This's ME . . . นี่คือตัวฉัน
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2548
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
22 พฤษภาคม 2548
 
All Blogs
 
การต่อสู้ของรัฐปัตตานี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน...ตอนที่ 1

เป็นการประเดิม...ก่อนที่จะนำคุณเข้าสู่จังหวัดยะลา วันนี้ยอดอ้อขอนำเพื่อนๆ ไปรู้จักอดีต - กว่าจะเป็นยะลา - สุดท้าย...เขาต้องการอะไรจากการสู้รบ ซึ่งเป็นประเด็นร้อนและมีการนำเสนอข่าวทางทีวีแทบทุกวัน


เชิญตามอ่านได้แล้วค่ะ ^^


การต่อสู้ของรัฐปัตตานี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน




ประวัติของแผ่นดินไทย ชายแดนใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สมัยก่อนประวัติศาสตร์



ดินแดนปลายแหลมทองของไทย ส่วนที่เป็นจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาสในปัจจุบันนั้น มีร่องรอยการตั้งหลักแหล่งของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยหินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ที่หมู่บ้าน ช้างไห้ตก ท้องที่ ตำบล ป่าบอน อำเภอโคกโพธิ์ ได้พบ โบราณ วัตถุ ที่น่าสนใจ หลายชิ้น เ ช่น ขวานหิน เศษ ภาชนะ ดินเผา อิฐโบราณ เทวรูป อวโลติเกศวร และ เบ้าหล่อทองคำ อยู่ใน บริเวณ สวนยาง เอกชน เป็นจำนวนมาก ส่อแสดง ว่า สถานที่ แห่งนี้ เคยเป็น ที่ตั้ง ชุมชน โบราณ มาก่อน หรืออาจ จะเคย เป็นที่ตั้ง เมืองปัตตานี มาแล้ว ครั้งหนึ่ง บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ต่อเนื่องระหว่างจังหวัดกระบี่กับรัฐเปรัก ของมาเลเซีย มีการพบหลักฐานของมนุษย์โบราณอายุประมาณ ๔๐,๐๐๐ ปี ที่เพิงผาหลังโรงเรียน อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ และ พบหลักฐานมนุษย์โบราณยุคโลหะที่รัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ว่า มนุษย์โบราณอายุกว่าหมื่นปีดังกล่าวได้สืบเชื้อสายมาเป็นคนพื้นเมือง ที่เรียกตัวเองว่า “มันนิ” แต่พวกมาเลย์เรียกเป็นทางราชการว่า โอรังอัสลี (Orang Asli)แปลว่า มนุษย์ถิ่นเดิม บางทีก็เรียกว่า “ซาไกหรือซาแก” ซึ่งแปลว่า คนป่า หรือ คนเถื่อน ซึ่งชาวมันนิไม่ชอบเนื่องจากเป็นคำดูถูก ส่วนคนไทยเรียกว่า “เงาะ หรือ เงาะป่า” ในปัจจุบันก็ยังมีชาวมันนิ เหล่านี้กระจายเป็นกลุ่มเล็กๆราว ๗๐,๐๐๐ คน ที่รัฐเคดะห์ และรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย ในส่วนลึกของ เกาะนิวกินี หมู่เกาะฟิลลิปปินส์ รวมทั้งในหมู่เกาะต่างๆในทะเลอันดามัน คนพวกนี้นับถือผี เก็บหาของป่าเป็นอาหาร ไม่เพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ ขณะนี้ในภาคใต้ของประเทศไทยยังมีซาไกเหลืออยู่สี่เผ่า รวมประมาณ ๓๐๐ คน คือซาไกกันซิว(Kansiw) อยู่ที่อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ซาไกยะฮาย (Yahai) อยู่ที่อำเภอแว้งและระแงะ จังหวัดนราธิวาส ซาไก แตะเดะ(Tea-de) อยู่ใกล้เหมืองทองคำโต๊ะโม๊ะ อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ซาไก แต็นเอ็น(Tean-ean) บริเวณเทือกเขาบรรทัด ในอำเภอปะหลียน จังหวัดตรัง และอำเภอละงู จังหวัดสตูล นอกจากนั้นยังมีชาวเลทำประมง พวกอุรักละโว้ย อยู่ที่เกาะลันตาจังหวัดกระบี่ และพวกมอร์แกนที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีภาษาและวัฒนธรรมคล้ายชาวเกาะในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียอีกด้วย


