"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
12 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 

“พระมหามัยมุนี” พระพุทธรูปมีชีวิต มหาศรัทธาแห่งพม่า

 โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)

 
     

พระมหามัยมุนี 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่า

 

       ประเทศพม่าหรือเมียนมาร์ มี 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุด หรือ “เบญจมหาบูชาสถาน” ได้แก่
       
       1. เจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง
       2. พระธาตุอินทร์แขวน เมืองไจ่ก์โถ่
       3. เจดีย์ชเวมอดอร์ (เจดีย์มุเตา) เมืองหงสาวดี
       4. เจดีย์ชเวซิกอง เมืองพุกาม
       5. พระมหามัยมุนี เมืองมัณฑะเลย์
       
       จะเห็นได้ว่าใน 5 สิ่ง มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นพระพุทธรูปคือ “พระมหามัยมุนี” ที่หากใครไปมัณฑะเลย์แล้วไม่ได้ไปสักการบูชาท่าน ก็เหมือนว่ายังไปไม่ถึงมัณฑะเลย์

ทุกๆวันจะมีชาวพม่าเดินทางมากราบไหว้ปิดทองพระมหามัยมุนีเป็นจำนวนมาก
       “พระมหามัยมุนี” พระพุทธรูปมีชีวิต
       
       แม้ชาวพม่าส่วนใหญ่จะเชื่อว่า พระมหามัยมุนีสร้างมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่ตามประวัติและตำนานส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า พระมหามัยมุนีสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 688 โดยพระเจ้าจันทสุริยะ กษัตริย์ชาวยะไข่แห่งเมืองธรรมวดี แคว้นยะไข่
       
       พระเจ้าจันทสุริยะมีความศรัทธาในพระพุทธเจ้าอย่างมาก ใฝ่ฝันว่าอยากกราบไหว้พระพุทธองค์ จึงทำการสร้างพระพุทธรูปเพื่อตัวแทนของพระองค์ขึ้น ซึ่งในการสร้างมีตำนานปลีกย่อยการการสร้างพระพุทธรูปของบ้านเรา คือ เมื่อเททองหล่อไป 2 ครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งในครั้งที่ 3 จู่ๆก็มีบุคคลลึกลับที่เชื่อกันว่าเป็นเทวดาจำแลงมาเททองให้จนประสบความสำเร็จ เป็นพระพุทธรูปอันงดงามจนถึงปัจจุบัน

พระมหามัยมุนีปิดทองได้ทั่วองค์ ยกเว้นพระพักตร์

 

       พระมหามัยมุนีได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปมีชีวิต เพราะชาวพม่าเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้มาประทานลมหายใจอันศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในพระวรกายของพระพุทธรูปองค์นี้
       
       พระมหามัยมุนีจึงเป็นดังตัวแทนของพระพุทธองค์ที่มีชีวิตจิตใจ ใครที่มากราบไหว้บูชาจะได้รับศรัทธาอันสูงล้ำ
       
       พระเจ้าเนื้อนิ่ม มหาศรัทธาของชาวพุทธ
       
       พระมหามัยมุนี เป็นพระพุทธรูปหล่อทองสำริด ปางมารวิชัยทรงเครื่อง หน้าตักกว้าง 9 ฟุต สูง 12 ฟุต ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ “วัดมหามัยมุนี” หรือชื่อแท้ดั้งเดิมคือ วัดปยกยี(Payagyi) ที่หมายถึงวัดยะไข่ เพราะเดิมพระมหามัยมุนีประดิษฐานอยู่ที่เมืองยะไข่

ทองคำเปลวที่ถูกปิดมากมายจนได้ชื่อว่าพระเจ้าเนื้อนิ่ม

 

       ด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความวิจิตรงดงามของท่าน ทำให้เป็นที่หมายปองของกษัตริย์พม่ามาหลายยุคหลายสมัย มีความพยายามที่จะย้ายท่านจากเมืองยะไข่มาสู่เมืองหลวงของตน แต่ไม่มีผู้ใดสามารถอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ออกมาจากเมืองยะไข่ได้ จนกระทั่งในสมัย “พระเจ้าปดุง” ถึงสามารถอัญเชิญพระมหามัยมุนีข้ามแม่น้ำอิระวดีมาประทับที่มัณฑะเลย์ได้สำเร็จในปี พ.ศ. 2327
       
       ในเรื่องนี้ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์พม่า ได้วิเคาระห์ตั้งข้อสังเกตไว้ในหนังสือ “สู่ลุ่มอิระวดี”ว่า ผลจากความสำเร็จในการอัญเชิญพระมหามัยมุนี ทำให้พระเจ้าปดุงมีความฮึกเหิมเชื่อมั่นว่าพระองค์มีพลานุภาพเหนือกว่ามหาราชองค์อื่นๆในอดีต(ของพม่า) ไม่ว่าจะเป็น บุเรงนองมหาราช อโนรธามหาราช หรืออลองพญามาหราช พระเจ้าปดุงจึงยกพลกรีธาทัพยอกมาตีกรุงรัตนโกสินทร์ถึงสองครั้ง ในศึกเก้าทัพ และศึกรบพม่าที่ท่าดินแดง แต่ต้องแพ้พ่ายกลับไปทั้ง 2 ครั้ง

