เรื่องเล่า 6 ปี ในคณะแพทยศาสตร์ ภาค 6 (Extern)

ต่อดีกว่าครับ ก็ต่อไปขอเล่าถึงชีวิต Extern (ปีสุดท้าย) ตอนแรกว่าจะเล่ารวมๆกันแต่ว่าขอแยกมาเล่าดีกว่า แบบว่ามันมีอะไรตื่นเต้นเยอะดีครับ

อืม ก็ช่วงจะจบปี 5 จะเป็นช่วงที่สอบใบประกอบโรคศิลป์อ่ะครับ คือถ้าสอบผ่านตอนจบปี 6 ก็ไม่ต้องสอบอีก แต่ถ้าสอบไม่ผ่านก็จะมีให้แก้ตัวอีกครั้งตอนปี 6 ครับ ช่วงนั้นก็จะเป็นช่วงที่ตระเวนบนหลายๆที่ สถานที่ยอดนิยมก็ พระราชานุเสารีย์พระราชบิดา (รพ.ศิริราช) พระบรมรูปทรงม้า หากใครเห็นนักศึกษามาบนบานกันช่วงนั้นก็นั่นแหล่ะครับเตรียมสอบใบประกอบโรคศิลป์ ส่วนของแก้บนไม่แน่ใจ แบบว่าผมไม่ได้บนอ่ะ ขอเอาแบบหน้าด้านๆ อิอิ (แต่ก็สอบผ่านนะ แบบหวุดหวิด 55)

เอาล่ะตอน Extern ก็ไม่ค่อยมีการเรียนการสอนแล้ว (อืม เรียกว่าไม่มีเลยก็ได้ครับ) เน้นฝึกงานมากกว่า

ที่แรกที่ไปเลย รพ.ศูนย์ชลบุรี โอ้ว อยากบอกว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ ที่นั่นเป็นรพ.ที่โหดที่สุดแล้ว T^T ก็ต้องไปฝึกงานท้งหมด 3 แผนก คือ อายุรกรรม ศัลยกรรม และ ออร์โธปิดิคส์ (หลังจากนี้จะเป็นเรื่องเล่าตามที่ผมเคยจดใส่ไดอารี่ไว้ครับ แต่ขอดัดแปลงคำพูด + ตัดบางอย่างทิ้งบ้าง ไม่งั้นจะพิมพ์กันยาว)

วันแรกเลย เข้าหอ (ก็ตรงข้ามรพ.นั่นแหล่ะ) อืม รู้สึกดีจังได้ไม่ต้องเดินไปทำงานไกล หอใหม่อย่างแจ๋วนอนห้องละ 2 คน มีห้องน้ำในตัวซะด้วย (เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ไม่ค่อยได้นอนหรอก 55)

เจอกันครั้งแรกที่แผนกอายุรกรรม เหอๆ เกิดมาเพิ่งเคยมารพ.ศูนย์ สภาพเหมือนตลาดสดก็ไม่ปาน มีเตียงเสริมมากมาย กระทั่งเตียงผ้าใบยังมี แทรกทุกที่จนแทบไม่มีช่องให้เดินต้องค่อยๆตะแคงตัวเดิน แล้วก็จะมีชื่อเรียกเตียงแบบแปลกๆ หวังว่าไม่นานคงจะชิน เช่น เตียงเสริมระเบียง เสริมหน้าบันได เสิรมหน้าลิฟท์ ฯลฯ ยังดีไม่มีเสริมหน้าห้องน้ำ

อาจารย์เดินมาคุยแวปเดียว (จริงๆ) บอกแค่ว่าให้รับผิดชอบคนไข้ในวอร์ด กับรับ consult ER (เวลาห้องฉุกเฉินมีคนไข้อายุกรรมก็ต้องไปดู) แต่ไม่มีออก OPD (ตอนแรกนึกว่าโชคดีไม่เหนื่อย แต่ที่ไหนได้คิดผิด เหอๆ)

วันแรกมันจะอะไรของมันนักหนาเนี่ยมาถึงก็เจาะปอด อืมเอาไงดี เรียนมา 2 ปี (ปี4-5) ก็อู้ๆตลอดไม่ค่อยยอมทำ ทำจริงๆก็ประมาณ 3 เคสได้มั๊ง แต่วันแรกของที่นี่มีรอให้เจาะก็ 3 เคสแล้ว ก็เลยแอบเวปไปเข้าห้องน้ำเปิดตำราเล่มน้อยๆ สมัยนั้นบางคนนิยม Palm, PDA ฯลฯ แต่ผมไม่ค่อยถนัดก็เลยจดใส่สมุดเล่มน้อยๆแทน (นี่ไงเหตุผลที่ว่า ความจำสั้น แต่สันหลังยาว ก็ยังเรียนจนจบ 55) พอเปิดดูเสร็จก็รีบจำ แล้วออกมาทำอย่างชำนาญ 55 อืม เหมือนได้ยินเสียงชมจากพยาบาลซะด้วย อิอิ

