Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

อุบล โขงเจียม

เรามาถึงอุบลกันก็ตอนค่ำๆแล้ว ..คืนนี้เรานอนกันที่โรงแรมทอแสงในตัวเมือง ...มาถึงช้าไปหน่อย เลยไปงานสงกรานต์ที่ทุ่งศรีเมืองไม่ทัน แต่ยังพอมีอะไรให้กินเล็กน้อย ...แวะกินข้าวกันแปปนึงก็แยกย้ายละ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางไปโขงเจียมกันต่อ



มาเที่ยวคราวนี้ไม่ได้วางแผนกันอย่างแรง (จะบอกว่า วันเดินทางนี่คือวันปิด case ก่อนหน้านั้นไม่มีใครได้ทำอะไรเลย) รู้แต่ว่าเราจะไปเที่ยวสามพันโบกที่โขงเจียม นอกนั้นนี่ไปตายกันเอาดาบหน้า

ตอนเช้าท้อปไปรับเอมี่มาจากสนามบิน แล้วสายๆค่อยเดินทาง .. ก่อนเดินทางไปขอแผนที่เที่ยวในตัวเมืองอุบลมาซักหน่อย ..ดูซิว่าทางผ่านไปโขงเจียมมีอะไรมั่ง ??

ที่แรกที่เราจะไปคือ วัดระธาตุหนองบัว

วัดที่ค่อนข้างดัง เนื่องจากมีเจดีย์ที่จำลงอมาจากเจดีย์พุทธคยาของอินเดีย (1 ใน สังเวชนียสถาน 4 แห่งของพุทธศาสนา) - เค้าบอกว่าเป็นวัดเีดยวในไทยที่มีปูชนียสถานแบบนี้ด้วย


แบบจำลองเจดีย์พุทธคยา
(รู้สึกตรงนี้แหละที่เรีียกว่าพระธาตุ)


ภายนอกพระธาตุมีประดับประดาสงวยงาม

อีกฝั่งหนึ่งของวัดจะมีอุโบสถใหญ่
เหมือนที่นี่จะเป็นที่ปฏิบัติธรรมด้วยนะ

ระเบียงรอบอุโบสถสวยงามไม่แพ้กัน

เพิ่มเติมนิดหน่อยเกี่ยวกับสังเวชนียสถาน ~~~
สังเวชนียสถานคือสถานที่สำคัญในพุทธศาสนา 4 ที่ ชาวพุทธนิยมไปสักการะกันเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า (ก่อนพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ได้บอกกับพระอานนท์ไว้ว่า ผู้ใดที่มีจิตเลื่อมใส เดินทางมาแสวงบุญ เมื่อตายไปแล้วจะได้ไปสวรรค์) ซึ่งสถานที่ที้ง 4 คือ
1. ลุมพินีวัน คือสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า
2. พุทธคยา บริเวณใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้
3. สารนาถ(ในเมืองพาราณสี) คือสถานที่แสดงธรรมเป็นครั้งแรกแก่ปัจวัคคคีย์ทั้ง 5
4. กุสินารา คือสถานที่เสด็จปรินิพพาน

เดินทางมาเรื่อยๆก็เจออีกวัดหนึ่ง คือ วัดภูเขาแก้ว
วัดนี้ค่อนข้างใหญ่ สวย แล้วก็ร่มรื่นทีเดียว ...อุโบสถประดับด้วยกระเบื้อง ตอนแดดส่องมาเลยดูระยิบระยับเป็นพิเศษ


อุโบสถ

ภายในมีพระธาตุมากมาย

นอกจากนี้ตามผนังบยังมีรูปและประวัติของพระธาตุสำคัญๆต่างๆในประเทศไทยอีกด้วย (เท่าที่จำได้ก็เช่น พระธาตุพนม พระธาตุหริภุญไชย เป็นต้น)



วัดนี้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับการปฏิบัติธรรมด้วย
ไม่แน่ใจว่าลานนี้สำหรับเดินจงกรมรึเปล่า ??

พระพุทธรูปหน้าอุโบสถ

มีหลายองค์

เราหยุดการเที่ยววัดแต่เพียงเท่านี้ อยากเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง (ท้อปเป็นคริสด้วย แอบเกรงใจ)
เสียดายเราไม่ได้ไปวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ...สารภาพตามตรงว่าก่อนไปไม่รู้จัก แต่จำได้ว่าเห็นป้ายทางเข้าถ้ำ.... แต่พอกลับมาแล้วเพิ่งมาได้อ่านประวัติของหลวงปู่คำคะนิง แล้วในวัดก็มีร้่างกายของท่าน (ที่ไม่เน่าเปื่อย)ให้เข้าไปบูชาอยู่ ... ถ้าตอนนั้นรู้ก้อน อาจจะแวบเข้าไปนมัสการซักหน่อย

เปลี่ยนรูปแบบการเที่ยววัด ... คราวนี้เราไปกันที่แก่งสะพือกัน (มีอะไรให้เที่ยวมั่งก็ไม่รู้ แต่มันก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวนิ)


ทางเข้าแหล่งสะพือ (คนเยอะเหมือนกัน)
เข้าไปก็มีขายของมากมายเหมอืนตลาดนัดธรรมดา

แต่ที่น่าสนใจของที่นี่ไม่ใช่ตลาด .. แต่เป็นที่เล่นน้ำมากกว่า

คนเล่นน้ำกันเยอะมาก ดูแล้วน่าสนุกใช่ยอย
แม่น้ำนี้เป็นแม่น้ำมูลนะจ๊ะ ไม่ใช่แม่น้ำโขง

เนื่องจากว่าพวกเราไมไ่ด้คิดจะเล่นน้ำกัน เลยอยู่ที่นี่ไม่นาน ชมบรรยากาศแปปเดียวก็เตรียมย้ายที่ ... ตอนนี้เราอยากไปเขื่อนสิรินธร แต่หนุ่มๆขับรถอีท่าไหนไม่รู้ หลงทาง !!!!

เรากับเอมี่นั่งข้างหลัง หลับกันสนิท ตื่นมาอีกที รถแล่นอยู่กลางทุ่ง ... เอิ่มมม หนุ่มๆดูแผนที่กันยังไงเนี่ย ??


พอมาสุดทางก็กลางทุ่งจริงๆ


เห็นไม้โผล่ออกไปก้อุตส่าห์ไปทดสอบการทรงตัว
คุณแมกซ์เดินไปไม่สุดก็กลับมาละ


คุณท้อปไม่ยอมแพ้

เดินไปจนสุดปลายไม้เลย

พอถ่ายรูปนี้เสร็จปุ๊บ ..... ก้ได้ยินเสียง ตู้มมมมม


ท้อปตกน้ำ ไม้หักเรียบร้อย เหลือแต่ซาก

จะบอกว่าตอนนั้นตกใจมาก เพราะท้อปล้มเอาหน้าลง แล้วหน้าอกไปทิ่มกับตอพอดี ... แล้วมันก็นอนนิ่งไปแปปนึง ... วูบไปเลย นึกว่าจะเป็นอะไรไปแล้ว .. โชคดีมันลุกขึ้นมาได้ บอกว่าจุกเล็กน้อย .... ทีนี้ไม่เที่ยวละ ..ลากตัวไปโรงพยาบาลอย่างด่วน!!!!

เข้าห้องเอกซเรย์เสร็จเรียบร้อย หมอบอกว่าไม่เป็นไร โชคดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ ...เลยเที่ยวต่อ (ไม่สำนึก!!!)

โปรแกรมต่อไปเราเที่ยวชิวๆจริงๆ ... ไปเดินปากเซ ชายแดนไทย-ลาวกันเฉยๆแหละ


ทางเข้าๆๆ

เค้าบอกว่าเป็นมักกะลีผล
(แต่เราไม่เชื่อ!!!)

เดินกันไม่นาน (เพราะไม่มีอะไรจะซื้อ) แ้ล้วก็ได้เวลาเข้าที่พัก ... คืนนี้เรานอนกันที่ทอแสง โขงเจียมนะ

ห้องพักสวยใช้ได้

แต่ด้านนอกจิ้งจกเยอะมากกกกก แถมตัวอย่างใหญ่ แทบจะเป็นตุ๊กแกอยู่แล้ว ...ใครกลัวจิ้งจก ตุ๊กแก ต้องรัีบเข้าห้องตั้งแต่ยังไม่มืดนะ ... เยอะมากจริงๆ




วันนี้เรามีแค่ 2 โปรแกรม คือผาแต้มกับสามพันโบก แต่ว่าเอมี่โชคร้่าย คุณเจ้านายโทรมาสั่งงาน (ไรฟระ!!!! ลางานมาแท้ๆนะเนี่ย) เลยต้องอยู่ทำงาน ไปเที่ยวกับเราไม่ได้ Y_Y


ก่อนไปมาดูบรรยากาศในโรงแรมกันก่อน

หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อย (อาหารที่นี่ใช้ได้เลยนะ) ก็เดินทางไปผาแต้ม
ที่นี่ดัง 2 อย่าง
1. มีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์บนหน้าผา (ที่มาของชื่อผาแต้มนั่นแหละ)
2. เป็นที่ที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นแสงแรกของประเทศไทย