สมัยต้นประวัติศาสตร์

ประมาณ ๒ พันปีมาแล้ว มีชาวอินเดียนับถือศาสนาฮินดูและพุทธลงเรืออพยพจากบ้านเมืองของตนมาตั้งหลักแหล่งในเกาะชวา และเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย บางส่วนเลยไปตั้งหลักแหล่งถึงประเทศกัมพูชา และได้สร้างปราสาทหินนครวัดตามค่านิยมของอินเดียใต้ การอพยพใหญ่ครั้งแรกอาจเป็นลี้ภัยสงครามของพวกกลิงค์ในอินเดียริมทะเลด้านใต้ ราว พ.ศ. ๒๓๐ สมัยที่พระเจ้าอโศกมหาราชทำสงครามกับพวกกลิงค์ มีการฆ่าฟันชาวกลิงคราชล้มตายไปมาก จนพระเจ้าอโศกสังเวชพระทัย หันมานับถือพุทธศาสนา การอพยพใหญ่ครั้งที่สองของชาวพุทธ อาจจะเกิดขึ้นในพุทธศตวรรษที่ ๑๗ เมื่อพวกตุรกีหรือ เติร์ก นำศาสนาอิสลามที่พระนาบี มุฮัมมัดทรงประกาศเมื่อพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เข้ามามีอิทธิพล ครอบครองอินเดีย ตั้งราชวงศ์โมกุล สร้างอนุสรณ์สถานทาชมาฮาล มีการ ทำลายพระพุทธรูป ฆ่าฟันพระสงฆ์ และเผาวิทยาลัยพุทธศาสนาใหญ่ที่เมืองนาลันทาจนหมดสิ้น แม้แต่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาก็ยังถูกทำลาย รูปพระพุทธเจ้าที่ถ้ำตุ้นหวงประเทศจีน ถูกขูดลูกตาออกจนหมดสิ้น ทั้งนี้เพราะศาสนาอิสลามสอนไม่ให้มีรูปเคารพใดๆ ชาวพุทธที่อพยพมาเกาะชวา ได้สร้างพุทธศาสนสถานขนาดใหญ่ ด้วยหินภูเขาไฟ ชื่อบุโรพุทโธ ไว้ที่เมืองจ๊อกจารกาตา ซึ่งปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้ ศาสนสถานบุโรพุทโธในอินโดนีเซียนี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าดินแดนแถบนี้เป็นดินแดนของคนที่นับถือพุทธมาก่อนที่จะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ต่อมามีคนอพยพข้ามฟาก จากเกาะชวา และสุมาตรามาที่ปลายแหลมมลายู คำว่า “มลายู” แปลว่าผู้ข้ามฟาก

ตั้งแต่สมัยเมื่อกว่าพันปีมาแล้ว ได้มีการค้าขายทางทะเล เกิดเมืองท่าเรือและป้อมค่าย เช่นมะริด(Mergui) ตะโกลา (Tacola) มะละกา (Mallaca) และอาณาจักรอะแจ หรือ อะเจะห์(Aceh) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประทศอินโดนีเซีย ปรากฏมีเส้นทางเดินบกข้ามคาบสมุทรระหว่างรัฐเคดาห์ ทางฝั่งมหาสมุทรอินเดีย กับปัตตานี และสงขลา ทางฝั่งอ่าวไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น พ่อค้าชาวเปอร์เซีย จากแถบคาบสมุทรอาหรับได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแพร่ ในเกาะชวา สุมาตรา และปลายแหลมมลายู ทำให้ประชาชนบางส่วนนับถืออิสลาม ตั้งแต่ราว พ.ศ.2012 คือประมาณห้าร้อยปีนี่เอง
ลังกาสุกะและปัตตานี

"ปัตตานี หรือ ปตานี " เป็นเมืองเก่าแก่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักของพ่อค้าต่างประเทศมาตั้งแต่โบราณ และเป็นศูนย์การค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี้ สมัยก่อนพุทธศตวรรษที่ 20 นั้น นักประวัติศาสตร์ รู้จักปัตตานีในนามของ"ลังกาสุกะ" (Langkasuka) ซึ่ง เป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อนในแหลมมลายู