หลังจากนั้นก็นรกทั้งวัน วันเดียว CPR (ปั๊มหัวใจ) ไป 3 T^T, แก้ Hypergly (น้ำตาลในเลือดสูง), HypoNa (โซเดียมต่ำ), HypoK (โพแทสเซียมต่ำ) ชีวิตวนเวียนประมาณเจาะเลือด ดูแลป สั่งน้ำเกลือ/ยา เจาะเลือดอีกทุก 1-2 ชม. สรุปคือกว่าจะเสร็จก็ 6 โมงเย็น

ระหว่างที่วุ่นๆที่วอร์ดก็ยังโดนตามาดู ER เป็นระยะๆ เฮ้อ ตรูเพิ่งมาอยากเห็นหน้าตรูอะไรนักหนาเนี่ย พอลงมา ER นานหน่อยที่วอร์ดก็โทรมาตาม "หมอค่ะ คนไข้ BP drop ค่ะ (หมายถึง ความดันต่ำมากๆ)" ตรูก็งงอะไรฟร่ะ เราเพิ่งจากกันมาไม่นานพอเราไม่อยู่ทีคนไข้ขวัญตกขนาดนี้เชียวหรือนี่ ก็วิ่งขึ้นวิ่งลงทั้งวัน

หลัง 6 โมงเย็นตอนแรกนึกว่าคุณภาพชีวิตจะดีขึ้น (ได้ข่าวมาว่า ชลบุรี มีอุบัติเหตุเยอะ อืม คนไข้อายุรกรรมน่าจะไม่เยอะ อิอิ) ที่ไหนได้ ไม่ได้นอนทั้งคืนเหมือนกัน แล้วถ้าศัลยกรรมมันจะขนาดไหนฟร่ะชักเสียวๆ

คืนนั้นมีอ้วกเป็นเลือดมา 4 มีมาตั้งแต่แบบเด็กๆ คือ อ้วกมีเลือดนิดๆ ล้างท้องแล้วก็ไม่มีเลือดออกแล้ว จนกระทั่งแบบที่ออกทะลักทะลาย เคสแรกเลยนะที่ได้ใส่สายแบบบอลลูน แต่สุดท้ายก็ไม่รอด RIP

ต่อจากอ้วกเป็นเลือดก็มีไปกินแมงดา แต่ดันกินผิดไปกินตัวเหรา อ่านว่า เห-รา (อันนี้ถามจากชาวบ้าน เค้าบอกว่ามันคล้ายกันมาก แต่ตัวเหราจะมาพิษถึงตาย) นั่นแหล่ะมานอนให้ใส่ท่อช่วยหายใจเล่นๆอีก 3 คน (เฮ้อ กินคนเดียวไม่พอเจือกแบ่งเพื่อนกินด้วย T^T) สรุปว่าคืนนั้นได้นอนไม่เกิน 2 ชั่วโมง (ตอนเช้าทำงานต่อนะจ๊ะ อย่าคิดว่าจะได้ไปนอน)

เราก็งงว่า อะไรว๊าแปปเดียวสว่างแล้วเหรอ ยังไม่ได้นอนเลยอ่ะ ว่าแล้วก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทำงานต่อ ก่อนทำงานโด๊ปลิโพสักขวด

ก็เข้ามาสู่วงจรเดิม เดินดูคนไข้ที่วอร์ด อะไรฟร่ะเนี่ยคืนนึงที่ไม่ได้อยู่ดูวอร์ดเนี่ย  มีคนไข้หน้าใหม่โผล่มาเพียบ อืม เมื่อวาน discharge ไป 5 ราย แต่ไหงเมื่อคืนมัน admit มา 7 ราย อืม คิดดูแล้วขาดดุลอย่างรุนแรง ว่าแล้ววันนี้ต้องหาทางให้คนไข้กลับบ้านเพิ่มขึ้น ก่อนที่จะไม่มีที่ให้เดิน 55

รีบเดินดูคนไข้ที่วอร์ดอย่างรวดเร็ว อืม ไม่น่าจะมีใครได้กลับบ้านเลย (โว๊ย) แต่ถ้ากลับบ้านเก่าล่ะก็ไม่แน่ T^T เท่าที่ดูก็พอมี 2-3 ราย เหอๆ

ว่าแล้วไม่นานนักรายแรกก็เตรียมตัวเดินทางไปสวรรค์ ยังเดินดูคนไข้ไม่ครบทุกเตียง พยาบาลก็เดินมาตาม "หมอค่ะ เตียงนั้น O2 sat 80 ค่ะ" (..หมายถึง อ็อกซิเจนในเลือดต่ำมากๆ)

