Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด :

Art Idol : อยากให้เธอรู้ว่ากูติสท์ , ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน หกล้มคลุกคลานเท่าไหร่..

Art Idol : อยากให้เธอรู้ว่ากูติสท์ (2555)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

เรทภาพยนตร์ : ท.ทั่วไป สำหรับ เรื่องราวเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธุ์ และ ภาษาหยาบคาย

เป็นหนังที่ในทีแรกไม่ได้จะมีความอยากดูสักเท่าไหร่ เพราะโดยส่วนตัวผมไม่ค่อยจะเป็นคนที่ชอบดูหนังตลกไทยในโรงอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าหนังจะมีประเด็นหลายๆอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นในเรื่องนี้ก็เป็นเรื่อง ศิลปะ และ การหาตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ก็ตาม โดยตัวหนังเป็นอย่างไร ไปอ่านความเห็นเลยครับ

เรื่องของ “อาร์ท” หนุ่มน้อยหน้าใสวัย 18 ปี ผู้ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีอะไรดี โดยหวังว่าจะได้เป็นคนมีชื่อเสียง มีสาวๆ รุมกรี๊ด เหมือนเหล่าคนดังมากมายที่เขาเครซี่ แต่สุดท้ายอาร์ทก็เป็นแค่เจ้าพ่อโปรเจ็คท์ แถมล่าสุดยังเอ็นท์ไม่ติด ต่างจาก “ฝุ่น” เพื่อนสนิทวัยเด็กของอาร์ท ฝุ่นเป็นคนที่รู้จุดหมายและเส้นทางชีวิตของตัวเอง ชัดเจน สามารถอธิบายและยกตรรกะ หลักฐานมายืนยันความคิดความเชื่อของเธอได้เสมอ มีก็แต่เรื่องหัวใจ ที่เธอยังไม่แน่ชัด ว่าความรู้สึกห่วงใยมากเข้าขั้นผิดปกติที่เธอมีให้อาร์ทเป็นแค่ความคุ้นชิน ผูกพัน หรือความรัก จนกระทั่ง อาร์ท ได้รู้จักกับโลกของความติสท์ ที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปครับ

Art Idol : อยากให้เธอรู้ว่ากูติสท์ เป็นผลงานการกำกับของ 3 ผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง เอกสิทธิ์ สมเพ็ชร, อนิวรรต กรกำแหง และ สาธิต แก้วรุ่ง ที่รายแรกนั้นเคยได้ชิมลางการกำกับหนังในการกำกับหนังสั้นในตอนนึงของหนังสยองขวัญเรื่อง เงา มาก่อนแล้ว ต่างจากอีก 2 คนที่ไม่ได้มีผลงานในเครดิตเลยสักเรื่อง ที่จะได้มาชิมลางการกำกับหนังใน Art Idol เป็นเรื่องแรก ซึ่งถ้าหากผมจะบอกว่า Art Idol มันคือ Season Change เวอร์ชั่นที่ยัดมุกตลกเข้าไปเยอะกว่าก็คงจะไม่แปลกเลยสักนิด เพราะความเห็นของผมที่มีต่อ Art Idol คือ ถึงแม้หนังจะเลือกประเด็นเกี่ยวกับ การค้นหาตนเอง และ ขยายความคำว่า ศิลปะ เข้ามาเป็นจุดขายของตัวเรื่อง ที่ถ้าหากคนเรามองจากภายนอกก็จะพบว่า มันเป็นประเด็นที่น่าสนใจ และ น่าจะนำไปต่อยอดให้กับหนังเรื่องนึงได้เป็นอย่างดีเลย

แต่เอาเข้าจริงๆ ภายใน ของหนังมันกลับกลายเป็นการทำลายวัตถุดิบชั้นดีไปเสียได้ เพราะสิ่งแรกที่น่าเสียดายของหนังเลยคือการดำเนินเรื่องที่จะค่อยๆพยายามปูบทเกี่ยวกับ การค้นหาตนเอง และ ขยายความคำว่า ศิลปะ โดยการค่อยๆวางตัวคาแรกเตอร์ตัวเอกอย่าง อาร์ท มาให้เป็นชายหนุ่มที่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ คือในตอนแรกมันก็ยังถือว่าดูเข้าท่าอยู่หรอก จนกระทั่งหนังได้ดำเนินเรื่องไป 20 นาที ก็เริ่มที่จะกลับเข้าสู่วังวนของหนังไทยขายฮาที่เกลื่อนตลาดไปหมด โดยการยัดเยียด มุกตลก ต่างๆเข้ามาแบบที่หลายๆฉากก็เหมือนกับว่า นำเอาฉากนึงมาตัดแปะเลย แถมยังเล่นขายมุกฮาโดยไม่สนใจการดำเนินเรื่อง

โดยถ้าหาก มุกตลก เหล่านั้นมันเข้าท่า และ สามารถทำให้คนดูขำได้ ผมก็จะรู้สึกดี และ ยินดีที่พร้อมจะขำไปกับมัน แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น เพราะว่า มุกตลก แต่ละอย่างที่หนังได้ปล่อย และ ตัดแปะ ออกมามันไม่ได้จากหนังตลกไทยเรื่องอื่นๆสักเท่าไหร่นัก ที่ระดมมาแต่ ความแป๊ก และ มุกตลกที่ไม่ค่อยสร้างสรรค์ จนท้ายสุดนอกจาก มุกตลก เหล่านั้นจะทำให้การดำเนินเรื่องของหนังเสียเพราะการตัดแปะแล้ว มันยังกลับเป็นสิ่งที่ไปทำลายประเด็นของหนังเกี่ยวกับ การค้นหาตัวเอง อีกด้วย เพราะการที่หนังเล่นปล่อยมุกตลกที่พยายามทำให้คนดูฮาอย่างเดียว มันทำให้หนังไม่สามารถมีเวลามาเน้นน้ำหนักกับประเด็นได้อย่างเต็มที่ จนท้ายสุดหนังจึงรีบด่วนสรุปแบบรวบรัดและยัดเยียดประเด็นเกี่ยว ศิลปะ และ การค้นหาตัวเอง ไปอย่างน่าเสียดายเลยก็ว่าได้ทีเดียวครับ

ซึ่ง 2 สิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Art Idol อย่างแรกเลยคงหนีไม่พ้นการที่หนังนำเอา พระ-นาง หน้าใหม่มาแสดงนำอย่าง บอส ชนกันต์ พูนศิริวงศ์ และ กิ๊ก กรกมล เจริญชัย โดยถึงแม้ว่าจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ก็จริง แต่ว่า การแสดง ในหนังเรื่องนี้ผมกลับมองว่า เป็นการแสดงที่ถือว่าเข้าขาเป็นธรรมชาติได้ค่อนข้างดี ต่างกับหนังไทยจิตๆที่เพิ่งเข้าฉายไป ที่นำนักแสดงหน้าใหม่มาเล่นเช่นเดียวกัน แต่การแสดงกลับแข็งยิ่งกว่าหุ่นยนต์เสียอีก และสิ่งที่ 2 ที่ถือว่า Art Idol เลือกนำมาใช้เข้ากับหนังได้ค่อนข้างดีคือ ในบางช่วงของหนังมีการตัดสลับไปเป็นฉากการร้องเล่นเต้นแบบ มิวสิเคิล ที่ก็ถือว่าดูเพลินๆดี

แต่ยังไงก็ตามโดยรวมสำหรับ Art Idol : อยากให้เธอรู้ว่ากูติสท์ ก็ถือว่ายังเป็นหนังแนวตลกไทย ที่ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากหนังตลกที่เกลื่อยตลาดสักเท่าไหร่นัก เพราะหนังไม่ได้เน้นประเด็นที่น่าสนใจของหนัง โดยมัวแต่เอาเวลาไปเสียกับด้านของ มุกตลก ที่ดูแล้วไม่ได้มีความบันเทิง หรือว่าสร้างสรรค์เท่าไหร่