"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
18 เมษายน 2559
 
All Blogs
 
สะดุดคำ “แผ่นดินไหว”



โดย โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์

สะดุดคำ “แผ่นดินไหว”
แผ่นดินไหวคุมะโมะโตะ
ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
       Tokyo University of Foreign Studies


สะดุดคำ คือ มุมพิเศษซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึกที่ลงทุกวันจันทร์ มุมนี้จะเป็นการบอกเล่า ‘ความเคลื่อนไหว’ หรือ ‘สิ่งที่อยู่ในความสนใจ’ ของคนญี่ปุ่นตามโอกาสพิเศษผ่าน ‘คำสำคัญ’ หรือ ‘คำเด่น’ ในช่วงเวลาหรือฤดูกาลนั้น มีกำหนดนำเสนอเดือนละ 1 ครั้ง

เพื่อให้ผู้อ่านสามารถติดตามสิ่งที่เป็นปัจจุบันหรือร่วมสมัยได้ในเวลาใกล้เคียงกับคนญี่ปุ่น อีกทั้งยังต้องการให้ผู้ที่เรียนหรือสนใจภาษาญี่ปุ่นได้นำคำหลักและคำที่เกี่ยวข้องไปใช้พูดคุยกับคนญี่ปุ่นหากมีโอกาสเพื่อให้บทสนทนาน่าสนใจและมีชีวิตชีวา

โดยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อคนหรือคำญี่ปุ่นไว้ในระดับหนึ่งเพื่ออำนวยประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการค้นคว้าเพิ่มเติม อนึ่ง การถ่ายเสียงจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทยในทุกบทความอิงหลักการเขียนคำทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่นของราชบัณฑิตยสถานเป็นหลักแม้ไม่ทั้งหมดก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องการใช้เสียงสั้นและเสียงยาวตามหลักภาษาญี่ปุ่น

พูดถึงแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น

      ผ่านมา 5 ปีเศษตั้งแต่เกิดภัยพิบัติรุนแรงที่จังหวัดฟุกุชิมะเมื่อปี 2554 ซึ่งมีทั้งแผ่นดินไหวและสึนามิ และถูกซ้ำเติมด้วยอุบัติเหตุโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ในเดือนนี้ของปีที่ 5 นับจากเหตุการณ์นั้น

แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในจังหวัดคุมะโมะโตะบนเกาะคิวชู ที่เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน ราว 21.26 น. และอีกครั้งซึ่งใหญ่กว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 16 เมษายน ประมาณ 1.25 น. ก็สร้างความหวาดผวาต่อสวัสดิภาพชีวิตของคนญี่ปุ่นอีกครั้ง


สะดุดคำ “แผ่นดินไหว”

      

“แผ่นดินไหว” กับประเทศญี่ปุ่นเป็นของคู่กัน ใครที่อยู่บนแผ่นดินญี่ปุ่นก็ไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงแผ่นดินไหวไปได้ แผ่นดินไหวคือภัยพิบัติที่พยากรณ์ได้ยาก ไม่เหมือนสภาพภูมิอากาศ

คนญี่ปุ่นทุกคนตระหนักดีว่า ทุกวันนี้จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นตรงไหนของประเทศก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย มันคือความน่ากลัว แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิต จะต้องอยู่กับมันให้ได้

       นั่นคือจุดที่ทำให้ญี่ปุ่นมีองค์ความรู้เกี่ยวกับแผ่นดินไหวอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก ผมในฐานะคนที่อยู่ในญี่ปุ่นและประสบแผ่นดินไหวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จึงตั้งใจจะนำสภาพการณ์ว่าด้วยแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นมานำบอกเล่า

แต่สิ่งที่ต้องการสื่อมากที่สุดคือ อยากให้พิจารณากันถึงการเรียนรู้ของคนญี่ปุ่นที่ว่า ถึงแม้ธรรมชาติจะบีบคั้น แต่ด้วยประสบการณ์จากอดีต การเตรียมพร้อม ความอดทน และความมีวินัย

ประเทศนี้ได้ต่อสู้ฝ่าฟันจนผ่านพ้นความยากลำบากมาได้หลายครั้ง และในภัยพิบัติครั้งล่าสุดนี้ก็จะผ่านไปได้อีกเช่นกัน นั่นคือสิ่งดีงามที่จะเป็นตัวอย่างให้แก่หลายๆ ประเทศได้