ว่าแล้วตรูก็ตื่นจากความง่วง (เฮ้อ อุตส่าห์ เลี้ยงง่วงไว้เผื่อได้นอนต่อ) แล้วก็บอกพี่พยาบาลเตรียมใส่ท่อช่วยหายใจกันเหอะ ให้คนไข้คาบไปป์เล่น (ไอ้ท่อที่มันเอาเข้าในปากนะครับ) อืม แต่ในใจก็คิดว่าไม่น่ารอดหรอก แบบว่าแกก็มีหลายโรคมากมาย ทั้ง HIV, PCP (ปอดอักเสบติดเชื้อชนิดหนึ่ง) ฯลฯ

ก็หลังจากใส่ท่อได้ไม่นานแกก็หยุดหายใจไปซะงั้น T^T งานนี้ก็เลยยาวเลยครับ แต่สุดท้ายแกก็ไม่รอด RIP เฮ้อ วันนี้กว่าจะดูคนไข้ที่วอร์ดเสร็จก็บ่าย 2 (ขนาดมาตั้งแต่ 7 โมงนะเนี่ย สุดๆเลย) ได้มีโอกาสหายใจแปปนึง นั่งกินข้าวได้หน่อย รู้สึกว่าน่าจะเป็นมื้อเช้า + เที่ยงน่ะ หลังจากนั้นก็กลับมาดูผล lab ที่ส่งตรวจมากมายในตอนเช้า กว่าจะเสร็จก็ 1 ทุ่มกว่าๆ

ต่อดีกว่า เรื่องราวของอายุรกรรมก็ประมาณนั้นครั้นจะเล่าทุกวันก็คงยาวไปแต่เอาเหอะรับรองว่าเหนื่อยแบบนั้นทุกวันครับ

จากนั้นไปไหนล่ะ ก็มาต่อที่แผนกศัลยกรรม รพ.ศูนย์ชลบุรี อันนี้ความนรกจะมากกว่าเมื่อกี๊หน่อย แต่อาจสูสีกับแผนกออร์โธปิดิคส์ซึ่งจะเล่าต่อไปครับ

แผนกนี้อาจารย์เค้าก็ไม่ได้จัดให้ออก OPD ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร หรือว่าแค่นี้ก็ตายแล้วก็ไม่รู้ครับ

วันๆเนี่ยไม่ได้ทำอะไรตอนกลางวันนั่งเฝ้า ER คือจริงๆไม่ต้องเฝ้าหรอก เอาไว้โดนตามค่อยมาก็ได้ แต่ปัญหาคือว่า มันตามตรูทุก 15 นาที ก็เลยประชดมันนั่งเฝ้าเลยเนี่ยแหล่ะ เหอๆ ก็คือจะสลับอย่างวันนี้นั่งเฝ้า ER อีกวันก็ไปเข้าห้องผ่าตัดประมาณนี้ครับ

ก็ทุกอย่างครับรับเละเลย ที่นี่สมชื่อเมืองชล จริงๆนะ แบบว่ามันชนกันทุกวัน บ่อยด้วยไม่รู้อะไรนักหนา

แฮะๆ แต่เคสแรกของ ER กระจอกๆครับแค่ไส้ติ่ง ไอ้เราก็ไม่ต้องทำอะไรมากจับ admit เขียนการรักษาก่อนผ่าตัด แล้วก็โบ้ยให้คนที่อยู่ห้องผ่าตัดวันนั้นเอาไปผ่าครับ ชิวๆ

แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เจอนรกของจริง T^T รถกระบะงานทอดผ้าป่าอะไรสักอย่างคว่ำข้างทางเจ็บอื้อ T^T แต่ดูจากสารรูปคนขับแล้วสงสัยว่ามันไปทำบุญมาจริงเหรอ เมาแอ๋เลย ก็เห็นว่ามีตำรวจตามมาที่รพ. แต่ก็ตัวใครตัวมันนะครับเคลียร์กันเองเหอๆ

ปรากฏว่าคนขับมันแถบไม่เป็นอะไรเลยแต่คนนั่งกระบะเนี่ยเจ็บหนัก 2 คน ความดันตก น่าจะมีเลือดออกในท้อง ก็วุ่นวายกันสักพักใหญ่ๆแล้วก็โยนไปให้คนที่อยู่ห้องผ่าตัดจัดการต่อ อืม แต่แอบสงสารนิดๆท่าทางจะยาว 55

แล้วหลังจากเหตุการณ์สงบได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มีวัยรุ่นแทงกันมาอีก เห้อจะอะไรกันนักหนาเนี่ย ก็เจ็บกันมาทั้งคู่ แล้วก็ดันมารพ.เดียวกัน นอนเตียงติดกันอีก ไอ้คนเจ็บเนี่ยไม่เท่าไหร่เพราะมันก็ลุกไม่ไหวทั้งคู่ แต่ไอ้เพื่อนๆทั้งสองฝ่ายเนี่ยแทบจะตีกันตายคารพ. ยังดีที่ตำรวจตามมาไว ก็เลยไม่มีอะไรเกินขึ้น ก็จากนั้นอัลตราซาวนด์ดู คนนึงน่าสงสัยว่าจะมีเลือดออกในท้อง อืม ก็เลยโบ้ยให้คนที่อยู่ห้องผ่าตัด (แอบนึกถึงหน้าเพื่อน มันคงเซ็ง) ส่วนอีกคนไม่น่าเป็นไรมาก แต่ก็นอนดูอาการสักคืนแล้วกันเนอะ จริงๆแล้วกลัวว่าถ้าปล่อยมันกลับไปมันจะไปล้างแค้นกันอ่ะดิ แล้วหลังจากนั้นก็มีอุบัติเหตุอีกเล็กน้อยๆ แต่บ่อยๆ กว่าจะว่างก็ 6 โมงเย็น