เราไปกันสายแล้ว ไปดูกันแค่ภาพเขียนสีแหละเนอะ 555


มาถึงแล้วจ้าา

ภาพเขียนมี 4 กลุ่มตามในแผนที่

ส่วนมากเค้าเดินมาดูถึงแต่จุดที่ 2 ที่เป็นจุดที่มีภาพเขียนเยอะที่สุดแล้ว (ถ้าจำไม่ผิดจะไปกลับ 2 กิโล) เรากับแมกซืก็หยุดแค่นี้ แต่คุณท้อปเดินต่อไปจนครบรอบ (สมเป้นท้อปอ่ะนะ)


จุดชมวิว ..มองแค่ข้างหลังก็สวยดี 555


สี่เหลี่ยมเล็กๆสีขาวนั่นเป็นลายพระหัตถ์พระเทพ
(แผ่นจารึกพระนามเมื่อครั้งมาเยี่ยมชม )

เดินไปตามทางอย่างนี้แหละ
(แต่พอหลังจากภาพกลุ่มที่ 2 ไปแล้ว เหมือยทางเดินไม่ดีขนาดนี้)

หินเป็นชั้นๆตามธรรมชาติ

บางจุดเหลือทางเดินแคบนิดเดียว


เริ่มเห็นภาพเขียนสีละ

สีแดงๆตามแนวนี้คือภาพเขียนหมดเลย
ถือว่าเป็นแนวที่ยาวมาก ..ส่วนมากเป็นภาพเกี่ยวกับวิถีชีวิตสมัยก่อน


พยายามทำท่าวาดรูปอยู่

ขากลับไม่มีคน เลยมากระโดดตรงหินกอนเดิมอีกรอบ

มุมแถวนี้ถ่ายรูปสวยนะ

อ๊ากกกกก ทำไมลายน้ำมาแปะตรงหน้าเลยฟระ ??
(แต่ขี้เกียจแก้ ไม่เป็นไรละกัน)

จบการเดินรอบผาเพียงเท่านี้ ...ที่ใกล้ๆที่มีให้เที่ยวคือ เสาเฉลียง
เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่หินถูกกัดเซาะจนมีสภาพคล้ายเห็ดอยู่เต็มไปหมด ที่มันเป็นรูปอย่างนี้เพราะหินตัวที่เป็นเสาเป็นหินที่อ่อนแอกว่าหินข้างบน พอเกิดการกัดเซาะ หินข้างบยนไม่เป้นไร แต่ข้างล่างโดนเซาะไปเรื่อยๆ เลยออกมาหน้่าตาแบบนี้แหละ


รูปหมู่เสาหิน

ถ่ายรูปดีๆไม่เป็น

เอาล่ะ ...ต่อไปเป็นทริปตามรอยพี่เบิร์ด ... เราจะไปสามพันโบกกัน
คำว่า "โบก" ในที่นี่หมายถึงแอ่งน้ำ สามพันโบกที่ว่านี่ก็คือแอ่งน้ำ 3 พันแอ่ง ที่ปกติตอนหน้าน้ำจะอยู่ใต้แม่น้ำโขง พอน้ำแห้งลง แอ่งหินพวกนี้ก็ปรากฏให้เห็น ... กินพื้นที่กว่า 10 ตารางกิโลเมตร กว้างมากทีเดียว~~~


สงกรานต์ปีนี้ฝนตก ที่จอดรถเลยแฉะเล็กน้อย

ดูความใหญ่โตกันก่อน

บางแอ่งก็มีน้ำขัง .. ใหญ่ขนาดเป็นบ่อน้ำ


เด็กๆบางคนลงไปเล่นน้ำได้เลย

ลีลาถ่ายรูปเหลือรับประทาน
(แต่รูปที่ถ่ายมาก็ ....)

...ดูเอาเอง

ถ่ายปกเทปกันหรอจ๊ะ พ่อคุ๊ณณณ


รูปเมื่อกี้ถ่ายให้แล้วไม่ชอบ ...ดั๊นนน มาชอบรูปนี้

นั่งชมวิวริมโขงได้นะ







รูปสุดท้ายละ อันนี้ถ้่ายตรงทางเดินลง

ปล. จะบอกว่าเราเดินไปไม่สุดทางล่ะ คือฝนทำท่าท่าจะตก แล้วซุ่มซ่ามๆอย่างเรากลัวว่าถ้าฝนมันเทลงมาแล้วรีบๆคงได้หกล้มกันแน่ๆ เลยเดินกลับกันมาก่อน ....สุดท้าย ฝนดันไม่ตก เปาะแปะๆลงมานิดเดียวเอง ...แง่มๆๆๆๆ หลอกตรู!!!!!


