ประเดิมครั้งแรก! มทร.กรุงเทพ คว้าแชมป์ เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง
ทีมนักศึกษา มทร.กรุงเทพ คว้าแชมป์ 2 รางวัล เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง ระดับชาติ ครั้งที่ 3 ระดับอุดมศึกษา ประเภทบายศรี 3 ชั้น และ เครื่องแขวนไทยประเภทวิมาน (ดอกไม้ประดิษฐ์) รับถ้วยรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย มสด.เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โครงการ เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง ระดับชาติ ครั้งที่ 3 จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) โดยมี ศาสตราจารย์ มณีรัตน์ จันทนะผลิน อาจารย์ประจำหลักสูตรคหกรรมศาสตร์ โรงเรียนการเรือน มสด. ประธานคณะกรรมการตัดสิน พร้อมด้วยรศ.พัชรี สวนแก้ว รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มสด. ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้เยาวชน และประชาชนเห็นถึงคุณค่าของการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย เกิดการเรียนรู้ศิลปะอย่างสร้างสรรค์ และที่สำคัญยังต้องการสืบสานภูมิปัญญาในราชสำนักที่มีการนำดอกไม้ ใบไม้ในท้องถิ่นมาประดิษฐ์ประดอยได้อย่างงดงามในรูปแบบต่างๆ เช่น พวงมาลัย บายศรี พานดอกไม้ สำหรับโครงการ เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง ระดับชาติ ปีที่ผ่านมาและปีนี้ มสด.ได้รับความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องและผู้เข้าร่วมประกวดเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่านักศึกษาและประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย พร้อมทั้งร่วมกันสืบสานและถ่ายทอดไปยังคนรุ่นหลัง ซึ่งประเภทของการจัดประกวดและระดับการแข่งขันมีหลากหลาย ตนเชื่อว่างานดังกล่าวยังจะเป็นประโยชน์ต่ออาจารย์และนักศึกษาที่จะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนในวิชาศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น วิชาการจัดดอกไม้เพื่อใช้ในโอกาสพิเศษ เพื่อเป็นการโชว์ศักยภาพด้านฝีมือการประดิษฐ์ สำหรับการปประกวดโครงการเย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง ครั้ง 3 แบ่งการแข่งขันออกเป็นดังนี้ การประกวดพานเชิญขันหมาก ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น , การประกวดพานรับน้ำพระพุทธมนต์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ประกาศนียบัตรวิชาชีพ , การประกวดบายศรี 3 ชั้น ระดับอุดมศึกษา/ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง การประกวดเครื่องขันหมาก ระดับอุดมศึกษา / ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงและประชาชนทั่วไป และการประกวดเครื่องแขวนไทย ประเภทวิมาน (ดอกไม้ประดิษฐ์) โดยมีกฎเกณฑ์การตัดสินจาก ความพร้อม รูปร่าง รูปทรง ขนาด สัดส่วน สีสัน ความประณีต ความกลมกลืน และความคิดสร้างสรรค์ ผลปรากฏว่า รางวัลชนะเลิศการประกวดบายศรี 3 ชั้น ระดับอุดมศึกษา/ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ตกเป็นของทีมนักศึกษา มทร.กรุงเทพ) รับทุนการศึกษา 10,000 บาทพร้อมถ้วยรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ มทร.ธัญบุรี รับทุนการศึกษา 8,000 บาทพร้อมถ้วยรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต รับทุนการศึกษา 6,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล รางวัลชมเชย 3 รางวัล รับทุนการศึกษา 4,000 บาท ได้แก่ มทร.กรุงเทพ , มทร.ล้านนา ตาก และมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลย์สงคราม รางวัลส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม 2 รางวัล รับทุนการศึกษา 3,000 บาท ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ และ วิทยาลัยอาชีวะขอนแก่น "นิว" ชญานิษฐ์ คันธวัลย์ นักศึกษาชั้นปี 2 สาขาคหกรรมศาสตร์ศึกษา คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.กรุงเทพ ตัวแทนทีมชนะเลิศการประกวดบายศรี 3 ชั้น เปิดเผยว่า การแข่งขันครั้งนี้จุดที่ถือว่ายากที่สุด คงเป็นเรื่องเวลา เพราะมีเวลาในการทำบายศรีเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้นหลังจากที่คณะกรรมการเปิดการแข่งขัน ถือว่ากดดันพอสมควร และรู้สึกภูมิใจที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองได้สำเร็จ สิ่งที่คณะกรรมการอนุญาตให้เตรียมอุปกรณ์มาได้มีแค่ฉีกใบตอง การทำโครง จากนั้นเมื่อเริ่มการแข่งขันเราต้องใช้เวลาภายใน 4 ชั่วโมง ประกอบทุกอย่างให้เป็นบายศรีในแบบที่เราเตรียมไว้ ซึ่บายศรีทั่วไปจะมี 3 ชั้น 5 ชั้น 7 ชั้น เราเลือกทำ 3 ชั้นเท่านั้น เพราะเราตั้งใจแยกย่อยรายละเอียดในแต่ละชั้นให้ดูโดด และที่สำคัญจุดเด่นของเราอยู่ที่การไล่สี เราจะไล่สีเขียวของใบตองด้วยสีเขียวอ่อน ใช้สีของใบตองเป็นหลัก ใช้กลีบกุหลาบ สีแดง เลือดหมู จะตัดสีเขียวของใบตอง ประยุกต์ผสมผสานความเป็นไทยสมัยก่อนและปัจจุบัน ด้วยการใช้ดอกไม้ ใบไม้ จัดแต่งรูปทรง และสีสันให้เหมาะสม ถัดมาที่ รางวัลชนะเลิศการประกวดเครื่องขันหมาก ระดับอุดมศึกษา / ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงและประชาชนทั่วไป ตกเป็นของ มทร.พระนคร รับทุนการศึกษา 20,000 บาทพร้อมถ้วยรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ มทร.ธัญบุรี รับทุนการศึกษา 15,000 บาทพร้อมถ้วยรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ มทร.พระนคร รับทุนการศึกษา 10,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล รางวัลชมเชย 3 รางวัล รับทุนการศึกษา 5,000 บาท ได้แก่ มทร.ล้านนา พิษณุโลก ,วิทยาลัยอาชีวธนบุรี และวิทยาลัยอาชีวนครราชสีมา รางวัลส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม 2 รางวัล รับทุนการศึกษา 3,000 บาท ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวเชียงราย และวิทยาลัยอาชีวเชียงใหม่ "อัครพล ใวเชียงค้า" นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาการบริหารธุรกิจคหกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร แชมป์ประกวดเครื่องขันหมาก เผยว่า เสน่ห์ของเครื่องขันหมากตามแบบฉบับโบราณจะใช้ดอกไม้มงคล 5 ชนิดได้แก่ ดอกบานไม่รู้โรย ดอกดาวเรือง ดอกเฟื่องฟ้า ดอกขจร ดอกรัก สำหรับเครื่องขันหมากของมทร.พระนคร ได้เพิ่มดอกไม้มงคลอีก 3 ชนิด นั่นคืก มะลิ ดอกพุท กุหลาบ ซึ่งได้อ้างอิงจากตำราของอาจารย์มณีรัตน์ และงานวิจัยที่ตนได้ทำไว้ ปกติพานขันหมากจะจัดรวมๆ กัน แต่ของเราแยกจุดเด่นเครื่องขันหมาก แยกตามความสำคัญของดอกไม้แต่ละชนิด เน้นสีสัน ขาวเขียว ไล่สีสันของสีเขียวเป็นหลัก สอดคล้องกับชื่อการประกวด เย็บร้อย ค่อยจีบ ประดิษฐ์ใบตอง เคล็ดลับที่ทำให้ใบตองเขียวชะอุ่มนั้นก็คือ นำมาเช็ดขัด และฉีดน้ำไปเรื่อยๆ อย่าให้มันแห้งคามือเรา เอาผ้าขาวบางห่อ ใส่กล่องเข้าตู้เย็น" อัครพล บอกอีกว่า ทุกครั้งที่ทำการประดิษฐ์ดอกไม้ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นงานอะไรก็แล้วแต่ จำต้องศึกษารายละเอียด ความหมายของดอกไม้แต่ละชนิดที่นำมาใช้ โดยเฉพาะศึกษาตำราฉบับโบราณที่หาได้ยาก หากเรานำกลับมาใช้ประโยชน์ จะทำให้ผลงานของเรามีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อรุ่นน้องต่อไป ปิดท้ายด้วย รางวัลชนะเลิศการประกวดเครื่องแขวนไทย ประเภทวิมาน (ดอกไม้ประดิษฐ์) ตกเป็นของ มทร.กรุงเทพ รับทุนการศึกษา 15,000 บาทพร้อมถ้วยรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต รับทุนการศึกษา 10,000 บาทพร้อมถ้วยรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ มทร.พระนคร รับทุนการศึกษา 8,000 บาทพร้อมถ้วยรางวัล และรางวัลชมเชย 3 รางวัล รับทุนการศึกษา 5,000 บาท ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวอุดรธานี วิทยาลัยอาชีวธนบุรี และวิทยาลัยอาชีวนครศรีธรรมราช รางวัลส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม รับทุนการศึกษา 3,000 บาท ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวร้อยเอ็ด และมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ฟิล์ม นายวิทวิส ปงใฝ่ นักศึกษาชั้นปี 3 คณะคหกรรมศาสตร์ศึกษา มทร.กรุงเทพ หัวหน้าทีมแชมป์การประกวดเครื่องแขวนไทย เอ่ยว่า การประกวดเครื่องแขวน มีกฏกติกาที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นขนาดของเครื่องแขวน ความยาว ความกว้าง โชคดีที่ได้คำปรึกษาจากคณาจารย์และตำราของอาจารย์มณีรัตน์ เราศึกษาจากภาพวาด จากนั้นทำการออกแบบ ให้เหมือนจริงที่สุด เป็นครั้งแรกของทีม พวกเราเลือกทำเครื่องแขวนไทยประเภทวิมานฉีมพลี จะมีเอกลักษณ์มากกว่า เครื่องแขวนวิมานทั่วไป ในเรื่องของการออกแบบวิจิตรสวยงาม และมีพญาครุฑประดับอยู่บนยอดด้านบนเครื่องแขวนผลงานชินนี้ช่วยกันทำกับเพื่อนทั้งห้อง 29 ห้อง แต่มีเพื่อนลงแข่งขันเพียง 5 คน พวกเราแต่ละคนจะมีความถนัดที่แตกต่างกันไป ทั้งปั้นแป้ง ปั้นดอกจำปีให้เหมือนจริงทั้งสี และขนาดจริง มีการไล่สี ขนาดเท่ากับของจริง การย้อมผ้า นอกจากนี้เราให้ความสำคัญในการไล่สีเครื่องแขวน โดยใช้สีเหลืองกับสีเขียว สีเหลืองมีความโดดเด่น ตัดกับโทนสีแดงของพญาครุฑ ด้าน ผศ.สันธนีย์ นิยาโส หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์และการออกแบบงานประดิษฐ์ อาจารย์ที่ปรึกษา ทีม มทร.กรุงเทพ กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้วพานักศึกษามาดูงาน มาชมผลงานทีมชนะเลิศ ปีนี้นักศึกษาตัดสินใจอยากเข้าร่วมประกวดจึงสนับสนุนเต็มที่ เพราะถือเป็นเวทีที่ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยให้อยู่คู่กับเด็กรุ่นหลังได้ หลังจากที่นักศึกษาตัดสินใจเข้าประกวด อาจารย์พยายามให้พวกเด็กฝึกซ้อม โดยมีรุ่นพี่ปี 4มาช่วยติว ฝึกซ้อม นักศึกษากลุ่มนี้เรียนคหกรรมศาสตร์ศึกษาที่เน้นเรียนแล้วจบไปเป็นครู มีทักษะทางด้านนี้อยู่แล้ว เน้นทฤษฏีและปฏิบัติไปพร้อมๆ กัน มีรุ่นพี่เป็นต้นแบบของรุ่นน้อง เพราะจริงๆ แรงครูมีน้อย ส่วนใหญ่จะมี่รุ่นพี่ ครูสอนได้แค่ในชั่วโมง แต่รุ่นพี่จะทุ่มเทให้กับรุ่นน้องได้ ฝีมือเด็กสมัยใหม่ดีขึ้น ต้องรักในงาน นุ่มนวล รักความเป็นไทย ปิดท้ายด้วย"แพน" ธเนศ เรืองเดช นักศึกษาหลักสูตรคหกรรมศาสตร์ โรงเรียนการเรือน มสด.ฐานะเจ้าภาพ ที่ไม่น้อยหน้าคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทเครื่องแขวนไทย เอ่ยทิ้งท้ายว่า ทุกทีมที่เข้าร่วมประกวดต่างเตรียมความพร้อมมาอย่างดี ในฐานะของเจ้าภาพจัดการแข่งขันได้เตรียมความพร้อมการแข่งขันนี้เช่นกัน แม้ว่าครั้งนี้จะได้รางวัลชนะเลิศก็ตาม แต่ก็ภูมิใจที่สถาบันให้ความสำคัญทางด้านศิลปวัฒนธรรมไทย รู้สึกภูมิใจในสถาบันตนเอง ที่จัดโครงการที่ยิ่งใหญ่ถือเป็นมหกรรมงานโชว์ผลงานด้านงานฝีมือของแต่ละสถาบันที่มีหลากหลายรูปแบบ เป็นผลงานที่หาดูในได้ยากในปัจจุบัน และถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนทีมอื่นๆ คุ้มค่ามากที่สุด
ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์ สิริสวัสดิ์ภุมวารค่ะ
Create Date : 17 กรกฎาคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2555 15:18:00 น. |
Counter : 4775 Pageviews. |
|
|
|