ปารีสเทศกาลว่าวนานาชาติเล่าตำนานหมู่บ้านกุหลาบ"เมืองเดียพ
เที่ยวงานเทศกาลว่าวนานาชาติเล่าตำนานหมู่บ้านกุหลาบ"เมืองเดียพ

หากเอ่ยชื่อ กรุงปารีส หลายคนรู้จักดี ว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่นและสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกต่างลิสต์ไว้ในบัญชีสมองว่าจะต้องมาช้อปกันให้กระจายอย่างไม่มีพลาด อีก ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย จึงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวจะหลั่งไหล ไปเยือนกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสกันอย่างไม่ขาดสาย...

ห่างออกไปจากรุงปารีสประมาณ 150 กิโลเมตร จะพบเมืองชายทะเลเมืองหนึ่งซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ชื่อว่า เดียพ (Dieppe) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลชื่อฮัลบัตร์ ทางภาคตะวัน

ตกของประเทศฝรั่งเศส ด้านมหาสมุทรแอตแลนติก โดย อยู่ในเขตการบริหารส่วนภูมิภาค ของ แคว้นนอร์มองดีย์ตอนบน เมืองเดียพเป็นหนึ่งในเมืองชายทะเลสำหรับตากอากาศแรกเริ่มของชาวฝรั่งเศส และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียง ด้านการประมงเกี่ยวกับหอย Saint-Jacques รวมทั้งเป็นหนึ่งในเมืองประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการยกพลขึ้นบกครั้งแรกของฝ่ายพันธมิตรในปี ค.ศ. 1942 เพื่อประสงค์ที่จะปลดปล่อยฝรั่งเศสให้เป็นอิสระจากการครอบครองของเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ที่เมืองเดียพแห่งนี้เป็นสถานที่จัด งานเทศกาลว่าว นานาชาติ ซึ่งเป็นงานเทศกาลว่าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีลานหญ้าติดชายทะเลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและช่วงที่จัดงานเทศกาลว่าวยังเป็นช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศสดใสลมพัดเย็นสบาย ทำให้นักท่องเที่ยวหลงใหลแวะมาเที่ยวชมกันอย่างคับคั่งทุกครั้ง สำหรับ


งานเทศกาลว่าวนานาชาติ ครั้งที่ 16 ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 11-19 กันยายนที่ผ่านมา นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำคณะผู้บริหาร ททท. เดินทางไปร่วมงาน โดยปีนี้ ประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็น “ประเทศ เกียรติยศ” ด้วย จึงถือเป็นความภาค ภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ส่วนภายในงานมีทีมว่าว จาก 40 ประเทศ ทั่วโลกเข้าร่วมและมีว่าวมาขึ้นประชันกันนับ 1,000 ตัว มีนักท่องเที่ยวเข้าชมงานกว่า 800,000 คน

เพ็ญสุดา ไพร อร่าม รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ทาง ททท. ได้นำคณะนักว่าวไทยจาก “Thai Kite Heritage Group” ซึ่งนำว่าวไทยชนิดต่าง ๆ เช่น ว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวงู ไปแสดงและสาธิตการทำว่าวไทย

นอกจากนี้ยังได้นำการแสดงนาฏศิลป์ไทยจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ได้แก่ การแสดงโขน รวมทั้งนาฏศิลป์ไทยชุดต่าง ๆ มาจัดแสดงด้วย ซึ่งชาวต่างชาติได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยจุดเด่นของเราจะเน้นที่ความสนุกสนานแต่ มีประโยชน์ต่อครอบครัวนักท่องเที่ยวจึงคิดไอเดียทำว่าวงู จำนวน 1,000 ตัวแจกพร้อมสาธิตการเล่นให้นักท่องเที่ยวชมด้วย ทำให้บูธของประเทศไทยยิ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก รู้สึกภูมิใจที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักว่าวไทยมากขึ้น

หลังจากร่วมงานเทศกาล ว่าวแล้ว คณะเราไม่รอช้ารีบ ออกสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองเดียพ ตามคำบอกเล่าของผู้ที่เคยมาเยือนในปีก่อน ๆ ว่าในเมืองเดียพมีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งอยู่ติดชายทะเลอยู่ใกล้ปารีสมากที่สุดชื่อหมู่บ้าน “เวลเลส์ โรสส์” หรือเรียกกันว่า “หมู่บ้านดอกกุหลาบ” เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีประชากรเพียง 600 คน ตั้งอยู่บนแม่น้ำเวลเลส์ (ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแม่น้ำสายที่สั้น ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส มีความยาว 1,194 เมตร


โดยเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 แต่สวยที่สุด ของแคว้นนอร์มองดีย์ โดยชาวบ้านจะปลูกบ้านอยู่สองข้างฝั่งลำธาร ที่สำคัญเมือง เวลเลส์-โรสส์ นี้เป็นเมืองติดทะเล มีลำธารน้ำใสไหลผ่านกลางหมู่บ้าน แล้วก็จะไหลลงทะเลที่อยู่ห่างกันไม่ถึง 1 กิโลเมตร

“เล่ากันว่าสมัยก่อนหญิงสาวของหมู่บ้านจะนำเสื้อผ้าออกมาซักผ้าที่ลำธารน้ำใสแห่งนี้เพราะว่าน้ำสะอาดมาก ๆ ซึ่งตรงฝั่งจะมีทางเดินเล็ก ๆ สำหรับไว้ซักผ้า แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีการซักผ้าแล้ว เพราะว่ามีการนำปลามาปล่อยให้ผสมพันธุ์กัน เราจึงเห็นปลาตัวเล็กใหญ่แหวกว่ายไปมาแทนหญิงสาวนั่งซักผ้า”

นอกจากแม่น้ำสายนี้จะเป็นจุดเด่นน่าสนใจแล้ว ที่ตัวอาคารบ้านเรือนก็ยังเป็นสไตล์นอร์มองดีย์ดั้งเดิมที่ดูแล้วสบายตา เพราะแต่ละบ้านจะมีการปลูกดอกไม้เยอะแยะเต็มไปหมด โดยมีรางวัลรับประกันความงามของหมู่บ้านด้วย นั่นคือรางวัลระดับ 2 ดอก (ไม้) ซึ่งในฝรั่งเศส หมู่บ้านต่าง ๆ จะมีการประกวดความงามของหมู่บ้านที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้บานสะพรั่ง และจะได้รับสัญลักษณ์ดอกไม้ 1, 2 หรือ 3 ดอกตามความสวยงาม โดยเฉพาะดอกกุหลาบทางอำเภอสนับสนุนให้ทุก ๆ บ้าน ปลูก หากใครอยากปลูกดอกกุหลาบให้ซื้อไปปลูกแล้วทางอำเภอจะคืนเงินให้ทุกคน
พอเดินออกจากหมู่บ้าน เดินข้ามถนนมา เราก็จะเจอชายหาด แต่น่าแปลกเพราะตรงหาดแถว ๆ นอร์มองดีย์จะเป็นหาดก้อนหินล้วน ๆ เลย ถ้าใครจะเล่นทรายต้องรอให้น้ำลงเยอะ ๆ จึงจะเห็นทราย อุ๊ย...ใกล้ทะเลตรงนี้ลมพัดแรงมาก ๆ หนาวจนตัวสั่นทำให้ยืนอยู่ได้ไม่นาน พอดีกับได้เวลาท้องร้องต้องหาร้านอาหารนั่งรับประทานเพื่อเพิ่มพลังกันเสียหน่อยแล้ว แต่ร้านอาหารที่นี่เต็มหมดทุกร้าน หากใครไม่ได้จองไว้จะไม่ได้นั่งรับประทานอาหารริมทะเลคลุกเคล้าบรรยากาศดี ๆ โดยอาหารที่เมืองเดียพนี้มีอาหารทะเลสด ๆ ให้เลือกรับประทาน มากมายเพราะเป็นเมืองท่าเรือหรือเรียกกันว่าเมือง 4 ท่า เพราะมีท่าเรือมากที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และยังมีท่าเรือข้ามไปยังเมือง Newhaven ในประเทศอังกฤษด้วย


