Blood Diamond (2006)



เพิ่งไปดูหนังเรื่องนี้มาเมื่อคืนค่ะ เป็นหนังที่ดูจบออกมาแล้ว ชอบมาก มันติดตาและมีอะไรติดอยู่ในใจมากมาย เลยอยากจะเขียนถึง คงจะไม่ถึงกับเป็นการรีวิวอะไร แต่อยากเขียนถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากดูหนังเรื่องนี้จบมากกว่า คงจะมี spoil บ้าง แต่ถ้าได้ดูตัวอย่างหนังแล้ว ก็ไม่เกินไปกว่านั้นค่ะ

Blood Diamond เป็นหนังที่เห็นตัวอย่างก็อยากดูแล้วล่ะค่ะ เพราะส่วนตัวชอบแนว Drama Action อยู่แล้วด้วย

ฉากของเรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศที่ได้ชื่อว่า มี conflict diamonds ชื่อดังในโลก นั่นก็คือ ที่ Sierra Leone ในทวีปอัฟริกา ประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติล้ำค่า...เพชร

Timeline ของหนังเรื่องนี้ เป็นช่วง 1990s ที่ Sierra Leone ตกอยู่ในความควบคุมของ Revolutionary United Front หรือ RUF ซึ่งลักลอบขนเพชรออกไปขายมูลค่าปีละหลายพันล้าน

เรื่องดำเนินโดยโฟกัสอยู่ที่ชายสองคน

- Solomon Vandy ((Djimon Hounsou)) ชาวประมงผิวดำชาว Sierra Leone หมู่บ้านของเขาถูก RUF บุก ครอบครัวแตกแยก เมียกับลูกสาวไปทาง เดีย - ลูกชายคนโตก็ถูก RUF จับไป ส่วนตัว Solomon เองก็ถูกจับไปเป็น "ทาส" ทำงานในเหมืองเพชร

Solomon ได้พบเพชรสีชมพูเม็ดโตระหว่างการทำงานในเหมือง เขาตั้งใจจะเอาไปซ่อน แต่กลับถูก RUF คนหนึ่งเห็น ก่อนที่จะถูกทหารฝ่ายรัฐบาลบุกและจับเข้าคุก

- Danny Archer ((Leonardo DiCaprio)) ทหารเก่าที่เกิดในซิมบับเว เขาทำงานให้กับ Colonel Coetzee ((Arnold Vosloo)) และถูกทหารฝ่ายรัฐบาลจับได้ ระหว่างที่กำลังขนเพชรเถื่อน เลยถูกจับเข้าคุกเหมือนกัน

Danny ได้พบกับ Solomon ในคุก

Danny ต้องการเพชรสีชมพู เพื่อเป็นใบเบิกทางออกจากประเทศที่พระเจ้าทอดทิ้งแห่งนี้

Solomon จำเป็นต้องหาเพชรสีชมพู เพราะต้องการช่วยลูกชายของตัวเองกลับคืนมา

ชายสองคนที่ต่างกันจำเป็นต้องร่วมทางกัน โดยได้รับความช่วยเหลือจาก Maddy Bowen ((Jennifer Connelly))

Maddy เป็นนักข่าวสาวที่มาทำข่าวเกี่ยวกับ blood diamond ((ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็คือ เพชรเปื้อนเลือดที่ผิดกฎหมายทั้งหลายทั้งปวง)) เพื่อตีแผ่ความจริงอันโหดร้ายให้โลกรู้

ในหนังเรื่องนี้ เพชรสีชมพูล้ำค่า เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรมของใครต่อใครหลายคน

....