ลังกาสุกะ หรือ ลังกาโศภะ หรือที่จีนเรียกว่า “หลังยาซูว” หรือ “หลังหยาสิ้ว” เป็นอาณาจักรอันเก่าแก่แห่งหนึ่งของเอเชียอาคเนย์ มีอาณาเขตครอบคลุมคาบสมุทรมลายูตอนล่าง ด้านใต้ของอาณาจักรตามพรลิงค์ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่นครศรีธรรมราชในปัจจุบัน ลังกาสุกะพัฒนามาจากเมืองท่าเล็กๆ ของชาวพื้นเมือง จนเติบโตเป็นรัฐและมีฐานะเป็นอาณาจักรมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 ขณะที่อาณาจักรฟูนันเริ่มเสื่อมอำนาจ เนื่องจากอาณาจักรลังกาสุกะมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างโลกตะวันออกและโลกตะวันตก (East-West Center) มีทิศทางลมตรงมาจากแหลมญวน มีอ่าวปัตตานีเป็นที่หลบภัยจากลมมรสุม ทั้งยังเป็นแหล่งผลิต ต้นการบูนและไม้กฤษณาที่มีกลิ่นหอม จึงเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างจีนกับอินเดียและเป็นศูนย์กลางของการเผยแผ่หลักธรรมของศาสนาทั้งศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธนิกายมหายาน ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๙ จดหมายเหตุจีนฉบับหนึ่งเขียนไว้เมื่อราว พ.ศ. ๑๐๕๒ ว่า “ หลังยาซูว เป็นเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบ พระราชาประทับอยู่บนกูบช้างมีหลังคาทำด้วยผ้าสีขาว แวดล้อมด้วยองครักษ์ท่าทางดุร้ายและทหารตีกลองถือธงสีต่างๆ ประชาชนทั้งชายหญิงไว้ผมปล่อยยาว ใส่เสื้อไม่มีแขน” ศูนย์กลางของลังกาสุกะอยู่บริเวณ อำเภอเมืองปัตตานีกับอำเภอยะหริ่ง และอำเภอยะรัง ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปัตตานี ที่เมืองโบราณยะรังในปัจจุบันปรากฏร่องรอยของศาสนสถานประเภทสถูปเจดีย์ขนาดใหญ่ทั้งหมดกว่า ๓๐ แห่ง ในพื้นที่ประมาณ ๙ ตารางกิโลเมตร นอกจากนั้นยังพบร่องรอยกำแพงเก่าอีกหลายแห่งในบริเวณใกล้เคียงกัน มีชิ้นส่วนดินเผาลายดอกบัวศิลปะทวารวดี สำหรับตกแต่งสถานที่ ปรากฏอยู่ที่โบราณสถานเมืองยะรัง

ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๘ อาณาจักรลังกาสุกะเริ่มเสื่อมอำนาจลง เนื่องจากภาวะของชายฝั่งทะเลตื้นเขิน สายน้ำเปลี่ยนทางเดิน เกิดศึกสงคราม โดยมีกองทัพจากเขมร และมะละกา เข้ามาโจมตีหลายครั้ง อาจเป็นเพราะคนอพยพไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากถูกโคลนทับเมือง หรือเกิดโรคระบาด หรือถูกโจมตีทำลาย จนชื่อหายไปจากประวัติศาสตร์ ส่วนดินแดนเดิมของลังกาสุกะ ได้เข้าไปรวมกับอาณาจักรตามพรลิงค์ ดังนั้นชาวลังกาสุกะส่วนใหญ่จึงนับถือพุทธศาสนาตามชาวตามพรลิงค์ไปด้วย

ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๗ ถึง ๑๙ ได้มีการก่อตั้งอาณาจักรตามพรลิงค์ หรือตัมพะลิงค์ มีศูนย์กลางอยู่ที่ บริเวณบ้านท่าเรือ บนสันทรายปากอ่าวนครศรีธรรมราช ทางเหนือของอาณาจักรลังกาสุกะ มีอาณาเขตทางตะวันตกจรดอ่าวไทยและทางตะวันออกจรดจังหวัดกระบี่ในปัจจุบัน อาณาจักรตามพรลิงค์ประกอบด้วยเมือง ๑๒ เมือง หรือสิบสองนักษัตร คือ สายบุรี ปัตตานี กลันตัน ปาหัง ไทรบรี พัทลุง ตรัง ชุมพร บันทายสมอ(กระบี่) สงขลา ตะกั่วป่า และกระบุรี เมือง สายบุรีใช้ตราหนูและปัตตานีใช้ตราวัวเป็นสัญญลักษณ์ ประชาชนองอาณาจักรตามพรลิงค์นับถือพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น มีการสร้างพระบรมธาตุขนาดใหญ่ไว้เป็นที่สักการะบูชา ในพุทธศตวรรษที่ ๑๘ พระเจ้าจันทรภาณุ ศรีธรรมราช ได้ส่งกองทัพเรือไปโจมตีเกาะลังกาถึงสองครั้ง ประวัติศาสตร์ลังกาบันทึกไว้ว่า กองทัพของพระเจ้าจันทรภาณุใช้ไม้ซางเป่าลูกดอก และ ธนูเป็นอาวุธ ในพ.ศ. ๑๘๓๗ อาณาจักรตามพรลิงค์ได้เข้ารวมกับอาณาจักรสุโขทัย และ พ.ศ. ๑๘๙๓ เข้ารวมกับอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ดังนั้นดินแดนลังกาสุกะจึงเข้ารวมกับอยุธยาไปด้วย

ระหว่าง พุทธศตวรรษที่ ๑๒ ถึง ๑๘ ได้มีการก่อตั้งอาณาจักรศรีวิชัย (Sri Vijaya) โดยราชวงศ์ ไศเลนทรของชวา มีอาณาเขตครอบคลุม แหลมมลายู เกาะชวา สุมาตรา และควบคุมการเดินเรือในช่องแคบมะละกาโดยมีสายโซ่ขึงกั้นช่องแคบเพื่อเก็บเงินค่าผ่านทางจากเรือที่จะผ่านไปมา เข้าใจว่าศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยอยู่ที่เมืองปาเล็มบัง บนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซียในปัจจุบัน ประชาชนชาวศรีวิชัยนับถือพุทธศาสนานิกายมหายาน ใช้ภาษาสันสกฤต หลวงจีนอี้จิงซึ่งได้เดินทางจากประเทศจีนทางเรือผ่านมาแถบนี้ในเดือน๑๑ พ.ศ. ๑๒๑๔ บันทึกไว้ว่า ประชาชนทางใต้ของแหลมมลายูนับพุทธศาสนา แต่ได้ติดต่อกับพวกมุสลิมอาหรับที่เดินทางผ่านไปประเทศจีน ศาสนาอิสลามจึงได้เผยแผ่ไปยังมะละกา กลันตัน ตรังกานู ปาหัง และปัตตานีจนกลายเป็นรัฐอิสลามไป พ.ศ.๑๕๖๘ อาณาจักร์ศรีวิชัยได้ทำสงครามกับอาณาจักรโจฬะในอินเดียใต้ และตกอยู่อำนาจของอาณาจักรมัชปาหิตในชวาใน พ.ศ. ๑๙๔๐



ดินแดนปัตตานีหลังยุคลังกาสุกะ

ภายหลังจากสิ้นยุค ลังกาสุกะ อันรุ่งเรืองในพุทธศตวรรษที่ ๑๘ เมืองท่าแห่งใหม่ได้เกิดขึ้นที่ปัตตานี มีพ่อค้าชาว เปอร์เซีย อาหรับ ญี่ปุ่น จีน และชาวยุโรป เช่น โปรตุเกส ฮอลันดา อังกฤษ สเปน ฯลฯ เข้ามาทำการค้าขายเป็นจำนวนมาก มีท่าเรือน้ำลึกสำหรับขนถ่ายสินค้าไปยังต่างประเทศ พ่อค้าชาวอาหรับเรียกชื่อเมืองปัตตานีเป็นภาษาอาหรับว่า ฟาฎอนี (Fatani) ร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองสมัยนั้น ยังเหลือปรากฏอยู่ในพื้นที่กว่า 4 ตารางกิโลเมตร ในเขตตำบลบานา บาราโหม และตันหยงลุโละ

ตามตำนานเมืองไทรบุรี ที่พันโท เจมส์ โลว์ แปล เป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่า มะโรงมหาวงศ์ (มะโรงมหาวังษา) กษัตริย์แห่งเมืองลังกาสุกะ ที่เมืองไทรบุรี ทรงคิดจะให้โอรสและ ธิดาทุกองค์ไปสร้างเมืองใหม่ สำหรับธิดาของพระองค์นั้น ได้ประทานกริชศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่ง ชื่อ เลลา มิซานี (Lala Misani) ธิดาของพระองค์พร้อมกับมนตรีทั้งสี่เป็นผู้ใหญ่คุ้มครอง ได้ยกไพร่พลไปทางทิศตะวันออกข้ามเขาลงห้วย จนถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง ไม่ไกลทะเลมากนัก ก็ตั้งเมือง เมืองนั้นเรียกว่า"ปตานี"ตามนามกริชมิซานี ที่บิดาประทานให้
ตามพงศาวดารปัตตานี ระบุว่า กษัตริย์แห่งเมืองมะลีไก (มหาลีกัย หรือ โกตามะฮลิฆัย Kota Mahligai) มีพระนามว่าพญา ตู กรุบ มหายาน(หรือมหาชนะ) มีราชโอรสสืบบัลลังก์ต่อมา มีพระนามว่า พญา ตู นักปา (Tu Nakpa หรือพญาตูอันทิรา,พญาอันทิรา ,พญาตู อันตารา ,ศรีอินทรา ) วันหนึ่ง พญาตูนักปาไปล่าสัตว์ จนถึงชายทะเล พบกระท่อมหลังหนึ่งมีตายายสองคนอาศัยอยู่ ตาคนนั้นชื่อ ปะตานี ต่อมาพระองค์ทรงเห็นว่า สถานที่นั่นทำเลเหมาะที่จะสร้างเมือง จึงให้ย้ายจากเมืองมะลีกัย มาตั้งที่ตรงนั้น โดยใช้ชื่อเมืองนั้นว่า "ปตานี" ตามชื่อเจ้าของกระท่อมที่พระองค์ทรงพบ



Create Date : 22 พฤษภาคม 2548
Last Update : 22 พฤษภาคม 2548 22:22:31 น. 26 comments
Counter : 1111 Pageviews.

 


โดย: pang IP: 202.28.100.98 วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:12:09:13 น.  

 
แหมะ ร่ายประวัติศาสตร์มาซะยาว อ่านแล้วคิดถึงบ้านเนอะ อยากกลับไปกินนาซิกาบู ตามด้วยซีรอปีแซ


โดย: bear_moung วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:23:56:42 น.  

 
อยากไปเที่ยว ใต้ อ่ะ อยากมาก ถึงมากที่สุด
เราต้องหาโอกาสไปให้ได้


โดย: modjiu IP: 125.26.125.174 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:57:33 น.  

 
wars come to nothing,
but its can change the world
to be what I want
so that wars must take place again
because I'm coming back
army eagle


โดย: HITLER IP: 58.64.87.234 วันที่: 25 มกราคม 2551 เวลา:15:35:49 น.  

 
-อะไรที่ทางไทยเสียหาย เช่น ทำลายพระพุทธรูป ฆ่าฟันพระสงฆ์ มักจะถูกเผยแพร่เร็วจัง
-แต่ถ้าคน 3 จังหวัดถูกรังแก (เยอะที่ไม่ออกข่าว)มักจะถูกกีดกั้นข้อมูล ทำไมหรือ
ตราบใดที่เรามีอคติต่อกัน ปัญหาก้อแก้ไม่ได้หรอ ในฐานะผมเชื้อสายมลายู เปงคนไทยคนหนึ่ง รู้สึกไม่ค่อยยุติธรรมเลย


โดย: คนไทย IP: 202.44.8.100 วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:4:19:18 น.  

 
ดีครับ เป็นข้อมมูลทที่ดี มีการอ้างอิงที่เชื่อถือได้ ตัวผมเองยังไม่เคยรุ้มาก่อนเลย ทั้งๆที่ก็ชื่นชอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่ก็จริงที่ว่า เร่องราวของอาณาจัรล้านนา ดินแดนทางภาคใต้ เป็นเรื่องถูกปกปิดไว้

ส่วนเรื่องที่ศาสนาพุทธ โดนทำลายที่อินเดีย ทั้งฆ่าพระ และทำลายมหาลัยสงฆ์ รวมถึงรูปปั้นต่างๆนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะผมได้มีโอกาสไปที่นั่นมาแล้ว เห็นแล้วยังสังเวช ยิ่งได้ฟังจากล่ามผู้ให้ข้อมูล ยังอดสงสารคนเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้ ไม่งั้นอินเดียคงไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะแบบนี้

**ถ้าหากมีข้อมูลอะไรมาเพิ่มเติมก็เมล์มาบอกได้จะรออ่าน ball_1506@yahoo.com


โดย: บอล IP: 202.142.193.21 วันที่: 17 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:01:27 น.  

 
ใช่ ปัจจุบันชาวอินเดียเก่งๆๆ หลายๆๆด้าน แต่ที่ขึ้นชื่อของอินเดียคือประชาชนแร้นแค้น เมืองสกปรก ผมว่าก็เพราะอินเดียทำกับชาวพุทธไว้เยี่ยงนั้นไง กรรมนั้นถึงตามสนองให้ชาวอินเดียส่วนใหญ่มีชีวิตความเป็นอยู่เยี่ยงปัจจุบัน


โดย: ออฟ IP: 118.173.93.197 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:40:50 น.  

 
เลวมากทํากับคนชนกลุ่มน้อยได้ไงถ้าเขามีอาวุธเขาคงสู้ตายแล้วไอ้พวกตํารวจเลวทืบชาวบ้านคนแก่เด็กอุ้มฆ่าจับช็อตไข่เลวมากบอกเขาอย่าเอาประวัตศารต์มาอ้างเรื่องสงครามแต่ทําไม่ไทยเอาประวัตศารต์ไปอ้างเขาพระวิหารทั้งทีเรื่องผ่านไปตั้ง51ปีแล้วยอมเขาเถอะสงสารเขาความตายจะได้หมดไปอีกอย่างอิสลามจะได้ไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นพวกก่อการร้าย


โดย: คนกลางรักดินแดน IP: 124.157.181.231 วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:16:59:55 น.  

 
เขียนดี่นะ มันเป็นเรื่อง ประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว และกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่สามารถนำอตีตนี้มาเป็นบทเรียนที่ดีในปัจจุบันได้นะครับ
เรามองด้วยเหตุผล ไม่ได้มองด้วยอารมณ์ด้วยความรู้สึก จะดีที่สุด และจะได้รับอะไรดีๆๆๆเยอะเลยครับ


โดย: ทีโอ IP: 58.9.114.119 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:18:04 น.  

 
ดีครีบ
ก็เข้าใจประวัติศาสตร์


โดย: คนใต้ IP: 119.42.84.186 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:11:28:01 น.  

 
อลัยแด่พี่น้องผู้เสียสละ!


โดย: maccasar IP: 114.128.78.121 วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:1:53:16 น.  

 
w


โดย: w IP: 114.128.78.121 วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:1:54:07 น.  

 
มีข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องประวัติศาสตร์รัฐปัตตานีเพิ่มใหมครับ คือต้องการข้อมูลมากครับจะติดต่ออย่างไรครับ


โดย: ศักดิ์ IP: 118.173.193.14 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:12:20:42 น.  

 
เหอะๆ ฆ่ากันเพื่อ คน เรา ก้รักชีวิต น่ะครับ คุณอย่าฆ่าคนเถอะ ถ้าคุณอยากฆ่า คุณก็ฆ่า ตัวเองดิ - -*


สุขสันต์ วัน ชาติครับ



พอเถอะครับ พอ พอ ...


ปัญหา คือ ความ เข้าใจผิด....



โดย: เลิกแล้วต่อกัน IP: 58.8.139.172 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:21:58:49 น.  

 
คำว่า islam มีความหมายว่าสันติหรือยอมจำนนท์เมือใดที่ไม่มีความยุติธรรมถูกรังแกถูกเข่นฆ่าก็จะลุกขึ่นสู่อย่างไม่คิดชีวิตเพื่อศาสนาและญาติพี่น้อง


โดย: mah IP: 58.8.186.166 วันที่: 30 สิงหาคม 2552 เวลา:19:55:43 น.  

 
ศาสนา พุธถูกทำลาย ใน ปากีสถานและอัฟกานิสถาน หลังจากศาสนาอิสลามเข้าไป..แค่นี้ก็เป็นคำตอบได้แล้ว..


โดย: ศุภกฤต จ.สงขลา IP: 118.174.126.240 วันที่: 30 สิงหาคม 2552 เวลา:23:00:53 น.  

 
ทำมาหากินกันดีกว่าครับ
หากใครก็ตามใช้การแก้ปัญหาด้วยการฆ่า อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องฆ่าตอบ
ฆ่ากันไปฆ่ากันมา
ฝ่ายไหนน้อยกว่าก็จะสูญพันธ์ไปเองนะครับ คิดง่ายๆนะครับ
ดังนั้น ทำมาหากินกันดีกว่าครับ


โดย: คนผ่านมา IP: 124.121.131.220 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:19:33:06 น.  

 
ผมรักทุกคนที่รักประเทศไทยน่ะ ศาสนาไม่ใช่สิ่งที่กีดกั้น


โดย: 50 IP: 124.120.180.253 วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:17:08:12 น.  

 
ทุกพื้นที่ย่อมมีคนดี และคนเลว... ศาสนาย่อมสอนให้เป็นคนดีกันทั้งนั้น......อย่าเอาศาสนามาเกี่ยวข้องกับคนทำเลวๆไม่กี่กลุ่มเลยยยย

..กาลีเมาะ..


โดย: การ์ลิม IP: 172.29.5.133, 61.19.119.253 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:25:02 น.  

 
มันเป็นเมืองที่
น่าอยู่มาก


โดย: อานัส IP: 118.173.203.64 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:01:18 น.  

 
จิตใจเหมือนน้ำ เราเผลอ ก็ลงที่ต่ำ,ควบคุมตัวเองดีกว่าคับ ผิด-ถูก เกิดตลอดเวลาอยู่แล้ว


โดย: กาเลาะ IP: 180.180.56.34 วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:13:41:43 น.  

 
เห็นด้วยกับ กาลีเมาะ


โดย: ญาเราะห์ IP: 58.147.23.157 วันที่: 12 สิงหาคม 2553 เวลา:16:29:24 น.  

 
อิอิอิอิอิอิอิ คิดไรไม่ออก แต่ที่แน่ๆนะครับ
แล้วจะแยกไปทำไม่เพื่ออะไร
อยู่อย่างนี้ไม่ดีหรอกหรือ ไม่เข้าใจนะครับ
ยิ่งแยกก็ยิ่งเล็กลง ไม่ดีเลย


โดย: 4747คอนใต้ IP: 125.27.86.115 วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:23:12:11 น.  

 
เป็น blog มาเลย์ และแปลภาษามาเลย์ได้ดีจริงๆครับ


โดย: ต้าโก่ว วันที่: 12 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:53:34 น.  

 
คนเราเริ่มต้นจากเกิด แก่ เจ็บ แล้วก็ตาย เป็นความจริงที่ทุกคนหนีไม่พ้น ไม่ว่าชาติใดก็ตาม อีกไม่นานโลกก็แตกแล้ว คิดอะไรมากมาย มาช่วยกันทำให้โลกน่าอยู่ และมีความสุขกับปัจจุบันดีกว่า อยากให้ทุกคนมีความสุขค่ะ


โดย: วิเวียนวิวเียไ IP: 110.171.167.71 วันที่: 24 พฤษภาคม 2556 เวลา:23:14:53 น.  

 
คนเราเริ่มต้นจากเกิด แก่ เจ็บ แล้วก็ตาย เป็นความจริงที่ทุกคนหนีไม่พ้น ไม่ว่าชาติใดก็ตาม อีกไม่นานโลกก็แตกแล้ว คิดอะไรมากมาย มาช่วยกันทำให้โลกน่าอยู่ และมีความสุขกับปัจจุบันดีกว่า อยากให้ทุกคนมีความสุขค่ะ


โดย: วิเวียนวิวเียไ IP: 110.171.167.71 วันที่: 24 พฤษภาคม 2556 เวลา:23:19:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yodaoi
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เหนื่อยใจจริงๆ ช่วงนี้ดูเหมือนอะไรๆ ก็ถามโถมเข้ามาในชีวิตของ yodaoi ไม่ว่าจะเป็นโรคประจำตัวที่กระหน่ำซ้ำเติม...งานการที่ดูเหมือนจะยุ่งวุ่นวาย...แถมเมื่อไม่กี่วันนี้มีน้องที่รู้จักโดนลอกงานเขียนของตัวเองอีก...

เฮ้อ !!

เกิดเป็นคนนี่มันเหนื่อยจัง~*










ผลงานและบทความทุกชิ้นที่ปรากฏใน Bloggang ของ yodaoi ได้รับการคุ้มครองและสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15 และ 27) ไม่อนุญาตให้นำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด...ไปทำซ้ำ หรือดัดแปลง จำหน่าย ให้เช่า คัดลอก เลียนแบบ ทำสำเนา การทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน ไม่ว่าในรูปลักษณะอย่างใดหรือวิธีใด...โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของอย่างเด็ดขาด หากพบเห็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ผิดกฏหมายของข้าพเจ้า...จะขอดำเนินการทางกฏหมายโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
Google
Friends' blogs
[Add yodaoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.