| แผ่นดินไหวคุมะโมะโตะ | | |
ผมไปจังหวัดนะงะซะกิก่อน จากนั้นก็นั่งรถไฟ ถึง-ก็-ช่าง-ไม่-ถึง-ก็-ช่าง อ้อมอ่าวจากนะงะซะกิไป ออกเดินทางแต่เช้า กว่าจะถึงคุมะโมะโตะก็ใกล้ค่ำ วันรุ่งขึ้น เพื่อนพร้อมกับครอบครัวของเธอพาผมไปปราสาทคุมะโมะโตะ ประทับใจมาก ดูอลังการ สีปราสาทเป็นโทนเคร่งขรึมไม่เหมือนที่อื่น และจากนั้นก็ไปเที่ยวภูเขาไฟอะโซะ ระหว่างที่นั่งอยู่ในร้านอาหาร จู่ๆ ก็เกิดเสียงปัง! สิ่งของกระทบกันลั่นห้องโถง โคมแกว่งไกวอย่างแรง...ทุกคนที่โต๊ะเราหันหน้ามองกัน แผ่นดินไหวนั่นเอง ช่างบังเอิญเสียจริง เกิดแผ่นดินไหวในวันที่ผมไปเที่ยว ตอนนั้นตื่นเต้นยิ่งกว่าขึ้นรถไฟเหาะ แต่เพราะเห็นคนญี่ปุ่นอยู่ในท่าทีสงบ เตรียมพร้อมจะหลบภัยอย่างที่เคยฝึกมา ผมจึงไม่กล้าวิ่งนำหน้าใครออกไปก่อน...ดูเหมือนคนญี่ปุ่นเรียนรู้กันมานานว่าต้องตั้งสติ...ตั้งสติ...อย่าลนลาน โชคดีที่สงบลงเสียก่อน แค่นี้ก็ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้องไปพักใหญ่ มาถึงเหตุแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างหนึ่งนอกจากชีวิตของประชาชนก็คือปราสาทคุมะโมะโตะ ปรากฏว่าเกิดความเสียหายขึ้นกับปราสาท กำแพงฐานด้านนอกพังลงมาบางส่วน หลังคาทลายลงมา แต่ก็นับว่าโชคดีที่ตัวปราสาทยังอยู่
สำหรับภัยพิบัตินี้ ทีแรกก็พากันคิดว่าแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 14 เมษายนตอน 3 ทุ่มเกือบครึ่งคือของจริง แต่เปล่า...ครั้งที่เกิดเมื่อราวตี 1 ครึ่งของวันที่ 16 เมษายนกลับจริงยิ่งกว่า ภาษาญี่ปุ่นเรียก แผ่นดินไหวนำ และ แผ่นดินไหวหลัก ตามลำดับเช่นนั้นว่า เซ็นชิง (前震;zenshin) และ ฮนชิง (本震;honshin) เมื่อเกิดแผ่นดินไหวหลักแล้ว ก็จะเกิด แผ่นดินไหวตาม หรือแผ่นดินไหวระลอกหลัง หรืออาฟเตอร์ช็อก (aftershock) ต่อมาอีกเป็นสิบๆ หรือเป็นร้อยครั้ง เรียกว่า โยะชิง (余震;yoshin) ดังนั้น ประชาชนจำนวนมากจึงไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านได้ เพราะไม่มีอะไรรับประกันว่าบ้านจะไม่ถล่มลงมา ทำให้ต้องหลบภัยไปอยู่รวมๆ กันตามอาคารที่แข็งแรงของทางการ กลายเป็นความเดือดร้อนแก่ชีวิตที่ไม่มีใครคิดอยากจะเผชิญ ขาดแคลนทั้งที่นอนที่เหมาะสม อาหาร น้ำ และอีกสารพัด เป็นความทุกข์ยากที่ต้องฟันฝ่า ไม่ว่าจะเป็นความหงุดหงิด ความไม่สบาย แล้วไหนจะมีเด็กๆ และคนแก่อีกมากมาย แต่ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของคนทั่วโลกคือ เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มีรายงานออกมานั้นถือว่าต่ำ หันไปมองทางด้านเอกวาดอร์ที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 17 เมษายน ตัวเลขแซงของญี่ปุ่นไปแล้ว ที่เป็นเช่นนั้นเพราะคนญี่ปุ่นเตรียมพร้อม เมื่อถึงเวลาก็ตั้งสติได้ดี อีกทั้งเพื่อนบ้านก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดี อยู่ในระเบียบวินัยเมื่อถึงคราวต้องอพยพหลบภัย ความวุ่นวายจึงไม่เกิด และทำให้การดำเนินงานต่างๆ รวดเร็ว ลดความเสียหายลงไปได้มาก
ภาพเอพี
