|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
จดหมายจากต่างแดน ถึงคนในประเทศไทย (ตอนที่ 1)
++จดหมายจากคนไทยในต่างแดน (ตอนที่ 1)
ในช่วงเวลาที่มีคนบางกลุ่มบางพวก และนักการเมืองบางคนในบางพรรคการเมืองร่วมขบวนการกันก่อม็อบ ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองในบ้านเรา ทั้งๆ ที่บ้านเมืองของเรา ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ที่จะทำให้เกิดวิกฤตการณ์ขึ้นได้ แต่เมื่อมีคนก่อม็อบจนเกิดเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมือง สื่อสารมวลชนในบ้านเราจำนวนไม่น้อย ก็เอากับเขาไปด้วย ในที่สุดจึงตกเป็นเหยื่อของบรรดาสื่อและสำนักข่าวต่างชาติ ประโคมข่าวระบายสีประเทศไทยไปในเชิงลบกันอย่างไม่ยั้ง และไม่เกรงอกเกรงใจประชาชนส่วนใหญ่ ที่เขาไม่ได้เห็นด้วยกับพวกขบวนการก่อม็อบทั้งหลาย ทำให้มีคนไทย ซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่ในต่างประเทศทั่วโลก เกิดความสับสนในประเด็นข่าวข้อเท็จจริง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลในความเป็นไป ของบ้านเกิดเมืองนอนของตน
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้รับจดหมายจากคนไทยในต่างแดนฉบับหนึ่ง ที่เขียนโดย คุณพอลีน เทวอักษร (Haldemann) ซึ่งเป็นคนไทยที่มีถิ่นพำนักอยู่ในเมืองลูเซิร์น ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ มาเป็นเวลานานมากกว่า 35 ปี เธอได้เขียนแสดงความคิดเห็นของเธอในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง และห่วงใยประเทศไทยด้วยสายตาของคนไทยที่มอง ประเทศไทยจากนอกประเทศ ภายหลังจากที่เธอได้รับชมรายการ หนี้แผ่นดิน ทางยูบีซี 7 ที่ผมเป็นผู้ดำเนินรายการร่วมกับ คุณวิชัย พันธุ์โภคา คนไทยซึ่งเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารเดรสเนอร์แบงก์แห่งประเทศเยอรมัน
ผมมีความเห็นว่า จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายที่มีคุณค่า สมควรที่คนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเป็นพลังเงียบ จะต้องรับทราบเพราะ เป็นการสะท้อน ความคิดเห็นของคนไทยในต่างแดนคนหนึ่งที่มองประเทศไทยในช่วงวิกฤติทางการเมืองที่ผ่านมา ด้วยความ เป็นห่วงและวิกตกังวลในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมจึงขอนำจดหมายฉบับดังกล่าวข้างต้นนี้ มาลงตีพิมพ์ในคอลัมน์ของผม รวมกันเป็น 3 ตอน โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
จดหมายฉบับดังกล่าวของคุณพอลีน เทวอักษร (Haldemann) ได้ตั้งหัวข้อเรื่องเอาไว้ว่า
เกิดอะไรขึ้นในสังคมไทย?
..
เรียน คุณดุสิต ศิริวรรณ
เขียนมาถึงในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง แม้ว่าจะอยู่ต่างประเทศติดต่อกันได้ถึงกว่า สามสิบห้าปีแล้ว ได้มีโอกาสไปพักอยู่ที่ เมืองไทยประมาณห้าหกเดือน ในช่วงที่มี Crisis เกิดขึ้น และเพิ่งจะกลับมาสวิสเมื่อสองสามวันก่อน รู้สึกอัดอั้นตันใจมาก ในเหตุการณ์ที่ (ไม่น่าจะ) เกิดขึ้น ระหว่างที่อยู่ที่นั่น ได้มีโอกาสฟัง panel discussion ของคุณดุสิต ในรายการ หนี้แผ่นดินทางยูบีซี รู้สึกประทับใจในความมี สาระ ของเนื้อหาในการสนทนาเช่นเดียวกับที่เคยได้ประทับใจในการ ให้สัมภาษณ์ของ คุณ อุกฤษ มงคลนาวิน ในช่องเดียวกัน รู้สึกว่าเป็นการพูดคุยที่ให้ความรู้ ให้ความหมายแจ่มแจ้ง มีเหตุผลตรงกับที่ดิฉันคิดอยู่ แต่ไม่ทราบว่า พวกที่เรียกตนเองว่านักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย หรือ พวกปัญญาชน ทั้งหลายจะเคยสนใจรับฟังหรือไม่ หรือว่าพวกเขาเก่งเกินไป วิเศษเกินไปจนเกินกว่าจะมาเสียเวลารับฟังรายการเช่นนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าเสียดายอย่างยิ่ง