ก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย ก็ว่าจะไปกินข้าวเที่ยง+เย็นซะหน่อย แต่ว่าลืมไปว่าวันนี้อยู่เวร (จะอะไรกับตรูนักหนาฟร่ะ) ก็เลยต้องฝากพี่พยาบาลเค้าซื้อข้าวมาให้แทน เฮ้อ

รายแรกของเวรก็เป็น Rectal-Prolapse (ลำไส้บริวเณไส้ตรงเคลื่อนออกมาข้างนอก) อืม หลายคนอาจงงว่ามันน่าเหนื่อยตรงไหน คือ อันนี้มันไม่ธรรมดาครับ มันเป็นก้อนขนาดประมาณลูกฟุตบอลพลาสติกอยู่ที่ก้น ซึงดูแล้วไม่น่าจะดันกลับได้ง่ายๆแน่ ขนาดนอนยังต้องนอนคว่ำเท่านั้นเลยครับ ก็จัดการ admit ตามระเบียบ

แต่ไฮไลต์สุดน่าจะเป็นที่มีวัยรุ่น 2 คน (น่าจะเมาแหล่ะครับ) ขี่มอเตอร์ไซค์ชนท้ายรถกระบะที่บรรทุกเหล็กเส้นอยู่ มารพ.ด้วยรถมูลนิธิ มาแบบเหมือนเป็นไม้เสียบลูกชิ้นเลยครับ เหล็กเสียบหน้าอกทะลุติดกัน 2 คน เอาเป็นว่ากว่าจะเสร็จจากเคสนี้ก็สว่างอ่ะครับ :-@ แต่ปรากฏว่า 2 คนนี้รอดนะครับ เหอๆ งงเหมือนกัน ต้องชื่นชมคนที่อยู่ห้องผ่าตัดวันนั้นไม่รู้ทำได้ไง ('0')

ก็นั่นแหล่ะครับสำหรับ ศัลยกรรมวันที่อยู่ ER มีหน้าที่รับคนไข้แล้วก็โบ้ยให้เพื่อน 55 แต่แล้ววันที่ต้องมาอยู่ห้องผ่าตัดเองก็มาถึง T^T ทำให้รู้ได้ว่ากรรมสมัยนี้มันตามเร็วจริงๆ

เวลาอยู่ห้องผ่าตัดก็แล้วแต่สวรรค์จะประทานเคสมาให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องผ่าเอง แต่ถ้าหนักหนาจริงๆก็ตามอาจารย์ได้ (จะมารึป่าวไม่รู้นะ)

แล้วก็ด้วยความที่ว่าตอนเรียนเนี่ยอู้มาตลอด อาจารย์ให้ทำก็หลบ อืม ตอนนี้ก็เลยซวยเลย เจอเคสแรกที่ส่งมาจาก ER แค่ผ่าไส้ติ่ง จริงๆก็ไม่ยากอะไรหรอก แต่แบบว่าตั้งแต่เรียนมาเนี่ยเคยผ่าเองเต็มๆตั้งแต่ต้นจนจบแค่เคสเดียวเอง (งงล่ะสิ ว่าทำได้ไง ก็แอบอู้ไปเรื่อย) แล้ววันนั้นก็ไม่มีใครอยู่ ไม่รู้จะตามใครอีก T^T ก็เลยเอาว่ะผ่าเองก็ได้ ขอหาตำราก่อน ว่าแล้วก็คว้าตำราเข้าห้องผ่าตัด

วิสัญญีแพทย์เห็นก็เลยบอกว่า "น้องเคสนี้พี่ให้โอกาส เอาเป็นดมยาแล้วกันได้ไม่ต้องรีบ" ...โดยทั่วไปผ่าตัดไส้ติ่งจะบล็อกหลังครับ แต่ว่าฤทธิ์ยามันอยู่ได้ประมาณ 3 ชม.เอง ซึ่งสำหรับเคสแรกเนี่ยไม่แน่ใจว่าเสร็จทันไหม พี่หมอดมยาแกเลยเสนอเป็นดมยาสลบดีกว่า

แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ดมยาสลบคนไข้ได้ไม่รู้ว่าตอนผ่าไปเนี่ย เปิดตำราดูไปด้วย 55 เอาโต๊ะมาตัวนึงวางหนังสือ แล้วก็รบกวนพี่ผู้ช่วยพยาบาลคอยเปิด (ตอนผ่าตัดเอามือมาเปิดหนังสือไม่ได้ครับ เดี๋ยวมือจะเปื้อนเชื้อโรคจากหนังสือ) ก็ค่อยๆเปิดค่อยๆผ่า แต่เหมือนโชคเข้าข้าง ตั้งแต่ลงมีดจนเย็บแผลแค่ชั่วโมงกว่าๆเอง แถมคนไข้ตื่นมาชมอีกว่าหมอเย็บแผลสวย....นั่นแหล่ะๆ ไอ้ที่เราทำแทบตายในท้องคนไข้เนี่ยจะหมดความหมายทันทีถ้าเย็บแผลไม่สวย ต่อให้ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมาฝีมือเนี๊ยบมาก แต่ 5 นาทีสุดท้ายเย็บแผลห่วยก็จะโดนด่าเอาครับ T^T

รวมๆผ่าไส้ติ่ง 1 รายก็ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง (ตั้งแต่คนไข้เข้าห้องผ่าตัด จนออกไป) แล้วก็คิดเอาว่าตั้งแต่อยู่มาเนี่ยไม่มีคืนไหนต่ำกว่า 3 ราย อืม แล้วจะเอาเวลานอนที่ไหนเนี่ย

ก็มีหลายครั้งที่คนไข้มารพ.วันนี้ แต่ต้องผ่าไส้ติ่งวันพรุ่งนี้ ก็โดนเสียงก่นด่ามิใช่น้อย แต่ทำไงได้ฟร่ะตรูไม่ได้แอบไปนอนซะหน่อยก็ต้องตามคิวอ่ะครับ หมอมันมีน้อย แต่ถึงหมอมีเยอะเนี่ย ห้องผ่าตัดก็ไม่พออยู่ดี เพราะเท่าที่อยู่มาห้องผ่าตัดใช้เต็มโควต้าทุกห้องครับ

หลังจากเสร็จจากไส้ติ่งเคสแรกแล้วก็ มีพวกโดนยิง โดนแทงทั้งหลายมา อ่านะ รู้แล้วว่าเพื่อนมันเหนื่อยยังไง อย่างเคสโดนแทงเนี่ย ไม่ได้ผ่าเองทั้งหมดมีแพทย์ใช้ทุนช่วยด้วยครับ แต่ว่าก็เล่นเอาซะเหนื่อยกว่าจะผ่าท้องออก แล้วต้องค่อยๆดูว่ามันแทงโดนอะไรบ้างว่า แล้วค่อยๆเย็บซ่อม ไอ้ที่ยังไม่ได้เย็บซ่อมก็มีเลือดออกทะลักทะลายก็ต้องหาอะไรไปอุดไว้ก่อน แต่แปลกตรงที่ว่าตั้งแต่อยู่มาเนี่ยยังไม่เคยเจอเคสโดนแทงแล้วตายเลยสงสัยแทงไม่แม่น

ทุกครั้งสำหรับพวกโดนยิง โดนแทงเนี่ยพอรักษามันเสร็จก็จะไปบอกด้วยว่า อย่าไปเอาคืนนะ (ตรูเหนื่อย) ให้แจ้งตำรวจเอาดีกว่า

รู้สึกตัวอีกทีกว่าจะได้ออกจากห้องผ่าตัดก็เช้าพอดี อืม ไอ้หอพักหรูๆเนี่ยคือจะไม่ได้นอนเลยใช่มั๊ย T^T

ส่วนตอนเช้าก็แล้วแต่วันว่าวันนั้นอยู่ ER หรืออยู่ห้องผ่าตัดต่อ แต่เซ็งตรงที่ว่าวันนั้นอยู่ห้องผ่าตัดต่อ

หลังจากนั้นตอนเช้าเพื่อนเรามันก็โบ้ยเคสอย่างหินมาให้ คุณตาอายุ 92 ปี เป็นไส้ติ่งอักเสบ แถมด้วย เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ไตวาย โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ซึ่งดูแล้วว่าไม่มีปัญญาผ่าเองแน่ๆ ก็เลยตามอาจารย์ ขนาดอาจารย์มาดู ยังบอกเลยว่า "แค่ยุงกัดก็ตายแล้ว" อืม ช่างสรรหาคำบรรยาย สรุปว่าอาจารย์เป็นคนผ่า แต่ก็ต้องเข้าไปช่วยถือเครื่องมือ ช่วยตัดไหม ฯลฯ

กว่าจะเสร็จเคสนั้นก็เกือบ 4 โมงเย็น แต่ยังก่อน ยังไม่เสร็จแค่นั้นต้องตามไปเฝ้าคุณตาแกที่ห้อง ICU ต่ออีก กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็เกือบ 1 ทุ่ม เฮ้อ กว่าจะได้กินข้าว (ไม่รู้ว่ามื้อไหน)