โปรแกรมสุดท้ายสำหรับทริปนี้ ...เราจะล่องเรือจากโรงแรมไปชมแก่งตะนะยามเย็นกัน
มีเรือมารับที่ท่าเรือของโรงแรมเลย นั่งไปเรื่อยๆ สบายดี ~~~

กลับมาจากสามพันโบกก็มีเวลาให้อาบน้ำซักพัก แล้วก็ไปลงเืรือที่ท่าเรือท้ายโรงแรม


บรรยากาศในโรงแรมตอนเดินไปท่าเรือ


ตอนเดินลงมีอยู่ช่วงนึงเดินยากเล้กน้อย

เรือมาเทียบท่ารออยู่แล้ว

ขึ้นเรือเรียบร้อย

อีกคู่

บรรยากาศยามเย็น

มาถึงแก่งตะนะแล้ว

แอบอึ้งไปเล้กน้อย เพราะแอ่งมันเหมือนเป็นก้อนหินยักษ์กลางแม่น้ำ ..พอเรือเทียบเสร็จต้องปีนๆๆขึ้นไปถึงจะชมวิวได้ ..กลัวหกล้มหัวฟาดเหมือนตอนไปตะรุเตา (^^') แต่บรรยากาศยามเย็นก็สวยนะ




เห็นเอมีรูปนี้แล้วนึกถึงคุณหญิงกีรติในข้างหลังภาพ 555

เอ่อ...ขอโทษนะคะ เล่นโยคะเป็นรึเปล่านั่น ???

จบแล้ว ~~~

คืนนี้นอนกันที่โขงเจียมอีกคืน รุ่งขึ้นแวะอุบลซื้อหมูยอกับไส้กรอกอีสานก่อนกลับ (ของกินนี่ห้ามพลาด 555) แล้วก็กลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ




 

Create Date : 11 ตุลาคม 2552
4 comments
Last Update : 11 ตุลาคม 2552 23:52:11 น.
Counter : 2777 Pageviews.

 

โขงเจียม ...คือชื่อที่คุ้นเคย เมื่อได้ยิน ชื่อนี้ สิ่งที่ตามมาคือความ คิดถึง
โขงเจียม.... เคยมีโอกาส ได้ไปเยี่ยมเยือน เมื่อตอนเป็นเด็ก รอยยิ้ม ความสุข รวมไปถึงความหวังที่จะได้กลับไปที่นั่นอีกครั้ง
โขงเจียม.... และแล้วก็ได้กลับไป เมื่อเวลาผ่านไป 20 กว่าปี แต่ครั้งนี้
กลับไปพร้อม รอยน้ำตา และ การจากลา
โขงเจียม คือ ที่ๆ ....
คนสำคัญ ในชีวิต เคยอยู่ที่นั่น แต่ปัจจุบันท่านจากไปแล้ว
...............คิดถึงพ่อ จังค่ะ

ท้ายสุดอยาก ขอบคุณจ้าของ blog อีกสักครั้งค่ะ ที่นำ ภาพถ่าย สวยๆ และ ประสบการณ์ ดีดีมาแบ่งปัน ความทรงจำมากมาย ผุดขึ้นมาเมื่อเห็นภาพถ่ายของพวกคุณจริงๆ ค่ะ

 

โดย: Hope&Dream IP: 202.90.125.194 12 ตุลาคม 2552 10:03:08 น.  

 

ดีใจที่ช่วยให้ย้อนไปนึกถึงความทรงจำดีๆได้
และขอแสดงความเสียใจกับคุณพ่อด้วยนะคะ

มีประโยคนึงจากแฮร์รี่พอตเตอร์ประโยคนึงที่เราชอบ เค้าบอกว่า
"คนที่เค้ารักเรา เค้าจะอยู่ในใจของเราเสมอ"

เวลาคิดถึงคนที่จากไปแล้วนึกถึงประโยคนี้ขึ้นมา ก็จะรู้สึกดีขึ้นค่ะ (^^)

 

โดย: เด็กข้างหน้าต่าง 13 ตุลาคม 2552 0:28:37 น.  

 

สุด ๆ เลยครับ ภาพสวยแถมเยอะจุใจอีกต่ะหาก บรรยากาศน่าไปมากมายเลยครับ ต้องไปให้ได้ภายในปีนี้ หุหุ

 

โดย: นายหัว (nindhua ) 13 ตุลาคม 2552 7:19:50 น.  

 

สวยมากเลย อยากไปเที่ยวจัง มีโอกาศจะไปบ้าง
9/04/53

 

โดย: เอก / ปุ๊ก IP: 124.157.135.213 9 เมษายน 2553 8:56:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เด็กข้างหน้าต่าง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์ภาพถ่ายทุกภาพใน blog นะคะ

Friends' blogs
[Add เด็กข้างหน้าต่าง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.