2010 New year in Tokyo # Day 5 - Nikko World Heritage วันนี้ เราซื้อ Trip เต็มวันไป Nikko ก่อนมา เพื่อนแกะเตือนว่า Nikko หนาวมากนะเจ๊ หนูไปเมื่อตอนหน้าร้อนยังหนาวโคตร เจ๊ไปหน้าหนาวอย่างงี้ ไม่เหลือหรอก อิฉันกลัวหนาวตายมากมาย เพราะเคยรู้สึกหนาวจนเกือบช็อคที่อังกฤษหนนึง ตอนที่ยังดูถูกอากาศหนาวอยู่ เลยขาดการเตรียมเสื้อผ้าอุ่น ๆ ไปให้พอ ที่ Outdoor musuem แห่งหนึ่ง อิฉันรู้สึกหนาวจนจุกเหมือนปอดมันล้นออกมาถึงคอ ตอนนั้น ได้แต่คิดถึงพ่อแก้วแม่แก้วว่าตายแน่ ๆ ตรู คราวนี้ จึงใส่เสื้อผ้าไปอย่างหนา เล่นมันซะ 5 ชั้น เสื้อทับ +วูล 2 ชั้น + ฮู้ดดี้ + แจ็คเก็ต + ถุงมือหมวกผ้าพันคอ อุ่นดีทีเดียวค่ะ แต่สร้างปัญหาเวลาอยู่บนรถบัส เพราะร้อนจนเกือบเป็นลมเชียวค่ะ ใส่ ๆ ถอด ๆ ทั้งวันจนหมดแรง กลับมาเรื่อง Trip Nikko.... นัดเจอกันที่ท่ารถบัส Hamamatsucho ตอน 9.00 น. เค้าว่านั่งรถตั้ง 160 นาทีจึงจะถึง Nikko Toshogu Shrine ซึ่งเป็น Highlight ของ Trip อิฉันจึงเติมพลังกันด้วยนี่เลย ข้าวปั้นสุดอร่อย จากร้านสะดวกซื้อที่ท่ารถ  ราคาถูกค่ะ 100 เยนกว่า ๆ มีหลายใส้ให้เลือก ซึ่งก็เลือกได้มั่วซั่วมาก เพราะอ่านไม่ออกเลยเลย มั่ว ๆ หยิบ ๆ มา 2 ก้อน สาหร่ายกร๊อบ กรอบ  ไม่รู้ไส้อะไร แต่อร่อยจัง   ข้าวปั้นที่นี่นะคะ ไส้เค้าจะตู้มมาก ๆ จากหัวจรดหางข้าวปั้นเลยทีเดียว (ข้าวปั้นมีหัวมีหางไหม  ) อยู่ญี่ปุ่น 8 วัน อิฉันได้ลองสุ่มหยิบกินมาหลายไส้ ซึ่งก็ไม่เคยซ้ำกันเลย เจอไข่ปลา เนื้อปลามายองเนส ผักดอง และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่แค่ 2 ก้อนก็อิ่มตื้อไป 1 มื้อ เอร็ดอร่อยได้ในราคาแสนถูก ล้างปากด้วยชาร้อน อันนี้ อร่อยค่ะ  อิฉันชอบตู้กดน้ำที่นี่มาก เพราะมีแบบร้อนด้วย ช่วยได้มากเวลาอากาศหนาว ๆ ซื้อมาถืออุ่นมือไว้ พอหายอุ่นไม่ต้องการมันแล้วก็เอาให้อาเฮียไปกิน  เมืองไทยยังไม่มีเนอะ (หรือมีแล้ว แต่อิฉันไม่เคยเห็นก็ไม่รู้) ขึ้นมาบนรถ วันนี้ เราได้ไกด์ชื่อ Ta-ke น่ารักมาก ๆ พูดอังกฤษได้ดีมาก เข้าใจง่าย (ไม่เหมือนญี่ปุ่นที่บริษัทอิฉัน ไม่ว่าจะพูดภาษาอะไร ญี่ปุ่น ไทย อังกฤษ อิฉันฟังไม่เคยออกเลย