ก็มานั่งนับๆดูแล้วเหมือนว่าจะใช้ชีวิตในรพ.เกิน 24 ชม.ซะอีก T^T

ส่วนแผนกสุดท้ายของรพ.ศูนย์ชลบุรี ก็ไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นเล้ย อาจจะดีกว่าหน่อยตรงที่ว่าไม่ค่อยได้เป็นคนผ่าตัดเอง ก็แอบยืนหลับในห้องผ่าตัดประจำตอนไปช่วยอาจารย์ผ่า 55 ตารางการทำงานก็คล้ายๆกับศัลยกรรมน่ะครับ คือแบ่งวันเข้าห้องผ่าตัดกับวันรับ consult (ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ไปไหนหรอกหมกตัวอยู่ที่ ER น่ะแหล่ะครับ

อย่างที่บอกแต่แรกว่าเมืองชล เนี่ยชนกันประจำ เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่เคสที่เข้ามาถ้าไม่ใช่แผนกศัลยกรรม ก็แผนกออร์โธปิดิคส์เนี่ยแหล่ะ

อืม แต่เรามันก็เก่งซะด้วย ตอนเรียนเนี่ยเรื่องหัตถการแอบอู้ประจำ ไม่ค่อยได้ทำหรอก เหอๆ

เอาเข้าจริงๆ ตอนแรกที่เจอ คนไข้ขาหัก แบบว่าต้องตอกเหล็กเข้าที่ขาแล้วก็เอาลูกตุ้มถ่วงไว้ที่ปลายเตียงน่ะแหล่ะครับ อยากบอกว่า "ทำไงฟร่ะเนี่ย" งงตั้งแต่ว่าจะเอาเหล็กทิ่มตรงไหนของขา แล้วไอ้น้ำหนักที่ใช้ถ่วงต้องหนักขนาดไหน

แต่ก็เหมือนสวรรค์ช่วยเล็กๆ ตอนนั้นมีน้องปี 5 อยู่ (น่าจะเป็นนักศึกษาแพทย์จุฬาฯ มั๊งถ้าเดาไม่ผิด) อาจารย์เลยบอกว่าขอเคสนี้สอนน้องเค้าก่อนแล้วกัน ผมค่อยทำเคสหน้า 55 สวรรค์มีตา ก็เลยรีบตอบอาจารย์แบบเป็นพี่ที่ดีสุดฤทธิ์ "ได้ครับอาจารย์ ผมไว้ทำเคสหน้าก็ได้" แต่ในใจนะเหรอ....รอดแล้วตรู ตอนแรกนึกว่าจะให้เราเป็นคนสอนน้องซะอีก

ก็อาจารย์ก็สอนน้องปี 5 ไป เราก็ตั้งใจฟังอย่างสุดๆ เพราะคาดว่าคงได้ทำบ่อยแน่ๆ

ก็หลังจากอาจารย์สอนเคสนั้นแล้วนะเหรอ ก็มีให้ดามเหล็ก เข้าเฝือก (ทั้งเฝือกแข็ง เฝือกอ่อน) ก็ทั้งวัน เอาเป็นว่าเท่าที่จำได้เนี่ย วันนั้นวันเดียว ดามเหล็กที่ขาแบบมีตุ้มน้ำหนักถ่วงที่ปลายเตียงไป 5-6 ราย อืม แทบจะหลับตาแล้วเอาเหล็กตอกที่ขาคนไข้ได้เลย อยากบอกว่าที่ผ่านมา 2 ปี (ปี 4-5) ได้ทำไปแค่ 2 เคสเองเหอๆ นี่วันเดียว 5-6 เคส นี่ขนาดแอบอู้ โบ้ยให้น้องปี 5 ทำไปหลายอยู่ครับ ไม่งั้นคงเหนื่อยกว่านี้แน่ (ทำเป็นพี่ชายที่แสนดี กลัวน้องไม่มีเคสฝึกทำอ่ะครับ อิอิ)

ก็หลังจากสาละวนกับสารพัดเฝือกแล้ว เงยหน้าดูนาฬิกาอีกที กะจะไปกินข้าวเที่ยงเพราะท้องเริ่มร้อง แต่ปรากฏว่าไหงกลายเป็น 4 โมงเย็นหว่า ซวยล่ะสิต้องอยู่เวรต่อข้าวก็ยังไม่ได้กิน เฮ้อ สู้ๆ สู้ตาย (^^)y  (เอามาจากหนังเกาหลี ที่กำลังฮิตช่วงนั้น แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว) ก็รีบวิ่งไป 7-11 ร้านประจำ เมนูประจำ ไส้กรอกแฟรงค์เฟิร์ตไก่ ง่ายดีอร่อยด้วย แต่ช่วงหลังมันขยันขึ้นราคาจัง /( "-_-)

อืม มื้อแรกของวัน ไม่ได้ทำให้อิ่มขึ้นเท่าไหร่เลย แบบว่ามันหิวจนไม่มีแรงจะกินอ่ะ

หลังจากนั้นนะเหรอ ก็เข้าไปสิงตัวในห้องผ่าตัด รอแล้วแต่พระเจ้าจะประทานเคสอะไรมาให้ (_/|_) ก็ภาวนานิดนึงขอให้ดวงดีนอนเต็มอิ่ม (แต่ไม่เคยเป็นจริงเลย 55)

แล้วไงล่ะหลังรับเวรได้ไม่นาน ไอ้คุณเพื่อน (เพื่อนมันเข้าเวร ER น่ะ) มันก็ส่งเคสขาหักมาให่ใส่เหล็กเล่นๆ แต่นะไอ้เคสอุบัติหตุพวกนี้มันเคยมาเดี่ยวซะที่ไหน อย่างน้อยก็ต้องมาเป็นคู่ (มอเตอร์ไซค์ 1 คัน คนขี่ กับคนซ้อน ประมาณนี้) แต่นี่ไม่ครับมาที 4 เลย ก็มอเตอร์ไซค์ 2 คัน ดันมาชนกัน T^T แล้วไงนะเหรอ เริ่มเคสตั้งแต่ 6 โมงเย็น กว่าจะเสร็จ 4 ราย ก็ตี 1 กว่าๆ (อันนี้ใช้ห้องผ่าตัด 2 ห้อง มีอาจารย์กับแพทย์ใช้ทุนมาช่วยด้วยครับ) กว่าจะเสร็จออกมาก็แทบหมดแรง ตอนเย็นยิ่งไม่ค่อยได้กินอะไรอยู่

ว่าแล้วก็ 7-11 เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเมนู งานนี้เติมพลังเต็มถัง ด้วยข้าวกระเพราไก่ไข่เค็ม ของคุณหรีด (ตอนนี้ไม่มีขายแล้ว) แล้วก็นมอีกขวดใหญ่ๆ ขนมอีกมากมาย เหมือนรู้ว่างานใหญ่รออยู่ข้างหน้า

พอกินหมดยังไม่ทันย่อยเลย คุณเพื่อนก็โทรมา (อีกแล้ว) บอกว่าจะมีเคสให้ (ไม่รับจะได้มั๊ยเนี่ย) คราวนี้เป็นป้าแก่ๆ เป็น necrotizing fasciitis (คล้ายๆไฟลามทุ่ง แต่เป็นขั้นกว่า เติม -er ด้วยประมาณนั้น) เราก็งงๆสักพัก "อะไรฟร่ะ เคสนี้มันของแผนกศัลยกรรมนี่หว่า" (จริงๆมันได้ทั้ง 2 แผนกแหล่ะ แต่คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน 55)

แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร เพื่อนมันก็เฉลยมาว่า "เคสนี้เรา (เพื่อนผม) ขอให้นาย (ผม) รับนะ เพราะแผนกศัลยกรรม น้อง...(ปี 5) เค้าอยู่เวร" สรุปง่ายๆ ว่ามันเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน ไม่อยากให้น้องเค้าเหนื่อย แต่เพื่อนเหนื่อยไม่เป็นไร ( T^T) เราก็คนดีซะด้วยเผื่อเพื่อน "ไม่เป็นไร"....อย่าให้ถึงทีเราบ้างนะโว๊ย (อันนี้คิดในใจ)

กว่าจะเสร็จนะเหรอ เช้าพอดี ตัวเหม็นๆ หัวกระเซิง (เวลาเข้าห้องผ่่าตัดมันต้องใส่หมวกคลุมผม แล้วผมจะยุ่งๆครับ) ก็รีบกลับไปอาบน้ำโดยด่วน เพราะว่าชุดที่ใส่เนี่ยก็ตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า จนถึงวันนี้เช้า เน่าซะไม่มี




Create Date : 27 สิงหาคม 2555
Last Update : 28 สิงหาคม 2555 20:38:51 น.
Counter : 15264 Pageviews.

14 comments
  
ติดตามภาคต่อ...สู้ๆค่ะคุณหมอ
โดย: mamae IP: 182.52.64.105 วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:10:20:58 น.
  
แง่วๆ ขอบคุณครับ
โดย: zenario วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:10:31:57 น.
  
โอ้โหอ่านแล้วเหนื่อยจริงๆคุณหมอ สู้ๆนะหมอ
โดย: น้ำเคียงดิน วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:11:37:52 น.
  
ติดตามตลอด ทึ่งคะทึ่งมาก เป็นกำลังในให้คุณหมอนะคะ เขียนมาอีกนะคะ จะติดตาม
โดย: สุนทรี IP: 110.164.179.2 วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:11:51:01 น.
  
มาเร็ว ๆ นะคะ ชอบบบบ
โดย: piglet IP: 125.26.1.132 วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:15:57:21 น.
  
