอนนั้นอิฉันก็หมดมุกไม่รู้จะไปไหนล่ะ เลยตามใจเฮีย ไปก็ได้วะ เฮียจองตั๋ว Business Class ของ EVA ได้ในราคาถูกมาก สามหมื่นนิด ๆ แต่ขาไปใช้เวลาที่สนามบินที่ไทเปหลายชั่วโมงอยู่ เราก็เลยจองโรงแรมในสนามบินไว้นอนเลื้อยซะเลย EVA เป็นสายการบินที่อาเฮียเค้าปลาบปลื้ม ชอบ EVA Premium Economy ของเค้ามาก แกชอบใช้บินกลับบ้านที่อังกฤษเป็นประจำ เฮียเลยมาโฆษณาชวนเชื่ออิฉันมากมาย ถึงแม้จะต้องรอต่อเครื่องนานมันก็ดีอย่างโง้นงี้ อ้ะ มาดูเล้าจน์ EVA ที่สุวรรณภูมิ เรียบง่าย มีทุกอย่างพร้อมสรรพ ดูบุคลิกกึ่ง ๆ ญี่ปุ่น ๆ จีน ๆ สมกับการเป็นสายการบินของไต้หวัน  ตู้ไอติมมีทั้งแม็กนั่ม และสเวนเซ่นส์ของโปรดของอิฉันทั้งคู่  ทาร์ตชิ้นเล็ก ๆ ดูดีงาม  สลัดสำหรับสายสุขภาพ แต่ที่อิฉันเล็งไว้คือน้ำมะพร้าว ของที่นี่สดชื่นที่สุดเลย    ที่น่าสนอีกอย่างคือข้าวเหนียวมะม่วง  ชุดแรกเบา ๆ   อาเฮียเริ่มต้นด้วยขนมถุง ๆ ด้วย  อิฉันซ้ำข้าวเหนียวมะม่วงอีกถ้วย  และไอติมมะม่วง    ที่นี่มีเก้าอี้นวดให้ด้วย มี 2 ห้อง  ห้องน้ำก็สวย ตกแต่งน่ารักเชียว   สบู่โลชั่นเป็นของล็อกซิตาน  กลับมากินอีกรอบก่อนขึ้นเครื่อง EVA เค้าเลี้ยงดีย์ย์   ไปลำนี้นะค้าาา  นั่งแยก มี Partition จะได้ไม่ตีกัน  Welcome drink  เมนู Biz calss ก็จะดูดีขึ้นมาหน่อย  อิฉันชอบลองค็อกเทล แบบ Exclusive ตามแต่ละสายการบิน มีอร่อยมั่งไม่อร่อยมั่ง แต่ก็ถือว่าเป็นเมนูพิเศษที่ไปหากินที่อื่นไม่ได้ล่ะนะ  มาเปิดดูข้าวของประจำตำแหน่งบ้าง หูฟังมาเป็นแพ็คเกจหนานุ่ม  หูก็หนาหนุ่ม ปิดเสียงรบกวนภายนอกได้มิดเลย ไว้ใส่นอนปิดเสียงกรนคนบนเครื่อง หรือปิดเสียงกรนของเราเองจะได้ไม่สะดุ้งตื่น  นี่ถุงรองเท้าบนเครื่อง ใช้ของแบรนด์ Jason Wu แบรนด์ดังจากนิวยอร์ค  ดูเรียบ ๆ คุณภาพดี ดูดีย์มีตังค์  Passion Island ค็อกเทลของอิฉันมาแล้ว มาพร้อมของกินเล่นที่เสริฟมาในถ้วยเรียบร้อย  อาหาร มาแบบเรียบ ๆ สวยงาม และอร่อยดี     มาถึงไต้หวัน หาที่นอนดีฝ่า ตรงดิ่งไปที่ Plaza Premium lounge ที่จองมาล่วงหน้าเพื่อนอนพักผ่อนไม่กี่ชั่วโมง ทีแรกนึกว่าเป็นโรงแรม ก็ถามทางชาวบ้านในสนามบิน ไม่มีใครรู้จักเลย การทรานสิทเครื่องที่ไทเปคราวนี้เป็นอะไรที่วุ่นวายพอควร