แทบจะต้องใช้ BB คุยกัน) Ta-ke San บอกว่า ผมชื่อ Ta-ke ออกเสียงเหมือนเหล้าญี่ปุ่น Sa -ke (สาเก) ถ้านึกชื่อผมไม่ออกให้นึกถึงสาเกเข้าไว้ แต่ถ้ายังเรียกไม่ถูก เรียกผมว่าสาเกก็ได้ ผมไม่ถือ Ta-ke san ต้องจบไม่เศรษฐศาสตร์ ก็ Finance มาแน่ ๆ เพราะมีเรื่องราวมาเล่าให้ฟังแบบมีตัวเลข Support อยู่ตลอดทาง คนญี่ปุ่นใช้พื้นที่ต่อคนกี่ตารางเมตร เทียบกับคนอเมริกัน เรื่องโน้นเรื่องนี้ ได้ยินแล้วก็ทึ่ง จำได้ไงฟระ (แต่ถึงเค้าโม้ นึกตัวเลขขึ้นมาได้กลางอากาศ เราก็จับไม่ได้อยู่ดี  ) ซึ่งทำให้การเดินทางสนุกสนาน น่าสนใจมากเลยค่ะTa-ke san  แวะจอดระหว่างทาง เค้าจอดให้ที่ Supermarket ขนาดใหญ่ทีเดียว มี Food court ด้วย เจอนี่ ตู้ข้าวปั้น ตู้เฟร้นช์ฟรายด์หยอดเหรียญ ลองหยอดดู นานพอควรเลยกว่าจะสุก ออกมาร้อน +กรอบ อร่อยใช้ได้ค่ะ  ข้างหน้า Super  วิวระหว่างทางบนรถ วิวทางไป Nikko จะเป็นการเดินทางเข้าไปภูเขาซับซ้อน จึงมีทะเลหมอกสวย ๆ ให้ดู  อันนี้ เป็นสะพานที่ดังพอตัว คนจะมาถ่ายรูปกันมาก แต่เรามากะทัวร์ เค้าไม่ให้ลงค่ะ  ถึงแล้ว.... Nikko Toshogu Shrine  ยืนอืดอยู่ด้านหน้า เป็นหลักฐานว่ามาถึงแย้ววว.  Ta-ke San พยามอธิบายประวัติศาสตร์ให้ลูกทัวร์ไม่รักดีอย่างพวกเราฟังอย่างสุดความสามารถ  ไกด์ญี่ปุ่น เค้าจะมีธงอันเล็ก ๆ อย่างในมือ Ta-ke San ไว้ชูเรียกลูกทัวร์ น่ารักดี แล้วไกด์เค้านะคะ ถึงแม้อากาศจะหนาว แต่ก็จะไม่หนีขึ้นไปนั่งอุ่นอยู่บนรถหรอก เค้าจะมายืนรอลูกทัวร์จนครบ หนาว ๆ นั่นแหล่ะ อิฉันสุดแสนจะประทับใจคนที่เห็นคุณค่าและทำเต็มที่กับงานของตัวเองจริง ๆ ค่ะ Attitude การทำงานของคนญี่ปุ่น น่านับถือมาก ๆ เข้าไปข้างใน หลากหลายอาคาร สิ่งก่อสร้าง  เซียมซีไม่ดีจะถูกทิ้งไว้ ผูกไว้ในวัด  มีป้ายขอพร  มีทางเดินต่อเข้าไปอีกหน่อย      อันนี้ เป็นจุดขายของเค้า ลิงปิดตาปิดหูปิดปากเนี่ย แต่จริง ๆ แล้ว มันมีเป็น Series 9 หรือ 12 ชิ้นเนี่ยแหล่ะค่ะ พูดประมาณว่าสัจธรรมของชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก พ่อแม่เลี้ยงดู วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ เรื่อย ๆ ไปจนวัยชรา  