       ก่อนอื่นมารู้จักคำว่า “แผ่นดินไหว” กัน คำนี้ภาษาญี่ปุ่นพูดว่า “จิชิง” (地震;jishin) ตัวอักษรคันจิ地 แปลว่า แผ่นดิน และตัวอักษร震 แปลว่า สั่นสะเทือน และหน่วยงานของญี่ปุ่นที่ทำหน้าที่แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหว

คือ “สำนักงานอุตุนิยมวิทยา” (気象庁;kishōochō) ซึ่งนอกจากพยากรณ์อากาศแล้ว ยังรายงานความเสียหายเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมทั้งแผ่นดินไหวด้วย และเป็นผู้ตั้งชื่อภัยพิบัติครั้งต่างๆ เพื่อให้สื่อความได้ตรงกัน

       คนญี่ปุ่นอธิบายแผ่นดินไหวกันอย่างไร? ในญี่ปุ่น เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ตัวเลข 2 ชนิดที่สื่อมวลชนจะรายงานออกมาโดยยึดตามข้อมูลจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาคือ “ขนาด” และ “ความรุนแรง” ของแผ่นดินไหว

หลายคนอาจสับสนกับ 2 คำนี้ อธิบายแบบง่ายๆ ได้ดังนี้คือ คำว่า “ขนาด” ในที่นี้คือความใหญ่-เล็กของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ส่วน “ความรุนแรง” คือแรงสั่นสะเทือนที่รู้สึกได้บนพื้น เช่น ถ้าแผ่นดินไหวมีขนาดใหญ่

แต่จุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปจากพื้นดินมากๆ แรงสั่นสะเทือนที่คนบนพื้นดินรู้สึกได้ก็อาจจะไม่มาก นอกจากนี้ ตัวเลขบ่งชี้ขนาดของแผ่นดินไหวก็มีตัวเดียว (เมื่อใช้มาตราเดียวเป็นเกณฑ์) แต่ตัวเลขบ่งชี้ความรุนแรงจะแตกต่างออกไปในแต่ละพื้นที่ เพราะแต่ละที่เกิดแรงสั่นสะเทือนไม่เท่ากัน

โดยทั่วไปคือยิ่งไกลจากจุดเหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวออกไปเท่าไร แรงสั่นสะเทือนที่รู้สึกได้ก็จะยิ่งน้อยลง ดังนั้น เมื่อสื่อญี่ปุ่นรายงานข้อมูลแผ่นดินไหว จะบอกขนาดแผ่นดินไหวเป็นตัวเลข 1 ตัว และรายงานต่อไปด้วยตัวเลขอีก 1 ชุด เพื่อบอกว่าแต่ละพื้นที่สั่นมากสั่นน้อยแค่ไหน

       คำว่า “ขนาด” ภาษาญี่ปุ่นทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “มะงุนิชูโดะ” (マグニチュード; magunichūdo ; มาจากคำว่า แมกนิจูด [magnitude]) ซึ่งโดยหลักการกว้างๆ แล้ว ถือได้ว่าเป็นภาษากลางอย่างหนึ่งในการสื่อสารเกี่ยวกับแผ่นดินไหว เช่น ขนาดตามมาตราริกเตอร์ (คำว่า “ริกเตอร์” ไม่ใช่หน่วย)

ส่วนคำว่า “ความรุนแรง” ภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า “ชินโดะ” (震度;shindo) หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า intensity แปลตามตัวอักษรคันจิของญี่ปุ่นคือ “ระดับการสั่นสะเทือน” มีตั้งแต่ระดับ 0 ถึง 7 และเป็นมาตรวัดที่ไม่เหมือนกับหลายประเทศ เมื่อแยกชินโดะย่อยๆ แล้วรวมได้ 10 ขั้น โดยสื่อผลกระทบตามแต่ละขั้นได้ดังนี้

