โบรกแนะเก็งกำไร 8 บจ.ขาขึ้น ดัชนีผันผวน เน้นหุ้นเด่นมีปัจจัยกระตุ้นราคา

โบรกแนะเก็งกำไร 8 บจ.ขาขึ้น
ดัชนีผันผวน เน้นหุ้นเด่นมีปัจจัยกระตุ้นราคา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.40 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.80 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนและลบ ทั้งนี้ สถานการณ์ยุโรปเริ่มคลี่คลายลงในระยะสั้นหลังจากการเมืองทั้งอิตาลีและกรีซเริ่มมีความชัดเจน และจะส่งผลให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจเดินหน้าได้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยยังคงผันผวน และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเกินพันล้านติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ทั้งนี้ คาดหุ้นพลังงานได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่หุ้นแบงก์ได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของสินเชื่อและการลดอัตราดอกเบี้ย แนะนำเก็งกำไร 8 หุ้นเด่น ได้แก่ BGH, CPF, SCC, BWG, THCOM, DCC, HEMRAJ และ STEC



บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: Sideways ในกรอบ แต่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ก่อน

คาด SETI วันนี้มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ก่อน หลังข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ดีเกินคาดทั้งข้อมูลด้านแรงงาน, ดุลการค้า รวมถึงการประกาศปันผลที่ดี+ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบ.เมิร์คและซิสโก ช่วยหนุนการดีดตัวของดัชนีดาวโจนส์และราคาน้ำมัน NYMEX แต่การแก้หนี้ของยุโรปจะยังคงเป็นปัจจัยลบเรื้อรังที่ต้องติดตามต่อไป โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 1 ปีของอิตาลีปรับตัวขึ้นแต่ไม่มากเท่าที่วิตกกันอีกทั้งต่างชาติเริ่มมีแรงขายสุทธิต่อเนื่องในระดับเกินพันล้านบาทเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันจึงมอง SETI จะยังคงมี Upside ที่จำกัดในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์

กลยุทธ์การลงทุน: การเก็งกำไรระยะสั้นเน้น “ขึ้นขาย ลงซื้อ” ในกรอบ 950-985 แนวต้าน : 973, 985 แนวรับ : 957, 950

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 25-50% : เงินสด 75-50%

ถือต่อในพอร์ต : BGH, CPF, SCC

หุ้นที่ปรับเข้า :

1. BWG เก็งกำไรการกำจัดขยะอุตสาหกรรมหลังน้ำลดในนิคมฯ ราคาพื้นฐาน1.60 บ. + เทคนิคสวย ต้าน 1.58-1.62 รับ 1.48-1.46 Cut loss 1.43

2. THCOM เก็งกำไรแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นเป็นลำดับ ราคาพื้นฐาน 13.70 บ.สัญญาณเทคนิคฟื้นตัวต่อ ต้าน 10.30-10.50 รับ 9.50 Cut loss 9.10


KGI ประเมินหุ้นไทยวันศุกร์แกว่งผันผวน เช่นเดียวกับ 3 วันที่ผ่านมาซึ่งตลาดเหวี่ยงแรงมากปัจจัยยุโรปดีกว่าเมื่อวานนี้แต่ก็ไม่ได้ดีมากมายอะไร โดยดอกเบี้ยพันธบัตรอิตาลีทรงตัวที่ 7.0% และต้นทุนประกันความเสี่ยงอิตาลีลดลงนิดหนึ่งจาก 571bps เป็น 569bps หลังจาก ธ.กลางยุโรปเข้าตลาดพันธบัตรอิตาลี รวมทั้งมีข่าวอื่นๆ มาช่วยคือ i) รายงานว่านายมาริโอ มอนติ อดีตกรรมาธิการยุโรปด้านการเงินจะได้เป็นนายกฯ อิตาลีคนใหม่เร็วๆ นี้ และ ii) อิตาลีประมูลพันธบัตร 1 ปีได้เต็มจำนวน แม้ดอกเบี้ยที่ขายพันธบัตรไปจะสูงสุดรอบ 14 ปีก็ตาม ภาพรวมปัจจัยในอิตาลีถือว่าไม่แน่นอนอย่างสูง แต่ด้านสหรัฐฯ ปัจจัยเศรษฐกิจเป็นบวกต่อเนื่องและจะหนุนหุ้นพลังงานได้ในระยะสั้น ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงสู่ 3.9 แสนตำแหน่ง ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์และให้ภาพของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ดีขึ้น

คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะไม่โดดเด่นในระยะสั้น เนื่องจากงบการเงินไตรมาส 3 ออกไปแล้ว และยังถูกกดดันจากเศรษฐกิจที่อ่อนตัวในไตรมาส 4/54 จากปัญหาน้ำท่วม และความไม่แน่นอนของการเริ่มลดดอกเบี้ยของ ธปท. และเราคิดว่าหุ้นพลังงานจะเด่นกว่าในช่วงนี้ตามข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดี ซึ่งภาพของราคาหุ้น 2 กลุ่มใหญ่ที่ขัดแย้งกันเช่นนี้ ก็เป็นอีกเครื่องชี้หนึ่งว่า SET จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบที่จำกัด

กลยุทธ์: เนื่องจากปัจจัยยุโรปลุ่มๆ ดอนๆ แต่ปัจจัยสหรัฐฯ ดี แนะให้เลี่ยงหุ้นกลุ่มหลักไปก่อนจะทำให้เล่นกับตลาดได้ง่ายกว่า เราแนะซื้อหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการซ่อมแซม ก่อสร้าง และลงทุนหลังน้ำลด ได้แก่ SCC, DCC, HEMRAJ รวมทั้ง STEC ซึ่งเพิ่งจะรายงานกำไรไตรมาส 3/54 ออกมาโดดเด่นเมื่อเช้านี้ ส่วนกลยุทธ์ระยะถึงสิ้นปี 2554 ให้ซื้อหุ้นช่วงตลาดปรับลง และเราคงมุมมองว่าตลาดจะขึ้นไปซื้อขายเหนือ 1 พันจุดในเดือน ธ.ค.

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ SET เริ่มแกว่งตัวขึ้น-ลงในกรอบ 920-1000 จุด-ให้เทรดดิ้งตามรอบเท่านั้น

แนวโน้ม แม้ว่าจะยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขวิกฤติหนี้ยุโรป แต่นักลงทุนก็ยังมีความคาดหวังเกี่ยวกับความชัดเจนจากปัญหาทางด้านการเมืองของทั้งกรีซและอิตาลีอยู่ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีหนุนความมั่นใจของนักลงทุนต่อภาวะเศรษฐกิจโลกได้บ้าง ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้น-ลง เป็นรอบๆ ให้ได้ตามเข้าเทรดดิ้งอยู่ โดยกรอบการแกว่งตัวจะค่อนข้างกว้างระหว่าง 920-1000 จุดโดยประมาณ และคาดว่าจะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวผันผวนมาก เนื่องจากนักลงทุนยังต้องติดตามมาตรการการแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรปอย่างใกล้ชิด รวมทั้งคาดว่าตลาดหุ้นไทยยังมีผลกระทบทางเศรษฐกิจจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้คอยกดดันด้วย

กลยุทธ์: ดังนั้นช่วงนี้จึงยังเน้นเป็นเพียงการเข้าเทรดดิ้งตามรอบ ในลักษณะรอหาจังหวะซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลงแรง และขายทำกำไรเมื่อดัชนีขยับบวกด้วย โดยยังไม่แนะนำให้เพิ่มพอร์ตในส่วนของการถือลงทุนเช่นเดิม

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2554		0 comments
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2554 13:56:09 น.
Counter : 395 Pageviews.
Share Tweet