|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
26 มีนาคม 2548
|
|
|
|
คุณโอ คือชาวนา ลินดาคืองูเห่า !
|
มีคนถามมาว่า..
คุณวิวันดาคะ ดิฉันเองเพิ่งกลับจากเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย มีคนที่รู้จักที่ทำธุรกิจหลายอย่างอยู่ในเมืองไทย เค้าสนใจอยากมาทำสปาที่อเมริกา ที่มีนวดแผนไทยด้วย แบบที่กำลังดังอยู่ในบ้านเราตอนนี้ แต่เค้าไม่รู้เส้นสาย หรือช่องทางที่จะเริ่มต้น ดิฉันเองอยากช่วยหาข้อมูลให้ เผื่อว่าเค้าต้องการลงทุนจริงๆ ดิฉันจะได้มีงานทำไปด้วย ไม่ทราบว่าคุณวิวันดาจะพอแนะนำให้ไปเริ่มต้นจากตรงไหนได้บ้างคะ วิธิการเริ่มต้นธุรกิจ การก่อตั้งอะไรต่างๆจะเหมือนกับการทำร้านอาหารไทย หรือพอรู้จักใครที่ดิฉันจะไปขอความรู้จากท่านได้บ้างคะ ?
จากคุณ : tess -
และ....
สวัสดีคะพี่วิ มีคำถามมารบกวนอีกคะ ถ้าเราหาร้านอาหารได้แต่ร้านเดิมเป็นร้านแบบอื่นที่ไม่ใช่ร้านอาหารไทยเป็น deliแต่ร้านเค้ามี hood เราสามารถทำเป็นร้านอาหารไทยได้หรือไม่ และในกรณีที่เราจะเข้าไปหุ้นกับซิติเซ่นต์หรือกรีนคาร์ดต้องมีกำหนดว่าต้องเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่หรือเปล่าคะ และมีคำแนะนำเวลาติดต่อกับโบรกเกอร์ว่าต้องเช็คอะไรและต้องขออะไรบ้างคะ ขอบคุณมากคะ
จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง -
>>>ของคุณแม่ลูกสองท่าจะด่วน..ตอบก่อนนะคะ
ในกรณีของ Deli ที่มีครัวและมี hood นั้น.. คุณต้องไปเช๊คกับ City Planning ค่ะ (หมายถึงที่กำการเทศบาล) ว่า เขาจะอนุญาตให้เปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารได้หรือไม่ เพราะ อยู่ที่โควต้าของ"น้ำใช้"ของพื้นที่ เพราะ Deli ใช้เสริฟในจานกระดาษ หรือใส่ถุงใส่กล่อง ไม่ต้องเครื่องล้างชามแบบร้านอาหาร ที่ต้องมีทั้งท่อน้ำร้อนน้ำเย็น และที่ดักไขใต้ท่อ
ถ้าเขาอนุญาต..ก็ขอให้เขาเขียนเป็นจดหมายมาให้เราด้วยนะคะ อย่าเพิ่งรีบลงทุน ลงเงิน เพียงเพราะ"เขาว่า" ทำได้ และถ้าทำได้..คุณจะต้องไปสร้างอะไรเพิ่มบ้าง..ดีดลูกคิดในรางแก้วให้ดี เพราะไม่ว่าคุณจะสร้างอะไรลงไป คือผลได้ของเจ้าของตึกทั้งสิ้น.. ฉะนั้น..ถ้าจะลงเงินเพื่อจะสร้างวัตถุถาวรละก้อ ไปคุยกับเจ้าของตึกก่อน บอกเขาไปตามตรงว่า คุณจะต้องสร้างโน่นนี่อีกมากมาย ขอให้เขาลดค่าเช่าให้ อีกทั้ง ขอสัญญาเช่ายาวแบบ 10-15 ปี เพราะ ถ้าสัญญาเช่ายาวๆและค่าเช่าไม่แพง..คุณสามารถ ใช้ประโยชน์ได้คุ้มกับเงินที่ลงทุนไป..
>>>ตอบคุณ tess นะคะ..ว่า
เรื่อง Spa อย่างที่เมืองไทยกำลังเกร่อกันอยู่นั้น.. ยังไม่มีหนทางทำในอเมริกาค่ะ จะทำได้ต้องไปแก้กฏหมายก่อน..เพราะ หมอนวดทุกคนที่จะทำงานได้ ต้องผ่านการฝึกมาจาก Massage Therapy Institute ไปอ่านได้ที่เวบนี้ค่ะ..