ชินโดะ 0 ผู้คนไม่รู้สึกถึงแรงสั่น แต่เครื่องตรวจวัดจะจับแรงสั่นได้
ชินโดะ 1 คนที่นั่งนิ่งๆ บางคนอาจรับรู้แรงสั่นได้เล็กน้อย
ชินโดะ 2 คนที่นั่งนิ่งๆ ในอาคารส่วนใหญ่รู้สึกได้ ไฟที่แขวนอยู่อาจแกว่งนิดหน่อย
ชินโดะ 3 คนที่อยู่ในอาคารรับรู้แรงสั่นได้เกือบทุกคน คนที่นอนอยู่ส่วนใหญ่สะดุ้งตื่น
ชินโดะ 4 ไฟที่แขวนอยู่จะแกว่งอย่างรุนแรง คนที่นั่งไม่มั่นคง อาจล้มคะมำได้
ชินโดะ 5 ลบ คนส่วนใหญ่หวาดกลัว ต้องโผหาที่เกาะ เครื่องเรือนที่ไม่ได้ยึดเกาะติดที่จะขยับหรือโค่น
ชินโดะ 5 บวก สั่นรุนแรง ถ้าไม่หาที่เกาะ จะเดินได้ลำบาก สิ่งของในชั้นวางจะโคลงและหล่นออกมา เครื่องเรือนบางชิ้นที่ไม่ได้ยึดเกาะติดที่จะโค่น
ชินโดะ 6 ลบ สั่นรุนแรง คนจะยืนได้ลำบาก เครื่องเรือนที่ไม่ได้ยึดเกาะติดที่จะโค่นลงมาเป็นส่วนใหญ่ กระจกหน้าต่างแตก กระเบื้องมุงหลังคาจะหลุดร่วง
ชินโดะ 6 บวก สั่นรุนแรงมาก ต้องคลาน ยืนไม่ได้ สิ่งของที่ตั้งอยู่ล้มคว่ำเกือบทั้งหมด บ้านไม้ที่ต้านแรงสั่นได้ไม่ดีอาจจะพังทลาย
ชินโดะ 7 สั่นรุนแรงมาก ยืนไม่ได้ ต้องนั่งหาที่เกาะ บ้านไม้ที่ต้านแรงสั่นได้ไม่ดีจะพังทลายมากขึ้น แผ่นดินแยก

สะดุดคำ “แผ่นดินไหว”
แผนผังอธิบาย “ชินโดะ”

       

ต่อให้อธิบายเป็นตัวหนังสือ บางครั้งก็นึกไม่ออกว่ามันจะรุนแรงขนาดไหน ผมเองเคยเจอจริงๆ ประมาณชินโดะ 4 พอเกิดเหตุที่คุมะโมะโตะซึ่งมีชินโดะถึง 7 จึงอดรนทนไม่ได้ ด้วยความอยากรู้ว่ามันจะขนาดไหน

จึงออกไปลองมาแล้วที่ “ศูนย์เรียนรู้ความปลอดภัยในชีวิตอิเกะบุกุโระ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ว่าช่วยเร่งการจำลองให้ถึงชินโดะ 7 หน่อย อยากรู้เหลือเกินว่ามันจะขนาดไหน เจ้าหน้าที่ก็ดีใจหาย จัดให้เต็มๆ

       และแล้ว...

       โอ้...บอกได้เลยว่าสุดยอดของความสั่น!

ผมลงไปแอบอยู่ใต้โต๊ะ...จำไว้ว่าหากเกิดแผ่นดินไหว ต้องมุดลงไปใต้โต๊ะก่อนเพื่อไม่ให้ของหล่นใส่หัว สองมือจิกพื้นแน่น สองเข่ากดหนัก ก็ยังเอาไม่อยู่ ต้องไขว่คว้าหาที่เกาะจ้าละหวั่น เข้าใจทันทีว่าชินโดะ 7 เป็นเช่นนี้ นี่แหละนะ...สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าโดนเต็มๆ

       (ท่านใดสนใจไปลองได้ ค่าเข้าฟรี
www.tfd.metro.tokyo.jp/hp-ikbskan/)


สะดุดคำ “แผ่นดินไหว”
ศูนย์เรียนรู้ความปลอดภัยในชีวิตอิเกะบุกุโระ


สะดุดคำ “แผ่นดินไหว”
ศูนย์เรียนรู้ความปลอดภัยในชีวิตอิเกะบุกุโระ

 

อดีตกับการเรียนรู้

ในแต่ละปี ญี่ปุ่นมีแผ่นดินไหวตามที่ต่างๆ รวมแล้วหลายร้อยครั้งหรืออาจเกินพันครั้ง เมื่อมองย้อนครั้งใหญ่ที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ จนถึงแผ่นดินไหวคุมะโมะโตะ ประมวลได้ดังนี้

1 กันยายน 1923 - แผ่นดินไหวคันโต (関東地震;Kantō Jishin) ขนาด 7.9 ชินโดะสูงสุด 6 เกิดที่กรุงโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง นำไปสู่ “ภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่คันโต” (関東大震災;Kantō Dai-shinsai) เสียชีวิตมากกว่าแสนคน 