เดินวนอยู่หลายรอบเพราะหาที่พักไม่เจอ แถมคนที่ทำงานอยู่ในสนามบินก็ไม่รู้จักซะด้วย ในที่สุดก็มาถึงละ ถึงตอนที่จองไปจะเข้าใจว่าที่นี่เป็นโรงแรม แต่จริง ๆ มันอยู่ในโซนเล้าจน์สายการบินนะครัช  แต่รูปแบบเหมือนโรงแรมมากกว่าเล้าจน์ กว้างขวาง มีโซนกินอาหาร  เข้าห้องที่จองมาจะเป็นอย่างนี้ มีที่นั่งหรือเอาไว้วางของก็ได้ มีรองเท้าแตะให้ 2 คู่   เตียง หนานุ่มนอนสบาย นอนเหยียดยาวได้  ห้องน้ำกว้างดี   นอนไปแปบ ๆ ก็ถึงเวลาออกเดินทางต่อ พร้อมละค้าบบบบบฮอกไกโด  ใช้บริการให้คุ้ม มานั่งกินกาแฟซะหน่อย   แล้วก็ขึ้นเครื่อง ไปนั่งกินต่อบนเครื่อง  เลือกเป็นชุดอาหารจีนแบบเบา ๆ  มีซุปไก่ร้อน ๆ และเสี่ยวหลงเปา   ขนมเปี๊ยะงาดำ หอมอร่อยมาก อันนี้ช๊อบชอบ อยากกินอีก   และแล้วเราก็มาถึง.. นั่งรถบัสเข้าเมือง เนื่องจากคราวนี้เป็นทริปแบบขี้เกี๊ยจขี้เกียจ ไม่อยากสมบุกสมบันกันเท่าไหร่ จึงเลือกโรงแรมที่มันมีแอร์พอร์ตบัสไปเทียบท่าได้เลย เราพักกันที่ Royton Sapporo ซึ่งอยู่ปลายทางของแอร์พอร์ตบัส ทำให้สะดวกสบายมากไม่ต้องลากกระเป๋าไปไหนไกลเกิน จากป้ายรถ 10 ก้าวก็ถึงโรงแรมเลย ราคาตั๋วรถ 1,100 เยน สามร้อยกว่าบาท  ระหว่างทางเข้าซัปโปโร ถึงแม้เป็นเดือนเมษาแต่ก็ยังมีหิมะเป็นหย่อม ๆ   เข้ามาถึงโรงแรม ใหญ่โตทีเดียวเชียว โรงแรม Royton Sapporo ที่นี่อยู่ปลายๆ โอโดริพาร์ค ใกล้สถานี Nishi juit chrome นิชิจูอิทโชเหมะ ซึ่งอยู่ห่างจากโอโดริแค่ 1 ป้าย หรือจะเดินก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาทีก็ถึงศูนย์กลางซัปโปโร โรงแรมนี้คนไทยมาพักกันเยอะเชียว ดูได้จากห้องอาหารตอนเช้า ได้ยินภาษาไทยเป็นระยะๆ ที่นี่ดีเลิศตรงอาหารเช้า มีซาซิมิแซลมอน มีไข่แซลม่อนให้กินไม่อั้น ไลน์อาหารหลากหลายมาก ทั้งฝรั่งทั้งญี่ปุ่น เกาหลีก็มี แต่ไหนๆ มานี่แล้วอิฉันก็โซ้ยแต่แซลม่อนล่ะฮะ แถมห้องอาหารเปิดตั้งแต่ 6.30 ถึง 10.00 น. แน่ะ เราได้ห้องที่ชั้น 19 เข้ามาในห้องเจออย่างนี้ โซนตู้เสื้อผ้า  เดินเข้าไปก็ตามแสตนดาร์ดโรงแรมทั่วไป จะเจอทีวีกับโต๊ะทำงาน แต่ที่นี่เจ๋งตรงมีเครื่องฟอกอากาศให้ด้วย   เตียงขาวสะอาดหนานุ่ม  วิวที่นี่ดีงาม อิฉันได้ห้องที่ชั้น 19 วิวสวยมาก เห็นภูเขาหิมะอลังเป็นแถวยาว