ในด้านการเตรียมพร้อม จากอดีตจะเห็นได้ว่า ครั้งที่หนักหนาสาหัสของญี่ปุ่นในด้านผู้เสียชีวิตซึ่งถึงหลักแสน คือเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1923 สาเหตุสำคัญคือเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ เผากรุงโตเกียววอดวาย เพราะบ้านเรือนสมัยนั้นสร้างด้วยไม้เป็นหลัก จากนั้นมา จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงมาก ถึงแม้จะเกิดภัยพิบัติในระดับใกล้เคียงกันหรือรุนแรงกว่า เหตุผลหลักคือ คนญี่ปุ่นเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติกันอยู่เสมอ เช่น มีการกำหนดให้วันที่ 1 กันยายนเป็นวันป้องกันภัยพิบัติเพื่อให้ตระหนักถึงความพร้อม โรงเรียนสอนให้นักเรียนรู้จักหลบภัยโดยเฉพาะแผ่นดินไหว หน่วยราชการให้เจ้าหน้าที่ของตนลองซ้อมเดินกลับบ้านจากที่ทำงาน (เผื่อไว้สำหรับวันที่เกิดภัยพิบัติและการคมนาคมหยุดเคลื่อนไหว) การรณรงค์ให้ประชาชนเตรียมถุงฉุกเฉินบรรจุอาหารพร้อมรับประทานไว้เสมอให้พออย่างน้อย 2-3 วัน ท้ายนี้ ขอฝากให้มองญี่ปุ่นไว้ว่า ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศนี้น่าจะเป็นทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งผ่านการบ่มเพาะ (หรือจะเรียกว่าบีบคั้นก็ได้) จากสิ่งแวดล้อมที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิต และนำจุดแข็งมาเป็นเครื่องมือสร้างชีวิตที่แม้แต่คนในโลกตะวันตกก็สงสัยว่าทำได้ยังไง ผมเคยบอกคนญี่ปุ่นหลายครั้งว่า คนไทยชื่นชมสังคมญี่ปุ่นในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความมีวินัย และถามต่อไปอีกว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นมีวินัยในแทบทุกด้านของการใช้ชีวิต คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ประหลาดใจกับคำถามและอ้ำอึ้งครู่หนึ่งกว่าจะหาคำตอบได้ เพราะไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตัวเองปฏิบัติทุกเมื่อเชื่อวันจะเป็นเรื่องพิเศษในสายตาคนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความอดทนในการเข้าคิวรออย่างสงบ ตลอดจนการทำงานอย่างละเอียดถี่ถ้วน และตรวจสอบอย่างรอบคอบเพราะเกรงว่าถ้าปล่อยผลงานไม่ดีออกไปจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นการแยกขยะตามประเภท เป็นต้น คนญี่ปุ่นคิดว่าความมีระเบียบวินัยคือเรื่องที่ธรรมดามาก และคิดว่าใคร ๆ ก็น่าจะปฏิบัติเช่นนั้นมิใช่หรือ แต่ผมบอกว่า เปล่า อย่างน้อยในเมืองไทยก็ไม่ใช่อย่างนั้น คนไทยได้แต่ชื่นชมญี่ปุ่นมานาน แต่ยังไม่สามารถยกระดับความประพฤติต่อส่วนรวมของคนในสังคมไทยให้เนี้ยบเหมือนญี่ปุ่นได้ และถ้าให้คนต่างชาติวิเคราะห์ว่าทำไมคนญี่ปุ่นจึงมีวินัย คำตอบที่ได้ก็คงจะประมาณว่า เพราะคนญี่ปุ่นฝึกให้มีระเบียบกันตั้งแต่เด็ก ๆ ใช่...ส่วนหนึ่งก็เป็นจริงเช่นนั้น แต่คำตอบของคนญี่ปุ่นหลายคนลึกกว่านั้น เพราะประเทศนี้มีภัยพิบัติมาก ถ้าอยากจะมีชีวิตรอดไปด้วยกันให้ได้ โดยไม่เกิดความวุ่นวาย ทุกคนจะต้องใส่ใจคนรอบข้าง รักษากฎระเบียบ เตรียมพร้อม เรียนรู้ ทำอะไรๆ ก็ต้องมีสติ ถามไถ่ช่วยเหลือกัน และเพื่อให้ผิดพลาดน้อยที่สุด จะต้องฝึกตัวเองให้มีวินัย ผมต่อให้ว่า หาไม่แล้ว จะตายหมู่
ขอบคุณ MGR Online ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
จันทรวารสิริสวัสดิ์ค่ะ |