หนังสนุกมากค่ะ มีครบทุกรสชาติจริงๆ ทั้งดราม่า แอ็คชั่น สะท้อนความจริงอันแสนโหดร้ายที่เกิดขึ้นในประเทศอันห่างไกล

การดำเนินเรื่องกระชับ ฉับไว ลื่นไหลน่าติดตาม ไม่มีช่วงเบื่อหรือขาดความสำคัญ ดาราทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากด้วย

ส่วนตัวแล้วคิดว่า ไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวงค่ะ

ถ้าคะแนนเต็ม 10 ไอซ์ให้ 9.5 นะคะ อีก 0.5 ที่เหลือบอกไม่ถูกเหมือนกันว่า หายไปตรงไหน แต่ว่านะ ปกติไอซ์ไม่เคยให้คะแนนเต็มกับอะไร ฮา

....

ดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว ทำให้ไอซ์นึกถึงบทความที่เคยอ่านเมื่อหลายปีก่อนในนิตยสาร National Geography ฉบับภาษาอังกฤษ March 2002 ชื่อ Diamonds : The real story กลับถึงบ้านแล้ว เลยไปขุดขึ้นมาอ่านผ่านๆ อีกครั้ง

บทความนี้เขียนเกี่ยวกับเพชรล้วนๆ และส่วนหนึ่งก็เกี่ยวกับ conflict diamonds นี่ล่ะค่ะ โดยจะเน้นไปที่ Congo มากกว่า

จากบทความประเทศที่มี conflict diamonds คือ Sierra Leone, Congo และ Angola ... เพชรและความโลภของคนกลุ่มหนึ่ง ทำให้ประชากรตาดำๆ ในประเทศเหล่านี้ล้มตายและพิการเป็นจำนวนมาก

บทความเขียนเกี่ยวกับ "การเดินทางของเพชร" และ "เงิน" ที่ได้มาจากการขาย conflict diamonds เหล่านี้ก็ไม่ได้ไปไหน นอกจากไปเข้ากระเป๋าของผู้ก่อการร้ายทั้งหลาย เพชรหลายๆ เม็ดที่ขายกันอยู่ในตลาดเป็นเพชรเปื้อนเลือดจริงๆ ค่ะ อ่านบทความนี้แล้ว ทำให้มองเพชรเปลี่ยนไปอีกแบบเลย

ในบทความมีรูปคนอยู่ในแม่น้ำ กำลังร่อนหาเพชรอยู่ และเด็กๆ ที่ไม่มีแขน-ขา ของ Sierra Leone ด้วย โดยบทความบอกว่า กลุ่ม RUF เนี่ย ควบคุมคน โดยทำให้ประชาชนในประเทศหวาดกลัว ตัดแขนตัดขา และลักพาเด็กผู้ชายเข้ากลุ่ม ล้างสมองจนกลายเป็นเครื่องมือสงคราม ... ซึ่งหนังก็ถ่ายทอดตรงนี้ได้อย่างน่าสะเทือนใจค่ะ

เพชร / สงครามกลางเมือง / การก่อการร้าย / ชีวิตที่สูญเสีย / เลือดนองแผ่นดิน

คำเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่น่าเกี่ยวข้องกันได้ แต่จริงๆ แล้ว ในบางเส้นทาง มันก็ไม่ได้ห่างไกลกันขนาดนั้นหรอกค่ะ

Danny ได้พูดกับ Manny ว่า พวกผู้หญิงที่ชอบซื้อเพชรพลอย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันทำให้เกิดเรื่องน่าเศร้า

บทพูดตอนหนึ่งของ Manny ในหนัง เป็นส่วนหนึ่งสิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการสื่อออกมาและกระทบใจคนดูอย่างไอซ์ ไอซ์จำประโยคเต็มๆ ไม่ได้ แต่มันก็ประมาณนี้ ...

If people back home know that the diamonds they buy cause someone's arm. They might stop and think about it.

หนังเรื่องนี้ดูแล้วทำให้ได้คิดน่ะค่ะว่า จริงๆ แล้วสิ่งที่เราทำลงไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก มันส่งผลกระทบไปถึงไหนบ้าง ^^"













ปล. ขอบคุณภาพจากเว็บของพันทิปนะคะ ^^