สะดุดคำ “แผ่นดินไหว”
ภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่คันโต

 

17 มกราคม 1995 - แผ่นดินไหวทางใต้ในจังหวัดเฮียวโงะ (兵庫県南部地震 ; Hyōgo-ken Nanbu Jishin) ขนาด 7.3 ชินโดะสูงสุด 7 เกิดในแถบจังหวัดเฮียวโงะ (เช่น เมืองโคเบะ [โกเบ]) และพื้นที่ใกล้เคียง

นำไปสู่ “ภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิงอะวะจิ” (阪神・淡路大震災;Hanshin Awaji Dai-shinsai) เสียชีวิตราว 6,400 คน

23 ตุลาคม 2004 - แผ่นดินไหวชูเอะสึจังหวัดนีงะตะ (新潟県中越地震 ; Nīgata-ken Chūetsu Jishin) ขนาด 6.8 ชินโดะสูงสุด 7 เสียชีวิตราว 70 คน

11 มีนาคม 2011 - แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งแปซิฟิกภูมิภาคโทโฮะกุ (東北地方太平洋沖地震 ; Tōhoku-chihō Taihēyō Oki Jishin) ขนาด 9 ชินโดะสูงสุด 7 เกิดแถบจังหวัดฟุกุชิมะ และจังหวัดใกล้เคียง

นำไปสู่ “ภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น” (東日本大震災 ; Higashi Nihon Dai-shinsai) เกิดสึนามิพัดถล่มฝั่งเป็นแนวยาว เสียชีวิตราว 16,000 คน สูญหายราว 2,500 คน 


สะดุดคำ “แผ่นดินไหว”
ภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น


สะดุดคำ “แผ่นดินไหว”
ภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น

16 เมษายน 2016 - แผ่นดินไหวคุมะโมะโตะ (熊本地震;Kumamoto Jishin) ขนาด 7.3 ชินโดะสูงสุด 7 (วันที่ 14 เมษายน) เกิดที่จังหวัดคุมะโมะโตะ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน

        คำถามคือ เป็นไปได้ไหมที่มันจะรุนแรงเกินชินโดะ 7? คำตอบคือเป็นไปได้ การที่ไม่มีชินโดะ 8 ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความรุนแรงขนาดนั้น เพียงแต่ว่ายังไม่มีการตั้งข้อสันนิษฐานไปถึงตรงนั้น

ตามประวัติจะเห็นได้ว่าเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1923 (พ.ศ 2466) ตอนนั้นมีถึงแค่ชินโดะ 6 ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวทางใต้ในจังหวัดเฮียวโงะเมื่อปี 1995 (พ.ศ. 2538) ซึ่งรุนแรงกว่า และเพื่อแยกให้เห็นว่ารุนแรงกว่า ดังนั้น “ชินโดะ 7” จึงเกิดขึ้น และหากรุนแรงกว่าชินโดะ 7 เลขตัวต่อๆ ไปก็จะถูกนำมาใช้

       ผมอยู่ร่วมรับรู้ความโชคร้ายจากภัยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ๆ ข้างต้นมา 3 ครั้ง ตัวเองโชคดีที่อยู่ห่างจากจุดเหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว แต่สำหรับที่คุมะโมะโตะ รู้สึกใจหายมากเมื่อได้ทราบข่าว

เพราะมีความทรงจำที่ดีกับจังหวัดนี้ แม้จะเคยไปเมื่อเนิ่นนานมาแล้วก็ตาม ผมยังจำได้ดีจนถึงทุกวันนี้ เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนตอนที่ยังเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน ครั้งนั้นเดินทางคนเดียวไปเที่ยวคิวชู และตัดสินใจไปคุมะโมะโตะตามคำชวนของเพื่อนด้วย 


สะดุดคำ “แผ่นดินไหว”
แผ่นดินไหวคุมะโมะโตะ

      

  ผมไปจังหวัดนะงะซะกิก่อน จากนั้นก็นั่งรถไฟ ถึง-ก็-ช่าง-ไม่-ถึง-ก็-ช่าง อ้อมอ่าวจากนะงะซะกิไป ออกเดินทางแต่เช้า กว่าจะถึงคุมะโมะโตะก็ใกล้ค่ำ วันรุ่งขึ้น เพื่อนพร้อมกับครอบครัวของเธอพาผมไปปราสาทคุมะโมะโตะ

ประทับใจมาก ดูอลังการ สีปราสาทเป็นโทนเคร่งขรึมไม่เหมือนที่อื่น และจากนั้นก็ไปเที่ยวภูเขาไฟอะโซะ ระหว่างที่นั่งอยู่ในร้านอาหาร จู่ๆ ก็เกิดเสียงปัง!

       สิ่งของกระทบกันลั่นห้องโถง โคมแกว่งไกวอย่างแรง...ทุกคนที่โต๊ะเราหันหน้ามองกัน แผ่นดินไหวนั่นเอง ช่างบังเอิญเสียจริง เกิดแผ่นดินไหวในวันที่ผมไปเที่ยว ตอนนั้นตื่นเต้นยิ่งกว่าขึ้นรถไฟเหาะ

แต่เพราะเห็นคนญี่ปุ่นอยู่ในท่าทีสงบ เตรียมพร้อมจะหลบภัยอย่างที่เคยฝึกมา ผมจึงไม่กล้าวิ่งนำหน้าใครออกไปก่อน...ดูเหมือนคนญี่ปุ่นเรียนรู้กันมานานว่าต้องตั้งสติ...ตั้งสติ...อย่าลนลาน โชคดีที่สงบลงเสียก่อน แค่นี้ก็ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้องไปพักใหญ่

       มาถึงเหตุแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างหนึ่งนอกจากชีวิตของประชาชนก็คือปราสาทคุมะโมะโตะ ปรากฏว่าเกิดความเสียหายขึ้นกับปราสาท กำแพงฐานด้านนอกพังลงมาบางส่วน หลังคาทลายลงมา แต่ก็นับว่าโชคดีที่ตัวปราสาทยังอยู่





สำหรับภัยพิบัตินี้ ทีแรกก็พากันคิดว่าแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 14 เมษายนตอน 3 ทุ่มเกือบครึ่งคือของจริง แต่เปล่า...ครั้งที่เกิดเมื่อราวตี 1 ครึ่งของวันที่ 16 เมษายนกลับจริงยิ่งกว่า ภาษาญี่ปุ่นเรียก “แผ่นดินไหวนำ” และ “แผ่นดินไหวหลัก” ตามลำดับเช่นนั้นว่า “เซ็นชิง” (前震;zenshin) และ “ฮนชิง” (本震;honshin)

       เมื่อเกิดแผ่นดินไหวหลักแล้ว ก็จะเกิด “แผ่นดินไหวตาม” หรือแผ่นดินไหวระลอกหลัง หรืออาฟเตอร์ช็อก (aftershock) ต่อมาอีกเป็นสิบๆ หรือเป็นร้อยครั้ง เรียกว่า “โยะชิง” (余震;yoshin) ดังนั้น ประชาชนจำนวนมากจึงไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านได้ เพราะไม่มีอะไรรับประกันว่าบ้านจะไม่ถล่มลงมา

ทำให้ต้องหลบภัยไปอยู่รวมๆ กันตามอาคารที่แข็งแรงของทางการ กลายเป็นความเดือดร้อนแก่ชีวิตที่ไม่มีใครคิดอยากจะเผชิญ ขาดแคลนทั้งที่นอนที่เหมาะสม อาหาร น้ำ และอีกสารพัด เป็นความทุกข์ยากที่ต้องฟันฝ่า ไม่ว่าจะเป็นความหงุดหงิด ความไม่สบาย แล้วไหนจะมีเด็กๆ และคนแก่อีกมากมาย

       แต่ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของคนทั่วโลกคือ เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนี้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มีรายงานออกมานั้นถือว่าต่ำ หันไปมองทางด้านเอกวาดอร์ที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 17 เมษายน ตัวเลขแซงของญี่ปุ่นไปแล้ว

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะคนญี่ปุ่นเตรียมพร้อม เมื่อถึงเวลาก็ตั้งสติได้ดี อีกทั้งเพื่อนบ้านก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดี อยู่ในระเบียบวินัยเมื่อถึงคราวต้องอพยพหลบภัย ความวุ่นวายจึงไม่เกิด และทำให้การดำเนินงานต่างๆ รวดเร็ว ลดความเสียหายลงไปได้มาก



       ภาพเอพี




  ในด้านการเตรียมพร้อม จากอดีตจะเห็นได้ว่า ครั้งที่หนักหนาสาหัสของญี่ปุ่นในด้านผู้เสียชีวิตซึ่งถึงหลักแสน คือเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1923 สาเหตุสำคัญคือเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ เผากรุงโตเกียววอดวาย เพราะบ้านเรือนสมัยนั้นสร้างด้วยไม้เป็นหลัก จากนั้นมา จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงมาก

ถึงแม้จะเกิดภัยพิบัติในระดับใกล้เคียงกันหรือรุนแรงกว่า เหตุผลหลักคือ คนญี่ปุ่นเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติกันอยู่เสมอ เช่น มีการกำหนดให้วันที่ 1 กันยายนเป็นวันป้องกันภัยพิบัติเพื่อให้ตระหนักถึงความพร้อม

โรงเรียนสอนให้นักเรียนรู้จักหลบภัยโดยเฉพาะแผ่นดินไหว หน่วยราชการให้เจ้าหน้าที่ของตนลองซ้อมเดินกลับบ้านจากที่ทำงาน (เผื่อไว้สำหรับวันที่เกิดภัยพิบัติและการคมนาคมหยุดเคลื่อนไหว) การรณรงค์ให้ประชาชนเตรียมถุงฉุกเฉินบรรจุอาหารพร้อมรับประทานไว้เสมอให้พออย่างน้อย 2-3 วัน

       ท้ายนี้ ขอฝากให้มองญี่ปุ่นไว้ว่า ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศนี้น่าจะเป็นทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งผ่านการบ่มเพาะ (หรือจะเรียกว่าบีบคั้นก็ได้) จากสิ่งแวดล้อมที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิต และนำจุดแข็งมาเป็นเครื่องมือสร้างชีวิตที่แม้แต่คนในโลกตะวันตกก็สงสัยว่าทำได้ยังไง

       ผมเคยบอกคนญี่ปุ่นหลายครั้งว่า “คนไทยชื่นชมสังคมญี่ปุ่นในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความมีวินัย” และถามต่อไปอีกว่า “อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นมีวินัยในแทบทุกด้านของการใช้ชีวิต”

       คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ประหลาดใจกับคำถามและอ้ำอึ้งครู่หนึ่งกว่าจะหาคำตอบได้ เพราะไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตัวเองปฏิบัติทุกเมื่อเชื่อวันจะเป็นเรื่องพิเศษในสายตาคนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความอดทนในการเข้าคิวรออย่างสงบ

ตลอดจนการทำงานอย่างละเอียดถี่ถ้วน และตรวจสอบอย่างรอบคอบเพราะเกรงว่าถ้าปล่อยผลงานไม่ดีออกไปจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นการแยกขยะตามประเภท เป็นต้น

คนญี่ปุ่นคิดว่าความมีระเบียบวินัยคือเรื่องที่ธรรมดามาก และคิดว่าใคร ๆ ก็น่าจะปฏิบัติเช่นนั้นมิใช่หรือ แต่ผมบอกว่า “เปล่า อย่างน้อยในเมืองไทยก็ไม่ใช่อย่างนั้น”

       คนไทยได้แต่ชื่นชมญี่ปุ่นมานาน แต่ยังไม่สามารถยกระดับความประพฤติต่อส่วนรวมของคนในสังคมไทยให้เนี้ยบเหมือนญี่ปุ่นได้ และถ้าให้คนต่างชาติวิเคราะห์ว่าทำไมคนญี่ปุ่นจึงมีวินัย คำตอบที่ได้ก็คงจะประมาณว่า “เพราะคนญี่ปุ่นฝึกให้มีระเบียบกันตั้งแต่เด็ก ๆ”

       ใช่...ส่วนหนึ่งก็เป็นจริงเช่นนั้น แต่คำตอบของคนญี่ปุ่นหลายคนลึกกว่านั้น

       “เพราะประเทศนี้มีภัยพิบัติมาก ถ้าอยากจะมีชีวิตรอดไปด้วยกันให้ได้ โดยไม่เกิดความวุ่นวาย ทุกคนจะต้องใส่ใจคนรอบข้าง รักษากฎระเบียบ เตรียมพร้อม เรียนรู้ ทำอะไรๆ ก็ต้องมีสติ ถามไถ่ช่วยเหลือกัน และเพื่อให้ผิดพลาดน้อยที่สุด จะต้องฝึกตัวเองให้มีวินัย”

       ผมต่อให้ว่า “หาไม่แล้ว จะตายหมู่”

 

ขอบคุณ MGR Online

ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์

จันทรวารสิริสวัสดิ์ค่ะ   




Create Date : 18 เมษายน 2559
Last Update : 18 เมษายน 2559 15:38:42 น. 0 comments
Counter : 827 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.