Japan Trip(1) 4 Dec. 2010 - 11 Dec. 2010 ว่าจะเขียนตั้งแต่กลับมาใหม่ๆแล้ว แต่ก็ขี้เกียจ พอรู้สึกตัวอีกทีก็ผ่านไปเดือนกว่าๆแล้ว เลยรีบมาเขียนก่อนที่ความทรงจำจะเลือนลางไปกว่านี้ครับ ทริปนี้จริงๆวางแผนกันไม่นานเท่าไหร่ เริ่มมาจากที่ผมกับแฟนแพลนกันว่าจะไปฮันนีมูนกันช่วงปลายปี สุดท้ายก็ตัดสินใจจะมาญี่ปุ่นกัน ก่อนหน้านี้ ทั้งผมกับแฟนไม่เคยมีใครเคยมาเที่ยวที่นี่มาก่อน ภาษาก็รู้อค่ประมาณอ่านออก เขียนได้ แปลไม่ออก ![]() เย็นวันที่ 3 ธันวา 53 หลังเลิกงาน รีบบึ่งออกจากที่ทำงานไป Airport Link ใช้เวลาไม่นานก็ถึงสุวรรณภูมิ ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคนหลายๆคนถึงด่า Airport Link กัน ทั้งๆที่ผมก้ว่ามันก็โอเคดีนี่นา ถึงสนามบินก็จัดการเช็คอินพร้อมกับโหลดกระเป๋าซะ จะได้ตัวเบาๆ แล้วค่อยหาอะไรรองท้องกันก่อนขึ้นเครื่อง เที่ยวบินที่จะไปเป็นของ AIA ครับ เดินเล่นกันไปซักพักก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง แต่เอาล่ะสิ ไอ้อาการนอนไม่หลับระหว่างเดินทางของผมมันกลับมาหลอกหลอนอีกแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้นอนทั้งคืน ถึงสนามบินฮาเนดะประมาณ 6 โมงนิดๆครับ ช่วงรับระเป๋ากับผ่าน ตม. ก็ไม่มีอะไรมาก ผ่านฉลุย จนมาถึงเครื่องขายตั๋วรถไฟอัตโนมัติ ![]() ผมก็ทำการบ้านมาก่อนหน้านี้แล้วนะว่า ตรงนี้จะมีตั๋ว Keikyu + Metro one day pass ขายราคา 1300 เยน ถูกกว่าซื้อแยกซะที พอซื้อจริงๆ อ่านไม่ออกหรอกครับ เห็น 1300 ขึ้นตรงไหนก็กดเลย เลยจัดตั๋วมาได้ตามด้านล่าง ![]() ลงไปรอรถไฟสาย Keikyu เข้าเมืองราวๆ 20 นาที ขบวนที่ต้องการก็มา นานเหมือนกันแฮะ เข้าไปด้านในคนโล่งมาก คงเป็นเพราะเป็นเช้าวันเสาร์ นั่งเอกเขนกได้ตามใจชอบเลย แล่นไปเรื่อยๆก็มีนักเรียนขึ้นมาเหมือนกัน เห็นแล้วอยากกลับไปเป้นนักเรียนอีกครั้งจัง แหะๆ ![]() ถึงสถานี Sengakuji ก็ลง เตรียมเปลี่ยนรถไปสาย Asakusa Line แต่พอสอด one day pass เข้าไป ประตูกลับไม่เปิด เอาล่ะสิ! สุดท้ายเลยตรงไปถามนายสถานีว่าเกิดอะไรขึ้น คุณลุงนายสถานีก้ใจดี ช่วยใหญ่เลย ได้ความว่า ไอ้ตั๋ว 1300 เยนที่ซื้อมาจากสนามบินนั่นน่ะ เป็นตั๋ว Yokohama pass ไม่ใช่ Metro pass อิ๊บอิ๋ายแล้ว ![]() นั่งรถไฟยาวมาลงที่สถานี Tawaramachi จากสถานี เดินมาราวๆไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงที่พัก Asakusa Ryokan Tokeisou เข้ามาเก็บของไว้ที่นี่ก่อน พนักงานต้อนรับก็พูดภาษาอังกฤษได้ครับ เลยหมดปัญหาเรื่องภาษาไป ![]() ตัวเบาแล้วก็ได้เวลาออกเดินทาง เป้าหมายแรกคือวัด Asakusa ครับ ดูจากแผนที่แล้ว เดินไปจากที่พักได้ ถึงจะไกลไปนิด แต่ก็คิดซะว่าเดินดูบ้านเมืองเขาไปด้วยในตัว ระหว่างทางเจอ 7-11 มีน้องๆ AKB48 เป็นพรีเซ็นเตอร์ ![]() แถวๆนั้นเงียบสงบดีครับ อากาศก็เย็นสบายดีจริงๆ ![]() เห็นวัดอยู่ตรงหน้าลิบๆแล้ว รอบๆทางเดินมีร้านขายของ ![]() ถึงแล้วก็ถ่ายรูปตามธรรมเนียม ![]() ด้านในวัดจะมีที่ให้จุดธูปแล้ววักควันเข้าใส่ตัว คงเป็นประเพณีอย่างนึง ![]() ข้างๆจะมีวิหารอยู่ครับ มีประตูโทริอิอันใหญ่คอยต้อนรับ ![]() รถลากรับจ้าง แต่ผมไม่ได้ไปลองนั่งหรอกนะ ![]() แผ่นไม้เขียนคำอวยพร ตอนแรกไม่รู้ต้องทำยังไง เลยไปถามคุณป้าที่ขายแผ่นไม้ ใช้ภาษามือคุยกันจอพอเข้าใจ คุณป้าใจดีครับ ยิ้มอยู่ตลอด ![]() ออกเดินทางกันต่อ แวะซื้อซอร์ฟครีมแถวๆวัดมาคนละโคน อร่อยดีครับ หม่ำเสร็จก็ไปที่จุดหมายต่อไปคือสวน Ueno ตั้งใจไว้ว่าจะไปขึ้น MEtro ที่สถานี Metro Asakusa แต่หลงทาง! เดินไปเดินมาไปโผล่ที่สถานี JR Asakusa มึนตึ๊บล่ะ สุดท้ายเลยต้องถามคนเดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น ดีที่คุยด้วยภาษาอังกฤษได้แล้วรอดตัวไป จากตรงที่หลง เดินอีกราวๆ 10 นาทีก็ถึงสถานี Metro Asakusa จนได้ครับ นั่งรถใต้ดินมาโผล่ที่สถานี Ueno ![]() ระหว่างเดินไปที่สวน คนเยอะเอาการ ![]() เดือนธันวาแบบนี้ ไม่มีซากุระเหลือแล้ว ![]() เติมพลังกับช็อคโกบานาน่าครับ แต่ไม่อร่อยเอาเสียเลย ![]() ![]() แต่ยังดีที่มีเมเปิ้ลสีแดงให้ชมอยู่ ![]() มองดูนาฬิกาก็บ่ายกว่าๆแล้ว ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย เลยได้ยากิโซบะช่วยชีวิตไว้ 500เยนดูจะแพงไปนิด แต่ก็อร่อยมากกก ![]() เดินทางกันต่อ คราวนี้ไปที่ Akihabara ย่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าครับ พอถึงก็อึ้งไปกับจำนวนมหาชนที่เยอะจริงๆ แทบไม่มีโอกาสชักกล้องขึ้นมาถ่ายเลย มีสาวๆแต่งคอสเพลย์แจกใบปลิว maid cafe กันเต็มไปหมด แฟนผมนึกไงไม่รู้ เดินเข้าไปขอสาวๆเมดคาเฟ่ถ่ายรูป ปรากฎว่าน้องเขาไม่ให้ถ่ายครับ ก็หน้าแตกกันไป ![]() ![]() เดินไปเดินมา เลยได้ Walkman มาตัว Sony s756 รุ่นนี้เมืองไทยไม่มีขายครับ แต่สุดท้ายพอเอากลับมาเมืองไทยดันเจ๊งซะได้ เสียตังฟรีๆไปร่วมสองหมื่นเยน ![]() ![]() 4 โมงกว่าๆ แต่ฟ้าเริ่มสลัวๆลงแล้ว เลยกลับมาพักผ่อนที่ที่พักก่อน ห้องพักที่จองไว้ถือว่าเล็กครับ แต่ด้านในก็เครื่องใช้ครบครันดี ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้เย็น อ่างล้างหน้า ส้วม อ่างอาบน้ำ ![]() ที่นอนเล็กไปนิด แต่ก็ยังพอนอนกัน 2 คนไหวครับ ![]() ที่นี่มีชาเขียวให้ชงฟรีด้วย แต่ต้องลงไปขอน้ำร้อนด้านล่างเอาเองถ้าไม่พอ ![]() นั่งเหยียดขากันได้ซักพัก ก็เดินทางไปจุดหมายสุดท้ายของวันนี้ครับที่โอไดบะ พอลงจากรถไฟก็หม่ำมื้อเย็นกันที่ Yoshinoya ฟาสฟู๊ดข้าวหน้าเนื้อชื่อดัง สั่งกิวด้ง 380 เบนมากิน อร่อยคุ้มราคาจริงๆครับ พออิ่มท้องก็เดินเข้าไปใน Aqua City ด้านในจะเป็นศูนย์การค้า แฟนผมก็ดูของซะเพลิน เดินจนทะลุออกมาอีกฝั่งก็เจอจุดถ่ายรูป เทพีเสรีภาพคู่กับสะพานสายรุ้ง ![]() ถึงตอนนี้อากาศหนาวมากครับ เดินไปก็สั่นไป เลยบอกแฟนว่ากลับไปพักกันก่อนดีกว่า ก่อนกลับก็ได้น้ำมะนาวอุ่นคนละกระป๋อง ร่อยครับ ชอบจังเครื่องขายของอัตโนมัติเนี่ย ![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|
ไม่แปลกใจที่คุณแฟนจะเดินซะเพลินอ่ะนะคะ