การเมืองก็เหมือนการเล่นเทนนิส แม้ว่าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะมีฝีมือสูสีกัน และในช่วงการแข่งขันจะมี deuce หรือ tie break สักกี่ครั้ง ผลสุดท้ายผู้ชนะก็คือผู้ชนะ ไม่มีใครเอาใจใส่ว่าจะชนะกันกี่แต้ม ผู้ชมจะพูดกันแค่ว่าใครได้เป็นแชมเ**ยนมากกว่า ผู้แพ้จะมาแย้งว่าผู้ตัดสินไม่ยุติธรรม เอาใจช่วยอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่า จะต้องเล่นกันใหม่ ก็คงจะไม่มีใครที่มีสติสัมปะชัญญะ จะทนฟังยกเว้นแต่พวกสติแตกเช่นพวก hooligan เท่านั้น เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งที่มีเสียงข้างมากถึงสิบแปดล้าน มากกว่าอีกฝ่ายถึงสิบล้านก็เป็นฝ่ายได้ชัยชนะ แม้จะมีคนเถียงว่ามีบัตรเสียหรือโนโหวตมากเป็นประวัติการณ์ก็ตาม เหตุผลฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย
ดิฉันมีความเสียใจและปวดร้าวอยู่ลึกๆ เช่นเดียวกับคนไทยหลายคนซึ่งอยู่ในฐานะเป็น silent majority ที่ต้องทนดู พฤติกรรม ของคนเพียงหยิบมือ ที่อ้างว่าสิ่งที่เขาต่อสู้นั้น ทำเพื่อประชาชนชาวไทย เขาอาจจะลืมไปว่า ประเทศไทย มีพลเมืองถึงหกสิบสามล้านคน ไม่ใช่หนึ่งหรือสองแสนคน ที่ไปชุมนุมประท้วง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้คนที่ต้อง เดินทางบนท้องถนนและที่ต้องเลี้ยงชีพเป็นจำนวนมาก ต้องยอมทนดู รัฐธรรมนูญถูกเหยียบย่ำ กรมตำรวจถูกเหยียดหยาม กองทหารถูกท้าทายให้ถอดเครื่องแบบออกไปร่วมชุมนุม ทั้งๆ ที่ฝ่ายทหารก็ยืนยันว่า จะวางตนเป็นกลาง
ผู้พิพากษารวมถึงศาลต่างๆ ถูกกล่าวหาว่า ถูกอุดปากด้วยเงินจนไม่สามารถเปิดปากได้ พวกที่ตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงแบบนี้ ฟังตนเองพูดหรือเปล่าว่า ได้ดูถูกสถาบันต่างๆ อย่างไม่อาจจะอภัยให้ได้ แทนที่จะประณามพวก (หมา) หมู่ที่ตั้งตัวอยู่ เหนือกฎหมาย เขากลับไปยกย่องพวกเหล่านั้น แล้วหันมาประณามคนที่ตั้งใจทำงานเพื่อให้ประเทศชาติได้เจริญก้าวหน้าทัดเทียม อารยะประเทศ ต่อต้านยาเสพติด ใช้เงินจากล็อตเตอรี่ใต้ดินเป็นกองทุนในการศึกษา แทนที่จะเสียไปเปล่าๆ ให้พวกมาเฟียทั้งหลาย ให้บัตรสามสิบบาทเป็นค่ารักษาพยาบาล พยายามยกฐานะคนที่ด้อยโอกาสในสังคมให้ได้มีโอกาสในชีวิตมากขึ้น หากพวกเขาคิดว่ าชาวไร่ชาวนา โง่ ทำไมไม่ออกไปหาทางช่วยพวกเขาให้ ฉลาด ขึ้น ไม่ใช่ด้วยการด่าพ่อล่อ แม่ผู้บริหารประเทศ แต่อธิบายให้เขาฟังทั้งในข้อดีและข้อเสียของระบบใดระบบหนึ่ง หากจะกล่าวโทษใครว่าคอร์รัปชั่น ทำไมไม่หาหลักฐานพยานมา ไปขึ้นศาล ให้ศาลตัดสิน ไม่ใช่มาตั้งศาลเตี้ยกันเอาเองโดยพลการ ไม่เช่นนั้นเขาจะมีคำพูด กันหรือค ะว่าเราจะต้องให้ทุกคน เป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีหลักฐานมาผูกมัดว่า เขามีความผิด...
คิดระหว่างวัน โดย ดุสิต ศิริวรรณ สยามรัฐ - 22/4/2549
Create Date : 25 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 26 สิงหาคม 2550 19:36:26 น. |
|
7 comments
|
Counter : 1189 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: บาส IP: 118.173.32.15 วันที่: 6 มกราคม 2553 เวลา:16:57:40 น. |
|
|
|
โดย: นิติธิดา วงศ์อริยทรัพย์ IP: 113.53.22.117 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:11:12:37 น. |
|
|
|
โดย: นิติธิดา วงศ์อริยทรัพย์ IP: 113.53.22.117 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:11:14:09 น. |
|
|
|
โดย: ตั๊กแตน จ.ลำพูน IP: 113.53.22.117 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:11:15:47 น. |
|
|
|
โดย: ตั๊กแตน จ.ลำพูน IP: 113.53.22.117 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:11:18:27 น. |
|
|
|
โดย: 000000050008 IP: 113.53.22.117 วันที่: 29 ตุลาคม 2553 เวลา:11:20:20 น. |
|
|
|
โดย: จ๋า เสี่ยว IP: 183.89.222.18 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:47:56 น. |
|
|
|
| |
|
|