  ที่เด็ดสุดคือห้องน้ำของที่นี่ Amenities อลังการดาวล้านดวง แทบไม่ต้องหิ้วอะไรมาเลย ไอ้ที่เรียงตั้ง ๆ นั่น ของฟรีทั้งนั้นคร่ะ  มีทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ออยล้างหน้า โทนเนอร์ ครีมบำรุงผิว น้ำหอมแช่ตัว สบู่ แชมพูหลากหลายแบบ     แถมอ่างที่นี่เป็นอ่างใหญ่ที่ยืดตัวได้ยาว ๆ ไม่เหมือนส่วนใหญ่ที่ญี่ปุ่นที่มักเป็นอ่างไซส์จิ๋วที่ต้องนั่งงอเข่า นอนเลื้อยแช่น้ำร้อนแช่ฟองกันฟินน์เลย    แต่ข้อเสียอย่างนึงคือที่นี่ไม่มีแอร์นะฮะ มีแต่ฮีทเตอร์ ถึงจะเป็นฮอกไกโด แต่ในวันที่ร้อน ๆ มันก็ร้อนใช่ย่อย ถ้าใครร้อนโทรไปขอพัดลมเค้ามาใช้ได้   ดูวิวอีกที    ห้องนี้นะฮะ  โรงแรมใหญ่เบ้งระเบียงย๊าวววววว  เมื่อสำรวจห้องเรียบร้อย เราก็จะลงไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ โรงแรมบ้าง อากาศในวันนี้ 2 องศา  กดชาร้อนมาอุ่นมือกัน  เดินไปดูตึกอิฐแดงที่ใครไปใครมาก็ต้องแวะ ที่นี่เป็นศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า จริง ๆ เหมือนจะเปิดให้เข้าชมได้ แต่วันนั้นมันไม่เปิด      แถวนี้อีกาเยอะเชียว และต้นไม้จะมีการขึงเชือกไว้ ไม่รู้ขึงไว้ไม ผู้รู้บอกเค้าล่วยย  รึจะเอาไว้ขึงห่มผ้าให้ต้นไม้นะ  อีกาแถวนี้หน้าผากโหนกนูน หัวทุยสวยโดยไม่ต้องฉีดฟิลเลอร์  พวกมันชอบเข้ามาใกล้คนมากเลย โดยเฉพาะเมื่อเราถึงของวิบวับอย่างกระป๋องมาด้วย  ป้ายอธิบายตึกอิฐแดง สร้างมาตั้งแต่ปี 1888 แน่ะ  มาช่วงบ่าย จะได้แสงจ้าอย่างงี้ ถ้ามาตึกอิฐแดง ช่วงเช้าน่าจะได้มุมแสงสวยกว่านะคะ  หนาวดีแท้ เราเลยลงไปเดินสถานีรถไฟใต้ดิน เดินเมียงมองหาอะไรกิน     งั้น ๆ   อาหารมื้อแรกของทริป เวลาไปเที่ยวที่ไหนมักจะได้ของไม่ค่อยอร่อย เพราะยังไม่ค่อยเชี่ยว อันนี้ก็เช่นกัน เลยมาเดินส่องขนมในซุปเปอร์ เอากลับมากินที่ห้อง ได้น้องหมีรีลัคมา  อันนี้เป็นใส้เกาลัด อร่อยดี  มาชเมลโล่กับโมจิแฟมิลี่มาร์ท งั้น ๆ  บล็อกหน้าจะพาไปเที่ยว Clock Tower กับโรงงานช็อคโกแลตชิโรอิโคอิบิโตะ
|
บทความทั้งหมด
|
|||||||||||||||||||||
 |
|
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [