Okinawa Trip Day 2 : 12 Feb. 2014 นาฬิกาช่วยชีวิตทำให้ตื่นได้ตรงเวลาพอดี แพลนของวันนี้จะเที่ยวในเมือง Naha ไปก่อนครับ ถือว่าทำความคุ้นเคยกับเมืองหลววงของชาวริวกิวไปด้วยเลย ที่พักมีอาหารเช้าให้ครับ ถือว่าดีเอาการเลย มีทั้งปลา เนื้อ ไข่คน สลัด ข้าว ขนมปัง ซุปมิโสะ ตักได้ไม่อั้นครับ เลยซัดซะเต็มคราบเต็มพลังไว้ลุยวันนี้ทั้งวัน ![]() เป้าหมายแรกของวันนี้คือไปเที่ยวปราสาท Shuri ครับ ออกจากที่พักใช้บริการ Monorail ลงที่สถานี Shuri แล้วเดินต่ออีกไม่นานก็ถึงครับ แต่แย่นิดนึงที่สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจ ฝนตกปรอยๆตลอด บางช่วงก็ตกหนักเอาการก็มี จากสถานี Monorail จนถึงปราสาท ผมอาศัยแผนที่จาก GPS เลยเลือกทางที่ดูเดินน้อยที่สุด เลยกลายเป็นว่าเดินเข้ามาทางด้านข้างแทนครับ สิ่งที่ได้เจอสิ่งแรกเลยกลายเป็น Sonohyan Utaki Stone Gate ประตูหินนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกโลกชิ้นหนึ่งของที่นี่ครับ สร้างขึ้นเมื่อปี 1519 สมัยของกษัตริย์โชวชิน ![]() วันนี้เจอทั้งกลุ่มนักเรียนมาทัศนศึกษา เจอทั้งกรุ้ปทัวร์ฝรั่ง ก็คึกครื้นไปอีกแบบ พอชมประตูหินเสร็จก็ได้เวลาเข้าปราสาทครับ ซื้อตั๋วเข้าชม 800 เยน แล้วยื่นให้คนเก็บตั๋วด้านหน้า พอเข้าประตูหลักมาก็เจอปราสาทเลยครับ ![]() ช่วงเวลาที่สร้างปราสาทนี้ไม่มีบันทึกไว้ แต่มีหลักฐานว่าได้ถูกใช้งานเริ่มตั้งแต่ในช่วงปี 1322 - 1429 ตัวปราสาทที่เห็นสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดในปี 1992 ครับ ของเดิมถูกทำลายซะแทบไม่เหลือซากตั้งแต่ตอนสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว (ถ้ารอดก็แปลกแล้วครับ สงครามครั้งนั้น ทหารญี่ปุ่มรวมถึงชาวโอกินาว่า ถูกฆ่าตายไปร่วมสองแสนกว่าคน แถมตัวเมืองถูกทิ้งระเบิดอยู่หลายเดือน) แต่ดูเทียบจากภาพถ่ายสมัยก่อนถูกทำลายก็ถือได้ว่าสร้างได้เกือบเหมือนเดิมเป๊ะๆเลยครับ ด้านในปราสาทส่วนใหญ่จะไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ยกเว้นบางห้องที่ถ่ายรูปได้ ข้างในยังดูใหม่อยู่เลยครับ จริงๆบูรณะใหม่น่าจะทำให้ดูเก่าซักนิดนะ จะได้ดูขลังๆ แหะๆ ![]() บางห้องจะมีการเจาะพื้นให้ดูฐานปราสาทของเดิม ![]() ก็เสียดายแทนเหมือนกันนะ ถ้าไม่ถูกทำลายเพราะสงคราม คงได้เหลือร่องรอยแห่งความยิ่งใหญ่ที่เป็นของจริงตกทอดมาให้คนรุ่นหลังได้ดูแล้วแท้ๆ ใช้เวลาในปราสาทชูริประมาณชั่วโมงเศษๆก็ได้เวลาเดินทางต่อ จริงๆอยากอยู่ชมให้นานกว่านี้ แต่เวลามีจำกัดครับ เลยต้องแบ่งๆกันไปหลายๆสถานที่ จากปราสาทชูริ เดินไปไม่ไกลก็จะถึง Tamaudun Royal Mausoleum ที่นี่เป็นสุสานของราชวงศ์ริวกิวครับ สร้างขึ้นเมื่อปี 1501 โดยกษัตริย์โชวชิน ทางเข้าจะมีที่ซื้อตั๋ว ก็จัดไปคนละ 230 เยนครับ ตรงที่ซื้อตั๋วจะมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆอยู่ อย่าลืมและเข้าไปชมนะครับ ![]() เข้าชมได้แค่ด้านนอกนะครับ เลยดูแป๊บๆก็เสร็จแล้ว ก็ถือว่ามาดูมรดกโลกละกันครับ ![]() จุดหมายต่อไป จะไปสวน Shikinaen ดูจากแผนที่ไม่ไกลจากปราสาท Shuri เท่าไหร่ เลยเลือกที่จะเดินไป แน่นอนครับว่่าใช้บริการ GPS เช่นเคย เดินไปซํกพักมาเจอะเอาสะพานอันนึง มีป้ายกำกับอยู่ข้างๆ พออ่านดูจึงว่าเป็นสะพาน Sanagusuku สร้างมาตั้งแต่ปี 1677 เก่าแก่เอาการเลยแฮะ ![]() พอข้ามสะพานมา นรกก็บังเกิดครับ ทางที่ต้องเดินต่อเป็นทางชันล้วนๆ GPS มันก็บอกไม่ได้ด้วยว่าเป็นทางลาดหรือทางชัน ก็เดินกันอ่วมครับ บางจุดก็ชันเอาเรื่องจริงๆ จากที่กะว่าเดินประมาณ 15 นาทีคงจะถึง ก็เลยต้องลากยาวมาเป็นครึ่งชั่วโมงแทน แต่พอถึงแล้วกลับเจอเรื่องสนุกกว่านั้นอีก คือ.... สวน Shikinaen ปิดวันพุธ ซึ่งก็คือวันที่ไป!! ![]() เลยต้องปรับแผนกันว่า วันสุดท้ายก่อนกลับค่อยมาที่นี่อีกครั้ง ต่อไปจะไปที่ศาลเจ้า Naminoue ครับ คราวนี้ต้องไปด้วยรถบัส เลยมารอรถบัสที่ป้าย Shikinaen-mae เพื่อขึ้นรถสาย 5 รอซักพักไม่นานเท่าไหร่รถก็มา รถบัสที่โอกินาว่ามีอยู่ 2 แบบครับ แบบจ่ายราคาเดียว กับจ่ายตามระยะทาง แบบแรกพอขึ้นรถที่ประตูหน้า ให้เอาเหรียญใส่ในกล่อง 220 เยน ใส่เหรียญไปพร้อมกันหมดครั้งเดียวได้เลยครับ เครื่องมันจะนับให้เอง ถ้าไม่มีเหรียญ แลกได้ที่เครื่องแลกข้างๆคนขับครับ จ่ายเสร็จแล้วก็เดินเข้ามานั่งได้เลย ถ้าหน้าจอแสดงป้ายที่จะลงให้กดปุ่ม แล้วค่อยลงตอนรถหยุดสนิทแล้วครับ ไม่ต้องรีบ ไม่ใช่รถเมล์สาย 8 บ้านเรา >_< รถแบบนี้ลงที่ประตูกลางรถครับ ส่วนรถบัสแบบจ่ายตามระยะทาง เมื่อขึ้นรถที่ประตูหน้าไปแล้วให้หยิบตั๋วที่ช่องครับ ในตั๋วจะมีหมายเลขเขียนอยู่ หน้ารถจะมีจอบอกไว้ว่าหมายเลขอะไรเสียค่ารถเท่าไหร่ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระยะทางครับ พอหน้าจอแสดงชื่อป้ายที่จะลงให้ก่อนปุ่ม พอรถจอดสนิทให้เดินไปประตูหน้าครับ ข้างๆคนขับจะมีกล่องให้ใส่เหรียญ ให้ดูว่าตั๋วหมายเลขของเราเบอร์อะไร ต้องจ่ายค่ารถเท่าไหร่ แล้วหยอดเหรียญตามจำนวนครับ ![]() นั่งรถสาย 5 มา 20 กว่านาทีก็ลงที่ป้าย Nishinjo จากนั้นเดินต่ออีกซํก 5 นาทีก็เจอศาลเจ้า Naminoue แล้วครับ จากหลักฐานพบว่าศาลเจ้านี้มีมาตั้งแต่ปี 1367 แต่ถูกปีไหม้ไปเมื่อปี 1633 ที่เห็นอยู่นี่ถูกสร้างใหม่หลังจากนั้นครับ ![]() ที่ศาลเจ้าจะมีทางเดินออกไปที่ทะเลได้ ทะเลที่นี้สีเข้มดีแฮะ ![]() ขากลับเดินกลับมาขึ้นรถบัสสาย 5, 15 จากป้าย Uenokura มาลงสถานี Asato ครับ แล้วเดินต่อประมาณกิโลเศษๆก็จะถึงสวน Yogi ดูจากในเว็บวันนี้เป็นวันแรกที่จะมีเทศกาลซากุระจัดขึ้นที่สวนนี้ครับ ในสวนก็มีซากุระอยู่สองข้างทาง ถึงแม้จะไม่ได้เยอะมากมายอะไร แต่ก็ยังดีเนอะ แต่โชคไม่ดีตรงที่ฝนตกตลอดครับ ตรงลานที่ตั้งร้านเลยกลายเป็นโคลน เดินไปก็เสียวจะล้มไป คนก็ไม่ค่อยมีจะ แบบนี้จะขายออกซักเท่าไหร่เนี่ย ว่าแล้วก็ไปอุดหนุนยากิโซบะมากล่องนึง 500 เยน รสชาติกลางๆครับ เวลาๆหิวๆแบบตอนนั้นกินอะไรก็อร่อยไปหมดแหละ ![]() อยู่ที่สวน Yogi ไม่นานเท่าไหร่ก็ต้องรีบกลับครับเพราะฝนชักเริ่มหนักขึ้น จริงๆแล้ววันนี้มีแผนจะไปที่ Ashibinaa Outlet Mall อีกแห่ง แต่ดูสภาพแล้วไม่น่าจะไหว เลยชวนคนข้างๆไปหาอะไรกินแทน ก็ไม่พ้นที่เดิมครับ ไปกันที่ตลาด Makishi ชั้นสอง ถือโอกาสลอง Goya Champuru (มะระผัดไข่) กับ Rafute (หมูสามชั้นต้ม) อาหารพื้นเมืองของที่นี่ กินกับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ เบียร์สด Orion อีกแก้ว อร่อยสุดๆครับ ![]() ![]() กินเสร็จแล้วก็ได้เวลาพักผ่อน เหนื่อยเหมือนกันครับวันนี้ คงเพราะยังไม่ฟื้นจากไม่ได้นอนทั้งคืนด้วยล่ะมั้ง ก่อนเข้าที่พักก็ซื้อของตามธรรมเนียมครับ เบียร์กับกับแกล้มของ Family Mart ร้านสะดวกซื้อที่ญี่ปุ่นเข้าไปแล้วยังกะสวรรค์แน่ะครับ มีของกินให้เลือกเต็มไปหมด กินได้เป็นเดือนไม่มีเบื่อ ^_^ ตามเที่ยวด้วยคนค่า
![]() โดย: mariabamboo
![]() |
บทความทั้งหมด
|