//www.ippt.com/small_note.htm
และต้องผ่านการฝึกฝนอีกนับร้อยๆชั่วโมงกว่าจะได้ใบประกาศนียบัตร วัดโพธิ์ของเรายังไม่ได้รับการรับรองวิทยฐานะจากรัฐบาลใดๆในโลก (ซึ่งรัฐบาลไทยน่าจะผลักดันในเรื่องนี้มากกว่า) และที่ว่ายากราวเข็นครกขึ้นภูเขานั้น เพราะว่า ทางอเมริกาหวาดในเรื่องการค้าประเวณีค่ะ..ไม่ว่าจะเรียกว่า Spa หรือ Aroma Therapy อะไรก็ตาม และถ้าเราไม่โกหกตัวเองจนเกินไปนัก ก็ต้องทำใจค่ะว่า..ชื่อเสียงของไทยเรายังไม่เป็นที่งดงามในเรื่องนี้สักเท่าไร
Create Date : 26 มีนาคม 2548 |
Last Update : 26 มีนาคม 2548 2:22:31 น. |
|
11 comments
|
Counter : 3970 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: wbj วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:42:23 น. |
|
|
|
โดย: tiki_ทิกิ IP: 125.25.69.21 วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:2:29:49 น. |
|
|
|
โดย: PatPDX IP: 72.201.17.28 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:5:04:57 น. |
|
|
|
โดย: koboko IP: 66.90.143.71 วันที่: 12 เมษายน 2553 เวลา:12:48:05 น. |
|
|
|
โดย: koboko IP: 66.90.143.71 วันที่: 12 เมษายน 2553 เวลา:12:48:14 น. |
|
|
|
| |
|
|
WIWANDA |
|
|
|
|
มีคำถามอีกว่า>>>
แล้วในกรณีที่แฟนเป็นเจ้าของร้านอาหารแต่มีการหลบเลี่ยงภาษี แล้วกลัวภาษี หรือ มีปัญหาในอนาคต จะมีวิธีการในการป้องกันทรัพย์สินที่มีอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรบ้างค่ะ
จากคุณ : น้อง -
>>>ตอบคุณน้องค่ะ
แฟน..หมายถึงสามีหรือคะ? ถ้าหมายถึงสามีละก้อ ในฐานะภรรยา แทบจะเลี่ยงไม่ได้เลยค่ะ เพราะถ้าเมื่อไหร่เกิดถูกขอ บัญชีขึ้นมาหมายถึงว่า คุณจะต้องนำเอกสารย้อนหลังไปหมดว่า
รายได้เท่าไหร่ รายจ่ายเท่าไหร่ และ ต้องนำนักบัญชีที่ทำบัญชีของคุณไปด้วย..
เขามักจะกะได้ตรงกันกับที่เรา"งุบงิบ"ไว้เสมอ
คุณเชื่อไหมคะ..ว่า..จากจำนวนเนื้อ หมู ไก่ ที่คุณซื้อ..
และการเปรียบเทียบกับอัตราส่วนที่คุณใช้ในเมนู
เขาสมารถถอดออกมาได้เป็นสูตรเลย..ว่า
รายได้ในการขายของคุณน่าจะเป็นเท่าไหร่
ฉะนั้น..คุณจะเม้มไว้เท่าไหร่ นั่นไม่สำคัญ..เขาไม่สนใจ
แต่จะยื่นบิลมาให้คุณว่า..คุณยังจ่ายภาษีไม่ครบอีกเท่านั้นเท่านี้..ยิ่งจ่ายช้า ราคาก็บวกตามขึ้นมา
ถ้าบังเอิญว่า เขาเรียกมาน้อยกว่าที่"เม้ม"ไว้ ก็รีบๆจ่ายไปเถอะค่ะ ขอผ่อนไปมั่งก็ได้
แต่ถ้าเรียกมามากกว่าตามความเป็นจริง..ก็ลองไปโต้แย้งดู
(ทางชนะมีน้อยเต็มที)
วิธีป้องกัน คือ..พยายามทำตัวให้ low profile ที่สุด
อย่าไปซื้อรถราคาแพงๆ หรือ แหวนเพชรเม็ดโต แล้วไปบอกเขาว่า ขายไม่ดี..
และไม่ควรมีทรัพย์สินอะไรอื่นนอกจากร้านอาหาร เพราะถ้าขายไม่ดี หนี้สินเพิ่มพูน ก็สามารถไปทำล้มละลาย ขอจ่ายเท่าที่มีปัญญา..
แต่ถ้ามีบ้านหรือที่ดิน....เจ้าหนี้ไม่ยอมให้ล้มละลายหรอกค่ะ เขาจะเข้ามาเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์สินของคุณด้วย
รวมทั้งเรื่องภาษี
คือระบบที่อเมริกานี่เขาตรวจสอบกันง่ายค่ะ เพราะคนไม่นิยมใช้เงินสด..ฉะนั้น ที่มาที่ไปจึงชัดเจน
และเราไม่สามารถจะไปซื้อของในร้านขายราคาปลีกได้
ต้องไปซื้อของในร้านที่ต้องใช้ทะเบียนธุรกิจการค้า..
ฉะนั้น..รายการซื้อของเราในปีนึงๆ ทางกิจการค้านั้นๆเขาก็แจ้งไปที่สำนักภาษีค่ะ
เขาแจ้งไปว่า เราซื้อไปตั้งหลายหมื่น..(แสดงว่าใช้เยอะ เพราะขายดี)
แต่ทางเราแจ้งว่า ขายได้วันละสองสามร้อย..
มันขัดกันตั้งแต่ตรงนี้แล้วค่ะ..