โทรศัพท์มือถือแห่งชาติ เดี๋ยวนี้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นอุปกรณ์ที่มนุษย์ขาดไม่ได้เสียแล้ว จะไปไหนมาไหน หากไม่ได้พกมือถือ เหมือนขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่ง เมื่อหลายปีมือถือเป็นสิ่งที่ผู้มีอันจะกินเท่านั้นถึงจะมีได้ คนธรรมดาสามัญไม่มีสิทธิ์ ด้วยราคาของเครื่องเอง และอัตราค่าให้บริการนั้นแพงมาก ขณะที่ตัวเครื่องเองก็ใหญ่โตเทอะทะไม่สวยงาม แต่เมื่อไม่เกินห้าปีนี้ เกิดความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับมือถือหลายอย่าง เป็นต้นว่า ค่าให้บริการที่ลดลง ราคาของเครื่องที่ถูกลงมาในระดับพันบาท รวมถึงรูปลักษณ์ที่สวยงามและมีขนาดเล็กขึ้น เดี๋ยวนี้ใครๆก็มีมือถือ ตั้งแต่ นักธุรกิจ ครูอาจารย์ นักเรียนนักศึกษา พ่อค้าประชาชน มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนมีมือถือ และกลายเป็นว่าใครไม่มีมือถือกลายเป็นเรื่องแปลกไป เมื่อมือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จนบางครั้งกลายเป็นครอบงำชีวิตไปก็มี ดังนั้นเราจึงเห็นคนบางคนที่ต้องคุยโทรศัพท์ทุกเวลาที่ว่าง เรื่องที่คุยก็ไม่ได้มีสาระอะไรเลย หรือครั้งเสียงโทรศัพท์ก็รบกวนคนรอบข้างในเวลาเรียน ในเวลาทำงาน หรือกระทั่งในโรงหนัง สำหรับเรา บางครั้งเราก็อยากจะทิ้งมือถือเอาไว้ที่ห้อง ไม่อยากรับสายใดๆ เพราะเวลาคนโทรมาหามักจะพาปัญหาหรือเรื่องปวดหัวมาให้อยู่เสมอ น้อยครั้งนักจะเป็นข่าวดีจากทางโทรศัพท์ แต่บางวันที่เราลืมโทรศัพท์เอาไว้ ก็กลับต้องร้อนใจ เนื่องจากมีธุระสำคัญ ที่ต้องติดต่อจริงๆ หากขาดการติดต่อแล้วปัญหาก็ตามมาอีก กลายเป็นว่าโทรศัพท์มาครอบงำเราเสียอีก ทุกวันนี้เราจึงไม่สามารถทิ้งโทรศัพท์ไปได้ แต่ก็พยายามไม่ให้มันมาครอบงำมากจนเกินไป บางครั้งก็ต้องปิดมือถือเมื่ออยู่ในสถานที่ที่ต้องการความสงบ สุดท้ายนี้อยากจะรณรงค์ให้มาร่วมใจปิดมือถือเมื่อเข้าโรงภาพยนตร์เถิด ![]() |
บทความทั้งหมด
|
โอ โอ โอ
เพราะเราอยากเป็นส่วนหนึ่งของโลกมังคะ
มือถือให้ทั้งอัตลักษณ์และตัวตนกับเรานี่คะ
อัตลักษณ์ด้วยความเป็นอัตตาผ่านมือถือรุ่นใหม่ราคาแพง (ข้ามีเงิน)
และเมื่อยามที่เราอยู่ตัวคนเดียวในสังคม
ก็ได้ใช้โทรศัพท์อันนี้แหละ โทรหาคนที่รู้จักรักใคร่
บ่งบอกยืนยันการเป็นที่รักและมีตัวตนที่อยู่ในสังคมของเรา
โอ