หลังจากกินอิ่มนอนหลับ กันแล้ว คณะเราไม่ลืมที่จะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ “เลอ ชาโต- มูเซ” ซึ่งเป็นปราสาทเก่าแก่ที่ถูกสร้างในยุคกลางศตวรรษ ที่ 15 บนหน้าผาฝั่งตะวันตกของเมือง เพื่อเป็นป้อมสำหรับ ระแวดระวังการบุกรุกชายฝั่ง ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทะเล และของมีค่าในสมัยศตวรรษที่ 17-18 เช่น งาช้างแกะสลัก พัดทำจากผ้าลูกไม้ต่าง ๆ เป็นฝีมือของช่างเมืองเดียพ ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชาวเมืองเดียพได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ด้านบนยังเป็นจุดชมวิวของเมืองที่เราสามารถมองเห็นเมืองเดียพได้ทั้งเมืองอีกด้วย

เมืองเดียพ ถึงแม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้กรุงปารีสแต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากใครมาเยือนปารีสแล้วก็อย่าลืมแวะมาพักผ่อนตากอากาศที่เมืองเดียพเพื่อชาร์จพลังก่อนกลับไปชอปปิงกันต่อ ก็แล้วกัน เชื่อว่าใครที่ได้มาสูดอากาศที่เมืองเดียพแล้วคงจะหลงเสน่ห์อยากกลับมาเยือนกันใหม่อีกครั้งเป็นแน่...


"สีสันรายทาง"
การเดินทาง โดยสารเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่กรุงปารีสโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง จากนั้นโดยสารรถยนต์โดยใช้เส้นทางหลวง A13 ต่อไปยังเมืองเดียพ ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง หากใครมีเวลาเหลืออย่าลืมแวะเที่ยวชม “บ้านโมเนต์” (Monet's House) ซึ่งโมเนต์เป็นศิลปินวาดภาพของฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมาก ภายในบ้านมีผลงานการวาดภาพมากมายรวมทั้งการจัดตกแต่งบ้านในสไตล์ศิลปิน (แต่น่าเสียดายห้ามถ่ายภาพ) ด้านนอกมีสวนดอกไม้หลากสีสันที่จัดแยกไว้เป็นสี ๆ อย่างสวยงาม ซึ่งบ้านโมเนต์นี้ ตั้งอยู่ระหว่างทางจากเมืองเดียพไปกรุงปารีส สำหรับในกรุงปารีสระหว่างรอขึ้นเครื่องหากใครมีเวลาเหลืออย่าพลาดไปถ่ายรูปหอไอเฟลเก็บไว้เป็นที่ระลึกเพราะเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสเชียว

ของฝากและร้านอาหาร ของฝากโดนใจ เช่น น้ำหอมแบรนด์ต่าง ๆ พวงกุญแจหรือของประดับรูปหอไอเฟล ส่วนใครที่อยู่ฝรั่งเศสนาน ๆ คิดถึงอาหารไทย สามารถหารับประทานได้ที่ “ร้านอาหารบ้านไทย” เลขที่ 13-15 ถนนเดอ ลา แฟร์รอนเนอรี เพรอมิเยอร์ ปารีส เขต 1 ที่เปิดมานานกว่า 10 ปี มีอาหารให้เลือกทั้งแบบบุปเฟ่ต์และอาหารตามสั่ง เมนูยอดฮิตที่ถูกคอนักท่องเที่ยวได้แก่ ต้มยำกุ้ง ผัดไทย แกงเขียวหวาน และต้มข่าไก่


Source :  //www.dailynews.co.th

Click :TOP



Create Date : 10 ตุลาคม 2553
Last Update : 10 ตุลาคม 2553 0:46:43 น.
Counter : 1546 Pageviews.

0 comments
เลี้ยงรุ่น 15/ 04 / 2024 tanjira
(19 เม.ย. 2567 17:52:18 น.)
ตลาดเช้า, สถานีรถไฟพินอูลวิน สายหมอกและก้อนเมฆ
(18 เม.ย. 2567 17:06:42 น.)
ทริปอเมริกา #2 - ต่อเครื่องที่มะนิลา+ผ่านตม.แบบ fast trackที่นิวยอร์ค ฟ้าใสทะเลคราม
(18 เม.ย. 2567 18:15:13 น.)
พาเที่ยววัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ขอพรวัดเก่าใจกลางเมืองรับปีใหม่ไทย นายแว่นขยันเที่ยว
(15 เม.ย. 2567 13:57:04 น.)

Angelonia17.BlogGang.com

Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]

บทความทั้งหมด