แม้จะปิดทองไม่ได้ เข้าใกล้ได้เพียงในขอบเขตที่กำหนด แต่ทุกๆวันจะมีผู้หญิงชาวพม่ามากราบไหว้สักการะกันเป็นจำนวนมาก

 

       กลับมาที่เรื่องของพระมหามัยมุนีกันต่อ ด้วยความศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องลือระบือไกล ทำให้แต่ละวันมีชาวพม่า ชาวพุทธชาติอื่นๆ และรวมถึงพุทธศาสนิกชนชาวไทย หลั่งไหลมาสักการบูชาท่านเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่เช้ายันเย็น มีเหล่าบุรุษมาเข้าคิวต่อแถวขึ้นไปปิดทององค์พระกันอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ชายสามารถขึ้นไปปิดทององค์พระแบบถึงตัวใกล้ชิดได้ แต่ห้ามปิดทองบริเวณพระพักตร์หรือหน้า ส่วนผู้หญิงนั้นห้าม ให้กราบไหว้บูชาที่ด้านล่าง โดยมีเขตห้ามผู้หญิงล้ำเข้าไป ส่วนใครอยากจะปิดทองก็ให้ฝากผู้ชายขึ้นไปปิดแทน เพราะศรัทธานั้นอยู่ที่ใจ

รอยทองคำเปยวพอกพูนตะปุ่มตะป่ำอันเกิดจากศรัทธาของชาวพุทธ

 

       และด้วยแรงศรัทธาจากมหาชนเดินทางมาปิดทองกันเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน มีการปิดทับซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ทองคำเปลวที่องค์พระพอกพูนมหาศาลจนพระวรกายอวบอ้วนมีตะปุ่มตะป่ำทั่วไปหมดทั้งด้านหน้าด้านหลัง จนใครหลายๆ คนเรียกขานท่านว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” หรือ “พระเจ้าเนื้อนิ่ม” ซึ่งผมได้ลองกดนิ้วลงไปในบางแห่ง ปรากฏว่านุ่มมือสมชื่อ

พระพักตร์พระมหามัยมุนีเปรียบเทียบยุคต่างๆ

 

       ส่วนพระพักตร์ที่ไม่ได้ปิดทองที่ดูเปล่งรัศมีอิ่มเอิบเปี่ยมพลังแห่งศรัทธานั้น ไกด์ชาวพม่าที่นำเที่ยวมัณฑะเลย์บอกกับผมว่าพระพักตร์หรือใบหน้าของพระมหามัยมุนีในแต่ละยุคสมัยจะดูเปลี่ยนไปตามรูปทรงของทองที่ปิดพระวรกาย โดยที่วัดมหามัยมุนีได้มีรูปภาพแสดงองค์พระมหามัยมุนีให้แต่ละยุคให้พิสูจน์ ซึ่งผมดูแล้วพบว่าพระพักตร์ของท่านใน 4 ยุคดูไม่เหมือนกันจริงๆด้วย
       
       นับเป็นความน่ามหัศจรรย์ที่หากมองในทางวิทยาศาสตร์ มุมมองของพระพักตร์ที่เปลี่ยนไปอาจเกิดจากการสะท้อนแสงเงา เกิดจากการประมวลภาพของสายตาตามพระวรกายที่เปลี่ยนไป แต่หากมองในทางศาสนาแล้ว
       
       นี่ล้วนเกิดจากมหาศรัทธาอันยิ่งใหญ่ที่ชาวพุทธมีต่อพระพุทธรูปองค์นี้

พิธีการล้างพระพักตร์อันเปี่ยมไปด้วยศรัทธา

 

       รับขวัญวันใหม่กับ“พิธีล้างพระพักตร์”
       
       ปกติเวลาผมอยู่กรุงเทพฯจะเป็นคนตื่นสาย เพราะไม่ชอบมาผจญรถติดในยามเช้า แต่ในวันนี้ที่มัณฑะเลย์ แม้จะต้องตื่นแต่มืดแต่ดึกก่อนไก่โห่ตั้งแต่ตีสามกว่าๆ ผมก็เต็มใจยินดี เพื่อที่เราจะได้ไปทัน “พิธีล้างพระพักตร์” พระมหามัยมุนี พิธีแห่งความศรัทธาที่จัดสืบต่อกันมานับพันปี
       
       ไกด์ชาวพม่าบอกกับผมว่า พิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี ปฏิบัติต่อเนื่องกันมากว่าพันปีแล้ว พิธีนี้มาจากความเชื่อนับแต่โบราณกาลของชาวพม่าที่ว่า พระมหามัยมุนีนี้ได้รับประทานลมหายใจจากพระพุทธเจ้า (ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น) จึงเป็นพระพุทธรูปที่มีชีวิตมีลมหายใจ ดังนั้นจึงต้องจัดพิธีล้างหน้า แปรงฟัน เหมือนกับคนเราให้ในทุกๆ เช้าของทุกวัน โดยไม่มีเว้นวันฝนตกหนักหรือวันหยุดพิเศษใดๆ

เช็ดพระพักตร์

 

       พิธีล้างพระพักตร์จะเริ่มขึ้นเมื่อหลวงพ่อเจ้าอาวาสถือกุญแจมาไขในเวลาประมาณ ตีสาม 45 นาที มีวงดนตรีมโหรีเล่นสดๆ ประโคมบอกให้รู้ จากนั้นเวลาประมาณตี 4 ขั้นตอนการล้างพระพักตร์จะเริ่มขึ้น มีการคลุมผ้าพระวรกายขององค์พระ ถวายอาหารผลไม้ เปลี่ยนดอกไม้เก่าออกไป นำดอกไม้ใหม่มาถวาย
       
       จากนั้นเป็นการล้างพระพักตร์ที่มีส่วนผสมของน้ำไม้จันทน์หอมและ “ทานาคา” สมุนไพรทำแป้งพม่าที่หลายคนคุ้นหูดี โดยขั้นตอนการล้างพระพักตร์จะล้างด้วยขันทอง 3 ครั้ง ขันเงิน 3 ครั้ง และขันธรรมดา 3 ครั้ง มีการแปรงพระโอษฐ์ (ริมฝีปาก) ที่เป็นดังการแปรงฟันให้ท่าน และมีการเช็ดหน้าที่มีคนนำผ้าเช็ดหน้ามาถวาย เช็ดวันหนึ่งๆไม่ต่ำกว่า 100 ผืน ซึ่งพิธีจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

แปรงพระโอษฐ์

 

       หลังการล้างพระพักตร์เสร็จพระผู้นำการล้างพระพักตร์จะนำ“รัก” มาทาองค์พระ แล้วจึงนำปิดทอง ซึ่งช่วงนี้จะมีคนมารอต่อแถวเข้าคิวยาวทั้งชาวพม่าและนักท่องเที่ยว โดยชาวพม่าเชื่อว่าการได้ปิดทองพระมหามัยมุนีในยามเช้า เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับการปฏิบัติภารกิจในวันนั้น ส่วนใครที่ได้ปิดทองเป็นคนแรกต่อจากพระผู้นำพิธี ผู้นั้นจะได้รับมงคลอย่างสูงล้ำ

ทุกๆ เช้าจะมีคนมาร่วมทำพิธีล้างพระพักตร์กันเป็นจำนวนมาก

 

       นอกจากจะมากราบไหว้ปิดทองแล้ว ผมยังเห็นหลายคนยังมานั่งสมาธิ สวดมนต์ นับประคำ ซึ่งถือเป็นเรื่องชินตาของที่นี่นับตั้งแต่เช้าไปจนค่ำมืด ส่วนผู้หญิงที่แม้จะขึ้นไปปิดทองไม่ได้ ทางวัดกันเขตไว้ ก็ดูจะไม่เป็นอุปสรรคต่อศรัทธา เพราะมีการเดินทางมากราบไหว้ นั่งสมาธิ สวดมนต์ ทำบุญ ทำทาน กันอยู่ทั่วไป


       
       

เทวรูปขอมโบราณที่เชื่อว่าเจ็บป่วยตรงไหนให้ไปลูกตรงนั้นแล้วจะดีขึ้น
    
       
       นอกจากพระมหามัยมุนีแล้ว ที่วัดมหามัยมุนี ยังมีสิ่งน่าสนใจได้แก้อาคารสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์แบบพม่า รูปเคารพ ศิลปวัตถุต่างๆ โดยที่ด้านข้างวิหารพระมาหมัยมุนีมีศาลาเก็บเทวรูปหล่อสำริดศิลปะขอมสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นรูปทวารบาล สิงห์และช้างเอราวัณ ซึ่งชาวพม่าเชื่อว่าใครที่เจ็บปวดตรงส่วนไหนของร่างกาย ให้มาลูบคลำตรงส่วนนั้นของเทวรูปก็จะทำให้อาการดีขึ้นหรือช่วยรักษาอาการได้
       
       นอกจากนี้ที่วัดมหามัยมุนียังเป็นตลาดขายของที่ระลึกที่สำคัญ มีสินค้าที่ระลึกมากมายให้เลือกซื้อส่วนใครที่ไปในตอนเช้าจะมีพระ-เณร มาบิณฑบาตเรี่ยรายบุญ มีอาหาร-ขนมพื้นบ้านมาขาย อีกทั้งยังจะได้พบกับภาพวิถีชีวิตอันน่าสนใจให้สัมผัสกัน


ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
คุณปิ่น บุตรี

สิริสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ




 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2556
0 comments
Last Update : 12 กรกฎาคม 2556 8:20:01 น.
Counter : 1999 Pageviews.


sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.