ก้อคงจะเหนื่อยไม่น้อยใช่มั้ยครับ ต้องบอกว่า รพ.นี้ก้อโหดสมชื่อที่พี่หมอบอก แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เหอๆเครียดอะ เวลาต้องขึ้นเวร แบบว่าทั้งผู้ป่วยทั้งคุณพี่พยาบาลในเวร My GOD I love you!!!!!
คือผมเนี่ยก้อเรีนพยาบาลอยู่ครับอยู่ปีสามและ ปีหน้าก้อคงไม่ได้มาคลุกคลีบนWardแล้ว ขึ้นสูติฯ อย่างเดียวแล้วก้อเตรียมสอบสภา จบมาก้อทำงานที่นี้แหละครับ รพ.ชลบุรี ที่รัก -_____- !
ยังเลือกไม่ได้เลยว่าจะลงWard ไหนแต่คิดว่าจะลง ER ครับ ในฐานะที่พี่หมอผ่านการฝึกมาแล้วอย่างโชดโชนในว่อดER คิดว่าเป็นยังไงอะครับ
แต่ขอบาย Med กะ Surg. ไม่ไหวจริงๆครับ
โดย: ปังปอน เด็กพยาบาลวิทลัยฯ ชลบุรี (ฐาปนกรณ์ ) วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:18:27:52 น.
  
แหะๆ ตอบน้อง ฐาปนกรณ์ ก่อนครับ ก็แล้วแต่ความชอบเลยครับ แต่ข้อดีของ ER คือเวลาผ่านไปเร็วครับ มาทำงานแปปๆก็เย็นแล้ว ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย 55

ปล.กำลังค่อยๆพิมพ์ต่อครับ
โดย: zenario วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:18:55:28 น.
  
คุณหมอขยันพิมพ์มากเลย แฮะๆ
โดย: สารพัดช่าง IP: 117.121.218.115 วันที่: 28 สิงหาคม 2555 เวลา:11:47:50 น.
  


พออ่านแร้วก็ ประมวลภาพได้ว่า
เป็นหมอเนี่ย....เหนื่อยขนาด 555+

คิดได้เรยนะคะ ปัญหาที่เราเจอ ๆ อยู่อ่ะ
จิ๊บ ๆ ไปในทันตา

หมอเนี่ย ต้องรักษาชีวิตคนไข้ ต้องบริหารเวลาเก่ง
ชื่นชมเรยค่ะ ^__^


เป็นกำลังใจให้คุณหมอแร้วกันนะคะ
ติดตามอ่านอยู่เรื่อย ๆ นะค๊า n__n

โดย: Only NauGhTy GirL วันที่: 5 กันยายน 2555 เวลา:11:10:55 น.
  
ขอบคุณพี่หมอมากเลยครับสำหรับคำแนะนำดีๆ ผมก้อคิดเหมือนกันครับ แล้วมีเรื่องนึงที่อยากถามพี่หมอครับว่า บทบาทของพยาบาลER ที่ต้องทำงานร่วมกับแพทย์เราควรเตรียมตัวหรือเตรียมความรู้ยังไงบ้างอะครับ เพื่อที่จะสามารถทำงานร่วมกับหมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครับ ประมาณว่าเราควรทำอะไรเปนบ้างเมื่ออยู่ใน ER
โดย: ปังปอน เด็กพยาบาลวิทลัยฯ ชลบุรี (ฐาปนกรณ์ ) วันที่: 10 กันยายน 2555 เวลา:1:10:08 น.
  
ตอบน้อง ฐาปนกรณ์
ไม่ทราบเหมือนกันครับ สไตล์หมอแต่ละคนไม่เหมือนกัน
แต่หลักๆก็พยายามอ่านลายมือหมอให้ออกครับ (อันนี้สำคัญสุด) แล้วก็เซ็ตทำหัตถการทั้งหลายแหล่ ไม่ต้องถึงขั้นพูดปุ๊บของมาปั๊บเอาแค่หาเจอแบบใช้เวลาไม่นานก็พอมั๊งครับ
โดย: zenario วันที่: 10 กันยายน 2555 เวลา:22:03:50 น.
  
โหยเหนื่อยมากอ่ะ0oO
แต่วิธีที่พี่เล่าดูมองโลกในแง่ดียังไงไม่รู้อ่ะชอบบบ
สู้ๆนะคะอย่าลืมมาเล่าอีกเยอะๆน้า;3
โดย: Ffffffffad IP: 58.9.51.111 วันที่: 30 กันยายน 2555 เวลา:20:27:59 น.
  
ข้าวกระเพราไก่ไข่เค็ม ของคุณหรีด (ตอนนี้ไม่มีขายแล้ว) เมนูนี้ก็เป็นจานโปรดของเราเหมือนกัน ^_^
โดย: สุวัจฉรัตน์ IP: 161.200.124.201 วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:13:10:33 น.
  
เขียนประสบการณ์โหดๆออกมาได้สนุกมากเลยค่ะ ชอบมาก
โดย: หนิง IP: 1.46.231.83 วันที่: 17 กรกฎาคม 2563 เวลา:19:42:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zenario
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]



สิงหาคม 2555

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
22
24
25
26
28
30
31