Matsuyama ~ กล่าวกันว่าคนญี่ปุ่นชอบอาบน้ำมาก เนื่องจากอากาศที่ร้อนชื้นในฤดูร้อน และลักษณะประจำชาติที่รักความสะอาด การอาบน้ำของคนญี่ปุ่นคือ การชำระล้างความสะอาด และเป็นการพักผ่อนทางจิตใจอีกด้วย ช่วยบรรเทาความเหน็ดเหนื่อยในเวลากลางวันและยังช่วยให้นอนหลับสบาย ดังนั้นโดยทั่วไปจึงนิยมอาบน้ำในเวลากลางคืน แต่ในระยะหลังนี้ คนหนุ่มสาวนิยมอาบน้ำฝักบัวและสระผมในตอนเช้ามากขึ้น ก่อนที่จะมีการแพร่หลายของห้องอาบน้ำในบ้าน ที่อาบน้ำสาธารณะในเมืองที่เรียกว่า เซ็นโต อยู่ในสภาพเฟื่องฟู เซ็นโตเป็นทั้งที่แลกเปลี่ยนข่าวสารของคนในละแวกใกล้เคียงและเป็นที่ที่ผู้ใหญ่จะได้สอนมารยาทในที่สาธารณะแก่เด็กๆด้วย ปัจจุบันเซ็นโต หรือที่อาบน้ำสาธารณะมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่ อนเซ็น หรือ สถานอาบน้ำแร่ในแต่ละท้องถิ่นได้รับความนิยมมากขึ้น ~ การอาบน้ำในแบบตะวันตกจะอาบน้ำชำระล้างความสกปรกในอ่างอาบน้ำ แต่ในแบบญี่ปุ่น จะมีประเพณีการชำระล้างความสกปรกนอกอ่างอาบน้ำก่อน แล้วจึงลงแช่ ดังนั้น น้ำในอ่างจึงยังคงความสะอาดอยู่ และการใช้น้ำร้องร่วมกันยังทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกด้วย ตามปกติในบ้านของคนญี่ปุ่นจะแบ่งห้องอาบน้ำ และห้องสุขาออกจากกันอย่างชัดเจน และห้องอาบน้ำก็จะแบ่งออกเป็นสองชั้น ชั้นแรกเป็นส่วนที่เปลี่ยนเสื้อผ้า อ่างล้างหน้า ชั้นเก็บของใช้ในห้องน้ำ และแบ่งเข้าไปอีกห้องที่เป็นห้องเปียกมีอ่างน้ำ และฝักบัว กระจก รวมทั้งก๊อกเตี้ยๆที่เอาไว้เปิดน้ำลงอ่างเล็กๆแช่ผ้าเช็ด/ขัดตัว มีเก้าอี้เล็กๆเอาไว้ให้นั่งล้างตัวก่อนลงอาบน้ำในอ่าง การอาบน้ำคนที่อาบคนแรกจะเปิดน้ำร้อนไว้ หลังจากแช่น้ำแล้วก็จะเอาพลาสติกปิดอ่างที่มีลักษณะคล้ายม้วนเสื่อ ปิดอ่างไว้ เพื่อให้ยังคงความร้อนสำหรับคนที่จะมาอาบคนต่อไป บางทีก็จะแค่เปิดฝาม้วนเสื่อนั้นพอให้เอาตัวแช่ลงไป แล้วก็แช่น้ำร้อนทั้งๆที่มีม้วนเสื่อนั้นปิดอยู่อย่างนั้นเลย ส่วนนี่เป็นมารยาทการใช้อ่างอาบน้ำแบบญี่ปุ่นอย่างหนึ่งเหมือนกัน เช่น ในที่พักบางประเภท เช่น Youth Hostel ที่ Okayama ห้องอาบน้ำจะเล็กๆ เป็นลักษณะเหมือนดัดแปลงมาจากบ้านที่อยู่อาศัย ดังนั้นห้องอาบน้ำก็จะเล็กๆและมีม้วนเสื่อลักษณะนี้ใช้ บางแห่งก็จะเป็นแผ่นไม่ที่ทำมาให้พอดีเป็นฝาปิดอ่าง ส่วนคนที่(มั่นใจแล้วว่า)อาบน้ำเป็นคนสุดท้ายก็มีหน้าที่เปิดน้ำทิ้งและทำความสะอาดอ่างด้วย ส่วนที่อาบน้ำสาธารณะที่เรียกว่า เซ็นโตนั้น เป็นที่ที่ต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าไปใช้ พัฒนาขึ้นในสมัยเอโดะ มีทางเช้าและที่อาบน้ำสำหรับชายหญิงแยกกัน วิธีอาบน้ำก็เหมือนเวลาอาบน้ำในบ้าน สมัยก่อนในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าคนจะใช้ผ้าสี่เหลี่นมปูลงบนพื้นเพื่อห่อเสื้อผ้า ผ้านี้เรียกว่า ฟุโระฌิกิ (อ่างอาบน้ำ เรียกว่า โอ-ฟุโระ) ซึ่งก็เป็นที่มาของผ้าห่อของที่เรียกว่า ฟุโระฌิกิในปัจจุบันนั่นเอง ส่วนความแตกต่างระหว่างเซ็นโตกับอนเซ็นนั้นคือ อนเซ็นจะใช้เรียกสถานอาบน้ำแร่/น้ำพุร้อน ซึ่งในญี่ปุ่นมีเป็นจำนวนมาก (อย่าลืมว่าญี่ปุ่นตั้งอยู่บน ring of fire ส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก) แต่ละแห่งก็มีส่วนประกอบทางเคมีของน้ำแตกต่างกันไป เชื่อกันว่า การอาบน้ำแร่ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ การอาบน้ำแร่จึงให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปจากการอาบน้ำทั่วๆไป นอกจากนี้ อนเซ็นยังแบ่งออกเป็นแบบกลางแจ้ง และแบบในร่มด้วย การไปเที่ยงพักผ่อนของครอบครัวญี่ปุ่น จึงมีการอาบน้ำแร่อยู่ในโปรแกรมด้วยบ่อยๆ สถานที่มีชื่อเสียงสำหรับอนเซ็นในญี่ปุ่นก็เช่นที่เมือง Dogo ใน Matsuyama บนเกาะ Shikoku เมือง Beppu บนเกาะ Kyushu เป็นต้น -ข้อความบางส่วน อ้างอิง และคัดลอกจาก ธรรมเนียมญี่ปุ่น แปลโดย รศ. มณฑา พิมพ์ทอง ที่ Dogo นี่เองที่ได้เห็นความจริงจังในการอาบน้ำของคนญี่ปุ่น ที่นี่เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากในเรื่องอนเซ็น ที่เรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น มีประวัติยาวนานกว่าสามพันปี. เราจะได้เห็นคนสวมยูกาตะถือกะละมังเล็กๆหรือถุง เล็กๆเดินออกมาจากที่พักเพื่อไปอาบน้ำแร่ที่นี่กันเป็นครอบครัว บางทีก็เป็นคนทำงานบริษัทเดียวกันที่มาพักผ่อน เห็นคนญีปุ่นยืนถ่ายรูปหน้าอนเซ็น และตื่นเต้นที่จะได้เข้าไปอาบน้ำที่นี่ ลองไปดูรายละเอียดของที่นี่กันดีกว่า      
|
บทความทั้งหมด
|
||||||||||||||||||||
 |
|
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [