|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
บลูเม้าท์เทนที่ว่าแน่ยังต้องแพ้ "ขี้ชะมด"
Blue Mountain เป็นกาแฟที่อยู่ในความใฝ่ฝันของคอกาแฟชนิดที่ว่า ต้องขอลองดื่มสักครั้งก่อนตาย (อ่านเพิ่มเติมเรื่องของกาแฟ Bule Mountain ได้ที่บทความ หุบเขา Blue Mountain ) และเป็นกาแฟที่จัดว่ามีสนนราคาแพงมากชนิดหนึ่ง
แต่คราวนี้เห็นทีเจ้า Blue Mountain คงต้องน้ำตาซึมเมื่อเจอ กาแฟขี้ชะมด ที่มีราคาค่าตัวไฮโซสุดฤทธิ์ กิโลกรัมละประมาณ 60,000 กว่าบาท (โอ้...แม่จ้าว) จึงสามารถเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า กาแฟขี้ชะมด เป็นกาแฟที่แพงที่สุดในโลกมนุษย์
หากใครได้มีโอกาสเยือนประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญแล้วเห็นป้ายเขียนติดหน้าร้านกาแฟว่า Kopi Luwak ก็ให้เข้าใจได้เลยว่านั่นคือกาแฟขี้ชะมด
จากการค้นพบโดยบังเอิญของชาวอินโดฯ ท่านหนึ่งในขณะที่เขาไปเดินป่าแล้วก็พบขี้ชะมดซึ่งมีเมล็ดกาแฟที่ไม่ถูกย่อยติดอยู่มากมาย เขาคงเสียดาย (ประกอบกับในป่าไม่มี 7-11 ให้กดกาแฟดื่มได้ทันใจ) จึงนำเมล็ดกาแฟที่ปนขี้ชะมดดังกล่าวมาล้างน้ำให้สะอาด (ย้ำ...ให้สะอาด) แล้วก็นำไปคั่วพร้อมทั้งลองชงดื่มดู โอ้....สวรรค์ รสชาติที่ได้ลิ้มลองนั้นช่างมีกลิ่นที่หอมหวาน เย้ายวนเกินห้ามใจ ตั้งแต่นั้นมาจึงมีการเพาะเลี้ยงชะมดในไร่กาแฟที่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อผลิตกาแฟขี้ชะมดรสเลิศประเสริฐศรี โดยดำเนินการเป็นธุรกิจผลิตอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ราคาที่แพงระยับนั้นย่อมมีเหตุผลอธิบายพอเข้าใจได้คือ
1) ขี้ชะมดหายาก เพราะชะมดที่จริงเป็นสัตว์กินเนื้อ เช่น นก ลูกนก กบ เขียด ค้างคาว บุคลิกปราดเปรียวว่องไว หากินตอนกลางคืน แต่เมื่อใดก็ตามที่ต้นกาแฟออกผลสุกได้ที่ (เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น) ก็เป็นอันว่าเสร็จคุณพี่ชะมด เขาจะหันมากินผลกาแฟสุกอย่างเมามัน แทนการกินเนื้อปกติ (สงสัยมีเทศกาลกินเจเหมือนคน) ดังนั้นขี้ชะมดที่พบในช่วงเวลาที่ผลกาแฟสุกจึงมีแต่เมล็ดกาแฟล้วน ๆ แทนที่ซากสัตว์ต่าง ๆ ในภาวะปกติ และชะมดเองก็มีระเบียบเรียบร้อยเพราะชอบขี้เป็นที่เป็นทาง หากถูกรบกวนบริเวณที่ขี้ประจำก็จะหายตัวไปสักพักหนึ่ง เพื่อไปขี้ที่อื่น แล้วจึงวกกลับมาขี้ที่เดิมอีกครั้งเมื่อเหตุการณ์สงบไม่ถูกรบกวน
2) ขี้ชะมดเมื่อออกจากก้นเขาใหม่ ๆ ระยะหวังผลชนิดเหม็นมหากาฬ ต้องหนีห่างจุดเกิดเหตุอย่างน้อย 50 เมตรเชียวและหากคิดจะเข้าไปเก็บก็ต้องทิ้งไว้อย่างน้อย 2 อาทิตย์ให้กลิ่นจางเสียก่อนไม่เช่นนั้นผู้เก็บเองนั่นแหละที่อาจสลบไม่ได้สติ แค่ข้อนี้ข้อเดียวผมว่าก็น่าจะเป็นเหตุผลสนับสนุนให้ราคากาแฟขี้ชะมดแพงได้แล้วใช่ไหมครับ
3) รสชาติที่ล้ำลึกเย้ายวนไม่เหมือนใครก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กาแฟชนิดนี้เป็นที่ต้องการของตลาดคอกาแฟระดับบนได้ไม่ยาก เหตุเพราะธรรมชาติมอบกระบวนการย่อยในกระเพาะของชะมดให้มีเอนไซม์และกรดที่ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับผลของกาแฟสุกที่มันกินเข้าไป คล้ายกับการหมักทำให้เมล็ดกาแฟมีกลิ่นและลักษณะพิเศษเฉพาะตัวนั่นเอง แต่ถ้าชะมดเพียงแค่กินผลกาแฟสดแล้วไม่ได้กลืนลงท้องของมัน เพียงแค่อมแล้วบ้วนออกมา สภาพที่พบเมล็ดกาแฟจะไม่เกาะตัวกันเป็นก้อนเหมือนกับการกินแล้วถ่าย คุณภาพและรสชาติก็จะไม่ดีเท่ากับการถ่ายออกมาซึ่งก็ส่งผลกับราคาของมันด้วย
กาแฟขี้ชะมดมีชื่อเรียกมากมายตามแต่ละประเทศ ดังนี้
-อินโดนีเซีย เรียก Kopi Luwak โกปิล๊วก หรือ โกปิลูวัก
-ฟิลิปปินส์ เรียก Kape Alamid กาเป อลามิด
-ติมอร์ตะวันออก เรียก Kafe-Laku กาแฟ ลากู
-เวียดนาม เรียก Weasel Coffee กาแฟขี้เพียงพอน
-ไทย เรียก Civet Coffee กาแฟขี้ชะมด
สำหรับตัวผมเองใจหนึ่งก็อยากจะลองดื่มสักครั้ง แม้ว่าราคาจะแสนแพง แต่ราคาก็ไม่ได้เป็นสาเหตุให้เกิดความกังวลใจในขณะที่จะดื่มกาแฟชนิดนี้เท่ากับการที่เราได้รู้ว่ามันมีที่มาอย่างไร ดังนั้นหากคิดจะดื่มสักครั้งจริง ๆ ก็คงต้องพกยา ทำใจ ก่อนดื่มน่าจะดี...
Create Date : 12 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 26 มกราคม 2553 11:58:20 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1894 Pageviews. |
|
|
|
โดย: fondakelly วันที่: 13 ธันวาคม 2552 เวลา:14:48:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อืมห์....พอเห็นคุณ yes coffee ทักแล้วเห็นจะจริง
เพราะตอนนั้นแบบแอบดีใจที่มีที่ชงกาแฟให้จริงๆค่ะ
แต่ไม่ได้กินหรอก เพราะง่วงนอนมากกกกกก อิอิ