ย้อนกลับมาดูอันแรก ตอนเด็ก มีพ่อแม่คอยดูแล  มันเป็นแผง อยู่รอบอาคารอย่างนี้  อันนี้ก็สวย ta-ke san พยายามอธิบายแล้วค่ะ ว่ามันคืออะไร แต่อิฉันก็คืนความรู้เค้าไปหมดเลยทันทีที่เดินคล้อยหลัง (กลัว trip หน้า Ta-ke San ไม่มีเล่าให้ลูกทัวร์ฟังค่ะ  ) อาเฮียดูตัวเล็กดี เมื่อยืนอยู่ในหมู่ของใหญ่ ๆ อย่างนี้  รูปปั้น อลังการ หรือน่ากลัว ?  ร้านขายของเล็ก ๆ ข้างหน้าวัด  มีหิมะด้วยยยย...  แล้วเราก็ออกมาแวะกินอาหารกลางวันกันประมาณบ่ายสอง อาหารวันนี้ อร่อยจัง อาเฮียกินได้เยอะ เริ่มชอบอาหารญี่ปุ่นขึ้นมาแล้วหล่ะเซ่..  เสียดาย ถ่ายมาไม่หมด ข้าง ๆ ชุดนี้ มันจะมีหม้อร้อนใส่บะหมี่เป็ดด้วย น้ำซุป สุดยอด  ส่วนในรูป ที่เป็นผะอบ ยังมีอาหารซ่อนอยู่อีก 2 ชั้นนะคะ นั่งรถขึ้นเขาไป วิวสวยงาม เริ่มเห็นหิมะตามข้างทางมากขึ้นเรื่อย ๆ ทางเป็นโค้งหักศอกทั้งหมด 48 โค้ง (เค้าว่านะ.. ไม่ได้นับหรอกค่ะ แต่โค้งเยอะจริงๆ ทางน่าหวาดเสียวพอควร)   มาจอดรถที่ทะเลสาป Chuzenji หิมะเต็มเลยค้าบบบ หนาวโคตร ๆ ลงมาเดินได้ไม่ถึง 5 นาที คนวิ่งขึ้นรถกันหมดเลย     ทายซิ ว่าใครเดินตรูดเปียกขึ้นรถ... นั่งรถต่อมาแว่บเดียว ก็จอดกันที่น้ำตก Kegonnotaki ซึ่งเค้าว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น หน้านี้ไม่ค่อยมีน้ำเท่าไหร่     กลับถึงโตเกียวประมาณ 2 ทุ่มค่ะ จบ Trip Nikko กันด้วยความประทับใจ ถ้าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนะ อิฉันว่ามันต้องงามหยดไปเลย ระหว่างทางเนี่ย ถ้ามีโอกาสก็อยากมาอีกจัง มากับทัวร์นี่ เที่ยวสบายแต่รู้สึกไม่อิ่มยังไงก็ไม่รู้ Trip นี้ เราจ่ายไปคนละ 14,000 เยน หรือประมาณ 5,200 บาท ถูกกว่าทริปฟูจิ แต่อิฉันชอบมากกว่าแฮะ จบ Trip แต่เรายังคงบ้าพลัง จึงไปกันต่อที่ Ikebukuro (มั๊ง? หรือAkihabara? จำไม่ได้อ้ะ) ช็อปปิ้งเล็กน้อย และหาอะไรกินกัน แวะกินนี่ค่ะ ร้าน First Kitchen เป็นประมาณ Fastfood เค้า ราคาย่อมเยาและอาหารไม่ขี้เหร่   สุดท้าย เดินผ่านป้าย Newmoon ภาคญี่ปุ่น 
|
บทความทั้งหมด
|
|||||||||||||||||||||
 |
|
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [